ตอนที่แล้วบทที่ ๔
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๖

บทที่ ๕


ทวนเข็มนาฬิกา

โดย ศศิศิลป์

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

บทที่ ๕

ตุลาวิ่งมาอย่างเร็วเมื่อเห็นคนที่ตามหาเป็นลมล้มพับอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่เขามุ่งหมายมาเพราะรู้ว่าอีกคนต้องมาที่นี่แน่ๆ...

"เธียร์ เธียร์ๆ!! " เขย่าตัวอย่างไรก็ไม่ตื่น เลยรีบขอบคุณพี่ๆไทยมุงที่ช่วยไปก่อน

"ไอ้ตุลย์มาข้าช่วย.." บ่วงลงจากรถยนต์ลงมาหาคนที่นอนสลบเหมือดอยู่

ปี๊นนนๆ

อ๋องบีบแตรให้พากันขึ้นรถ ชาติมองเหตุการณ์งงๆ แต่ก็ลงมาช่วยกันพาเธียร์ขึ้นรถ

"บ้าชิบเป๋ง ไหงมาเป็นลมอยู่นี่.." บ่วงที่นั่งข้างหลังสามคนกับเธียร์ที่นอนสะลึมสะลือพิงศีรษะกับตุลย์ถาม

"คงจะมาหาญาติอีกละมั้ง.." ไม่อยากพูดความจริง กลัวว่าเพื่อนๆ จะไม่ยอมรับเพราะไม่เชื่อเรื่องย้อนเวลา

"แล้วนี่เอาไง ไปไหนต่อ โรงบาลมั้ย? " อ๋องถาม

"ม ไม่ต้องหรอก... เราดีขึ้นแล้ว" เธียร์ที่ยังมีสติอยู่บ้างรีบเอ่ยห้าม โดยมีตุลย์พัดวีถือยาดมที่มีคนที่ช่วยไว้ให้ติดมา

"งั้นไปที่ห้องซ้อมแล้วกัน ข้าว่ามันพอนอนได้...แต่แน่ใจนะว่าพี่โอเค? " บ่วงถามอีกครั้ง

"อืม.." เธียร์นอนหลับตาไว้ ให้ร่างกายได้พักสักหน่อย

รถมาจอดที่ไม่ไกลจากห้องซ้อม เธียร์ถูกพยุงมา ก่อนจะโดนวางลงบนเบาะที่เป็นที่นั่งยาว

"นอนได้แน่หรอพี่ เสียงมันดังนะ.." อ๋องถาม

"สบาย...ขอบใจมากนะ.." มือยังคงสูดเอายาหอมเข้าเต็มปอด

"งั้นข้าไปซื้อน้ำกับข้าวนะ จะได้ซื้อมาฝากคนป่วยด้วย.." บ่วงอาสา ก่อนที่จะพากันไปทั้ง 3 คน

"ไปทำอะไรที่นั่น เกิดอะไรขึ้น... แล้วทำไมไปคนเดียว...ดีนะ ที่กลับไปเอาของที่บ้านเลยรู้..เดาว่าไปที่นั่นแน่" ตุลย์ถาม

"ก็เห็นเธอมีซ้อม วันนี้เล่นคอนเสิร์ตใหญ่ด้วย แค่อยากจะไปหาที่บ้านวันปีใหม่.." เธียร์บอก หน้ายังซีด

"แล้วเกิดอะไรขึ้น? "

"เราเดินไปคุยกับตัวเองตอนเด็ก แล้วจู่ๆ มันก็มีความทรงจำบางอย่างเพิ่มเข้ามา มันไม่เคยมีความจำนี้มาก่อน เหมือน ....มันเหมือนเราเปลี่ยนแปลงอดีต.." ตุลย์ได้ฟังแล้วตาโต

"แล้วมันยังไงต่อ...มัน..." เขาไม่ค่อยเข้าใจ

"มันปวดหัว มันเหมือนว่าถ้าเราเปลี่ยนอะไร แล้วจะส่งผลกับปัจจุบันในร่างนี้ อย่างน้อยก็...มันหมุนๆ ปวดหัวจี๊ดเพราะอยู่ๆก็นึกออก แต่เป็นภาพจำที่เราตอนเด็กจำตัวเองตอนโตที่เคยเจอในอดีตได้.." เธียร์พยายามอธิบาย

จู่ๆ ก็มีภาพตอนเด็กว่าเคยเห็นผู้ชายคนหนึ่งมายืนหน้าบ้าน นึกภาพดีๆ ก็คือตัวเองในปัจจุบัน ตุลาคิดภาพตามเขา

"งั้นพอแล้ว ต่อจากนี้ห้ามไปที่นั่นอีก ไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่าจะไม่ตายไป... อย่าไปยุ่งกับเวลาเลย" ตุลย์กลัวว่าหากเปลี่ยนไปมาก เข้าไปแก้ไขเหตุการณ์มากๆ เธียร์อาจจะไม่ใช่แค่เป็นลม...

"ขอบคุณนะที่เชื่อกัน... " ทฤนห์ซึ้งใจ ส่วนตุลย์พยักหน้ารับ เธียร์พิสูจน์หลายๆ อย่างให้เขาเห็น ว่ารู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจริงๆ เช่นบอกว่าวงของเขาจะได้รับการตกลงให้แสดง เพลงจะเข้าหูแมวมองจนตอบตกลงให้ขึ้นเป็นวงเปิด ไม่พออีกคนยังมีความรู้รอบตัวมากมาย

ถ้าหากเธียร์คือนักต้มตุ๋นที่มาหลอกลวงเขา เขาก็จะยอมรับในความโง่ของตัวเอง

__________________________

เหล่าทีมงานกำลังเตรียมการสำหรับคอนเสิร์ตของปีใหม่นี้ และแน่นอนว่ามี 4 คนที่กำลังงุ่นง่านและตื่นเต้นกับการเตรียมแสดงเปิด

"ทุกคนทำได้ เชื่อเรา... หลังจากลงเวทีเดี๋ยวต้องมีคนหูดีๆ ตาถึง...เดินเข้ามาชวนไปเซ็นต์สัญญาเลยแหละ" เธียร์บอกทุกคน

"รู้ได้ไง" ชาติสงสัย

"เพราะคุณภาพของเพลงนั่นไง ทำให้เต็มที่นะ..." เธียร์ตอบแบบนั้น แต่สำหรับตุลย์รู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร หมายถึงว่าเธียร์รู้มันมาก่อนแล้ว

"จะรอดู" เต้ที่มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้บอกเบาๆ เธียร์ยกยิ้ม..... มันต้องจริงสิ เขาเพิ่งได้ฟังจุดเริ่มต้นของวงปีนเกลียวมาจากงานแฟนมีตที่ตุลย์เล่าเมื่อวันก่อนของอีก 20 ปีข้างหน้านี้ไงล่ะ

แชะ!

โตยกกล้องฟิล์มขึ้นถ่ายภาพของเธียร์ เจ้าตัวตกใจหันมอง

"ขอเก็บไว้หน่อยนะ...อีก 20 ปีจะได้เอาไปยืนยันตัวตนไง.." โตพูดติดตลก แต่เธียร์กลับยิ้มกว้าง

"งั้นถ่ายปีนเกลียวไว้เยอะๆ เลยนะครับ มันจะเป็นภาพแห่งความทรงจำ.." เขาบอกอีกคน ซึ่งโตจะทำมันอยู่แล้ว 2 พี่ชายตั้งใจจะมาดูงานแรกของน้อง หลังจากที่เล่นไม่เอาอ่าวมานาน

"จะรอดหรอวะนั่น.." เต้พึมพำ เพราะที่เคยได้ยินเะลงของเด็กพวกนี้มันใช้ไม่ได้เลย

พิธีกรประกาศเข้างาน เป็นงานไม่ได้ใหญ่มากที่จัดขึ้นเพื่อฉลองของปีใหม่ แต่มันยิ่งใหญ่สำหรับ 4 คนบนนั้นมาก เสียงเคาะของไม้กลองให้จังหวะ ก่อนที่ตุลย์จะนับสัญญาณเข้าเพลง

เสียงเป็นเอกลักษณ์และดนตรีป๊อป-ร๊อกเข้าหู ด้วยเนื้อเพลงกวนอารมณ์ที่อีก 20 ปี ข้างหน้าจากนี้มันก็ยังโด่งดัง ถูกขับกล่อมให้คนฟังโยกตาม เต้อึ้งไปแล้ว ส่วนโตก็เก็บภาพอย่างตั้งใจ

เธียร์สบตากับตุลย์ เขาร้องตามได้ทุกคำ ส่งยิ้มและยกนิ้วโป้งให้คนด้านบน เล่นจบผู้คนก็ปรบมือให้ล้นหลาม ก่อนที่ตุลย์จะวิ่งดีใจอย่างมากลงจากเวทีมาทางนี้ก็โดนดักด้วยชายคนหนึ่ง และเขาคนนั้นเข้ามาเพื่อพูดคุยชวนไปทำเพลงด้วยกันจริงๆ 4 หนุ่มร้องดีใจกันใหญ่

"พี่รู้ได้ไงว่ามันจะเป็นอย่างนี้...อย่างกับตาเห็น" อ๋องเดินเข้ามาถามเธียร์

"ใช่ แม่นชิบเป๋งเลย พี่บอกมานะว่าเป็นหมอดู" บ่วงว่าอีกคน ส่วนชาติก็หรี่ตามองรอคำตอบ

"เรามาจากอนาคตมั้ง..." ทุกอย่างเงียบไป 3 พี่น้องที่เคยได้ยินเรื่องนี้มองหน้ากันขนลุกเกรียว

"ฮ่าๆ ล้อเล่นน่ะ ก็ได้ฟังซ้อมมาตั้งหลายที รู้อยู่แล้วว่าทำได้ดี แล้วพี่คนนั้นเขาว่ายังไงบ้างละ.." เธียร์ถามมองตามหลังไปยังคนๆหนึ่ง

ในอนาคตเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังศิลปินดังหลายคนเชียวล่ะ เคยพบกันบ่อยครั้งตอนจัดงาน

"เดี๋ยวมานะ.. ผมขอยืมกล้องหน่อยได้มั้ย" ยังไม่ทันรอคำตอบ ทฤนห์ขอยืมกล้องในมือโต อีกคนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะวิ่งไปสะกิดชายคนที่มาติดต่อวง

"ขอโทษนะครับ...เอ่อคืออ ขอถ่ายภาพไว้หน่อยได้มั้ย? " โคตรมันส์เลยว่ะ ผมย้อนกลับมาเจอพี่ด้วยว่ะพี่โต้ง

"ถ่ายทำไมครับ... เอ่อ ผม..เป็นคนธรรมดา.." เธียร์อยากจะขำให้ฟันร่วง

เมื่อพี่ที่โคตรเฮี้ยวและเคี่ยวในการทำงานที่พี่โก้ย้ำกับเขาเสมอว่ากับคนนี้ถ้าร่วมงานด้วยต้องเป๊ะ วันนี้กลับถ่อมตนใส่เขาขนาดนี้

"ผมอยากถ่ายภาพเก็บไว้...สักวันมันจะมีค่ามาก ..." เมื่อบอกไปอย่างนั้น อีกคนก็ทำหน้าหน้าให้งงๆแต่ยอมให้ถ่ายแต่โดยดี

เธียร์หันเลนส์เข้าหาตา เหมือนการเซลฟี่ ก่อนจะกดลั่นชัตเตอร์

แชะ!

"ขอบคุณครับ....เดินบนเส้นทางนี้ให้สุดความสามารถนะครับพี่โต้ง" บอกลาเสร็จสรรพ

"เอ้อเดี๋-.." ไปซะแล้ว โต้ง-งงว่าอีกคนรู้ชื่อเขาได้อย่างไร

"รู้จักกันหรอ? " เต้ถามคนที่กลับมาส่งกล้องคืนให้โต

"ตอนนี้น่ะไม่..." เธียร์ยกยิ้ม ไม่มีใครอยากจะถามอะไรต่อ

"แล้วว่ายังไงนะ ยังไม่ตกลงไปทำเพลงกับเขาใช่มั้ย รองานดนตรีอีกไม่กี่เดือนนี้ล่ะสิ? " เธียร์ถาม

"เฮ้ย รู้ได้ไง? " อ๋อง-งง

จะไม่รู้ได้ไง บอกแล้วว่ายืนฟังนักร้องนำเล่าเรื่องนี้อยู่ในงานแฟนมีตวันก่อน

"คนนั้นบอกหรอ? " บ่วงถาม

"ใช่ เป็นแบบนั้นแหละ" ตุลย์ตอบรับแทน

ไม่ให้เธียร์ต้องเล่าเรื่องมาจากอนาคต ตอนนี้ตัวเขาเชื่อเต็มร้อยแล้วว่าเธียร์รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจริง

"งั้นเราถ่ายรูปกันไหม? " เธียร์ตื่นเต้นมาก เขาอยากเก็บภาพไว้

"ไปๆ ทุกคนไปยืนตรงนั้น" โตให้ปีนเกลียวไปยืนที่มุมหนึ่ง เพื่อให้เห็นเวทีในเฟรมหน่อยๆ

"พวกพี่ด้วยมั้ย ไปสิๆ" เธียร์บอก

"ไม่ล่ะ มีส่วนกับเขาที่ไหน? " เต้ตอบเซ็งๆ ไม่ได้ไปเกี่ยวด้วยเลยจะถ่ายทำไม

"เถอะน่า มาครับ ผมถ่ายให้.." เธียร์ดันให้ไปอยู่ในเฟรม แล้วขอกล้องมา

"ยิ้มหน่อยสิ ยิ้มนะ.. 1-2-3 แชะ! " เขาทำเสียงเอง ก่อนที่จะกดมันไว้เพียงภาพเดียว รู้ดีว่ามันไม่เหมือนดิจิตัลแบบนั้น เพราะยุคเขากล้องฟิล์มก็กลับมานิยมอีกครั้ง เลยพอรู้จากการถ่ายให้เพื่อนๆ บ้าง

เธียร์ได้ยืนดูคอนเสิร์ตที่เขาไม่เคยได้ดูมันมาก่อนในชีวิต กับอดีตวงดัง มันสนุกจนลืมไปแล้วว่าอยู่ในยุคที่ไม่ใช่ที่ๆควรอยู่

"เล่นดีจริงๆ ปีที่แล้วนะข้าจำได้ กลัวเรื่อง Y2K กันทั้งเมือง.." บ่วงชม

"เออ นึกแล้วก็คิดถึง ผ่านไปไวเนอะ แต่ว่าปีนี้ข้าไม่ได้ดูพลุด้วยนะ" อ๋องว่าอีกคน

"ข้าด้วย ต้องรีบกลับบ้าน.." ชาติว่า

"แล้วเอ็งละ? " อ๋องถามตุลย์

"คงจะเดินดูบรรยากาศสักหน่อย พวกเอ็งกลับกันก่อนเลยนะ ..." เด็กหนุ่มโบกมือลากัน

"รู้นา ว่าอยากจะเดินดูใช่มั้ย? " ตุลาหันยิ้มให้เธียร์ที่พยักหน้ารับ

บรรยากาศที่หนาวหน่อยๆ กับผู้คนจอแจ และพลุไฟทำให้หัวใจของเธียร์พองโต ใครจะนึกกันนะ ว่าจะได้มาฉลองปีใหม่ในปีที่ควรอายุแค่ 5 ขวบเนี่ย หันมองคนข้างๆ นี่ก็ ตุลย์ อิษวัต ในวัย 18 ปียืนมองบรรยากาศอยู่ข้างๆเขา

••••••••••••••••••••?•••••••••••••••••••

' 31 Dec 2000 - 1 Jan 2001

HNY ทั้งที่นี่ควรเป็นการฉลองเข้าสู่ 2021 ชีวิตแบบ New Normal

โคตรตลกเลยว่ะ...ที่กำลังฉลองปีใหม่

...กับตุลย์ เซเลปแห่งยุค ด้วยบรรยากาศอดีต

ที่นี่น่าอยู่ดีนะ...มันก็ดีอีกแบบ

แต่ไม่ชินหรอก ทำไงได้ ชินชากับยุคดิจิทัลซะแล้ว

กลับไปจะสไลด์จออัปเดทแม่งทั้งวัน

ดู youtube ให้ตาแฉะเลย

ที่สำคัญ จะย้อนไปหาเรื่องราวเกี่ยวกับนายตุลาคนข้างๆ นี่เยอะๆ มันจะเป็นยังไงนะ น่าสนใจว่ะ...

แต่ก่อนจะคิดเรื่องนั้น ขอดื่มด่ำโลกแบบ Exclusive นี้กับไอ้หนุ่มว่าที่คนดังในวัยมัธยมนี้หน่อยเถอะ...

ขอให้มีความสุข

ขอให้ได้กลับไป...

ขอให้เป็นปีที่ดี

เธียร์ ทฤนห์

ไม่สิ เด็กชาย วีราทร สวัสดีปีใหม่ 2001 ที่ควรจะฉลอง 2021 อยู่"

•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

•••••••••••⏱•••••••••••

๒ กันยายน ๒๕๖๓

ตอนที่แล้วบทที่ ๔
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๖
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด