ตอนที่แล้วบทที่ ๑๓
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๕

บทที่ ๑๔


ทวนเข็มนาฬิกา

โดย ศศิศิลป์

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

บทที่ ๑๔

๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔

บรรยากาศวันนี้ดูอึดอัดชอบกล การที่มารวมตัวกันในช่วงเย็นของวัน ในบ้านที่มีการจัดงานเล็กๆ มีครอบครัวของตุลาพร้อมหน้า มีบ่วง อ๋องและเธียร์มาเพิ่มบรรยากาศ แต่กับใจของทฤนห์นั้นมันร้อนรน

"แล้วนี่เป็นยังไง ไอ้คนที่ออกไปน่ะ วงมันเล่นต่อไปได้หรอ?" พ่อของตุลย์ถามถึงชาติขณะที่นั่งกินข้าวเย็นกัน

"ได้ครับคุณลุง เรามีมือกีตาร์ใหม่มาแจมด้วย ราบรื่นดีครับ" อ๋องเหมือนจะเข้าหน้าพ่อของตุลย์ได้ดีกว่าลูกชายเสียอีก

"แล้วนี่ก็รู้จักกันหมดเลยสินะ"

คำถามนั้นถูกสาดมาทางเธียร์ด้วย

"ครับ" ทฤนห์ตอบรับสั้นๆ

"พี่เขาดีมากเลยครับ คอยช่วยชี้แนะหลายๆ เรื่อง" บ่วงช่วยเสริม เพราะเห็นว่าเธียร์ดูเกร็งๆ แบ่งรับแบ่งสู้

"เนี่ยนะพ่อ เจ้าเด็กพวกนี้ไปขับรถชนเขา เขาไม่เอาความเลยนะ" เต้ว่า

แต่แม่กลับค้อนตามองลูกชายคนรองว่าพูดไม่เข้าเรื่องเสียแล้ว

"ไม่เห็นได้ยินมาก่อนเลย หาเรื่องกันละสิท่า กลัวโตไปแบบไม่ติดคุกติดตารางหรือไง เฮอะ" และแล้วก็โดนจนได้ เต้ยังคงยิ้มน้อยๆ ไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขาชอบแหย่ทุกคนอยู่เรื่อยด้วยความเป็นคนไม่กลัวบิดาอยู่คนเดียวในบ้าน

"ไม่เอาน่าพ่อ เรื่องผ่านไปแล้วไม่มีใครเป็นอะไรสักหน่อย วันนี้วันดีของน้องมันนะ หน้าที่การงานมันก็ไปได้สวย" โตพยายามเปลี่ยนบรรยากาศ

"เออก็ให้มันดีไปตลอดแล้วกันไอ้อาชีพเต้นกินรำกินเนี่ย...แล้วเรียนเป็นไง"

"ก็ดีครับ" ตุลย์ตอบแบบไม่มองหน้า

"สักวันนึงเถอะ หากินกับไอ้การเป็นนักร้องนี่ไม่ได้จะไปทำอะไร เรียนไปทำไมดนตรีจะเอาตัวรอดยังไง"

แกรก ปัง!

"อิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะ" ตุลย์ผลักเก้าอี้ออกลุกขึ้นเดินออกไปนอกบ้าน เธียร์เห็นท่าไม่ดีจึงขอตัวลุกตามไปดู

ตุลาเดินออกไปด้านนอกตัวบ้าน เขายืนหงุดหงิดอยู่ที่มุมสลัวข้างเสาไฟ เธียร์ไม่รอช้ารีบเข้าไปหวังจะปลอบใจ

"ตุลย์...ไม่เป็นไรนะ" เอื้อนเอ่ยออกไปเหมือนเคย ไม่เป็นไร... ตุลาจะไม่เป็นไรคือคำที่เธียร์ใช้ชะโลมใจอีกคน

"เธอเห็นไหม ได้ยินไหมว่าเขาเป็นยังไง? จะมาทำบ้าอะไรถ้าทำทุกอย่างจะแย่ไปหมดแบบนี้!! " พูดไปตุลาก็เตะก้อนหินไป

"ไม่เอาน่าตุลย์ ไม่พูดแบบนั้น"

"ทำไม? แค่เพราะเขาเป็นพ่อจะพูดทำร้ายจิตใจเรายังไงก็ได้หรอ เธอได้ยินที่เขาพูดไหม? "

"เราเข้าใจ ทำไมเราจะไม่เข้าใจล่ะ แต่ไม่โมโหแบบนี้นะ" เขาทั้งลูบด้วยน้ำเย็นจากคำพูดและเอื้อมมือทไปปลอบประโลมด้วยการถูแขนเบาๆ

"ทำยังไงถึงจะดีพอสักทีวะ ต้องทำแค่ไหน.." ตุลย์กำลังจะร้องไห้

เธียร์เห็นอย่างนั้นรีบคว้าอีกคนมากอดปลอบใจ ตุลย์เองก็กอดตอบเขาแน่น

"เธอทำดีแล้ว มันดีที่สุดแล้วตุลย์ ทำดีที่สุดแบบนี้ไปเรื่อยๆ พ่อเขาก็จะเห็นเองนะ" มือที่ลูบหลังนั้นทำให้คนที่โมโหเบาลงได้พริบตา

"แล้วเธอก็จะอยู่ปลอบเราแบบนี้ไปตลอดเลยใช่ไหม..."

"อืม เท่าที่เราทำได้ เราก็จะปลอบให้ดีที่สุดเหมือนกัน" เธียร์ขำความเด็กน้อยนี้ ตุลาพูดราวกับเขาจะหายไปเสมอ

"ขอบคุณนะ"

"อืม" ทฤนห์ยิ้มน้อยๆออกมา

"รักจัง" ตุลย์กระซิบ และรอบข้างมันเงียบพอจะทำให้ดังไปทั้งใจคนสองคน

"รักเหมือนกันนะ" เธียร์บอกก่อนจะผลักตัวออกมา

"กลับเข้าไปได้แล้วนะ เดี๋ยวทุกคนจะรอ" ตุลย์ที่ได้ยินอย่างนั้นก็เริ่มทำหน้างอแง

"ไปเร็ว ไปกัน ไอ้เด็กดื้อ" เธียร์หยิกแก้มคนตรงหน้าเบาๆ

"หึ" อีกคนยกยิ้ม

คำนี้ได้ผล ตุลย์ชอบที่เธียร์เป็นอย่างนี้ มองว่าเขาเป็นเด็กคนหนึ่ง ไม่ใช่เป็นคนแบบที่เธียร์เคยเล่าว่าเขาจะเป็น ในเมื่อตอนนี้เขาอยากจะเป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนนี้เท่านั้น

กลับเข้ามาที่บ้านบรรยากาศเงียบลงไป ทันทีที่เจ้าของวันเกิดก้าวเข้ามาไฟก็ดับลง ก่อนที่เต้จะถือเค้กเดินเข้ามา เสียงเพลงอวยพรร้องดังขึ้น

...Happy birthday to you

เสียงเพลงรอบสุดท้ายดังพร้อมไฟที่กลับมาเปิดสว่างโร่

"อธิษฐานสิลูก" คนแม่บอกลูกชาย ตุลาเองก็ยกยิ้มแล้วหลับตาภาวนามันในใจ

ขอให้มีเธียร์ตลอดไป..

ขอให้เขาดีพอสำหรับพ่อ..

ขอให้ปีนเกลียวประสบความสำเร็จ..

ขอให้ทุกคนมีความสุข..

สิ้นคำขอในใจตุลาก็เป่าเทียนให้ดับลง

"วันเกิดครบ 19 ปีของลูก แม่ขออวยพรให้..." แม่ร่ายยาวให้พรกับเขา ก่อนที่พี่ชายจะให้ตามมาและต่อด้วยเพื่อนๆ

"มีความสุขมากๆ นะ" เธียร์บอกแค่สั้นๆ

ส่วนคนเป็นพ่อนั้นแค่ยืนทำเข้ม ทุกคนในครอบครัวรู้ดีว่าจะไม่ได้ยินพรนั้น

"ขอให้แกเป็นลูกที่ดี และก้าวหน้าในการงาน"

แต่สุดท้ายผิดคาดเมื่อพ่อยอมพูดออกมาหลังจากที่เห็นว่าคนเป็นแม่สะกิดยิกๆจากด้านหลัง

"ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกคน" ตุลย์ยกมือไหว้รอบ ก่อนที่จะเป็นเวลาของการแกะของขวัญ

ความสนุกสนานเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อลุ้นว่าของในกล่องจะเป็นอะไรบ้าง บ่วงและอ๋องเฮฮากันใหญ่ ส่วนของเธียร์นั้นเป็นของที่ชัยและอ้วนรวมกันกับเขาซื้อให้ เป็นเสื้อยีนตัวสวย

"อ้าว เอ่อ...." เธียร์อุทาน เขาเดินออกมาเอาของขวัญพิเศษที่วางไว้ที่รถของตุลย์ที่จอดหน้าบ้าน ตั้งใจจะมอบมันให้ตุลย์แบบส่วนตัว แต่กลับชะงักเมื่อเห็นพ่อเจ้าของบ้านยืนอยู่

"มาเอาของขวัญ?"

"เอ่อ..ครับ ตั้งใจว่าจะให้ทีหลัง"

เขาเลิ่กลั่ก เพราะกลัวจะดูผิดสังเกตที่ให้ความสำคัญพิเศษกว่าคนอื่น ความจริงมีพิรุธไปเองทั้งนั้น

"เป็นอะไรกันล่ะ?"

"หืม ครับ...ก็ เป็นรุ่นพี่ของเขาครับ" ไม่ได้โกหกซะทีเดียว ที่พูดไปก็จริงอยู่

"หรอ แต่เห็นนะ ที่แอบออกไปพลอดรักกันหน้าบ้าน"

คนเป็นพ่ออาสาจะไปตามลูกที่เดินหายไปเพื่อกลับมาเป่าเค้ก แต่ทว่าไปเห็นภาพที่ทำเอาตกใจเมื่อลูกชายคนสุดท้องยืนกอดกันกลมกับเด็กหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรุ่นพี่

อายุเขาปูนนี้แล้ว ดูก็รู้ว่ามากกว่าเพื่อน...

"ผม..." ไปต่อไม่ถูกเสียแล้ว

"เลิกกันซะ ไอ้ความรักผิดเพศนั่น"

"แต่..."

"ไม่มีแต่ ฉันไม่อยากให้ลูกชายคนเล็กของฉันเดินทางผิดไปมากกว่านี้ ถ้ารักเขา เห็นแก่ชีวิตของเขาต่อจากนี้ ก็เลิกกับตุลย์มันซะ!" คำขอเด็ดขาดด้วยเสียงทุ้มดุดันนั้นทำเอาเธียร์กลัวขึ้นมา

"ผมก็เป็นคน กินข้าวกินน้ำ หายใจ ใส่เสื้อผ้า มีความคิดมีหัวใจเหมือนคุณลุง แค่ผมรักกันมันผิดมากเลยหรือไงครับ?"

ไม่อยากจะยอมให้โดนต่อว่าฝ่ายเดียว เขาควรตอบโต้บ้าง

"เพราะผู้ชายรักกับผู้ชายมันผิดปกติไง!! อายุเท่านี้มันจะไปเข้าใจอะไรเล่า! ชีวิตพวกเธอยังอีกไกล จะมาโดนสังคมประณามเพราะความรักไร้สาระมันคุ้มหรือไง! "

"พ่อ! เธียร์! คุยอะไรกัน? " เสียงคนที่หมายจะเดินมาตามคนรักที่หายไปร้องถามขึ้น

"ไม่มีอะไรหรอก เราออกมาเอาของ เจอคุณลุงเลยถามอะไรนิดหน่อย"

ไม่อยากให้ตุลาผิดใจกับพ่อไปมากกว่านี้แล้ว ที่เขาจำได้ตุลย์จะมีเวลาอยู่กับพ่อไม่นานหรอก เพราะที่เขาจำได้คุณลุงใจคับแคบคนนี้จะเสียชีวิตก่อนที่ตุลย์จะดังเป็นดาวค้างฟ้าเสียอีก

"งั้นเข้าบ้านกันเถอะ"

"ไปก่อนเลย เดี๋ยวเราตามไป" เธียร์ว่า แต่ตุลย์ได้ยินแล้วทำท่าจะไม่ยอม

"ไปเถอะ แป๊ปเดียว" เธียร์ยืนกราน ตุลาจึงถอยไป ไม่วายมองพ่อทิ้งท้ายก่อนหันหลังออกเดิน

"ผมไม่พูดไม่ใช่เพราะเห็นด้วยหรือจะยอมทำตามที่คุณลุงว่า แต่เพราะผมไม่ต้องการให้ตุลย์มองพ่อเขาในแง่ร้ายไปมากกว่านี้.."

"นี่เธอ! " คนฟังนึกไม่พอใจ

"ฟังผมก่อนเถอะครับ... ใช่อย่างที่คุณลุงว่า พวกเราจะมีชีวิตอีกยาวไกล แต่หนทางจะเป็นยังไงไม่มีใครรู้ ใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุขเถอะครับ .."

"..."

"ผมเชื่อว่าลูกก็เป็นความสุขของคุณลุง เพราะฉะนั้นเฝ้ามองเขาเติบโตด้วยรอยยิ้ม อยู่กันด้วยความรักในทุกๆวันไว้จะดีกว่านะครับ ผมบอกได้เท่านี้ ..." เธียร์พูดแค่นั้นก่อนจะเดินตามตุลย์เข้าบ้าน ทิ้งให้พ่อเจ้าของวันเกิดยืนคิดอะไรตามลำพัง

"ไม่นอนที่นี่แน่หรอลูก" ต๋อยถามทุกคน

"ไม่ดีกว่าครับ พวกผมขับกันได้" อ๋องว่า หลังจากที่แม่ของเพื่อนคะยั้นคะยอให้นอนที่นี่

"เดี๋ยวผมไปส่งเพื่อนนะแม่" ตุลย์ว่า เมื่อเธียร์เองก็ยืนยันจะกลับเขาเลยจะขับไปส่ง

"ไม่ต้องหรอก เรากลับกับอ๋องกับบ่วง" เขาเห็นสายตาเป็นห่วงของคนพ่อ และอีกอย่างอยากจะให้ตุลย์ใช้เวลาคืนวันเกิดกับครอบครัว

"แต่-"

"ไม่ต้องห่วงพวกข้าไม่ไปขับชนใครแล้ว เอ็งอยู่วันเกิดกับที่บ้านนี่แหละ ไว้เจอกัน" บ่วงว่า เธียร์พยักหน้าเห็นด้วยให้ตุลย์คลายกังวล

"แล้วอย่าลืมแกะของขวัญล่ะ เรากลับกันดีกว่า ดึกมากแล้ว" เธียร์บอกทุกคน

ก่อนจะโบกมือลากัน ตุลย์ไม่วายจะเดินมาส่งทุกคนที่รถ เขายืนรอบอกลาเธียร์ในตอนที่เพื่อนขึ้นไปรอที่รถกันแล้ว

"ทำไมไม่นอนนี่ด้วยกัน"

"ไม่เอาหรอก คืนนี้ก็ไปนอนกับแม่นะ วันเกิดแม่เขาคงอยากอยู่ด้วย"

"พ่อเราพูดอะไรกับเธอหรือเปล่า?"

"อย่าเพิ่งคิดเรื่องนั้น ไว้เราค่อยคุยกัน เราไปแล้วนะเดี๋ยวพวกนั้นรอ"

"อืม..."

ยังไม่ทันจะขึ้นรถ

"เธียร์.." ตุลย์วิ่งมาถึงตัว

ก่อนจะกอดอีกคนกลม

"ทำอย่างกับจะไปไหน เดี๋ยวไว้เจอกันนะ"

"อืม ฝันดีนะ.." เธียร์ขึ้นรถมาก็มองอีกคนที่ยืนส่งจนรถขับพ้นตาไป

"ขอบคุณนะพี่" บ่วงพูดขึ้นในตอนที่อยู่บนรถ

"ขอบคุณอะไรกัน?"

"ถึงผมจะไม่เข้าใจเรื่องความรักนั่น แต่ก็ขอบคุณสำหรับวันนี้ และขอบคุณที่ทำให้ตุลย์มันโคตรมีความสุขเลย" บ่วงว่า

"พี่อย่าไปคิดมากเรื่องไอ้ชาตินะ พวกผมไม่รังเกียจเลย" อ๋องเสริม

"ขอบคุณเหมือนกันนะ ปีนเกลียวยังจะต้องเดินไปอีกไกลเลย จับมือกันไว้แน่นๆนะ" เธียร์ยกยิ้มกับมิตรภาพที่ทุกคนมอบให้กัน

____________________

ทฤนห์นั่งจัดวางรูปเอาใส่ในซองอัลบั้มอย่างประณีต เขายกยิ้มกับภาพครอบครัวที่พ่อเอามาทำไว้ ใส่ซองพลาสติกอย่างดี ไม่อยากจะเชื่อว่าอัลบั้มที่สะสมไว้ภาพตั้งแต่วัยเด็ก เขากำลังเลือกมันเองกับมือ

"นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียว พี่มาดูทีซิว่ามันสบายดีหรือเปล่าเนี่ย" อ้วนแซว หลังจากเอาอัลบั้มอื่นๆที่เหลือมารวมกัน เนื่องจากฟิล์มเยอะมากพวกเขาเลยแบ่งกันทำ

"น่ารักเนอะพี่ ครอบครัวสุขสันต์" เธียร์แกล้งชมราวกับไม่รู้จักคนในภาพตรงหน้า

"ก็คงจะสุขสันต์มากอยู่หรอก" อ้วนเหน็บ

"ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะพี่" ทฤนห์ไม่เข้าใจ

"เดี๋ยวรอดูอีกชุดโน่น เอ็งยังจะพบความหรรษาเพิ่มอีก" อ้วนคว้าอัลบั้มข้างหน้าเธียร์ไปใส่ถุงแยกไว้ ก่อนที่ชัยจะยกอีกชุดมาวาง

เธียร์หยิบมันมาดู ก่อนที่ใจจะห่อลีบลงเหลือเท่าเม็ดบ๊วย

ภาพที่เหลืออีกชุดในถุงฟิล์มที่แยกกันคือภาพของพ่อกำลังยิ้มและดูมีความสุขกับผู้หญิงอีกคน และเด็กผู้ชายที่โตกว่าธีร์ที่ตัวจิ๋วในตอนนี้เสียอีก

"นี่อะไรวะพี่" เธียร์ถามด้วยมือและเสียงที่สั่น

"พี่แกมีสองครอบครัวไงวะ แม่งซูฮกเลยกู อยู่กันยังไงวะนั่น แล้วภาพอย่าให้ปนกันเด็ดขาดเลยนะ ไม่งั้นสนุกแน่"

เธียร์มือไม้สั่นไปหมด เมื่อดูๆแล้วความเชื่อที่ว่าพ่อมีเมียน้อยมาตลอด วันนี้เขาได้เห็นอีกครอบครัวของพ่อเต็มสองตา

แต่ถ้าเมียน้อยทำไมเด็กในภาพของอีกบ้านถึงได้ดูโตขนาดนี้กัน....เขานั่งขบคิดในใจจนเหม่อลอยไปทั้งวัน

•••••••••••⏱•••••••••••

๑๒ กันยายน ๒๕๖๓

ตอนที่แล้วบทที่ ๑๓
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๕
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด