ตอนที่แล้วตอนที่ 20 สู้เพื่อสะสางความแค้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22 ฉันยังไม่หิวตอนนี้หรอก

ตอนที่ 21 นิ่งราวกับพระพุทธรูป


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

วางหยางยังคงใส่ชุดคนไข้ของโรงพยาบาล ขาข้างซ้ายของเขาก็ยังคงมีเฝือกหนาและถูกเหล็กดามไว้แน่น แขนทั้งสองข้างของเขาค้ำยันไม้เท้าไว้เพื่อช่วยพยุงตัว สีหน้าของเขาบูดบึ้งบอกบุญไม่รับ เห็นชัดว่าเขาน่าจะถูกบังคับให้มาที่นี่

 

แม้ว่าสีหน้าของเขาจะไม่เต็มใจอย่างมากแต่เขาก็ยังยอมก้มหน้าให้หลินเฉี่ยนเล็กน้อยแล้วเอ่ยขอโทษ “ฉันขอโทษ”

 

“…….” หลินเฉี่ยนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองที่เห็นลูกชายของเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในเมืองก้มหัวให้เธอแบบนี้ ‘ไอ้คนเย่อหยิ่ง จองหอง อวดดีไม่มีใครเกิน อย่างหมอนี่เนี่ยนะ พูดคำว่า ‘ขอโทษ’ ออกมา?’

 

‘นี่เรื่องจริงหรือเราฝันไปวะเนี่ย?!’

 

ทว่าถึงแม้ว่าวางหยางจะเอ่ยคำขอโทษออกมาแล้วแต่ดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะยังไม่พอใจเท่าไหร่นัก วางไห่เฉิงใช้มือฟาดหัวของลูกชายไปหนึ่งทีก่อนจะด่า “ไอ้เด็กเวร! เรียนก็ไม่ตั้งใจเรียนยังจะไปมีเรื่องชกต่อยให้ขายหน้าอีก ตัวเองสู้เขาไม่ได้ก็ยังจะไปเรียกพวกมารุมเขา ฉันควรจะเรียกแกว่าอันธพาลเลยดีไหม! แกอยากจะเข้าไปกินข้าวแดงในคุกนักใช่ไหมห้ะ!”

 

“เด็กผู้หญิงดีๆกลับต้องมาถูกแกทำร้ายร่างกายจนกลายเป็นแบบนี้! เตะแกให้ขาหักแค่ข้างเดียวมันยังน้อยไป แค่ขาหักข้างเดียวมันยังน้อยเกินไป คนอย่างแกควรจะโดนมากกว่านี้!”

 

“คุกเข่าลงไปเดี๋ยวนี้ ถ้าฝ่ายนู้นเขายังไม่ยกโทษให้แกก็ไม่ต้องกลับไปกับฉัน”

 

ต่อหน้าผู้เป็นพ่อที่กำลังโกรธจัด วางหยางก็ยังคงพยายามจะขัดขืน “ขาแบบนี้ผมคุกเข่าไม่ได้หรอกพ่อ”

 

วางไห่เฉิงได้ยินคำตอบของลูกชายก็ตบหัวของเขาอย่างแรงอีกครั้ง “นี่แกตั้งใจจะยั่วโมโหฉันใช่ไหม ฉันบอกให้คุกเข่า คุกเข่าลงไป!” วางไห่เฉิงคว้าหลังคอของวางหยางก่อนที่จะกดเขาลงไปที่พื้นอย่างแรง “แกมันสมควรตายจริงๆ ไอ้เด็กเวรเอ๊ย!”

 

‘ดูเหมือนพ่อลูกคู่นี้ จะตั้งใจเข้ามาเล่นละครซีนดราม่าให้พวกเขาดูสินะ’ กู้เฉิงเซียวไม่ได้รู้สึกอินไปกับละครของพวกเขาเลยสักนิดเริ่มทนไม่ไหว ตั้งแต่คู่พ่อลูกนี่เดินเข้ามา ก็เอาแต่ส่งเสียงโหวกเหวกแสดงพฤติกรรมน่ารำคาญ จนในที่คนทนไม่ไหวก็พูดขึ้น “พอแล้วประธานวาง เขาใส่เฝือกขนาดนั้น คุณจะให้เขาคุกเข่าลงไปได้ยังไง?”

 

วางไห่เฉิงหยุดและหันกลับมามองกู้เฉิงเซียวด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด แววตาของเขาร้องขออ้อนวอน “หัวหน้ากู้ เรื่องนี้เป็นความผิดของผมเองที่ผมอบรมสั่งสอนเจ้าเด็กนี่ไม่ดีพอ คุณเองก็เป็นคนมีอำนาจ ยิ่งใหญ่ เป็นที่นับหน้าถือตา ฉะนั้นได้โปรดอย่าถือสาหาความเจ้าเด็กไม่ยอมโตนี่เลยนะครับ”

 

หลินเฉี่ยนหันไปมองสองพ่อลูก เธอเคยได้ยินชื่อเสียงของวางหยางมาก่อน เธอรู้ว่าวางหยางเป็นลูกชายคนเดียวของเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองบี แถมถ้าหากวางหยางต้องการจะแก้แค้นใคร ตระกูลวางก็จะช่วยสนับสนุนเขาทุกครั้ง

 

ทว่าตอนนี้สองคนพ่อลูกคู่นี้กลับกำลังแสดงท่าทางที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกู้เฉิงเซียว!!...นี่ทำให้หลินเฉี่ยนรู้สึกอึ้งจนหมดคำพูดไปเลยจริงๆ

 

หลินเฉี่ยนตัดสินใจไม่ถูกเลยว่า เธอควรจะรู้สึกซาบซึ้งใจก่อนหรือสมเพชพวกเขาก่อนดี

 

“ตำรวจจะเป็นคนจัดการเรื่องพวกนั้น ฉะนั้นคุณวางไม่ห่วง” กู้เฉิงเซียวพูดเสียงเรียบ

 

หลินเฉี่ยนยังคงนอนนิ่งๆอยู่บนเตียงคนไข้ เธอไม่กระดิกแม้แต่ปลายนิ้ว และส่งเสียงแม้แต่นิดเดียว แต่ทว่าดวงตาทั้งคู่ยังคงจับจ้องคนทั้งสองฝ่ายไปมาอยู่อย่างไม่ลดละ

 

วางไห่เฉิงรู้สึกสั่นสะท้านไปกับแววตาที่เย็นชาไม่ต่างจากน้ำแข็งขั้วโลกของกู้เฉิงเซียว โดยที่ไม่รู้เลยว่าว่าที่อีกฝ่ายกำลังโกรธไม่ได้เป็นเพราะลูกชายของเขา แต่เป็นเพราะภรรยาตัวน้อยของเขาที่อยู่บนเตียงคนไข้นั่นต่างหาก

 

ทันใดนั้นวางไห่เฉิงก็ทำราวกับว่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ในระหว่างที่พูดเขาก็ค่อยๆก้าวไปที่ประตูไปด้วย “จริงสิ หัวหน้ากู้ พอดีผมมีของติดมือมาให้ด้วยเป็นยาบำรุงร่างกายสำหรับคุณผู้หญิงกู้ครับ” วางไห่เฉิงคว้าของจากลูกน้องของเขาที่รออยู่ด้านนอกห้อง มันเป็นรังนกและหูฉลามชั้นเลิศ ของสองอย่างนี้เป็นของกำนัลราคาแพงมาก และไม่ได้หาซื้อได้ง่ายนัก “ลูกชายของผมหน้ามืดตามัว ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจนเผลอไปล่วงเกินคุณผู้หญิงกู้ หวังว่าคุณผู้หญิงกู้จะให้อภัย และกรุณาอย่าถือสาลูกชายโง่ๆของผมเลยนะครับ”

 

วางไห่เฉิงนำของเยี่ยมไข้ของเขาไปวางไว้ข้างเตียงในระหว่างนั้นเขาก็แอบใช้ขาเตะสะกิดลูกชายตัวเองเบาๆพร้อมกับส่งสายตาเตือนให้เขารีบขอโทษ

 

วางหยางลองมองท่าทีเย็นชาของกู้เฉิงเซียวก่อนที่จะหันไปมองพ่อของตัวเองอย่างไม่พอใจเพื่อบอกให้รู้ว่าเขาไม่เต็มใจ แต่ในที่สุดเขาก็ยอมก้มหัวลงพร้อมกับพูดประโยคที่ยาวขึ้นว่า “คุณผู้หญิงกู้ ขอโทษครับ ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย”

 

‘ก็เขาจะไปรู้ได้ยังไงละว่ายัยนี้เป็นใคร สำคัญขนาดไหน?’ ใครจะไปรู้ว่า คนที่ดูเหมือนจะเป็นหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิงอย่างหลินเฉี่ยนจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้ และเขาก็ไม่ได้รู้จักกู้เฉิงเซียวมาก่อนเลยด้วย แต่เขาเองฉลาดพอที่จะคาดเดาฐานะของอีกฝ่ายได้จากท่าทางที่เคร่งเครียดของพ่อตัวเอง  ถ้าพ่อเขาทำถึงขนาดนี้ แสดงว่าหัวหน้ากู้คนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ แต่ที่เขาไม่เข้าใจอีกก็คือ คนที่ดูจะปากหนักเหมือนพูดไม่เป็นแถมยังเย็นชาไร้อารมณ์อย่างหัวหน้ากู้คนนี้ถึงได้มาสนใจยัยผู้หญิงกะโหลกกะลาแบบหลินเฉี่ยนนี่ได้ ‘นี่เขาตาบอดรึยังไงกันนะ?’

 

คนทั้งมหาลัยรู้ดีว่าเขาชอบหนานอินมาก และเป็นเพราะหลินเฉี่ยนทำให้หนานอินไม่พอใจ หนานอินจึงสั่งให้เขาจัดการกับหลินเฉี่ยน หลังจากนั้นเขาก็เรียกคนของเขาให้ไปช่วย แต่ที่เขาคิดไม่ถึงคือยัยผู้หญิงน่ากลัวนี่จะมีฝีมือถึงขั้นสามารถล้มคนของเขาทั้งหมดได้ แถมเขาเองก็ยังถูกซัดจนขาหักด้วยเหมือนกัน ‘ต้องมาเจอแบบนี้ใครมันจะไปรับได้วะ?!’

 

หลังจากเกิดเรื่องครั้งนั้นขึ้น เทพธิดาหนานอินของเขาก็ถูกคนในมหาลัยตราหน้าด่าทอ และมันจะต้องกลายเป็นเรื่องที่เป็นตราบาปติดตัวเธอไปตลอดชีวิต

 

เรื่องที่เกิดขึ้นกับหนานอินคราวนั้น ทำให้ความเกลียดชังหลินเฉี่ยนผุดขึ้นมาในใจของเขา เขาสาบานกับตัวเองว่าจะต้องทำให้ยัยหลินเฉี่ยนนี่ได้เจอกับบทเรียนที่แสนสาหัส!

 

จากนั้นเขาก็รวบรวมคนของเขาอีกครั้ง ในเมื่อเก้าคนมันยังไม่เพียงพอ งั้นก็สิบห้าคนไปเลยแล้วกัน และถ้าสิบห้าคนมันยังไม่พอก็เขาก็จะเพิ่มให้อีกเป็นยี่สิบคน และต่อให้ต้องจ่ายเงินเท่าไหร่เขาก็ยอม

 

นี่เองคือที่มาของการต่อสู้กันขึ้นเมื่อวานนี้

 

ครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งก่อนหน้าที่หนานอินทำไม่ผิดเพี้ยน นั่นก็คือทั้งสองฝ่ายต่างก็ยับเยินกันไป แต่ครั้งที่แล้วเรื่องหนานอินจบลงในมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้เรื่องของเขากลับถึงมือตำรวจ! สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว

 

การทะเลาะวิวาทกันจนถึงขั้นบาดเจ็บมีความผิดทางอาญา และเมื่อเป็นการทำร้ายร่างกายโดยเจตนาเพื่อให้เกิดการบาดเจ็บก็มีโทษถึงขั้นจำคุก!

 

“คุณกู้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลูกชายผมต้องรับผิดชอบ คุณอยากจะให้จ่ายชดเชยให้เท่าไหร่บอกผมมาได้เลย หลังจากนี้ถ้าร่างกายของคุณผู้หญิงเกิดอะไรขึ้น ตระกูลวางจะเป็นคนรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดให้เอง คุณมีจิตใจเมตตาโอบอ้อมอารี ผมหวังว่าคุณทั้งคู่จะช่วยเห็นใจและให้อภัยลูกชายของผมด้วยนะครับ”

 

วางไห่เฉิงรู้ดีว่าการแก้ปัญหาด้วยเงินแบบนี้คงจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมากนักเพราะกู้เฉิงเซียวไม่ได้เดือดร้อนเงินแม้แต่น้อย เขาคิดไปคิดมาหลายตลบ ก่อนตัดสินใจพูดต่อว่า “คุณกู้ครับ ผมได้ยินมาว่าจะมีการขยายโรงพยาบาลทหาร บังเอิญว่าวางซื่อกรุ้ปของเราก็ตั้งอยู่ใกล้ๆแถวนั้นพอดี ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมเต็มใจที่จะบริจาคเงินเพื่อช่วยสร้างและต่อเติมโรงพยาบาลให้ได้นะครับ”

 

กู้เฉิงเซียวยังคงนิ่งอยู่เช่นเดิม ความเงียบแม้เสี้ยววินาทีก็กินเวลาเหมือนนานนับปี ในที่สุดทหารหนุ่มรูปหล่อก็พูดขึ้นมาว่า “ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของทางตำรวจที่จะจัดการ ประธานวางไม่ต้องทำแบบนี้หรอกครับ”

 

“.......” วางไห่เฉิงเงียบไป ความรู้สึกหวาดกลัวก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในใจเขา เขากลัวมากจริงๆว่าลูกชายเขาอาจจะต้องเข้าไปอยู่ในคุก แต่เขาก็กลัวว่าถ้ายังขืนพูดมากไปกว่านี้อาจจะทำให้กู้เฉิงเซียวโมโหได้ ความรู้สึกอัดอั้นตันใจทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปด่าวางหยางลูกชายของตัวเองด้วยความโกรธ

 

“ไอ้เด็กเวร! แกมันเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ!”

 

วางหยางรู้ดีว่าตอนนี้พ่อเขากำลังโกรธมากจริงๆ เขาจึงได้แต่ยืนฟังเงียบๆโดยไม่ตอบโต้ เขาเองก็กลัวและไม่กล้าพูดอะไรออกมาทั้งสิ้น

 

มีคำกล่าวที่ว่า สิ่งที่ดีกว่าการเป็นนักธุรกิจคือเป็นนักการเมือง สิ่งที่ดีกว่าการเป็นนักการเมืองคือเป็นทหารระดับสูง ตัวเขาเป็นเพียงนักธุรกิจต่อให้รวยแค่ไหนก็คงไม่อาจหาญไปมีหาเรื่องมีปัญหากับนายทหารระดับสูงอย่างแน่นอน

 

พูดดีก็แล้ว ให้ของก็แล้ว อีกฝ่ายก็ยังไม่เห็นใจ ตอนนี้เขาก็หมดหนทางแล้วจริงๆ

 

วางไห่เฉิงลากวางหยางออกมาจากห้องของหลินเฉี่ยนทันที แม้แต่ของเยี่ยมไข้ชิ้นอื่นๆที่เขาตั้งใจเอามา ก็ถูกทิ้งไว้ด้านนอกประตูโดยไม่สนใจไยดีอีก

 

เขาเคยทำงานอยู่ในเซี่ยงไฮ้มาหลายปี และเคยติดต่อกับเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูง หรือคนใหญ่คนโตของบ้านเมืองอยู่หลายครั้ง เขาจึงรู้ดีกว่ากับคนบางคนการให้ของกำนัลก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้

 

ลูกน้องคนสนิทผู้ติดตามวางไห่เฉิงมาด้วยที่รออยู่นอกประตูเห็นเจ้านายออกมาด้วยความขุ่นเคืองก็เข้าใจสถานการณ์ทันที และรีบกระซิบถามเจ้านายของตัวเอง “ท่านประธานครับ กู้เฉิงเซียวนี่มันไม่ไว้หน้าท่านเลย ท่านจะให้ผมไปหาคนมาสั่งสอนมันไหมครับ?”

 

วางไห่เฉิงจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเคร่งเครียด หลังจากหันซ้ายหันขวาแล้วพบว่าบริเวณนี้ไม่มีคนอื่นนอกจากพวกเขา เขาก็ลอบถอนหายใจ ก่อนจะออกปากเตือน “อย่าทำอะไรเด็ดขาด คนคนนั้นเล่นด้วยยาก ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดอะไร รีบออกไปจากที่นี่ก่อน”

 

ภายในห้องพักผู้ป่วย หลินเฉี่ยนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวจนมิด ก่อนหน้านี้ที่เธอพูดคำว่า ‘ไม่ต้องสนใจฉัน’ และ ‘ฉันแก้ปัญหาเองได้’ ออกไปได้อย่างง่ายดายแบบนั้น ตอนนี้เธอคงต้องกลับมาคิดทบทวนแล้วว่าบางทีเธออาจจะไม่รู้จักกู้เฉิงเซียวดีพอ

 

กู้เฉิงเซียวยังคงนิ่งเงียบ เขาเดินมานั่งหมิ่นๆอยู่ที่ขอบเตียงของเธอ “ไหนลองพูดมาสิ  พูดมาตอนที่ฉันยังมีอารมณ์จะฟังเธออธิบาย”

 

“……ก็..ทุกอย่างก็โอเคหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?...ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปเถอะ......”

.

.

.

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด