ตอนที่แล้วบทที่ ๑๕
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๗

บทที่ ๑๖


ทวนเข็มนาฬิกา

โดย ศศิศิลป์

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

บทที่ ๑๖

กึกๆ เคร้งง

เสียงถาดหล่นทำเอาอ้วนและชัยสะดุ้งโหยงเดินมาดู

"ข ขอโทษพี่" เธียร์รีบเก็บถาดกับข้าวขึ้น

"เฮ้ย มึงไหวนะ?" ชัยถามนึกห่วง

"มึงเป็นอะไรเปล่าวะ ท่าทางไม่ดีเลยช่วงนี้" อ้วนเอามืออังหน้าผากอีกคน

"..ใจลอยนิดหน่อย ไม่มีอะไร" เธียร์ดึงตัวออก ก่อนจะเดินเก็บของที่หล่นให้เรียบร้อย

ชัยและอ้วนมองหน้ากันทันที รู้ดีว่าไม่จริง เจ้าของร้านโบ้ยหน้าให้รุ่นน้องออกไปก่อน ก่อนที่จะเดินไปหาอีกคน

"มึงมีอะไรเล่าพี่ได้นะไอ้เธียร์ เป็นแบบนี้กูใจไม่ดีเลย"

"เปล่าพี่ ผมดูแย่ขนาดนั้นเลยหรอ.."

"อืม มากเลยว่ะ เพราะไอ้ตุลย์หรือเปล่า มันไม่มาหลายอาทิตย์แล้วด้วย" เพราะไม่เห็นพ่อนักร้องนำคนนั้นเลย เขาและอ้วนเลยทึกทักไปเอง

"ไม่ใช่หรอกพี่ จะว่าใช่ก็มีส่วนคือผมผิดใจกันนิดหน่อย.."

"ไม่นิดแล้วมั้ง.."

"ไม่ใช่ทั้งหมดจริงๆพี่ เป็นเรื่องที่บ้าน.."

"ห้ะ? ยังไงวะ มึงไม่เคยเล่าเรื่องที่บ้านเลย บอกกูได้นะ เผื่อกูจะช่วยได้.." ชัยสนใจ เพราะน้องคนนี้ไม่แม้แต่จะเคยกลับบ้านหรือพูดถึงครอบครัวให้ฟัง

"พี่จะทำไงวะ เมื่อคิดว่าพ่อมีเมียน้อยมาตลอด แต่สุดท้ายดันเป็นลูกเมียน้อยซะเอง.." แววตาสั่นไหว เรื่องราวนั้นทำเอาคนฟังจุกอก

"เฮ้ยย คือมึง...โห กูไปไม่เป็นเลย.." ชัยเกาหัวแกรกๆ

"นั่นแหละพี่ มันก็แค่...ไม่เคยรู้มาก่อน ผมไม่รู้ว่าแม่ทนเก็บมันเพื่อผมมานานแค่ไหน..ผ ม ฮึก ผะ ผม...ผมไม่เคยรู้เลย ไม่เคยปลอบแม่เลย ไม่รู้ว่าเขาเจ็บคนเดียวแค่ไหนจนวันที่เขาตาย เขายังไม่พูดให้ผมเกลียดพ่อเลย..." เธียร์ทุบอกดังปึกๆ

"ห่าเอ้ย ไม่เอามึง มาๆ.." ชัยคว้าน้องมากอด

"ฮึก ฮือออ ผมเจ็บไปหมดเลยพี่ แม่ไม่เคยสอนให้ผมเกลียดพ่อ บอกแค่เขามีอีกครอบครัวและเราต้องอยู่กันได้ ...แม่ทำงาน ฮึก หนักเพื่อผม ไม่เคยปริปาก แม่ต้องอยู่กับความอายหรือเปล่า ใจเขาเจออะไรบ้างผมไม่รู้เลย...ฮึก พี่..ผมทำยังไงดี" เธียร์สะอื้นไม่หยุด

"มึงใจเย็นๆนะ ...มันไม่ใช่ความผิดมึง เขาไม่อยากให้มึงรู้เพราะกลัวมึงจะทำใจไม่ได้อย่างวันนี้หรือเปล่า มึงใจเย็นๆ.." ชัยลูบหลังคนที่ร้องจนตัวกระตุก

"พอแล้วมึง พอแล้ว...กูจะร้องตามแล้ว.." ชัยเริ่มน้ำตาคลอแล้วจริงๆ

"เฮ้ย พี่ทำไรมันวะเนี่ย?" อ้วนที่เดินเข้ามาใหม่เนื่องจากได้ยินเสียงแปลกๆชี้ไปที่ชัย

"ทำส้นตีนอะไรล่ะ?"

ชัยเอาเท้ายกหมายจะถีบอีกคน

"มึงมาปลอบมันเลย.. กูทำตัวไม่ถูกแล้วเนี่ย" ชัยกวักมือเรียก

สองคนให้เธียร์ไปนั่งพัก โดยมีพี่หมวยร้านข้างๆ แฟนสาวของชัยนั่งปลอบด้วย ตัวชัยเองเล่าเรื่องที่รู้มาให้อ้วนฟังด้วยอีกคน

"โอ้โห อย่างกับละครวิทยุ"

"เออสิ กูฟังยังอึ้ง"

"พี่เอาไงต่ออะ.."

"กูว่าจะให้มันไปพัก.."

"จะดีหรอพี่ สภาพอย่างนั้น...ไม่มีใครด้วย ให้ไปไกลตาได้หรอ.." อ้วนว่า

"เออว่ะ ลืมคิดไปเลย.." ชัยเห็นด้วย

"แต่มันก็อาจจะดีนะพี่ ลองถามใจมันดู... แล้วไอ้ตุลย์นักร้องคนโปรดผมไปไหนของมันวะ จริงๆ มันน่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนเธียร์มันนะ..." ไม่ถูกใจซะแล้ว มาทิ้งคนที่เหมือนน้องชายเขาไปอย่างนี้

"มึงไปรู้เรื่องกับพวกมันหรือไง... ต้องให้มันตัดสินใจเอง" ชัยว่า

บนเส้นทางสู่จังหวัดไม่ไกลจากกรุงเทพ ด้วยงบจำกัดและเงินสนับสนุนจากชัยทำให้เธียร์ออกเดินทางได้ไม่ไกลนัก เขาโชคดีเหลือเกินที่มีชีวิตรอดบนโลกตอนนี้ด้วยคนดีรอบๆกาย

เกือบจะปีนึงแล้วที่มาอยู่ที่นี่ เรื่องราวที่พบเจอและโลกที่หมุนช้าลงเพราะไร้อินเทอร์เน็ตทำให้เวลาเหมือนนานกว่านั้น เขายังคงคิดถึงความสบายของโลกที่จากมา แต่ทว่าก็ได้ดื่มด่ำบรรยากาศเก่าๆจนชุ่มปอด

ซาวด์อะเบ๊าท์เครื่องโปรดที่เก็บเงินซื้อมายังคงทำงาน เพลงพี่โจ้ที่เขาได้ไปชมการแสดงสดยังคงบรรเลงตลอดทาง

••••••••••••••••••••?•••••••••••••••••••

20 ธันวาคม 2544

เกือบจะครบปีแล้ว น่าใจหาย...

จะได้กลับไปเมื่อไหร่กันนะ...

คิดถึงธีร์ชะมัด มันรู้ต้องหัวเราะแย่เลยที่อยากจะกอดมันขนาดนี้...

ออกเดินทางมานอกเมืองคนเดียวครั้งแรก

ถ้าเป็นที่โน่นนี่คงเป็นเรื่องปกติ ที่จะไปเที่ยวแบบแบ็คแพคคนเดียวจนเพื่อนแซวว่าอยู่บ้านไม่เป็น...

ยิ่งเจอเรื่องจริงที่ควรจะถูกเก็บไว้อย่างเดิมมา

ยิ่งอยากจะกลับไปหาธีร์จะแย่...

ร้องไห้ด้วยกันก็ดีกว่าร้องคนเดียว...

แม่อยู่ไม่ไกลแท้ๆ แต่ไปหาไม่ได้...

ยิ่งไม่มีตุลย์ที่นี่ก็ไม่น่าอยู่เลย..

อยากกลับไปที่ๆ ควรอยู่แล้ว

It hurts to let go, but sometimes it hurts more to hold on.

•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

เกร๊งๆ

เสียงกระดิ่งที่เพิ่งแขวนไว้ได้ที่ประตูร้านพรชัยไม่นานมานี้ถูกตีจนดัง

"อ้าว หายไปนานเลยนะเอ็ง" ชัยทักทายคนมาใหม่

"เธียร์ไม่อยู่หรอพี่" ตุลย์ถามหา เขาไปหาที่หอเมื่อวานเพราะเป็นวันหยุดอีกคนแต่ไม่พบ

"หึ ไม่อยู่ ..หลายวันแล้ว.."

"ไปไหน.." ยังไม่ทันจะได้คำตอบ

"อ้าวมาได้ซักทีนะมึง..หายหัวไปเลย" อ้วนก็แทรกขึ้นมา

"ผมงานยุ่ง.." ตุลาตอบด้วยหน้าเครียดๆ

"อ๋อ ยุ่งจนน้องกูผอมกะหร่องจนมันหนีไปแล้วเนี่ย.." อ้วนว่า

"หนี? หนีอะไรพี่ เธียร์ไปไหน?" ตุลย์ร้อนรน เพราะมะรืนนี้เป็นวันครบรอบที่ได้เจอเธียร์ แค่คิดไปเองว่าอีกคนอาจจะหายไปเลยรีบแจ้นมานี่

"มาเป็นห่วงตอนนี้เรอะ ปล่อยมันอยู่กับความรู้สึกแย่ๆคนเดียวเป็นเดือนๆ"

"ใจเย็นไอ้อ้วน เธียร์มันไปต่างจังหวัด" ชัยปรามน้องและตอบคำถามไปด้วย

"ไปที่ไหนพี่.." ตุลย์ถามร้อนรน

"เท่าที่กูรู้..." ชัยบอกพิกัดไปอย่างไม่ลังเล อยากจะให้น้องเขาได้มีกำลังใจข้างๆ ชัยรู้ว่าตุลย์จะช่วยเยียวยาความรู้สึกเธียร์ได้

"โถ่ พี่แม่งบอกมันง่ายไป.." อ้วนบ่นหลังจากอีกคนวิ่งออกไป

"ไอ้อ้วน เธียร์ก็เหมือนน้องกูนะ มึงไม่อยากให้มันมีความสุขหรือ?"

"อยากสิพี่ แต่มันง่ายไปมั้ยวะ วัยรุ่นเซ็ง.." ชัยตบกะโหลกอีกคนไปทีด้วยหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปมองภาพของสองคนบนผนัง ภาพที่เธียร์กับตุลย์ยิ้มร่าให้กล้อง มันถูกถ่ายในร้านนี้แลถูกแปะติดไว้ข้างๆ กับภาพพวกเขาที่ถ่ายโชว์ไว้

เธียร์ถูกเยียวยาด้วยความเป็นมิตรของชาวบ้านในตลาด เขาเดินมันทุกวัน มาซื้อของอร่อยกิน ส่วนเวลาว่างคือการจดบันทึก พอให้ได้ลืมเรื่องราวร้ายๆไปบ้าง

เขาเดินกลับมาที่โฮมสเตย์ไม้หลังเล็กๆ และยิ้มทักทายกับเจ้าของที่พัก ก่อนของทั้งหมดในมือจะหล่นลง เมื่อภาพในทีวีหลังเต่าถูกฉายภาพของอุบัติเหตุ รูปขวาบนของจอมีภาพของตุลย์ปรากฏ

เธียร์คว้ารีโมทมาเปิดจนสุดเสียง ก่อนที่จะทิ้งเข่าลงบนพื้นไม้ สติหายไปชั่วคราว จนเจ้าของที่พักต้องเขย่าตัวเรียก

ฟากโรงพยาบาลอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด หน้าห้องมีทั้งครอบครัวและเพื่อนๆของตุลานั่งกุมขมับ หน้าโรงพยาบาลมีแฟนเพลงและนักข่าวบางส่วนมาออกัน

เธียร์ที่นั่งรถและโดยสารทุกยานพาหนะเพื่อให้มาถึง วิ่งหน้าตั้งมาที่โรงพยาบาลระหว่างจังหวัดที่เขาอยู่และในเมือง ทุกคนอยู่กันพร้อมแล้ว

"เธียร์.." ชัยเรียกน้อง

"พี่ ตุลย์เป็นยังไงบ้าง...เขาเป็นยังไงบ้าง กะ เกิดอะไรขึ้นพี่.."

"ใจเย็นๆ.." ชัยเข้ามาลูบหลัง

"ยังไม่ฟื้น.." อ้วนบอกความจริง ทำเอาเธียร์เข่าทรุดอีกรอบ เต้ที่ได้ยินเสียงคุยกันหันหลังปรี่เข้ามา

"พวกมึงทะเลาะอะไรกัน?" เต้ถามเสียงดัง

"ใจเย็นพี่" บ่วงดึงตัวพี่ชายเพื่อนเอาไว้

"ก็เพราะมันไหมวะ น้องกูถึงต้องขับรถออกมาต่างจังหวัดแบบนี้คนเดียวค่ำๆมืดๆ!" เต้โวยวาย แต่โตดึงตัวห้ามไว้

"มันอุบัติเหตุมึงใจเย็น" โตปราม

"ใช่มันอุบัติเหตุ แล้วไอ้เธียร์มันไม่เกี่ยวอะไรด้วย ถ้าจะโทษน้องมันโทษผมได้ ผมสั่งให้มันไปพักผ่อนที่ต่างหวัดเอง และผมก็บอกตุลย์เองว่าน้องมันไปที่นั่น.." ชัยบังตัวเธียร์ไว้ น้องเกาะชายเสื้อเขาแน่น

"ถ้าน้องกูเป็นอะไรนะ!" เต้ชี้หน้าทุกคน ส่วนอ๋องรีบดึงตัวเธียร์ออกมาก่อน

"แม่งโว้ย!! " อ้วนเตะพื้นหลังจากช่วยกันพาเธียร์ออกมา

"ใจเย็นนะพวกพี่.." อ๋องปลอบทุกคน

"มึงไม่ต้องคิดมาก มึงไม่ผิด... ถ้าผิดก็กูเอง ที่บอกว่ามึงไปไหน...มันมาถามถ้ากูไม่บอกมันก็ไม่ขับรถมาชน" ชัยจับไหล่เธียร์แน่น

"ผม... ผม.." ทฤนห์ไม่รู้จะพูดอะไร

ทำไมทุกอย่างต้องประเดประดังเข้ามาพร้อมกันอย่างนี้ด้วย

"ผมว่าทุกคนกลับไปก่อนดีกว่า...วันนี้น่าจะยังไม่ดี รอให้ใจเย็นๆกันกว่านี้ค่อยมา.." อ๋องว่า

"ม ไม่! เราไม่ไปไหน เราจะอยู่รอตุลย์ฟื้น!"

"ไอ้เธียร์..." อ้วนทำท่าจะปราม แต่ชัยยกมือห้าม

"พวกพี่กลับกันไปก่อนนะ ผมขอโทษที่ผมทำวุ่นวายอีกแล้ว" เธียร์บอกเสียงสั่น

"ก็บอกแล้วมึงไม่ผิด มันเป็นอุบัติเหตุ.." ชัยว่า

"งั้นพี่ๆกลับกันก่อนก็ได้ ส่วนพี่..ถ้าจะอยู่ผมจะช่วยดูแลเอง" บ่วงที่เดินมาเสริมทีหลังแนะนำ เพราะว่าชัยกับเต้เจอกันแบบเมื่อกี้ไม่น่าจะดี

"งั้นมีอะไรมึงหยอดตู้หากูนะ กูจะรีบมา.." ชัยยอมถอยและทิ้งท้ายไว้กับเธียร์ ก่อนจะพากันกลับกับอ้วน

เต้และโตนั่งอีกมุมนึง ส่วนบ่วงและอ๋องก็นั่งเป็นเพื่อนเธียร์อีกมุม

"ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ.." เธียร์ถามอย่างคนสติเลื่อนลอย

"อาจจะเพราะศาลนั่นมั้ง.." บ่วงตอบ

"หืม?"

"อ๋องเอ็งจำวันที่เราขับรถชนพี่เขาได้มั้ย.. วันที่เราไปบนกันที่นั่น.." บ่วงถามอีกคน

"ได้สิวะ ข้าเป็นคนพูดนำเองอะ ...ว่าขอให้เราได้โด่งดัง ขอให้เรามีชื่อเสียง ขอให้ประสบความสำเร็จแล้วจะกลับไปแก้บนที่นั่น.." อ๋องนึกย้อนไปวันนั้น เป็นช่วงเดือนนี้ของปีที่แล้ว..

___________?️?️?️___________

ปีก่อน

"เฮ้ย มานี่เร็วพวกเอ็ง ฝนจะตกแล้ว.."

"มันตกแล้วโว้ยไอ้อ๋อง" บ่วงบ่น เพราะฝนมันโปรยลงมาแล้วต่างหาก

3 คนนั่งคุกเข่าข้างหน้าศาลเก่าๆ ใต้ต้นไม้

"ทุกคนพนมมือว่าตามข้า.."

"ไร้สาระชิบหาย" ตุลย์บ่น แต่โดนบ่วงตบหัวไปที

"อย่าลบหลู่โว้ย! " บ่วงว่า

"พูดตามนะ....

ข้าพเจ้านาย.... ขอให้วงปีนเกลียวประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงและมีแต่คนรักคนชื่นชม ขอให้ดังเป็นพลุแตก ถ้าสำเร็จพวกเราจะกลับมาทำบุญให้" อ๋องว่าจบก็ยกมือท่วมหัว ก่อนจะกราบลง

แต่ตุลายังคงก้มหน้าหลับตาภาวนา...

เปรี้ยง!

"โว้ยย ขออะไรนักวะ ฟ้าจะผ่าตายห่าเอา ไปเร็วเข้าขึ้นรถ..." บ่วงสะกิดเพื่อน ตุลย์เลยยกมือท่วมหัวแล้วกราบลงก่อนจะลุกตาม

"ไม่เชื่อแต่ขอใหญ่เลยนะโว้ย" บ่วงขำเมื่อขึ้นรถกันมาแล้ว

"ก็ถ้าศักดิ์สิทธิ์จริงก็ต้องขออย่างอื่นไว้บ้างสิวะ" ตุลย์บ่น อ๋องกระชากรถที่จอดไกลจากศาลพอตัวออก และต้องย้อนไปทางแยกที่ผ่านศาลๆ จู่ๆ ก็มีคนวิ่งออก

"ระวัง!! คน!!" บ่วงที่นั่งข้างคนขับตะโกนสุดเสียง

เอี๊ยด ปัง!!

เสียงเบรกและเสียงชนเล็กน้อย ทำเอาสามคนกรูลงไปดู

"ไอ้อ๋องขับรถส้นตีนอะไรวะ" บ่วงด่า

"ก็ข้าไม่เห็นนี่วะ จู่ๆก็โผล่มา..เอาไงดี จะตายไหมวะ?"

"จะติดคุกกันก่อนจะดังแล้วมั้งเนี่ย"

"อย่าเพิ่งเถียง พาเขาไปโรงบาลก่อน!!" ตุลย์ช่วยกันพยุงคนเจ็บขึ้นรถอย่างระวัง

___________?️?️?️___________

ตั้งแต่ได้ฟังเรื่องจากอ๋อง เธียร์ก็เอาแต่คิดทบทวนไปมา บ่วงมาเช่าโรงแรมห้องเล็กๆอยู่ข้างโรงพยาบาล เธียร์มีของไม่เยอะเขาเลยหยิบมาและเช็คเอ้าท์มาจากที่เก่าแล้ว พากันมาพักอยู่ที่นี่รอตุลย์ฟื้น...

เพราะจะให้เฝ้าหน้าห้องก็เกะกะการทำงานแพทย์และขวางตาเต้ไปหมด อีกสองคนนอนหลับเอาแรง แต่เขาเองกลับนั่งกอดเขาเหม่อลอย ฝนตกพรำๆ ยิ่งทำเอานอนไม่หลับจนเช้า

"ไหวนะพี่ เล่นไม่นอนทั้งคืนเลย.." บ่วงตบไหล่ทฤนห์เปาะๆ

"ตาโหลหมดแล้ว" อ๋องว่าอีกคน

และเท้าทุกคนก็หยุดชะงักลง เมื่อพบกับพ่อแม่ของตุลย์ยืนอยู่ สามคนพากันสวัสดี คนพ่อมองเธียร์ด้วยสายตาดุดัน

"เป็นยังไงบ้างครับแม่" บ่วงเอ่ยถามต๋อย

"ยังไม่ฟื้น แต่พ้นขีดอันตรายแล้ว ไปดูด้วยกันไหมลูก" เธอพูดด้วยยิ้มบางๆ ทั้งเข้มแข็งและไม่กล่าวโทษใคร

"ไปกันก่อน ขอพ่อคุยกับเพื่อนตุลย์คนนี้หน่อย" เสียงทุ้มบอกภรรยา บ่วงและอ๋องทำท่าจะแย้ง แต่แม่ก็พยักหน้าให้วางใจก่อนเธอจะลูบแขนสามีให้คุยดีๆ

"เห็นแล้วใช่ไหมว่ามันเป็นยังไง.."

"ครับ?"

"เห็นสภาพมันไหม?"

"แต่มันคืออุบัติเหตุ.." ทฤนห์เอ่ยแย้ง แม้ในใจจะโทษตัวเองแต่เขาใช่จะตั้งใจให้เป็นอย่างนี้

"ถ้ามันไม่ใจร้อนไปหาเธอมันจะเอาตัวเองไปเกือบตายอย่างนั้นไหม.."

"เป็นผมมันผิดทุกอย่างเลยสินะ.." เธียร์พึมพำ

"เลิกไร้สาระแล้วไปจากมันสักที.."

เสียงทุ้มกังวานนั้นออกคำสั่ง...

"ถ้ามันทำให้เขาฟื้นขึ้นมา ผมจะทำ"

"เหอะ ถ้ามันไม่ฟื้นฉันก็จะทำให้เธอหายไปเอง.." พ่อของตุลย์น่ากลัวอย่างที่ทุกคนกังวลจริงๆ

คำบอกเล่าทุกอย่างวนมาในหัว เรื่องที่อีกคนไปบนบานที่ศาลใต้ต้นไม้นั่น บางทีพรุ่งนี้จะวันที่ 25 แล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์อาจจะทวงสัญญา

แต่ก่อนจะไปพิสูจน์ ขอแค่ได้เห็นหน้าอีกครั้ง...

แกรก

ประตูถูกเปิดเข้ามาด้วยใจที่สั่นไหว ตุลานอนนิ่งมีเครื่องออกซิเจนช่วยหายใจที่ปาก มีสายระโยงระยาง ผู้คนรายล้อมเตียงและบ้างก็นั่งที่โซฟา

โตพยักหน้าให้เขาก้าวเดินไปหาคนเจ็บที่ไม่รู้สึกตัว...

แหมะ

น้ำตาเม็ดใสเผลอหยดลง ทฤนห์ไม่มีคำใดจะเอื้อนเอ่ย

นอกจากจับมืออีกคนมากุมไว้...

"มันจะปลอดภัย.." เป็นเต้ที่พูดขึ้น แต่เป็นการเอ่ยที่ไม่ได้มองหน้าเธียร์ด้วยซ้ำ ดวงตาคู่นั้นมองไปยังน้องชายของตน...

"เขาจะไม่เป็นอะไร.." เธียร์ย้ำเหมือนยืนยันกับตัวเอง ก่อนที่จะยกมือไหว้ลาทุกคน

"พี่จะไปไหน.." อ๋องถาม

"เราจะกลับไปที่นั่น ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า แต่มันเป็นไม่กี่ทาง.." เธียร์บอกเสียงเบา

"แต่.." อ๋องตั้งท่ายังไม่ทันจะค้าน

"ขอให้มันช่วยตุลย์ มีทางไหนบ้าง.." แม่ของตุลย์เอ่ยแทรก

"ผมจะลองทำทุกทางครับ.." เธียร์รับปากก่อนจะยกยิ้มให้ทุกคนแล้วเดินออกไป บ่วงและอ๋องวิ่งตามออกมา

"พี่โอเคแน่นะ ให้พวกผมไปด้วยไหม?"

"ไม่ต้องหรอก อยู่ที่นี่แหละ แล้วก็...ถ้าเขาฟื้นช่วยโทรบอกเบอร์นี้ทีนะ" เธียร์หยิบนามบัตรของร้านพรชัยที่เขาทำงานส่งให้

"โชคดีนะพี่ ผมจะรีบส่งข่าวดี" อ๋องว่า

•••••••••••⏱•••••••••••

๑๒ กันยายน ๒๕๖๓

ตอนที่แล้วบทที่ ๑๕
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๗
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด