ตอนที่แล้วตอนที่ 21 นิ่งราวกับพระพุทธรูป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 23 กลายเป็นแม่เลี้ยง

ตอนที่ 22 ฉันยังไม่หิวตอนนี้หรอก


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

กู้เฉิงเซียวยื่นหน้าเข้าไปใกล้หลินเฉี่ยน ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมก่อนเขาจะเตือนเธอเบาๆอีกครั้ง  “ฉันให้โอกาสเธอครั้งสุดท้าย”

 

น้ำเสียงของเขาทำให้หลินเฉี่ยนรู้สึกขนหัวลุกอย่างห้ามไม่ได้ สาวน้อยสำนึกในทันทีว่าสิ่งเดียวที่จะช่วยให้เธอรอดไปได้ในตอนนี้ก็คงมีแต่การบอกความจริงออกไปเท่านั้น “เรื่องมันยาว สรุปง่ายๆก็คือ ฉันเตะวางยางจนขาหัก ซึ่งเหตุผลก็คือมันกับพรรคพวกน่ารังเกียจของมันรุมเล่นงานฉันก่อน แน่นอนว่าฉันก็ต้องตอบโต้อยู่แล้ว แต่สุดท้ายฉันก็พลาดท่าถูกเล่นงานจนหมดสติแล้วก็มีสภาพอย่างที่เห็นนี่แหละ...”

 

หลินเฉี่ยนปรับจังหวะการหายใจและการพูดของตัวเองอีกครั้งหลังจบการพรั่งพรูเรื่องราวย่อๆ ออกมาให้เขาฟังด้วยความเร็วสูงสุด “เข้าใจที่ฉันพูดไหม?”

 

กู้เฉิงเซียวรู้เรื่องนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว เขาเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของความขัดแย้งกันของเด็กวัยรุ่นในมหาลัย แต่เขาเพียงแค่อยากจะให้หลินเฉี่ยนเข้าใจว่าเรื่องที่ตัวเองทำมันงี่เง่ามากแค่ไหน

 

คนร่างสูงจ้องมองคนบนเตียงอย่างเย็นชา แววตาคมกริบดูเย็นยะเยือกไม่ต่างจากน้ำแข็งขั้วโลก ซึ่งมันก็ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าอุณหภูมิโดยรอบลดลงไปหลายสิบองศา รู้ตัวอีกทีหลินเฉี่ยนก็นอนคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่มไปแล้ว เธอดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมตัวจนมิดอย่างไม่รู้ตัว แม้แต่ตาก็ยังไม่โผล่ออกมาให้เห็น

 

คนบางคนมีออร่าที่น่าเกรงขามเป็นของตัวเอง หลินเฉี่ยนไม่ได้กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่คิดจะรุมทำร้ายเธอ ต่อหน้าคนพวกนั้นนับสิบเธอไม่มีความอ่อนแอแสดงออกมาให้เห็นเลยสักนิด แต่กับกู้เฉิงเซียวแล้วแม้แต่สบตาเธอยังไม่กล้าเลย เธอยอมรับกับตัวเองตรงๆแล้วว่ากลัวเขา

 

กลัวว่าเขาจะโหดร้ายกับเธอ กลัวว่าเขาจะโกรธเธอ กลัวว่าเขาจะทำร้ายร่างกาย

 

แต่สิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดคือ ‘กลัวว่าเธอจะทำให้เขาผิดหวัง’

 

“เป็นอะไร? กล้ามีเรื่องต่อยตีกับอันธพาลเยอะแยะแต่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับฉันงั้นเหรอ?” กู้เฉิงเซียวดึงผ้าห่มที่คลุมร่างบางลง เผยให้เห็นใบหน้าเล็กๆของคนขี้กลัว

 

หลินเฉี่ยนตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา “คงงั้นแหละ...”

 

“หลังจากนี้ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นให้มาหาฉันก่อน นี่โชคดีนะที่มีคนโทรไปแจ้งตำรวจ ไม่งั้นมันไม่ได้จบแบบนี้แน่ เธอคิดว่าตัวเองเจ๋งมากจนถึงขั้นที่จะสู้กับกลุ่มคนพวกนั้นได้รึไง?” คนตัวโตดุด้วยเสียงเข้มชวนหวาดหวั่นแต่ทุกคำที่เขาพูดเต็มไปด้วยความหนักแน่นและจริงจัง

 

“อืม..” เธอตอบกลับไปเบาๆอีกครั้ง แม้ว่าเสียงจะแผ่วเบา แต่ความดื้อดึงในน้ำเสียงนั้นกลับชัดเจนจนสังเกตได้

 

กู้เฉิงเซียวถอนหายใจออกมาอย่างเหลืออด “เธอนี่ไม่หลาบจำเลยนะ สมควรโดนจริงๆ!”

 

“ฉันก็ต้องดูสถานการณ์ก่อนสิ ถ้าเห็นท่าว่าจะสู้ไม่ได้ฉันก็ต้องหนีอยู่แล้ว ใครจะยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้เขาตื้บเจ็บฟรีๆ แต่รอบนี้ฉันประเมินสถานการณ์แล้ว ไอ้พวกบ้านั่นมันก็แค่กุ๊ยธรรมดาๆ ยังไงซะฉันก็ชนะหมูๆอยู่แล้ว”

 

“......ยังจะเถียงอีก!”

 

“ก็แค่มีเรื่องตีกันเฉยๆ ของพวกนี้ธรรมดามาก สังเวียนแบบนี้ฉันผ่านมาเป็นร้อยรอบจนชินกับมันมานานแล้ว”

 

กู้เฉิงเซียวลุกพรวดขึ้นทันที เขาจ้องมองหลินเฉียนด้วยสายตาดุร้ายแล้วตะโกนใส่เธออย่างเกรี้ยวกราด “เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ไปมีเรื่องชกต่อยกับนักเลงหัวไม้ได้ทุกวี่ทุกวันเนี่ยนะ! หลังจากนี้ถ้าฉันรู้ว่าเธอยังทำแบบนี้อีก ฉันเอาเธอตายแน่!”

 

ริมฝีปากของหลินเฉี่ยนเม้มเข้าหากันแน่นและเห็นได้ชัดว่ามันกำลังสั่นน้อยๆ เช่นเดียวกับนัยน์ตาใสๆที่กำลังสั่นระริกอยู่ เธอไม่เคยกลัวอะไรมาก่อนเลยในชีวิต แม้แต่ผีหรือปีศาจบางทีเธอก็ยังคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล่าสนุกๆ เธอสาบานกับตัวเองว่าจะเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญและสู้ไม่ถอยไม่ว่าจะกับใครหน้าไหน แต่คำพูดและน้ำเสียงเมื่อครู่ของกู้เฉิงเซียวทำให้เธอรู้สึกได้ว่า เขาไม่ได้แค่ขู่เล่นๆให้เธอกลัวแต่อีกฝ่ายสามารถฆ่าเธอได้จริงๆอย่างที่พูด

 

กู้เฉิงเซียวชะงักนิ่งไปหลายวินาที นี่เป็นคำเตือนแกมขู่ในแบบที่พ่อของเขามักจะใช้กับเขาเสมอ และทุกครั้งที่ได้ฟังเขาก็จะเลือกไม่ใส่ใจมัน แถมเขายังรู้สึกเหยียดหยามเสียอีกที่พ่อพูดแบบนั้น ไม่นึกเลยว่าพอถึงตอนนี้เขากลับใช้มันเสียเอง

 

ฝ่ายคนพูดกำลังยืนนิ่งอย่างละอายใจ ในขณะที่ฝ่ายคนฟังนั่งนิ่งอย่างสำนึกผิด ตอนนี้บรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งคู่อยู่ในจุดกระอักกระอ่วนจนถึงขีดสุดแล้ว

 

ทันใดนั้นเอง ประตูก็ถูกผลักออกอีกครั้ง คุณย่าของกู้เฉิงเซียวรีบพุ่งเข้ามาด้วยอาการร้อนรน คนแก่ตะโกนตั้งแต่ยังไม่ก้าวข้ามประตูเลยด้วยซ้ำ “เสี่ยวเฉี่ยน! เหลนของฉันไม่เป็นอะไรใช่ไหม?...โอ๊ยฉันจะเป็นลม! ทำไมหน้าเธอเป็นแบบนี้เนี่ย?” คุณย่าพูดพร้อมกับทำท่าราวกับจะหงายหลังลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น แต่โชคดีที่กู้เฉิงเซียวคว้าตัวไว้ได้ทัน “อาเฉิงนี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นห๊ะ?”

 

หลินเฉี่ยนนอนแข็งทื่อไปนานแล้ว ในจังหวะนี้การแกล้งตายก็อาจจะเป็นอะไรที่ดีที่สุด

 

กู้เฉิงเซียวประคองคนมีอายุที่พร้อมจะล้มพับลงไปได้ทุกเมื่อ ก่อนพูดปลอบใจคนแก่ว่า “คุณย่านั่งก่อนเถอะครับ ใจเย็นๆก่อนนะ”

 

“จะให้ใจเย็นได้ไง! ฉันกังวลจนนอนไม่หลับทั้งคืน ตื่นเช้าก็เลยรีบมานี่”

 

“เอ่อ...คืออันธพาลแถวนั้นยกพวกตีกันน่ะครับ...พวกนั้นเมาแล้วมีเรื่องกัน หลินเฉี่ยนโชคร้ายถูกลูกหลงจนบาดเจ็บ”

 

“ถูกลูกหลง?” ย่าถามด้วยความประหลาดใจ

 

หลินเฉี่ยนที่กำลังแกล้งตายอยู่เองก็แปลกใจไม่แพ้กัน

 

“ตอนนี้คนพวกนั้นถูกจับไปหมดแล้ว เหมือนว่าคนพวกนั้นจะเมาหนักมากจนไม่มีสติเลยเล่นงานผิดคนแล้วพลาดมาทำร้ายหลินเฉี่ยน แล้วก็เป็นอย่างเห็น คุณย่าทำใจดีๆนะครับ…เหลนคุณย่าไม่อยู่กับเราแล้ว ...แต่ตอนนี้พวกเราก็ยังไม่แก่ หลังจากนี้ก็ยังมีลูกได้อีกนะครับ”

 

คุณย่าตาแดงก่ำขึ้นมา หลังการจากไปของสามี สตรีอาวุโสของตระกูลกู้ก็ไม่เคยเจอกับเรื่องที่น่าเศร้ามากถึงขนาดนี้มาก่อน เพราะครั้งนี้เธอเต็มไปด้วยความคาดหวัง ภาพแห่งความสุขกำลังสดใสงดงาม แต่แล้วมันก็ดับสูญไปจนหมดอย่างไม่ทันได้ตั้ตัว ความเศร้าในตอนนี้มันทำให้เธอแทบจะพูดอะไรไม่ออก

 

แต่คนแก่ผู้ผ่านโลกมามากก็รู้ดีว่า ตอนนี้ลูกในท้องหลินเฉี่ยนไม่มีแล้วและคนที่เสียใจมากที่สุดก็คือคนที่กำลังจะได้เป็นว่าที่คุณแม่มือใหม่

 

“เฮ้อ...เสี่ยวเฉี่ยนที่น่าสงสารของย่า...อาเฉิงหลานต้องบอกตำรวจนะ ต้องลงโทษเจ้าพวกนั้นให้หนักเลย”

 

“ครับคุณย่า” กู้เฉิงเซียนพยักหน้า

 

เมื่อเห็นคนที่เธอเรียกว่าคุณย่าจนติดปากเสียใจมากมายขนาดนี้ก็พลอยทำให้หลินเฉี่ยนรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเช่นกัน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงในสถานการณ์ตอนนี้ สาวน้อยจึงแกล้งหลับเป็นตายเหมือนไร้ชีวิตเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองต้องพูดอะไรออกมา

 

คุณย่ามองดูหลินเฉี่ยนด้วยความเห็นใจปนสงสาร เธอเข้าใจว่าสาวน้อยตรงหน้าคงจะเจ็บปวดหัวใจมากที่ต้องสูญเสียลูกในท้องไป ความคนแก่ปลอบประโลมหญิงสาวอย่างขมขื่น “เสี่ยวเฉี่ยนไม่ต้องเศร้านะ ตอนนี้ลูกไม่อยู่แล้วก็อย่าได้ทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้เลย เจ้าเด็กน้อยเอ๊ย ไม่ต้องห่วงหรอกนะ มีย่าอยู่ทั้งคนใครก็รังแกอะไรเธอไม่ได้ ย่ารับรองไม่มีใครไล่เธอออกจากตระกูลกู้ได้แน่นอน”

 

หลังจากที่พูดปลอบประโลมคนไข้ด้วยความสงสารไปยกใหญ่ ในที่สุดย่าของเขาก็กลับบ้านไป บรรยากาศภายในห้องกลับมาเงียบงันอีกครั้ง

 

หลินเฉี่ยนลอบมองกู้เฉิงเซียวครั้งหนึ่งและพบว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งหลับตาอยู่บนโซฟาข้างๆเตียงคนไข้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขากำลังงีบหลับหรือแค่ต้องการพักสายตากันแน่

 

หลินเฉี่ยนค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างช้าๆ ร่างกายของเธอในตอนนี้เหมือนกับเครื่องจักรที่ไม่ได้ใช้งานมานานจนถูกสนิมกินไปทุกส่วน ทุกข้อต่อติดขัดและขยับเขยื้อนได้ยากอย่างยิ่ง

 

แต่ก็ยังโชคดีที่เธอยังพอขยับตัวได้อยู่บ้าง

 

กู้เฉิงเซียวรู้สึกตัวทันทีที่มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นภายในห้อง เขารีบลืมตาขึ้นก่อนจะพบว่าหญิงสาวกำลังพยายามจะลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทางทุลักทุเล คนตัวโตจึงรีบเข้ามาช่วยประคองหลังเธอไว้

 

“เป็นขนาดนี้แล้วยังจะซ่าอีกเหรอ? ช่วยนอนอยู่นิ่งๆไม่ได้รึไง?”

 

หลินเฉี่ยนยิ้มเหยเกอย่างไม่มั่นใจนักแล้วอ้อมแอ้มตอบ “ก็ฉันปวดฉิ๊งฉ่องหนิ!”

 

“พูดให้มันเป็นภาษามนุษย์หน่อย!” คนตัวโตดุ

 

“ดิฉันอยากจะไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำค่ะ” คนตัวเล็กรีบตอบเสียงดัง

 

“…….” กู้เฉิงเซียวหน้าชาไปชั่วขณะ เขาใช้แขนแข็งแรงสอดใต้ร่างเพื่อที่จะอุ้มเธอขึ้นมา

 

“เห้ยๆๆ นี่นายจะทำอะไรน่ะ?”

 

กู้เฉิงเซียวก้มหน้ามองสาวน้อยแล้วตอบกลับทันที “แล้วฉันจะทำอะไรเธอได้?”

 

“ก็ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละถ้านายจะทำน่ะ! นายอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ที่นายแอบจูบฉัน”

“……” คำพูดของหลินเฉี่ยนทำให้กู้เฉิงเซียวชะงักกึกไปในทันที เขารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ตอนนี้คนตัวสูงยืนแข็งทื่อเป็นก้อนหินไปเรียบร้อยแล้ว

 

เขาในตอนนี้ไม่ต่างจากเด็กที่ทำผิดและคิดว่าตัวเองปกปิดมันได้ดีพอ แต่ความจริงเรื่องมันกลับแดงออกมาตั้งนานแล้ว

 

แต่กู้เฉิงเซียวผู้มีประสบการณ์เรื่องต่างๆมาอย่างโชกโชนและมีจิตใจที่แข็งแกร่งดั่งขุนเขา แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ไม่สามารถสั่นคลอนเขาได้แน่นอน ถึงเขาจะรู้สึกอับอายแต่แค่ไม่กี่วินาทีมันก็ถูกสลัดทิ้งไปได้ง่ายดาย

 

“เธอไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ได้อดอยากปากแห้งจนหน้ามืดตามัวมากขนาดนั้น” พูดจบเขาก็อุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนที่จะเดินออกมารอด้านนอก

 

ด้วยประโยคนั้นทำให้หลินเฉี่ยนนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ทว่าทันทีที่สาวน้อยจอมซ่ามองเห็นตัวเองในกระจกเธอก็อุทานเสียงดังลั่น “เห้ยยย!”

 

มิน่าล่ะทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น ก็ตอนนี้สภาพเธอไม่ได้ต่างอะไรกับผีหน้าเละที่เห็นในหนังเลย แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่อยากจะมองหน้าตัวเองเลยด้วยซ้ำ

 

ยังไงซะหลินเฉี่ยนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องหน้าตาสำคัญต่อการทำมาหากินไม่น้อย แม้ว่าเธอจะใช้ชีวิตผาดโผนไปเรื่อยแต่หลินเฉี่ยนก็จำเป็นต้องใช้หน้าตาของเธอเหมือนกัน ทว่าสภาพของเธอที่เป็นแบบนี้ในตอนนี้เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่ความโกรธจะพุ่งปรี๊ด

 

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที เสียงกดชักโครกก็ดังขึ้นแล้วประตูก็ถูกเปิดออก

 

ปัง!!

 

“ไอ้เวรวางหยาง มันอยู่ห้องไหน? ฉันจะไปเช็กบิลมัน!”

.

.

.

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด