ตอนที่แล้วตอนที่ 26 เกล็ดสีแดงโลหิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 28 มังกรวิญญาณโลหิตบรรพกาล

ตอนที่ 27 ปราณโลหิต


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

ในห้วงจิตของหลงเฉิน ลวดลายมังกรแปลกประหลาดบนหยกมังกรลึกลับนั้นเปล่งแสงจาง ๆ ออกมาอีกครั้ง รัศมีแสงสีดำนั้นกำลังห่อหุ้มแก่นโลหิตสืบทอดที่อยู่เบื้องล่าง

 

แก่นโลหิตสืบทอดที่ถูกพันธนาการไว้โดยหยกมังกรส่งเสียงคำรามกึกก้องอย่างมิยอมจำนน ทำให้ห้วงจิตของหลงเฉินสั่นไหว  แต่มิอาจหลบหนีออกจากการควบคุมของหยกมังกร

 

แก่นโลหิตสืบทอดค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้หยกมังกร  และในครู่ต่อมาพวกมันก็ผสานรวมกัน ทำให้หยกมังกรแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงดุจเลือดอย่างสมบูรณ์

 

ในตอนนี้  หลงเฉินมองเห็นลวดลายมังกรสีดำที่เคยอยู่บนหยกมังกรกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง   ภายในตัวมังกรปรากฏเส้นชีพจรขึ้นมา เส้นชีพจรที่ปรากฏขึ้นเหล่านั้นช่างเหมือนกับชีพจรมังกรจริง ๆ อย่างน่าเหลือเชื่อ!

 

ไม่มีแม้แต่เวลาให้หลงเฉินรู้สึกตกใจ เพราะเมื่อเขาพบว่ามีพลังงานสีเลือดหลั่งไหลอยู่ในเส้นชีพจรบนลวดลายมังกรจริง ๆ  หลงเฉินจดจำวิถีแห่งพลังนั้นได้ และรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งในหัวใจของเขา

 

‘วิถีของการไหลเวียนนี้ เป็นวิถีหนึ่งของการโคจรปราณแท้จริง  คล้ายคลึงกับทักษะยุทธ์ไม่มีผิด!’

 

ไม่ว่าจะเป็นหยกมังกรหรือแก่นโลหิตสืบทอด  พวกมันทั้งคู่ต่างเป็นสิ่งลี้ลับที่ทรงพลังอย่างมาก  วิถีการไหลเวียนของปราณแสดงให้เห็นว่าหยกชิ้นนี้ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งของธรรมดาอย่างแน่นอน

 

หลงเฉินรีบจดจำทุกสิ่งที่เกิดขึ้น  และในตอนนี้ หยกมังกรสีเลือดค่อย ๆ เลือนราง ในขณะที่แก่นโลหิตสืบทอดแยกตัวออกมาอีกครั้งหนึ่ง  มันถูกหยกมังกรสกัดไว้และมิอาจเคลื่อนไหวได้

 

หลงเฉินไม่เสียเวลาคาดเดาว่าหยกมังกรคืออะไร  หากแต่ใช้วิถีที่หยกมังกรแสดงให้เห็นในการโคจรเลือดและปราณของตนเอง  ทันใดนั้น หลงเฉินรู้สึกตัวสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เพราะจู่ ๆ ก็ล่วงรู้ถึงชื่อและผลที่ได้รับจากวิถีนั้น

 

“การสกัดโลหิตและสลายปราณ...  สามารถสกัดแก่นโลหิตและแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นปราณได้  ผลของมันรุนแรงยิ่งกว่าผลของการดูดกลืนหยกวิญญาณโดยตรงหลายเท่า  และยังสกัดผลึกอสูรได้เช่นเดียวกับนักรบอสูรอีกด้วย!”

 

“แม้ว่าทักษะนี้จะไม่มีระดับขั้น  แต่ถือว่าเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่มหัศจรรย์เหลือเกิน!”

 

หลงเฉินบีบหัวใจของกิ้งก่าโลหิตใต้ดินในมือ และใช้ทักษะการสกัดโลหิตสลายปราณ  ทันใดนั้นเอง พลังประหลาดบางอย่างก็ส่งผลต่อร่างของกิ้งก่าโลหิตใต้ดิน

 

หลงเฉินสัมผัสได้ว่ากิ้งก่ากำลังเจ็บปวดอย่างมาก เขาจึงขยี้หัวใจของมันเพื่อให้ตายในทันที  แทนที่จะปล่อยให้มันต้องตายเพราะความเจ็บปวด

 

หลังจากที่กิ้งก่าโลหิตใต้ดินตายลงแล้ว  ภายใต้การใช้ทักษะการสกัดโลหิตสลายปราณ เลือดที่อยู่ในตัวของมันก็หลั่งไหลมาที่หลงเฉินอย่างบ้าคลั่งโดยไม่หลงเหลือไว้แม้แต่หยดเดียว

 

ในตอนนี้ เกล็ดทุกชิ้นบนร่างกายของเขาราวกับกลายสภาพเป็นปากขนาดใหญ่ที่สูบกลืนเลือดทั้งหมดเข้าไป

 

ด้วยผลอันทรงพลังของการสกัดโลหิตและสลายปราณ  ทำให้เกิดเสียงระเบิดลั่นดังขึ้น หยดเลือดระเบิดตัวตาม ๆ กัน  จากนั้น สิ่งมัวหมองจำนวนมากก็ถูกขับออกมาจากร่างกายของหลงเฉิน  เลือดที่ยังคงอยู่เปลี่ยนสภาพเป็นปราณสีแดงดุจเลือด และหลอมรวมเข้ากับปราณแท้จริงในตันเถียนของหลงเฉิน!

 

พลังที่แฝงอยู่ในเลือดของกิ้งก่าโลหิตใต้ดินสามารถเทียบได้กับพลังของหยกวิญญาณหนึ่งร้อยชิ้น  หลังจากที่ได้ของดีมาแล้ว หลงเฉินยังรู้สึกหิวกระหายอยู่ ทันใดนั้น เขาก็เหลือบไปมองกิ้งก่าโลหิตใต้ดินตัวอื่น ๆ!

 

ด้วยการส่งเสริมของทักษะสกัดโลหิตสลายปราณอันทรงพลัง  หลงเฉินก็เริ่มฆ่าล้างบางกิ้งก่าโลหิตใต้ดิน แม้หลงเฉินจะบรรลุเพียงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นห้า แต่เขาก็แข็งแกร่งกว่ากิ้งก่าเหล่านี้มาก ด้วยเดือยกระดูกของเขา การแทงกิ้งก่าโลหิตพวกนี้จึงง่ายดายราวกับแทงลงไปบนเต้าหู้อันอ่อนนุ่ม

 

ด้วยปราณโลหิตของกิ้งก่าโลหิตใต้ดิน  ความหิวโหยของหลงเฉินจึงค่อย ๆ บรรเทาลง  ปริมาณปราณของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเท่ากับปริมาณที่เขามีก่อนหน้าที่จะสัมผัสกับผนึกมังกร  แต่คุณภาพของมันเพิ่มมากขึ้นนับสิบเท่า!

 

เมื่อเห็นท่าทางที่โหดเหี้ยมของหลงเฉิน  หลิงซีก็รู้สึกรับไม่ได้อย่างบอกไม่ถูก อย่างไรก็ตาม สัตว์อสูรและมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  โดยปกติแล้ว เผ่าพันธุ์มนุษย์มักจะฆ่าสัตว์อสูร และสัตว์อสูรบางตัวที่แข็งแกร่งก็สามารถฆ่ามนุษย์ได้เช่นกัน และกลายเป็นกฎของวัฏจักร

 

และในเมื่อสัตว์อสูรนั้นมีสติปัญญาต่ำ นางจึงพูดอะไรไม่ได้มากนัก  หลงเฉินมักจะฆ่ากิ้งก่าก่อนที่เขาจะใช้ทักษะการสกัดโลหิตสลายปราณ เพื่อที่หัวใจของเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นพลังสังหารจากแก่นโลหิตสืบทอดอันบ้าคลั่ง

 

ขณะที่หลงเฉินกำลังจะหยุด  เสียงของหลิงซีกลับดังขึ้นด้วยความกระวนกระวาย

 

“หลงเฉิน  มีสัตว์อสูรขนาดยักษ์อยู่ใต้ดินนี่! ความแข็งแกร่งของมันอยู่ในระดับอำพันขั้นเจ็ด พวกเรารีบหนีกันดีกว่าไหม?”

 

เพราะสัตว์อสูรระดับอำพันขั้นเจ็ดนั้นสามารถเอาชีวิตหลงเฉินในอดีตได้อย่างง่ายดาย

 

แต่นางยังไม่รู้ว่าหลงเฉินแข็งแกร่งขึ้นเพียงใดหลังจากการแปรสภาพ  ดังนั้น นางจึงพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิง ทำให้หลงเฉินผงะไปทันที

 

“ระดับอำพันขั้นเจ็ดรึ? ให้ข้าได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของร่างกายนี้หน่อยเถอะ...”

 

สัตว์อสูรที่มีความแข็งแกร่งในระดับอำพันขั้นเจ็ด นับได้ว่าแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นเจ็ดเล็กน้อย

 

ขณะที่ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของหลงเฉิน  ลึกลงไปใต้ดินก็พลันสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง  ตามมาด้วยเสียงคำรามเกรี้ยวกราดที่คล้ายคลึงกับเสียงมังกร ก่อนที่ผืนธรณีจะพลันระเบิดขึ้นเมื่อสัตว์ประหลาดสีแดงขนาดใหญ่ปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาหลงเฉิน!

 

มันคือกิ้งก่าโลหิตใต้ดินอีกรูปแบบหนึ่งที่มีขนาดตัวใหญ่โตมหึมากว่ามาก  ขนาดลำตัวของมันยาวกว่าหกสิบเชียะ และทั่วทั้งตัวปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเลือด  ดวงตาสีแดงเข้มของมันใหญ่โตดูน่าพรั่นพรึงอย่างที่สุด!

 

“มันคือราชากิ้งก่าโลหิตใต้ดิน!  ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดบริเวณนี้ถึงมีกิ้งก่าโลหิตจำนวนมาก เพราะเป็นถิ่นของราชากิ้งก่านั่นเอง!”

 

แม้ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลจากราชากิ้งก่าโลหิต  หลงเฉินก็ไม่ถอยหนีแม้เพียงครึ่งก้าว

 

หลงเฉินฆ่ากิ้งก่าโลหิตไปเป็นจำนวนมาก  เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ราชากิ้งก่าโลหิตจึงเดือดดาลถึงขีดสุด แม้ว่ามันจะสัมผัสได้ราง ๆ ว่าหลงเฉินนั้นมีความลึกลับและแปลกประหลาดแฝงเร้นอยู่ แต่มันก็มิอาจปล่อยวางความโกรธแค้นภายในหัวใจของมันไปได้!

 

“ดูท่าเจ้าสัตว์อัปลักษณ์ตัวนี้อยากจะฆ่าข้าสินะ  แต่สำหรับข้า เจ้าก็เป็นเพียงอาหารเท่านั้นล่ะ!”

 

บังเกิดแสงวาบขึ้นในดวงตาของหลงเฉิน  ความเร็วของเขาในตอนนี้เพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนนับสิบเท่า และเมื่อเขาเคลื่อนไหว  ราวกับเขากลายเป็นเงาสีแดงที่ปรากฏขึ้นในถ้ำ อย่างไรก็ตาม หลงเฉินก็เห็นว่าการเคลื่อนไหวของลิ้นกิ้งก่าโลหิตนั้นรวดเร็วอย่างมากเช่นกัน

 

ขณะที่หลงเฉินเคลื่อนไหว ลิ้นสีเลือดขนาดมหึมาที่เปี่ยมด้วยพลังอันร้ายกาจก็ตวัดมาบนศีรษะ  เขาร้องคำรามและเหวี่ยงหมัดออกไป แต่เมื่อมันปะทะเข้ากับลิ้นของราชากิ้งก่า เขาก็พบว่าพละกำลังของลิ้นนั้นสามารถเทียบได้กับกำลังของเขา   การปะทะครั้งนี้ส่งผลให้ขาทั้ง 2 ข้างของหลงเฉินจมลงในพื้นดินทันที!

 

“จะอย่างไรก็เถอะ  วันนี้ข้ากินอิ่มแปล้แล้ว เพราะฉะนั้นข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าหรอก!  แต่จนกระทั่งตอนนี้ ข้ายังไม่เคยลองใช้ผนึกมังกรเลยสักครั้ง วันนี้ขอลองกับเจ้าหน่อยก็แล้วกัน!”

 

หลงเฉินก้มหัวลง และในตอนนี้ ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและปล่อยแสงเย็นเยียบออกมา  แม้ว่าฝ่ามือของเขาจะกลายเป็นกรงเล็บ แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกับผนึกแต่อย่างใด พลังสีแดงดุจเลือดเริ่มหมุนวนอยู่ในฝ่ามือของเขาด้วยความเร็ว  แรงกดดันมหาศาลพุ่งเข้าหาราชากิ้งก่า ในขณะที่ผนึกมังกรก่อร่างขึ้นอย่างรวดเร็วในฝ่ามือของหลงเฉิน!

 

“ผนึกมังกร!”

 

เมื่อปราณสีเลือดแปรเปลี่ยนเป็นมังกรสีเลือดตัวเล็ก ๆ ซึ่งขดตัวอยู่รอบฝ่ามือของหลงเฉิน  ราชากิ้งก่าก็สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามถึงชีวิต มันถอยหนีไปอย่างรีบเร่ง

 

ทว่าในเวลานี้  ถ้ำที่มืดสนิทพลันเจิดจ้าไปด้วยแสงสีแดงดุจเลือด  เงาของมังกรศักดิ์สิทธิ์สีเลือดวาบปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าใส่บริเวณหัวของราชากิ้งก่าโลหิต ตอนนั้นเอง เกิดเสียงคำรามต่ำของมังกรดังขึ้น แล้วสมองของราชากิ้งก่าโลหิตก็ระเบิดออก ก่อนจะตายสนิทในทันที!

 

สัตว์อสูรระดับอำพันขั้นเจ็ด ได้ตายลงแล้ว!

 

นี่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่หลงเฉินเคยสังหารมา  เขาคิดว่าต่อให้เป็นไป๋ซื่อจี ก็ไม่มีทางที่เขาจะเอาชนะราชากิ้งก่าโลหิตตัวนี้ได้

 

หลังจากที่กำจัดราชากิ้งก่าโลหิตแล้ว  หลงเฉินก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดอันรุนแรง  ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยมันไปเฉย ๆ เขากระโดดขึ้นไปบนหลังของราชากิ้งก่าโลหิต และใช้ทักษะสกัดโลหิตสลายปราณในทันที  ทำให้เลือดปริมาณมากหลั่งไหลออกมาจากร่างของราชากิ้งก่าโลหิต

 

แม้จะมีเลือดปริมาณมหาศาล แต่หลงเฉินก็ใช้ทักษะการสกัดจนสามารถสกัดเอาของเสียที่อยู่ในเลือดออกได้ถึงเก้าในสิบส่วน  จากนั้น เขาก็แปรเปลี่ยนเลือดที่ยังเหลืออยู่ให้กลายเป็นปราณโลหิต และหลอมรวมเข้ากับตันเถียนของตนเอง

 

เลือดของสัตว์อสูรระดับอำพันขั้นเจ็ดนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว  หลงเฉินสัมผัสได้ว่าปราณของเขาเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งมาถึงจุดที่สำคัญยิ่ง

 

ก่อนหน้านี้ เขาไม่สามารถทนกับความหิวกระหายได้  แต่ในตอนนี้ เมื่อมีปราณปริมาณมากอยู่ในร่าง ในที่สุดก็ถึงเวลาที่หลงเฉินจะบรรลุสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหก!

 

เขานั่งขัดสมาธิบนร่างของราชากิ้งก่าโลหิต  ครู่ต่อมา ปราณทั้งหมดก็แปรเปลี่ยนเป็นมังกรโลหิตตัวยาว  มันคำรามกึกก้องขณะพุ่งตัวไปยังเส้นชีพจรมังกรเส้นที่หก

 

สิ่งที่ทำให้หลงเฉินตกใจมากที่สุด คือมังกรโลหิตตัวนี้ดูราวกับมีสติปัญญาของตัวเอง  มันทั้งดุร้ายและกระหายเลือด เส้นชีพจรมังกรที่เคยตันกลับอ่อนแออย่างที่สุดเมื่อเผชิญหน้ากับมังกรโลหิต เพราะปราณของหลงเฉินเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุดของขอบเขตชีพจรมังกรขั้นห้าแล้ว  ทำให้ง่ายมากที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดไปยังขั้นที่หก

 

ด้วยเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เส้นชีพจรมังกรเส้นที่หกก็เชื่อมเข้าด้วยกันด้วยเสียงอันดัง  และพลังวิญญาณฟ้าดินปริมาณมากก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหลงเฉิน ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ได้บรรลุถึงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกอย่างสมบูรณ์

 

ก่อนการแข่งขันล่าสัตว์อสูรจะเริ่มขึ้น  ในที่สุดเขาก็สามารถบรรลุถึงขั้นหกจนได้ เมื่อสัมผัสถึงพลังอันแข็งแกร่งภายในร่างกาย  เขาก็ยิ้มออกมาในทันที

 

ด้วยความวุ่นวายปั่นป่วนที่เกิดขึ้น  หลงเฉินจึงไม่กล้าอยู่ที่นั่นอีกต่อไป  เขาออกมาจากถ้ำใต้ดินและมุ่งหน้าไปยังถ้ำของตนเอง  แต่สิ่งที่ทำให้เขาเศร้า คือไม่รู้ว่าจะจัดการรูปลักษณ์ของตัวเขาเองในตอนนี้ได้อย่างไร

 

ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้  ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกคันแปลก ๆ เกล็ดและเดือยกระดูกบนร่างค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ  และผสานกลับเข้าไปในหลังของเขาเอง จนในที่สุด เขาก็กลับมามีรูปลักษณ์ปกติดังเดิม

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขากำจัดรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปได้  เขาก็สัมผัสถึงแก่นโลหิตสืบทอดที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งร่าง มันกำลังค่อย ๆ ถอนพลังกลับมา และท้ายที่สุด ก็หลอมรวมเป็นจุดเล็ก ๆ สีแดงอยู่ตรงหว่างคิ้ว

 

ปราณโลหิตที่เคยเพิ่มปริมาณขึ้นนับสิบเท่าก็ค่อย ๆ จางหายไปเช่นกัน  แต่ถึงกระนั้น ปราณที่เหลืออยู่ก็ยังคงมีร่องรอยของสีแดงดุจเลือด และคุณภาพของมันก็มากขึ้นกว่าปราณทั่วไปถึง สี่เท่า!

 

ความแข็งแกร่งที่หลงเฉินแสดงออกมาเมื่อเขาเปลี่ยนร่างนั้นค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ

 

อย่างไรก็ตาม ตัวเขาในตอนนี้ เมื่อเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ที่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกทั่วไปก็นับว่าเขาแข็งแกร่งกว่ามาก  ผนวกกับวิชาผนึกมังกรที่เขาฝึกฝน หลงเฉินจึงเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถต่อสู้กับไป๋ซื่อจีที่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นเจ็ดได้อย่างแน่นอน!

 

การจางหายไปของรูปร่างแปลกประหลาดก่อนหน้านี้ทำให้หลงเฉินรู้สึกเสียดายเล็กน้อย  เพราะเวลาที่เขาอยู่ในสภาพนั้นคือช่วงเวลาที่เขาแข็งแกร่งที่สุด อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนด้วยรูปลักษณ์เช่นนั้นได้  เขาจึงไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย

 

‘สงสัยจริงว่าข้าจะสามารถกลายร่างเป็นแบบนั้นได้อีกหรือไม่ หยกมังกรชิ้นนี้ช่างลึกลับเหลือเกิน  แต่ข้าว่าน่าจะพอเป็นไปได้อยู่นะ’

 

แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลายร่าง  ความแข็งแกร่งของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเข้าร่วมการแข่งขันล่าสัตว์อสูรได้แล้ว

 

หลังจากที่หลงเฉินคืนร่างเดิม  ทุกอย่างก็กลับคืนเป็นปกติ มีเพียงหลิงซีที่ถามเขาอย่างอดรนทนไม่ไหว

 

“หลงเฉิน  แก่นโลหิตสืบทอดของเจ้ามาจากมังกรประเภทไหนน่ะ?”

*******************************

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด