ตอนที่แล้วบทที่ ๑๔
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๖

บทที่ ๑๕


ทวนเข็มนาฬิกา

โดย ศศิศิลป์

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

บทที่ ๑๕

พ่อทำแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...

ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขามีสองครอบครัว...

ไม่ได้มีเมียน้อยแบบเป็นบ้านเล็กหรือเป็นอีหนูอย่างที่เขาและพี่ชายคิดด้วยซ้ำ บิดามีอีกครอบครัวที่เป็นพ่อแม่ลูกอบอุ่นเลยล่ะ

เธียร์ยืนอยู่หน้าบ้านของเขาเอง เสียงทะเลาะกันของพ่อกับแม่ดังออกมาถึงร้านอาแปะ ปวดใจจริงๆ ที่ต้องมานั่งดู เขากับพี่ชายในโลกนี้ไปโรงเรียนแล้ว ทฤนห์ลาหยุดงานมานั่งอยู่นี่เพราะทนความอยากรู้ไม่ไหวจริงๆ

วันที่พ่อมารับรูปที่ร้านเขาแทบไม่อยากจะเจอหน้าด้วยซ้ำ วันที่พ่อหิ้วถุงใบนั้นเดินออกไป ห่างไกลจากคำว่าพ่อในความทรงจำที่เขารู้จักเข้าทุกที ซึ่งจากเดิมก็เลือนรางและไม่ใช่ความทรงจำที่ดีอยู่แล้ว

เธียร์รีบลุกไปเรียกมอเตอร์ไซต์เมื่อเห็นว่าบิดาขับรถออกไป

"ตามไปเลยครับ"

ถึงจะดูเหมือนพวกสะกดรอย ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ ว่าอีกบ้านของพ่อเป็นใคร

พ่อเขาจอดรถที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านหลังโตกว่าของเขา มันอยู่ไกลกันพอสมควร

"เท่าไหร่พี่.." เขายอมจ่ายเงินหลายบาทเพื่อการให้พี่วินขี่ตามมาครั้งนี้

นี่น่ะหรอ...บ้านอีกหลังของพ่อ

บิดาเขากำลังหันหลังเดินเข้าไปในบ้าน...

เธียร์ปักหลักรอไม่นานพ่อก็ออกมาพร้อมผู้หญิงสวยคนหนึ่ง และขึ้นรถออกไปด้วยกัน ผู้หญิงคนเดียวกับในรูป ใจเจ็บไปหมด ไม่รู้เลยว่าแม่อยู่กับความทรมาณแค่ไหน

เธอไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง เขาและธีร์ไม่ชอบถามเพราะแม่จะร้องไห้และดูเศร้าสร้อย ก่อนแม่จะเสียพ่อมาหาเป็นครั้งคราวแต่สิ่งที่ทฤนห์จะมอบให้จะมีแต่ความเกลียดชัง มีแต่พี่ชายเท่านั้นที่พอจะเอาพ่ออยู่บ้าง

ความเสียใจตีขึ้นอก เมื่อเสียงร้องไห้ของผู้หญิงดังมาจากในบ้าน เธียร์กลับมายืนที่นี่อีกครั้ง ที่บ้านของเขา... และเขากำลังร้องไห้ตาม แม่ไม่เคยร้องไห้โฮให้เขากับพี่เห็นสักครั้งมีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบและเธอคอยซับมันให้แห้งเสมอก่อนที่ลูกๆจะมาเห็นแล้วรู้สึกแย่

"แม่...แม่จ๋า.." เธียร์เกาะรั้วแน่นจนรถนักเรียนมาส่งเขาและพี่ที่หน้าบ้าน

"มาอีกแล้ว .." ธีร์เห็นเขาแล้วพูดขึ้น ก่อนจะดึงตัวเขาเองในวัยเด็กไปอยู่ด้านหลังและซุบซิบกับน้องชายจับใจความได้ว่าให้ระวังเขาที่อาจเป็นคนไม่ดี

"ไปหาแม่ แม่บอกเขาจะจับใฉ่ยดตู้" เธียร์ตัวน้อยดึงมือพี่ชายเข้าบ้านไป ทำให้เธียร์พอยิ้มได้กับภาพหน้าเอ็นดูนั้น ...ธีร์ปกป้องเขาเสมอ

"พี่มาทำอะไรแถวนี้ แล้วนี่ร้องไห้หรอ?" ก่อนที่รถนักเรียนจะรอเด็กตัวน้อยเข้าบ้านแล้วขับออกไป ก็มีเด็กชายมัธยมหัวเกรียนลงมายืนอยู่ด้านหลังเขาเสียก่อน

"อ้าว เอ่อ...มาไงเนี่ย" ลูกชายอาแปะร้านข้าวมาอยู่ที่นี่ได้ไงกัน

"จำผมได้เปล่า?"

"ได้สิ ได้กล้องไปแล้วลืมพี่เลยนะ"

"ลืมอะไรเล่าพี่ ผมว่าจะเอาไปให้ดูอยู่ว่ามันเป็นอะไรไม่รู้ แล้วเห็นพี่จากบนรถเนี่ยเลยลงมาหา" เขาชี้ไปทางรถนักเรียนที่เพิ่งจะขับออกไป

"อยู่โรงเรียนเดียวกับบ้านนี้หรอ?"

"ใช่พี่ พี่รู้จักน้องบ้านนี้หรอ?"

"อืม.." นี่ที่แท้ลูกค้าเขา...ไอ้เด็กคนนี้เป็นรุ่นพี่โรงเรียนเขาหรอเนี่ย เริ่มขนลุกกับความบังเอิญเหล่านี้แล้วล่ะ

"แล้วทำไมเรามากับรถรับส่งเด็กเล็กล่ะ?" ทฤนห์ถามระหว่างที่พวกเขาเดินจะออกไปปากซอย

"ก็แล้วแต่วันอะ ผมสนิทกับครูที่ดูแลรถรับส่งเลยขอติดมาประจำ"

"แล้วกลับยังไง?"

"กลับกับพี่ไง เป็นไรบอกผมได้นะ!"

"แล้วนี่ชื่ออะไรแล้วนะ ลืมแล้ว" เธียร์ถาม ยอมเสียมารยาท เขาลืมจริงๆ เอาแต่จำว่าลูกแปะร้านข้าว

"โหย อะไรเนี่ย ผมบอลไง"

"อ๋อ โทษทีนะเรียกกับพี่อ้วนว่าน้องนักเรียนตลอดเลยจนลืมชื่อ" แถออกไป จำการเรียกได้ทุกแบบนั่นแหละ ยกเว้นชื่อจริงๆของเจ้านี่

"ผมยังจำได้เลยว่าพี่ชื่อเธียร์"

"หึๆ" เธียร์ขำ ก่อนที่พวกเขาจะพากันขึ้นรถเมล์กลับด้วยสายที่ไปหน้าหอและเป็นทางไปบ้านของบอลที่เป็นเส้นเดียวกัน

"พี่มีอะไรหรือเปล่า..บอกผมได้ไหม?"

"แค่สงสัยว่าเรื่องที่เคยเข้าใจทั้งหมดมันอาจจะผิด.." เธียร์หยิบภาพอีกครอบครัวของพ่อขึ้นมาดู และภาพครอบครัวของเขาที่ซ้อนกัน

"เฮ้ย น้องคนนี้ผมรู้จัก น้องของไอ้แมน" บอลชี้ไปที่เด็กผู้ชายวัยประถมอีกคน

"จริงหรอ แล้วเขาเป็นอะไรกับเด็กในรูปนี้" เธียร์สนใจขึ้นมา

"แมนเป็นเพื่อนผม น้องคนในรูปนี้เป็นญาติมัน มาดูมันเล่นบอลบ่อยๆ" บอลชี้ไปบนภาพอีกครอบครัวของพ่อ

"พาเราไปหาเขาได้มั้ย?" เธียร์เอ่ยขอ นี่เป็นทางเดียวที่เขาจะแก้ความกระจ่างในใจ

สองสามวันมานี้เขาไม่ได้พบกับตุลย์เลยเพราะต่างยุ่งเรื่องของตนเองกัน ทฤนห์ได้บอลคอยช่วยตามเรื่องพ่ออีกแรง ยังไม่มีโอกาสได้พบกับตัวละครลับที่ว่าและตอนนี้ก็กำลังลากสังขารเดินขึ้นหอมาด้วยความหมดแรง

แกรก

ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาก็พบอีกคนนั่งรออยู่บนเตียงพร้อมกีตาร์ที่เกาอยู่

"ตุลย์~"

"ทำไมกลับช้าจัง"

"มานานแล้วหรอ พอดีคนเยอะอ่ะ เลยเก็บร้านช้า" เธียร์ทิ้งกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะ ก่อนจะนั่งลงข้างกัน

"มาสักพักแล้ว ว่าจะไปหาที่ร้านแต่มานี่เลยดีกว่า คืนนี้เรานอนนี่ด้วยนะ.." ตุลย์บอกด้วยรอยยิ้ม อีกคนเลยยิ้มรับอ่อนๆ ก่อนจะลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะอาบน้ำ

ตุลาเห็นกระเป๋าที่จะหล่นจากโต๊ะ เลยวางกีตาร์โปร่งไปคว้ามันขึ้นมา เสียมารยาทนิดหน่อย ที่เปิดกระเป๋าออกดู ข้างในพบสมุดบันทึก อยากจะอ่านมานานแล้ว แต่เจ้าของไม่อยากให้จับมันเท่าไหร่ บอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องรู้มันก่อนล่วงหน้า...

พอเดาได้ว่าข้างในคงมีเรื่องวันข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น แต่ภาพที่โผล่ออกมากับเรียกความสนใจได้มากกว่า ตุลย์ดึงภาพที่โผล่จากสมุดออกมา

นั่งมองอยู่นานก็เกิดความประหลาดใจ นี่คือคนที่บ้านหลังนั้นที่ควรจะเป็นพ่อของคนที่อาบน้ำอยู่ แต่อีกรูปทำไมจึงเป็นรูปครอบครัวคล้ายๆ กัน

แกรก

เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา

"มีอะไรทำไมไม่บอก" ตุลย์ถามพร้อมกับชูภาพในมือขึ้น

"เห็นแล้วสิ นั่นเป็นอีกบ้านของพ่อเราเอง"

"เธอรู้นานแล้วหรอ ทำไมไม่เล่าให้เราฟัง"

"เธองานเยอะ แค่เรื่องของเธอเองก็คงเยอะมากพอแล้ว เราไม่อยากเอาเรื่องปวดหัวไปให้" เธียร์คิดอย่างนั้นจริงๆ นี่คือเรื่องส่วนตัวของเขา เขาควรจัดการมันเอง

"ไม่ได้กวนอะไรเราเลย ทำไมคิดอย่างนั้น แล้วนี่โอเคใช่ไหม? ได้ไปที่บ้านมาอีกหรือเปล่า"

"ไป แต่ไม่ได้ไปวุ่นวายกับเขาหรอก ภาพนี้เขาเอามาล้างที่ร้าน"

ตุลย์ได้ยินก็คว้าตัวอีกคนมาสวมกอดไว้แน่น

"ไม่เป็นไรใช่ไหม? ไม่เป็นไรนะ..." คำที่ทั้งถามทั้งปลอบทำให้เธียร์รู้สึกดี คำเดียวกับที่เธียร์ไว้ปลอบตุลา

"อืม ไม่เป็นไรหรอก มีเธอกอดก็หายแล้วไง.."

"หึๆ" ตุลย์ยิ้มขำ

ก่อนจะคว้ากีตาร์ตัวโปรดมาดีดเป็นทำนอง

เพลงรักถูกเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยความไพเราะราวกับต้องการปลอบใจ... เด็กหนุ่มขับกล่อมมันจนจบเพลง

"เพราะมาก ชื่อเพลงอะไรหรอ อัลบั้มใหม่หรอ" เพราะไม่เคยได้ยินมันเลย เขาว่าเขารู้จักเพลงปีนเกลียวมามาก แต่กลับไม่เคยฟังเพลงนี้

"เปล่า เราแต่งให้เธอ จะไม่มีใครได้ฟังมันเลย นอกจากเธอ.." ทฤนห์ได้ยินแบบนั้นแล้วก็อดที่จะกดจูบลงไปบนปากอีกคนไม่ได้

••••••••••••••••••••?•••••••••••••••••••

๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๔

ทำไมเขาน่ารักขนาดนี้นะ...

คิ้วหนาๆ ที่ย่นเหมือนคนคิดมากจนต้องเอามือไปนวดให้หายกังวล เสียงเพราะๆกับกีตาร์ตัวโปรดนั่น

เธอจะทำให้เราไม่อยากไปไหน ซึ่งเราก็ไปไหนไม่ได้อยู่แล้วด้วยสิ

ถ้าต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปแต่มีเธอแบบนี้มันก็ดีที่สุดเลย เราพร้อมจะยอมรับทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาเลย ถ้ามีใครสักคนอย่างเธออยู่ตรงนี้ จะอีกกี่ร้อยปัญหาเราก็ยินดีจะเจอ.. เหมือนเพลงที่เธอร้องไง

เธอกำลังทำให้เรารักมาก มากจนเกินพอดี..

•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

แอบเขียนบันทึกจบก็ปิดมันลงและสอดไว้ใต้หมอน ก่อนจะปิดไฟนอนและกอดแผ่นอกที่อบอุ่นที่สุดของคนข้างๆ บนคออีกคนมีสร้อยเส้นหนึ่งอยู่ สร้อยที่เป็นของขวัญวันเกิดจากเขาเอง

_____________

"นี่ไงพี่ไอ้แมน มึงนี่พี่เธียร์ที่กูเล่า" บอลแนะนำ

"สวัสดีครับ" สองคนยกมือทักทายกัน

"พี่จะอยากรู้จักไอ้ธารทำไมอ่ะ มีอะไรหรือเปล่า.."

ชื่อธารงั้นหรอ คงเป็นลูกของพ่อจริงๆ..

"พี่อยากรู้เรื่องครอบครัวเขาน่ะ พอดีมันไปเชื่อมโยงกับอีกคนที่พี่รู้จัก" ทฤนห์ไขความกระจ่าง

"เรื่องอีกบ้านของน้าธรรมหรอพี่.." แมนเอ่ยถาม

"นี่รู้จักด้วยหรอ รู้เรื่องนี้ด้วย..." นึกอึ้งที่เด็กหนุ่มตรงหน้าก็รู้เรื่องกับเขาด้วย

"รู้สิ ผมเป็นญาติฝ่ายแม่ของธารมัน..."

นี่...เขากำลังได้คุยกับคนของครอบครัวอีกฝ่ายด้วยซ้ำหรือเนี่ย

"แล้วอีกบ้านหมายความว่ายังไง มันเป็นมายังไง?" ทฤนห์จี้ถาม

"ก็ไม่มีอะไรมากนะพี่ น้าธรรมคบกับน้าสาวผมมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมโน่น.."

แมนเล่าไปใจทฤนห์ก็รู้สึกว่าหดลงเข้าเรื่อยๆ จนเหลือจะเท่าเม็ดถั่วเขียวอยู่แล้ว

"มีลูกด้วยกันคนเดียวก็คือธารนี่แหละ เดี๋ยวพี่ก็เจอ แล้วก็ยังไงล่ะ...ก็ประมาณว่าแกไปทำงานก็ไปเจอคนใหม่ จะเรียกเมียน้อยก็ไม่ผิด จนไปสร้างอีกบ้าน โกหกน้าผมว่าไปทำงาน เดินทางไปๆมาๆที่บ้าน น้าผมก็เชื่อ ...จริงๆ แล้วแกไปมีลูกอีกคนหนึ่ง น้าผมเพิ่งจับได้ไม่กี่ปีนี่เอง เก็บเก่งมาก ลูกเขาโตแล้วด้วยนะ"

เมียน้อย....

ที่แท้เมียน้อยคือบ้านเขาเองที่เป็นบ้านเล็ก

ไม่ใช่ว่าพ่อทิ้งเราไปหาบ้านเล็กอย่างที่เข้าใจ

เหมือนตัวเขาเล็กลงไปอีก เล็กเข้าเรื่อยจนเหมือนจะหายไปจากตรงนี้เสียให้ได้...

"ละ แล้ว...ฝ่ายโน้นเขา.."

"เขาก็ไม่รู้ มาเคลียร์กันก็ตกลงว่าฝ่ายโน้นเขายอมถอยนะ นี่ผมรู้ไม่มากหรอก แอบฟังทั้งนั้น แม่กลัวผมจะบอกธารมัน น้องมันยังเด็ก.." แมนยังคงบอกเท่าที่รู้ แต่เท่านี้ก็มากพอแล้ว

"แล้วพี่จะรู้เรื่องนี้ไปทำอะไรน่ะ อย่าบอกนะว่าบ้านโน้นให้พี่มาสืบจากผมน่ะ.."

เขาแทบไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว มันจุกไปทั้งอก...

"พี่.." บอลพยายามสะกิดเขา

แต่มันชาจนไม่รู้สึกอะไร

ตลอดเวลาที่พ่อบอกว่าไปทำงานไกล

พ่อไปหาภรรยาที่ถูกต้องมาตลอด...

แม่ไม่เล่าอะไรเลยนอกจากบอกว่าพ่อมีคนอื่น..

แม่คงอยู่กับความละอายที่เป็นบ้านเล็กของพ่อ...

เขาปฏิเสธจะคุยกับพ่อมาตลอด

ธีร์รู้เรื่องนี้หรือเปล่า...

ทำไมความจริงมันปวดใจอย่างนี้นะ..

"นั่นไงมาแล้ว ไอ้ธารมานี่สิ มีคนอยากเจอ.." เด็กชายประถมวิ่งตรงมาทางเขา

นี่คือพี่ชายต่างแม่ของเขาสินะ...

หน้าตาคล้ายธีร์มากๆ..

คงเพราะทั้งคู่เหมือนพ่อ..

"หวัดดีพี่ ใครอะพี่แมน.." เด็กน้อยคนนั้นถามตาใส

"ชื่อ..ชื่ออะไรนะ.."

"ชื่อพี่เธียร์.." บอลช่วยเพื่อนตอบ

"เธียร์...ชื่อเหมือนลูกเมียน้อยพ่อเลย พี่อยากเจอผมหรอ" เด็กน้อยพูดเสียงใสเหมือนเป็นเรื่องปกติ

"ทำไมพูดงั้นละไอ้จ้อย.." แมนว่า ไม่คิดว่าน้องจะเสียมารยาท

"ก็แม่บอกอย่างนี้นี่พี่แมน บอกว่าพ่อมีเมียน้อย มีลูกใหม่ด้วยชื่อธีร์กับเธียร์ ทำไมพี่ชื่อเหมือนมันเลย..." ถ้อยคำที่เดาได้ว่าแม่เด็กคนนี้คงเกลียดชังอีกบ้านพอสมควรทำเอาเธียร์ผุดลุกขึ้นยืน

"ข ขอโทษนะ.." ไม่รู้ทำไมถึงกล่าวขอโทษออกไป ทฤนห์เสียงสั่นเครือ

"เฮ้ย ขอโทษทำไมพี่...เอ็งขอโทษพี่เขาเลย แค่ชื่อเหมือนแต่อย่าไปลามปามมั่วสิวะ" แมนเบิ้ดกะโหลกน้องไปที

"ขอโทษพี่..." ธารยกมือไหว้เขา

"ขอบคุณมากนะแมน ระ เรากลับก่อนนะ"

ตะกุกตะกักไปหมดเหมือนโดนไม้หน้าสามตีแสกหน้า

"พี่เป็นไรเปล่า.." บอลรีบเดินตามเธียร์มาหลังจากบอกลาเพื่อนแล้ว

"มะ ไม่.." พยายามไม่อยากร้อง แต่ไม่ไหวแล้ว น้ำตาพรั่งพรูออกมาอาบหน้า ก่อนที่จะทรุดลงนั่งกับเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล

"พี่...เฮ้ยพี่ไหวนะ.."

"ไม่ ไม่เลย...ฮึก ไม่ไหว.." เขาเริ่มสะอื้นจนตัวโยน บอลทำตัวไม่ถูกได้แต่เอามือลูบหลังป้อยๆ

จนแล้วจนเล่าเป็นบอลที่ต้องลากพี่ร้านรูปของเขากลับด้วยจนได้ จนพากันมานั่งกินข้าวกินปลาอยู่ที่ร้านของอาแปะพ่อของบอล

"กินสักหน่อยนะพี่.." บอลยังคะยั้นคะยอ

ตั้งแต่เลิกเรียนนัดเจอแมนและไปรอธารที่โรงเรียนน้องมัน เด็กหนุ่มยังไม่เห็นอีกฝ่ายกินอะไรเลย

"พี่..."

"..."

"พี่เธียร์" บอลดีดนิ้วดัง เป๊าะ ด้านหน้าอีกคน

"ห้ะ ... อ อ๋อ กินเลย พี่ไม่หิว"

"กินหน่อยเถอะพี่ เตี่ยผมทำสุดฝีมือเลยนะ"

"ไม่เป็นไร ขอบใจนะ"

"นะพี่กินหน่อย ผมอู้งานเตี่ยมาอยู่เป็นเพื่อนเลยนา .."

"เฮ้ยขอโทษด้วยนะ แต่ไปช่วยงานเตี่ยก็ได้ เราโอเค.."

"ไหวก็บ้าแล้ว ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่เป็นอะไรกับบ้านนั้น แต่สภาพนี้หรอไหว...กินเลย กินๆ มื้อนี้ผมเลี้ยง ถ้าพี่ไม่กินก็นั่งอยู่ตรงนี้อะเอาดิ.." บอลเตรียมท่าทางจะนั่งจ้องเขาจริงๆ จนเธียร์ต้องยอมตักอาหารเข้าปาก

"อะไร อิ่มแล้วหรอพี่.." เด็กหนุ่มงงเมื่อหนุ่มรุ่นพี่วางช้อนลง

"ขอโทษนะ กินไม่ลงจริงๆ.."

"อ่ะ ไม่เป็นไรๆ งั้นไป ผมไปส่งที่หอ.."

"ไม่เป็นไร.."

"พี่น่ะหรอไม่เป็นไร แล้วก็เก็บเงินไว้เลย บอกแล้วผมเลี้ยง ถือว่าขอบคุณที่พี่ดูแลจนผมได้กล้องมาแล้วกัน" บอลฉีกยิ้มซึ่งอีกคนก็ไม่มีแรงปฏิเสธแล้ว

เธียร์มายืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง หลังจากบอกลานายหัวเกรียนชุดนักเรียนที่มาส่งถึงหน้าหอ ก่อนมือจะเอื้อมไปเปิดประตูห้องออก

"ตุลย์.." ตุลานั่งรอเขาอยู่ในห้องแล้ว

"ไปไหนมา.."

"นึกว่ามีซ้อมซะอีก.."

"ไปไหนมา! " อีกคนถามเสียงดังขึ้น

"โมโหอะไรมา วันนี้เราไม่พร้อมทะเลาะหรอกนะ.." ไม่อยากจะตอบโต้เลย เขาไม่มีแรงจะเดินด้วยซ้ำ

"แค่ตอบว่าไปไหนมา คำถามยากหรอ?"

"ไม่ยาก แต่ทำไมไม่พูดดีๆ.."

"ไปกับไอ้เด็กนั่นมาอีกแล้วหรอ? "

เธียร์เลิกคิ้วมอง

"ถ้ารู้แล้วเธอถามทำไม.."

"โถ่โว้ย!" ตุลย์โมโหขึ้นอีกครั้งที่วันนี้อีกคนกลับตอบโต้แปลกไป

"ถ้าจะเป็นแบบนี้กลับไปเถอะ เราไม่พร้อมจะคุย.."

ทำไมกัน...

แทนที่จะกลับมาเจอคนที่ควรจะปลอบกันในวันแย่ๆ ตุลากลับใช้อารมณ์แบบเด็กๆ

"นี่เธอไล่เราหรอ.."

"จะคิดอย่างนั้นก็ได้.."

ยอมรับว่าผิดที่ประชด แต่ใจไม่พร้อมจะโต้เถียง ความเชื่อและความเข้าใจทั้งชีวิตเขาเพิ่งถูกทำลายลง

เพิ่งรู้ตัวและกลายเป็นลูกเมียน้อยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ ใจมันยากจะรับไหวจริงๆ ถ้าต้องมาทะเลาะกับตุลย์ด้วย เขาคงพังเละไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

ปัง!!!

ตุลย์ปิดประตูออกไปแล้ว...

เขาไม่ผิดที่ไม่เข้าใจเพราะเขาไม่รู้เรื่อง...

ตุลายังเด็กนัก...

••••••••••••••••••••?•••••••••••••••••••

4/พ.ย./2544

รู้ตัวอีกทีก็เป็นลูกเมียน้อยซะงั้น

เราสองคนเป็นบ้านเล็กของพ่อธีร์จะรับได้มั้ย..

แม่ต้องทนอยู่กับคำนี้และเก็บมันไว้เพื่อรักษาหัวใจของเรา แม่คงจะเจ็บไปทั้งใจ...

จนแม่ไม่อยู่ก็ไม่เคยเอ่ยปากเล่าให้เธียร์ได้รู้สึกแย่เลย..

พ่อใจร้ายกับเรามาก...

ใจร้ายมากเกินที่เธียร์จะรับได้

แทนที่วันนี้จะมีไหล่ของตุลย์ให้กอดให้ซบ

เขากลับใช้อารมณ์

ผิดเองที่ไล่เขาไป

ใจเรามันไม่พร้อมจะพูดเรื่องนี้ซ้ำๆเพื่อตอกย้ำตัวเอง...

วันนี้มันเจ็บไปหมดเลย ทำไมต้องมารับรู้ด้วย...การไม่รู้มันยังดีซะกว่า

ต้องรีบเข้มแข็ง

It's Just a Bad Day, Not a Bad Life

•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

.

.

.

•••••••••••⏱•••••••••••

๑๒ กันยายน ๒๕๖๓

ตอนที่แล้วบทที่ ๑๔
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๖
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด