ตอนที่แล้วบทที่ ๕
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๗

บทที่ ๖


ทวนเข็มนาฬิกา

โดย ศศิศิลป์

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

บทที่ ๖

๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔

••••••••••••••••••••?•••••••••••••••••••

" 25 FEB 2001

:) สองเดือนแล้วนะ

เริ่มคุ้นชินกับโลกที่หมุนช้าลงแล้วล่ะ

เหมือนมันนานกว่านั้นมาก

ชีวิตของตุลาและวงปีนเกลียวไปได้สวย

ครอบครัวของเราก็ยังมีความสุขอย่างที่จำได้

วันนี้วันเกิดของเด็กชาย วีราทร

ตั้งใจว่าจะไปที่บ้าน จำไม่ได้แล้วว่า 6 ขวบ

เราฉลองอะไรกัน...

เธียร์จะกลับไปดูมันด้วยตาตัวเอง

- ทฤนห์ (ในวัย 26) -"

•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

เขาวางสมุดเล่มที่โดนเขียนจนหนาแล้วลง ก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง เขาขอที่จะไม่ไปดูตุลย์และเพื่อนๆ ซ้อม บอกไว้แล้วว่าจะกลับไปที่บ้าน

"จะไปข้างนอกใช่มั้ย? ตุลย์ฝากไว้ว่าให้เราพาไป.." เต้ที่เห็นอีกคนใส่รองเท้าอยู่หน้าบ้านบอก

"ไม่เป็นไร เราไปเองได้"

"ให้พาไปเถอะ อยากจะจับตาดูน่ะ.." อีกคนอ้างอย่างนั้น ก่อนจะพาเขาขับรถยนต์มือสองรุ่นเก่าที่สภาพดีออกมาจากบ้าน

"ถามได้มั้ย...ว่าจะไปทำอะไร? "

"วันนี้วันเกิด...อยากจะกลับไปดูตอนที่ครอบครัวฉลองวันเกิดกันพร้อมหน้า.. เพราะเวลาอนาคตที่จากมามันไม่มีอย่างนั้นอีกแล้วล่ะ.." เธียร์บอกด้วยตาเศร้าสร้อย

"ถ้ามันจริง...แล้วจะอยู่อย่างนี้ต่อไปหรอ? "

"เชื่อแล้วหรอ ว่าเราพูดจริง? "

"ก็ยังหรอก แต่หลายๆ อย่างมันก็ตรง อาจจะเป็นหมอดูแม่นๆสักคน..." เธียร์ได้ฟังแล้วขำเล็กน้อย

"มันก็ต้องอยู่อย่างนี้สิ เราวนกลับไปที่ๆ ตุลย์เจอครั้งแรก แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะพากลับไปได้ตรงไหน.."

"แล้วจะอยู่ไปเรื่อยๆไปวันๆ อย่างนี้หรอ.."

"ปีนเกลียวจะชนะประกวด พวกเขาจะโด่งดังเราอยากยืนยันแค่ถึงตอนนั้น ว่าเราไม่ได้กลับมาแก้อะไร ...ให้มันเป็นไปอย่างที่ควรเป็น... จากนั้นเราคงไปหาที่สำหรับใช้ชีวิต..." นั่นคือสิ่งที่เขาคิดไว้จริงๆ หากกลับไปไม่ได้ ก็คงต้องหาอะไรทำ

"รบกวนไม่นานหรอกนะ แค่นี้ก็มากพอแล้ว ขอโทษด้วยถ้าทำให้ไม่สบายใจ" เขารู้ดีว่ามันแปลก บ้านนี้ใจดีไปด้วยซ้ำรับคนแปลกหน้าอย่างเขามาดูแล

ถ้ามีใครในปี 2020 เดินมาบอกเขาว่ามาจากอนาคตเขาคงส่งโรงพยาบาลจิตเวชหรือแจ้งตำรวจจับ ไม่ใช่ให้มาอยู่ในบ้านแบบนี้

"บอกตุลย์หรือยัง? "

เธียร์ส่ายหน้าให้เต้

"ตุลย์กำลังตั้งใจกับวง ไม่ควรมีเรื่องอื่นกวนใจ.." เต้ฟังแล้วพยักหน้าน้อยๆอย่างเห็นด้วย

"ตรงนี้แหละ จอดตรงนี้แล้วกัน.." เธียร์บอกให้อีกคนหยุดรถ ห่างจากตัวบ้านอยู่ไกลโข ก่อนจะลงจากรถเดินไปที่ร้านน้ำชาร้านเดิม

"แปะ วันนี้บ้านนั้นไม่อยู่หรอ? "

"ม่าอยู่หลอก อีออกไปกิงข้าวข้างนอก ลื้อมาทำไมบ่อยๆ ไม่น่าไว้ใจ.." ลุงแก่ๆ เชื้อสายจีนว่าเขา ปกติแกไม่เคยทักหรอก เอาแต่จับสังเกต

"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ผมรู้จักพวกเขา แต่เขาคงจำผมไม่ได้.." แกพยักหน้ารับๆอย่างไม่สนใจ ก่อนหันไปจัดร้านของชำของแกต่อพร้อมชำเลืองมองเด็กหนุ่มน่าสงสัยด้วย

สักพักรถของครอบครัวก็ขับกลับกันเข้ามา แต่รอบนี้เธียร์สังเกตว่าพ่อและแม่ให้เขากับพี่ในวัยจิ๋วเข้าบ้านไปก่อน ก่อนจะยืนเถียงกันที่แถวรั้ว

"เขามีอะไรกันน่ะ? " เต้ที่ตามมานั่งเงียบอยู่ถาม

"อีทะเลาะกันทู้กกวัน หลังๆ ชาวบ้านแถวนี้ชิงแล้ว" แปะว่า

เริ่มแล้วสินะ... สัญญาณที่ครอบครัวจะแตกสลาย เธียร์จ่ายเงินที่ตุลย์เจียดมันให้เขาติดตัวไว้และไม่ค่อยจะได้ใช้ให้อาแปะเป็นค่าน้ำ แล้วเดินย่องไปให้ใกล้กว่าเดิม

"คุณทำแบบนี้ได้ไง! "

"นี่นก อย่าโวยวายได้มั้ย ลูกอยู่ในบ้านนะ"

"คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง! "

"ใจเย็นๆ ก่อน วันนี้วันเกิดเธียร์-"

"คุณมีคนอื่นยังมาบอกให้ฉันใจเย็นอีกหรอ สารเลว! "

เธอสะบัดตัวเดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้พ่อของเขายืนกุมขมับอยู่หน้าบ้านก่อนตวัดสายตามาทางนี้ เต้ดึงเธียร์ให้มายืนทำเหมือนกับว่ากำลังดูอะไรหลังรถ ไม่งั้นคงจะเหมือนเรามาวุ่นวายเรื่องชาวบ้านเกินไป

"มันจะเกิดอะไรต่อจากนี้..."

"จำได้แค่ว่ามันยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก ที่จำได้วันเกิดที่ไม่มีพ่อมันน่าจะเริ่มตอนป.1 มากกว่า ยังไม่ใช่ครั้งนี้.." เธียร์มองตาละห้อย อยากเดินเข้าไปให้พวกเขาปรับความเข้าใจกัน

"ทำอะไร? " เต้ดึงไว้

"จะเข้าไปหาเขา.." ไม่ทันที่จะรั้งได้ทัน เขาเดินมาหยุดที่หน้ารั้วบ้านแล้ว

"คุณ...มาหาใคร? " พ่อเขาถาม

"เขารักคุณมากนะ... ลูกคุณก็ด้วย คุณจะให้มันเป็นอย่างนี้หรอ? " เธียร์ถามด้วยเสียงสะอื้น

พ่อจะรู้มั้ย...ว่าชีวิตพวกเราต่อจากนี้มันแย่แค่ไหน

"เป็นใคร มายุ่งวุ่นวายอะไร เสือกอะไรด้วย?"

"นี่.." เต้กำลังจะดึงตัวเขาออก

"คุณแม่งโคตรเห็นแก่ตัว! " เธียร์ตะโกนด่า

"อ้าวมึง!! ว่าแต่...นี่หน้าคุ้นๆนะ อ๋ออ ไอ้หนุ่มที่เคยมาวนเวียนแถวบ้านนี่ เป็นใครวะ กูจะแจ้งตำรวจ พวกต้มตุ๋นใช่มั้ย...."

"พ่อแม่งชั่ว พ่อฆ่าแม่!! " เธียร์สติหลุด ก่อนที่เต้จะลากเขาออกไป เพราะพ่อเธียร์เริ่มตะโกนให้คนมาดู และตั้งท่าจะโทรแจ้งตำรวจจริงๆ

"อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกนะ!!" เสียงบิดาตะโกนไล่หลังอย่างเอาตาย

"ทำอะไรของมึงวะเนี่ย.." เต้สบถโมโห หลังจากหนีขึ้นรถมาแล้ว สองคนหอบแฮกทั้งคู่ เสียงตะโกนนั้นยังก้องในหัว

"เขามันเลว เขาทำพวกเราตายทั้งเป็น!"

"นั่นมันยังไม่เกิด ครอบครัวเขายังมีความสุขดีเห็นหรือเปล่า.." เต้ส่ายหัวกับความคิดอีกคน

"ตั้งสติหน่อยเถอะ .." คนหลังพวงมาลัยเอ่ยสอน

นี่เขากำลังโดนเด็กอายุ 20 สั่งสอน...

"จอดทิ้งเราไว้ตรงนี้ได้มั้ย? " เธียร์เอ่ย

"ทำไม? "

"เราขอกลับบ้านเองนะ จะไปหางานทำอ่ะ.."

"ไปด้วยกัน"

"ไม่ต้องหรอก ขอบคุณมากนะ กวนมาทั้งวันแล้ว... เดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะ..." เจ้าตัวทำท่าจะเปิดประตูลงไป

"เดี๋ยว..." เต้รั้งไว้

".."

"มีเงินใช้หรือไง...อ่ะ นี่ ติดตัวไว้.." อีกฝ่ายยื่นเงินมาให้เขา 100บาท

"ขอบคุณนะ.." เธียร์กล่าวอย่างซึ้งใจ

"มีเงินเดือนเมื่อไหร่เราจะใช้คืน" บอกอย่างละอายใจ อีกฝ่ายทำเพียงพยักหน้าส่งๆ แล้วออกรถไป

"สวัสดีครับ" เธียร์เดินเข้ามาในร้านแห่งหนึ่ง ที่รับอัดรูปภาพ เอ่ยทักทายคนที่น่าจะเป็นเจ้าของร้าน

"สวัสดีครับ มาทำอะไรครับ อัดภาพ ล้างฟิล์ม" พี่ชายใจดีอายุน่าจะราวๆ 30 ถาม

"เห็นป้ายประกาศรับสมัครงานด้านหน้า ผมสนใจครับ"

"อ๋อ นั่งรอแป๊ปนะ.." อีกคนบอก ก่อนจะวุ่นอยู่กับการนับภาพ และจัดการบัตรคิว ร้านนี้มีคนเข้าออกตลอด

"ไอ้อ้วน มึงมาดูทางนี้แทนหน่อยซิ.." เขาเรียกเด็กวัยรุ่นอีกคนออกมาหน้าร้าน ที่ดูท่าทางก็ไม่ได้อ้วน คงจะเป็นแค่ชื่อเล่น

"อืม แล้วชื่ออะไรล่ะ? " พี่เขาทิ้งตัวนั่งข้างๆแล้วถาม

"เธียร์ครับ ชื่อเธียร์...อายุ 25 เอ่อ 26ปีแล้ว"

"อืม พี่ชื่อชัยนะ เป็นเจ้าของร้านนี้แหละ แล้วนี่จะมาสมัครมีความรู้อะไรบ้าง?"

"ผมจบตรีด้านนี้มา อาจจะไม่ได้เรียนทางกล้องมาโดยตรงแต่ผมเรียนรู้ไว.."

"แล้วทำงานอะไรมาก่อนละ? "

"ทำเกี่ยวกับจัดงานครับ เบื้องหลังเวลามีการจัดงานอะไร ทั้งออกแบบและควบคุม" เขาคิดก่อนทุกคำ ตอบให้ฟังง่ายและน่าเชื่อถือที่สุด

"แล้วพักอยู่ที่ไหน? "

"ตอนนี้อาศัยเขาอยู่ งานก็ไม่มีทำ เลยมาสมัครที่นี่แหละครับ ถ้าได้ก็คงจะย้ายมาเช่าห้องแถวนี้.." พี่ชัยทำหน้าคิดอยู่สักครู่

"ทำที่นี่ไม่มีอะไรมากหรอก ขายอุปกรณ์ ฟิล์ม ถ่าย รับมือสองมาขายบ้าง แล้วก็อัดรูป ล้างฟิล์ม เงินเดือน 6,500 ไหวมั้ย? "

น้อยชิบ...สมัยนี้มันมากหรือเปล่าวะ จะอยู่ได้มั้ยเนี่ย

"ว่าไง ไหวมั้ย? แต่ถ้าลูกค้าเยอะๆ ก็อาจจะเพิ่มเป็น 7,000 ร้านไม่ใหญ่มาก จ้างแพงกว่านี้ก็ไม่ไหวหรอก.."

"ตกลงครับ...ให้ผมเริ่มงานวันไหนดี? "

"พร้อมเลยมั้ยละ ตอนนี้เลย มาเรียนรู้งานก่อน เผื่อไม่ชอบ.."

เธียร์ไม่ปฏิเสธ กลับบ้านตุลย์ไปก็ไม่รู้จะทำอะไร สู้เรียนรู้งานไปเลยดีกว่า

และวันนี้เขาก็ทำได้ดีกว่าที่คิด เทคโนโลยีที่ล้าสมัยมันไม่ได้ง่ายเลย เพราะเขาเคยชินกับความรวดเร็ว แต่มันก็ไม่ได้ยากซะทีเดียวสำหรับคนที่ชอบการแก้ปัญหาอย่างเขา

"เฮ้ย ทำได้ดีเลยนี่! " ชัยตบไหล่เปาะๆ ให้คนที่นั่งอยู่หน้าจอคอมหลังเต่า

"ผมหัวเน่าแล้วสิพี่" อ้วนเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าโอดราวกับน้อยใจ

"เออมึงมันช้า กว่าจะทำอะไรได้สักอย่าง แล้วตัดรูปให้ลูกค้าหรือยัง อันที่เขามาสั่งเมื่อวานน่ะ.." ชัยไล่อีกคนไป ก่อนที่เราจะช่วยกันเคลียร์ทุกอย่างเพื่อปิดร้านตอนเกือบ 2 ทุ่ม

"ขอบใจมากนะ อ่ะนี่...ค่าแรงของเอ็ง...พรุ่งนี้ก็มาอีกนะ กับข้าวถ้าไม่อยากซื้อกิน หลังร้านมีครัวก็เตรียมมาทำกินได้.." ชัยยื่นเงินให้ 150 บาท

"ขอบคุณครับ ขอบคุณมากพี่.." เธียร์ยกมือไหว้ ดีใจเหมือนกับตอนได้เงินเดือนครั้งแรกในชีวิต

"อืม แล้วเจอกันพรุ่งนี้ไอ้น้อง.." ทฤนห์ยกมือไหว้ ก่อนจะดีใจกับเงินในมือ ไม่ต้องใช้เงินของเต้สักบาท เขาจะเอาไปคืนเจ้าของ

ยืนรอไม่นานก็มีรถโดยสารผ่านมา รู้หมดแล้วว่าต้องกลับบ้านของตุลย์ยังไง

กลับมาถึงบ้านไฟสว่างโร่อยู่ ไม่รู้ทุกคนนอนกันหรือยัง แต่เข้ามาในบ้านก็พบ 3 พี่น้องนั่งพร้อมหน้ากันอยู่

"มานั่งสิ.." เต้เป็นคนเรียกเขา

เธียร์ค่อยๆนั่งลง ก่อนที่ตุลย์จะเดินไปหยิบบางอย่างมา มันคือเค้กก้อนเล็กๆแล้วไฟก็ดับลง

"Happy Birthday to you~" ท่อนสุดท้ายดังขึ้น เพลงวันเกิดถูกร้องจนจบ เจ้าของวันเกิดมองทุกอย่างงงๆ

"อธิษฐานสิ.." โตบอก

เธียร์หลับตาลงก่อนที่จะเป่าเทียนอันเดียวบนเค้กก้อนนั้นจนไฟดับไป

"ขอบคุณครับ ขอบคุณมาก แล้วรู้ได้ยังไง? "

"เต้บอก.." ตุลย์บอกพะเยิดไปทางพี่ชาย

"กินข้าวกันสิ ทำรอไว้นานแล้ว ไม่นึกว่าจะกลับมาช้า.." พี่ชายคนรองเปลี่ยนเรื่องก่อนจะชวนกันจัดการอาหารตรงหน้า

การกินข้าวเป็นไปอย่างปกติสุข หัวข้อในวันนี้ก็เหมือนอย่างเดิม เรื่องดนตรีของตุลย์ ที่เป็นไปได้ดี เหมือนว่าอีก 2-3วันนี้ วันชี้ชะตาอนาคตของปีนเกลียวก็จะมาถึงแล้ว

"นี่ครับ เอามาคืน ..." เธียร์ยื่นเงินใบเดิมที่ได้มาส่งให้เต้หลังมื้อค่ำจบ

"ไม่ได้ใช้เลยหรอ?"

"อืม แถมยังได้ค่าจ้างรายวันมาด้วย..."

"ดีแล้วล่ะ แล้วจะบอกมันเลยมั้ย?" พี่ชายคนรองของบ้านถามพร้อมมองไปยังคนที่ล้างจานอยู่

"ยังไม่รู้เหมือนกัน ตุลย์ยังไม่รู้ใช่มั้ย?"

"อืม มันถาม แต่บอกไปแค่ว่าคงจะเฝ้าอยู่แถวบ้านเพราะเป็นวันเกิด มันเลยวุ่นไปหาเค้กมาให้นี่แหละ.."

"ขอบคุณนะ เราจะหาโอกาสบอกเอง"

ตุลย์คงจะไม่ว่าอะไรหรอก ดีเสียอีก จะได้ไม่เป็นภาระคนบ้านนี้

"จะแข่งแล้วสิ พร้อมใช่มั้ย? " ตุลย์ถามตอนที่เขาอาบน้ำมาเตรียมที่นอน เธียร์ขอนอนบนฟูกด้านล่าง ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้

"อืม ...แล้ววันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง ถ้ากลับมาช้ากว่านี้คงไปตามที่บ้านแล้ว กลัวว่าจะไปเป็นลมเป็นแล้ง.."

"ขอบใจนะที่เป็นห่วง แต่เราไม่ไปทำอะไรแบบนั้นแล้ว อย่างที่ว่า...เราไม่ควรไปยุ่งกับเวลา.." แม้จะเกือบโดนตำรวจจับเพราะไปยืนด่าพ่อหน้าบ้านก็เถอะ

"ดีแล้ว .."

"ตุลย์.." เธียร์เรียก

"หลังจากนี้เราคงไม่ได้ไปดูเธอซ้อมบ่อยๆ แล้วนะ เราเพิ่งไปสมัครงานมาน่ะ"

"หืม จริงหรอ ทำที่ไหนล่ะ?" อีกคนดูแปลกใจ และอยากรู้

"ร้านอัดรูปน่ะ ไม่ไกลจากบ้านเราหรอก.."

"ถ้าทำได้ดีก็ทำเถอะ ดีเลย" รอยยิ้มใจดีนั้นถูกส่งมาจากใบหน้าของตุลาเสมอ

"อืม แล้วก็หลังนี้เราคงไม่กวนทุกคนที่นี่แล้วนะ คงจะไปหาที่อยู่ใหม่ถูกๆ.." ได้ยินอย่างนั้นคนที่กำลังหยิบสมุดเพลงขึ้นมาดูก็ชะงักทันที

"ไปทำไม?" เสียงเปลี่ยนเป็นห้วน

"ก็เรากวนที่นี่มานานแล้ว รบกวนเธอด้วย เธอควรจะได้นอนสบาย เป็นส่วนตัว แต่ต้องมีเรามาอยู่ในบ้าน"

"อย่าคิดไปเอง ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย" ตุลาสีหน้าดุขึ้น

"ไม่ล่ะ เราไม่อยากพึ่งพาเธอนานๆ"

อีกคนนิ่งเงียบไป

"อยู่ที่นี่เถอะ.."

"แต่-"

"ถ้าเกรงใจก็แค่ช่วยออกค่าใช้น้ำใช้ไฟ หรือช่วยซื้อกับข้าวมาทำให้กิน มันไม่กวนมากหรอก...นอนได้แล้ว.."

แม้จะสงสัยในใจ ว่าทำไมอีกคนใจดีกับเขาขนาดนั้น แต่ก็เก็บมันไว้ในใจ ทฤนห์ล้มตัวลงนอนข้างเตียง

...สำหรับตุลา เธียร์เหมือนมาเปลี่ยนชีวิตเขา..

การที่เขาทำมันสำเร็จ ได้ไอเดียในการทำปีนเกลียวจนมีวันนี้ เป็นเพราะอีกคนมาจุดไฟในใจเขาทั้งนั้น

'เธอทำได้'

'ตรงนี้เปลี่ยนอีกหน่อยมั้ย เราว่ามันเพราะได้กว่านี้นะ'

'มาพักกันก่อนเถอะ'

'เหนื่อยมั้ย ไม่ต้องหักโหมมากหรอก มันจะออกมาดี'

ทุกคำที่เธียร์บอก มันเหมือนเขามีเพื่อนดีๆ สักคนที่คอยถีบคอยผลักดันเขา ตอนที่อีกคนเผลอซับเหงื่อให้แบบไม่คิดอะไร ตอนที่มีแต่คำพูดดีๆให้ มาจากคนเดียวกับที่นอนหลับอยู่ตรงนี้

ตุลามองลงไปข้างเตียงในความมืด...

"ไม่เห็นจะต้องไปไหนเลย.." เด็กหนุ่มพึมพำเบาๆ

ก่อนจะลุกขึ้นไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ เปิดโคมไฟเล็กๆ เขียนบทเพลงๆหนึ่งที่ดังเข้ามาในหัว

เพลงที่บอกเล่าเรื่องราวที่เขาพบแรงบันดาลใจ ตอนที่มีใครสักคนมาบอกว่าเขาทำมันได้

ถ้าหากว่าเขาไม่ได้ฟังมัน ไอ้คำพูดสร้างแรงบันดาลใจจากเธียร์พวกนั้น คงไม่ทำให้เขาเดินต่อ คงจะท้อกับความห่วยแบบที่ใครๆว่า ที่เธียร์คนที่บอกว่ามาจากอนาคตบอกเล่าถึงความสำเร็จของเขา เขาไม่ได้เชื่อหรอก...แต่เขาอยากจะทำคำบอกเล่านั้นให้เป็นจริง

อยากให้พี่ชายที่มองว่าเขาห่วย และมองเธียร์เสียสติเห็นมัน พิสูจน์ว่าคำที่เธียร์บอกเล่านั้นมันจะเป็นจริง

'ถ้าไม่ได้ยิน..'

•••••••••••⏱•••••••••••

๔ กันยายน ๒๕๖๓

ตอนที่แล้วบทที่ ๕
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๗
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด