ตอนที่แล้วบทที่ ๑๒
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๔

บทที่ ๑๓


ทวนเข็มนาฬิกา

โดย ศศิศิลป์

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

บทที่ ๑๓

ตุลย์มีชื่อเสียงเข้าทุกวัน เขาเริ่มมีคอนเสิร์ตที่ไกลๆ เพิ่งจบทัวร์หลายจังหวัดไป ตอนนี้ก็ต้องเตรียมตัวทำอัลบั้มใหม่อีก

เสียงกลองของบ่วงเคาะไปมาเหมือนซ้อมมือ และกีตาร์ที่คลำหาจังหวะสนุกๆของตุลย์ อ๋องที่นั่งปรับสายเบส ไม่บ่อยครั้งที่เธียร์จะมาอยู่ที่ห้องซ้อมนี้ เหตุผลที่ทุกคนรู้ดีเพราะ...ชาติ

ห้องซ้อมของบริษัทที่มันครบครันกว่าแต่ก่อน ตอนนี้ขาดมือกีตาร์ไปแค่คนเดียว

"เฮ้ยไอ้ตุลย์ มึงยื่นเพลงนี้เสนอไปหรอวะ มึงก็รู้ว่ากูพูดแล้วว่าไม่เอา..." ชาติที่เปิดประตูเดินเข้ามาหลังหายออกไปสักพักปากระดาษลงบนพื้น

"อะไรของมึงวะ พูดดีๆก็ได้ไหม แล้วตอนพวกกูตกลงเลือกเพลงกันมึงไปมุดหัวอยู่ไหน!" เป็นอ๋องที่เริ่มโมโห

"อ๋องไม่ต้อง ข้าเอง" ตุลย์ห้าม

"พระเอกโชว์มันรึไง หึ มึงมันไม่เห็นหัวใครอยู่แล้วนี่พ่อนักร้องนำคนดัง!"

"อ้าวไอ้สัตว์ชาติ มึงอย่าพาล!" บ่วงอารมณ์ขึ้นบ้าง

"เดี๋ยวเราออกไปก่อนดีกว่า" เธียร์จะเดินออกไปเพื่อลดความรุนแรงของปัญหาขัดแย้ง แต่ตุลย์คว้าแขนเอาไว้

"ทำไม! พวกมึงก็เข้าข้างมันตลอด อยากเกาะมันแดกต่อไปน่ะสิ วิปริตเข้าทุกวัน จะรักกันกับไอ้ตุ๊ดนี่ให้ชาวโลกรู้หรือไง! จะอ้วกว่ะ ดูซิว่าแฟนเพลงมึงรู้จะรับได้หรือเปล่า ที่นักร้องนำเป็นพวกอัดถั่วดำ!!" ชาติพาลด่าทุกคน และอีกครั้ง... ที่ทฤนห์โดนหยามเหยียด ตุลย์ได้ยินก็หมดความอดทนคว้าของใกล้ตัวได้ก็ปาเข้าเกือบโดนศีรษะของเพื่อนร่วมวง

"มึงเป็นเหี้ยอะไรนักไอ้ชาติ มันไปหนักหัวมึงนักหรือไงการที่ใครจะเป็นอะไร เอาแค่มึงทำหน้าที่เป็นมือกีตาร์ที่ดียังทำไม่ได้ กูก็ไม่หวังจะให้มึงเข้าใจโลกอะไรหรอก!" ตุลย์ตะคอกกลับ

"ใจเย็นๆ ไม่เอา" เธียร์จับแขนอีกคนไว้แน่น

"ก็ดูมันสิ เป็นอะไรนักวะ มึงก็อยู่ส่วนมึง นี่ก็ชีวิตส่วนตัวของกู มึงแยกแยะไม่ได้หรอ เอาแค่มึงมาซ้อมให้ตรงเวลา หัดมาเข้าประชุมมึงยังทำไม่ได้! ถึงเวลาก็มาโวยวาย แล้วไอ้เพลงที่มึงว่าแค่กีตาร์มึงไม่เด่นมึงก็จะไม่เล่น!" บ่วงและอ๋องมายืนใกล้ๆ ด้วยเพราะตุลาไม่เคยเป็นขนาดนี้ ทุกคนจึงเริ่มกลัวใจว่าอาจจะมีการใช้ความรุนแรงที่ห้ามกันไม่อยู่ คงหมดความอดทนแล้วจริงๆ

ชาติเหมือนพวกขี้อิจฉา เขามักมีปัญหาตลอด

"ก็ไอ้วงเชี่ยนี่กูเป็นคนคิดอยากจะทำไหมวะ ดูสิว่าตอนนี้คนก็จะสนใจแต่มึง..." ชาติตัดพ้อ อย่างไรแล้วการขึ้นแสดงคนก็มักจะส่งเสียงให้นักร้องนำก่อนอยู่แล้ว

"มึงเริ่มมัน...แต่คนที่รวมวงไว้ได้ รักษาวงไว้มันตุลย์เปล่าวะ ชื่อวงเราก็ช่วยกันคิด ช่วยกันทำมัน กว่าจะได้สักเพลงไม่ใช่มึงคนเดียวนะ เพลงที่ดังๆก็ไอ้ตุลย์แต่ง มันไม่ได้เกิดจากมึงคนเดียว และไม่ใช่แค่ไอ้ตุลย์คนเดียว วงมันเป็นวงเพราะพวกเรา!" อ๋องว่า ขาดใครไปคนใดคนหนึ่งพวกเขาก็คงไม่มีเหมือนอย่างนี้ ทุกคนเป็นส่วนประกอบของความสำเร็จ

"แล้วอีกอย่างมึงมีปัญหาอะไรนักกับว่ามันจะเป็นอะไร อย่าอิจฉาแล้วพาลนักเลยว่ะ!" บ่วงเสริม

"อิจฉา? กูเนี่ยนะอิจฉามัน?"

"ใช่มึงอิจฉา! ก็เพราะตุลย์เป็นนักร้องนำที่เด่นสุดไง คนจำภาพไอ้ตุลย์ มึงเลยงอแงเป็นเด็กน้อยอยู่เนี่ย!" เธียร์อดไม่ได้

"หุบปากไปเลยอีกะเทย!" ชาติว่า

โครม!!!

ตุลาถีบชาติจนหงายหลังชนเครื่องดนตรีด้านหลังล้ม

บ่วงและอ๋องรีบเข้ามาห้าม อ๋องพยายามช่วยประคองชาติลุกแต่กลับโดนผลัก

"ไม่ต้อง!"

"มึงจะเอายังไงว่ามาเลย อย่าเสือกมาพาลคนของกูอีก!" ตุลย์ตะคอก

"ถุย ยอมรับแล้วล่ะสิวะ ว่ามึงมันพวกวิปริต!" ชาติยังพ่นคำยั่วโมโหออกมาไม่จบ

ผลั่ก!

อ๋องต่อยเข้าไปที่สันกราม

"ไอ้สัตว์อ๋อง! " ชาติทำท่าจะสวนแต่บ่วงมาดึงอ๋องออก

"มึงจะไปที่ไหนก็ไปเลย!! มึงมันไม่มีความรับผิดชอบ ไม่เข้าประชุม ไม่ซ้อม! พอเราดังแต่คนมันกรี๊ดไอ้ตุลย์มากกว่ามึง มึงไม่เด่นเท่ามันก็อิจฉา! ถ้าดีแต่ปากที่บอกว่าเริ่มวง แต่มึงไม่ได้ร่วมสร้างวงให้ดีขึ้นไม่ได้ร่วมรักษาก็เอาสันดานมึงไปใช้ที่อื่น!" บ่วงว่าเสียงดัง

"คิดว่ากูอยากอยู่นักรึไง รอกูทำวงใหม่มาดังกว่าก็อย่ามากราบตีนขอโทษ ขอให้กูแบ่งงานให้แล้วกัน!" คนเถียงแพ้เดินออกประตูไปอย่างหัวเสีย

คนที่เหลือถอนหายใจทิ้งตัวลงบนโซฟาคนละมุม

"เกิดอะไรขึ้นวะ" พี่ผู้จัดการวงเดินเข้ามา

"ทำไมพี่" อ๋องถามกลับ

"ไอ้ชาติมันไปโวยวายขอลาออกกับบริษัท บอกว่าพวกเอ็งรวมหัวกันไม่เอามัน"

"ก็ดูสันดาน! พวกผมไม่ใช่ว่าอยากจะให้มันไป แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ทนอยู่กับสันดานขี้อิจฉาไม่ไหวหรอก เอะอะก็อ้างว่าเริ่มวงนี้มา" บ่วงว่า

เธียร์เคยได้ยินมาก็จริง ว่ากลุ่มเพื่อนมัธยมโรงเรียนใกล้กันนี้รวมตัวกันเพราะชาติเริ่มมัน แต่คนสร้างและคอยดึงทุกคนไว้กับร่องกับรอยกลับเป็นอ๋อง คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีไปตะลุยงานประกวดต่างๆคือบ่วง และเสาหลักคือตุลย์

แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนจะฟังความเห็นจากชาติเสมอเพราะความเป็นเพื่อน เห็นได้ชัดว่าแม้วงจะดัง ส่วนแบ่งจะเท่ากันแต่ชื่อเสียงที่ได้รับกลับเป็นตุลย์ที่ได้ไปมากที่สุด อีกคนจึงอาจรู้สึกไม่ยุติธรรม ชาติมีความสามารถทางดนตรีมากๆแต่มีแค่สิ่งเดียวนั้นมันไม่พอในการอยู่ร่วมกัน

"งั้นเอางี้แน่ใช่มั้ย กูจะหามือกีตาร์ใหม่มาให้แล้วกัน หรือพวกมึงจะหากันเอง"

"หามาเลยพี่ บางทีเอาคนอื่นที่ไม่รู้จักไม่สนิทสนมกันมาอาจจะมืออาชีพกว่าก็ได้" ตุลย์ตัดสินใจและที่เหลือเห็นด้วย ผู้จัดการวงฟังแล้วพยักหน้ารับเดินออกไปทันที

"ยอมรับนะว่ามันมีความสามารถ แต่อยู่กันแบบนี้ข้าว่าไม่ไหว" บ่วงว่า

"จริง แล้วมันจะเกลียดเพศที่ 3 อะไรนักวะ สันดานนี้นี่แหละที่กูรับไม่ได้สุด เอาจริงก็เมาไม่มาซ้อม เอากับแฟนคลับไปเรื่อยก็ว่าหนักใจแล้วนะ" อ๋องบ่น

"เราเป็นคนทำให้ทุกอย่างแย่หรือเปล่า บางทีถ้-" เธียร์พูดเสียงอ้อมแอ้ม

"ไม่เกี่ยว!! หยุดคิดไปได้เลย" ตุลย์ขัดในตอนที่รู้ว่าเธียร์จะพูดบางอย่างออกมา

"ไม่เกี่ยวหรอกพี่ มันหาเรื่องจะทำให้ตุลย์มันด้อยกว่ามันเท่านั้นแหละ อีโก้หรือก็สูงลิบ" อ๋องช่วยเสริม

"ขอโทษด้วยนะ เรามาก็มีแต่เรื่อง เราเลยไม่ค่อยมานี่แหละ" เธียร์สบตาทุกคน

"อย่าคิดมากเลย วันนี้ไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันไหมพี่ แก้เครียด ข้าว่าเราอยู่ในนี้ต่อก็คิดอะไรไม่ออกหรอ" บ่วงเสนอ

"ที่ไหนหรอ ไปสิ" เพราะเป็นวันหยุด เธียร์เลยอยากทำเรื่องสนุกทุกที ได้ยินคำชวนอย่างนี้แล้วหูผึ่ง

"เล่นที่ xxx คนเยอะแน่เลยว่ะ วงนี้โคตรดีเลย" อ๋องว่า

"เธอต้องชอบ" ตุลย์ยกยิ้มให้คนข้างกาย

ตุลาพูดถูก การมายืนฟังเล่นสดของวงนี้ทำเอาเธียร์ขนลุกไม่หยุด เขาอยากจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ภาพผู้ชายผมยาวหน้าละอ่อนคนนั้นที่กำลังร้องเพลงโปรดของเขา

"เป็นอะไร ไม่ชอบหรอ?" ตุลย์ที่พยายามกันคนไม่ให้เข้ามาเบียดทฤนห์กระซิบถามข้างหู ส่วนบ่วงและอ๋องกำลังอินกับดนตรีกันใหญ่ แม้จะมีชื่อเสียงแล้วพวกเขาก็ยังมีศิลปินในดวงใจ

"ชอบมากเลยต่างหาก ชอบมากๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอพี่เขาตัวเป็นๆ" เธียร์น้ำตาคลอ

เพลงยังคงเล่นต่อไป เขาร้องเพลงจนเจ็บคอ อยากจะเข้าไปกอดและได้พูดสักอย่างกับพี่คนนั้น แต่ก็เข้าถึงได้ยากเหลือเกิน

เขาชอบเพลงเหล่านี้มากๆ...

ทุกคนในอนาคตที่เขาจากมานั่นก็จะยังหลงรักเสียงนี้...

"ทำไมหรอ อนาคตมันจะไม่ดีหรอ? เธอเป็นแบบนี้ทุกทีถ้าวันข้างหน้ามันแย่" ตุลาถามตอนที่พวกเขากำลังนั่งรถกลับบ้าน เธียร์เลี่ยงจะพูดถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะดีของอนาคต

"ดีสิ ดีมากๆ เขาจะเป็นยิ่งกว่าตำนาน"

"ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว แล้วพี่แกเป็นยังไง ผมยังยาวหรือเปล่า?" ตุลย์อยากรู้

"ยังเป็นอย่างเดิมเสมอ.."

"หรอ เล่าให้ฟังหน่อยสิ..."

"เธอไม่อยากรู้หรอก เธอใช้ชีวิตไปอย่างที่ควรจะเป็นเถอะ บางครั้งคนเราก็ไม่ได้อยากจะรู้อะไรล่วงหน้าขนาดนั้นหรอก เชื่อเรา..."

เธียร์มองออกไปข้างนอกหน้าต่างตลอดทาง ทั้งอิ่มเอมและเศร้าใจ

เขากำลังจะเป็นคนอ่อนไหวเสียแล้ว อ่อนไหวมากๆ เสียด้วยกับการรับไม่ได้ที่ต้องแบ่งรับแบ่งสู้รู้เรื่องราวสองกาลในคราวเดียวกัน

________________

"ช่วงนี้มันหายไปเลยเว้ย คิดถึงมันนะ" อ้วนบ่น

เพราะนักร้องคนดังซุ่มทำงานเสียหนัก จนแทบไม่ได้พบหน้า

"แล้วเจอกันบ้างไหมเนี่ย" ชัยถามเธียร์

"น้อยลงพี่"

"กูก็บอกแล้วให้หามือถือสักเครื่อง เอาแต่บอกว่าไม่จำเป็นอยู่นั่น" ชัยบ่น

"โถ่ ก็ถ้าเอาไว้คุยแค่กับตุลย์ก็เปลืองแย่"

"จริงของมันนะพี่" อ้วนว่าแกมเย้าเพราะเธียร์นั้นชีวิตไม่มีใครเลยนอกจากตุลาและงานจริงๆ

"หวัดดีครับ" เสียงคนมาใหม่ทักทาย

"สวัสดีครับ มีอะไรให้รับใช้ครับพี่" อ้วนทักทายคนเปิดประตูเข้ามา แต่เมื่อเธียร์เงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจ และอีกฝ่ายก็เหมือนจะจำเขาได้แม้จะคนละมุมกับที่เขาจำ

พ่อ....

พ่อมาทำอะไรที่นี่

สายตาที่คนเป็นพ่อมองคงมองเขาเป็นพวกบ้า เพราะเคยไปยืนโวยวายหน้าบ้านอย่างนั้นเลยดูไม่พอใจอยู่ในทีที่เห็นเขาทำงานที่นี่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

"ผมเอารูปมาล้าง นี่ครับ" เขายื่นฟิล์มให้อ้วน

"ได้เลยพี่ เยอะเลยนะเนี่ย.." อ้วนหยิบซองที่มีฟิล์มหลายอันด้านในมาพินิจ

"พอดีไปเที่ยวกับครอบครัวมา ที่นี่รับอัดรูปไหมล่ะ?"

ฟังแล้วใจเต้นดีจัง พ่อในมุมนี้ดูรักพวกเราจัง ทำไมกันอนาคตครอบครัวเราถึงเป็นอย่างนั้นไปได้

"แล้วที่แยกกันนี่ยังไงพี่?"

"อ๋อ ขอฝากแยกถุงกันด้วยนะ แล้วก็ระวังไม่ให้รูปปนในอัลบั้มด้วย แล้วคนล้างรูปนี้น้องใช่ไหม?" สายตานั้นเหมือนจะบอกเธียร์ว่า...ไม่ไว้ใจ

"ผมเองนี่แหละ ไว้ใจได้" อ้วนตอบพร้อมยกยิ้ม

"ไม่ต้องห่วงนะพี่รูปครบไม่มีหลุดไปไหน ร้านเรามืออาชีพ" ชัยเสริมอีกคน

"นี่ใบนัดครับ ตามวันในนี้มารับได้เลย" ชัยยื่นกระดาษใบเล็กให้พ่อของเขา

จัดการส่งลูกค้าเสร็จเธียร์ก็ตื่นเต้นแทบแย่ นี่เขาจะได้เห็นรูปตัวเองกับครอบครัวในช่วงเวลาสดๆ ร้อนๆ เลยหรอเนี่ย ทำยังไงให้ได้มีไว้สักรูปนะ

"อันนี้กูจัดการเองดีกว่า ท่าจะเยอะอยู่" ชัยบอกยกไปหนึ่งซอง

"ให้ผมช่วยนะพี่" เธียร์อาสา

"ไม่ต้องเลยมึงเฝ้าหน้าร้าน เดี๋ยวพวกนักเรียนมาถ่ายรูปอีก ทางนี้กูเอง" อ้วนบอกก่อนจะคว้าฟิล์มมาตรวจดู

เธียร์หยิบมันมาชูขึ้นไปบนไฟ หรี่ตาข้างหนึ่งมอง แค่เห็นก็จำได้แล้วว่าเป็นภาพที่เขาและธีร์รักษาไว้อย่างดี รูปครอบครัวสุขสันต์ของเรา

"เธียร์" เสียงเรียกของคนมาใหม่ทำเอาเธียร์ตกใจสะดุ้ง

"โทษที" อีกคนเอ่ย เป็นโตนั่นเองที่เดินเข้ามา

"ไม่เป็นไร พอดีเราดูรูปเพลินไปหน่อย" ทฤนห์เอ่ยเสียงเบา เขามัวแต่ตั้งใจจนลืมใส่ใจลูกค้าที่เข้าออกเอง อีกคนฟังแล้วก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

"แล้วนี่วันนี้มาทำอะไร" เธียร์ถามเข้าเรื่อง

"มีเรื่องจะปรึกษา"

"ว่าไง ไปนั่งคุยตรงโน้นมั้ย" เธียร์เดินนำไปนั่งที่โต๊ะ

"อาทิตย์หน้าวันเกิดตุลย์.."

จริงด้วย

ใช่...9 ตุลาคม วันเกิดของนายตุลา

"คุยกับเต้แล้ว อยากให้เธียร์มาด้วย ..ไปนะ..." โตเอ่ยชวน

"ไปอยู่แล้ว"

"คือ.." อีกคนตะกุกตะกัก

"มีอะไรอีกหรือเปล่า"

"พ่อกับแม่จะมาด้วย..."

พ่อด้วยหรือ นี่จะได้เจอพ่อของตุลย์ครั้งแรกสินะ

"แล้วเราไปมันจะดีหรอ จะบอกพวกเขายังไง.." ทฤนห์เริ่มใจไม่ดี

"ไปสิ นี่แหละที่อยากจะให้ไป เราอยากให้..เธียร์เกริ่นๆเรื่องนี้กับแม่ดู ถ้าสองคนจะไปกันต่อแม่ควรได้รู้นะ..."

เขารู้แล้วว่าอีกคนกำลังจะบอกอะไร

"มันจะดีหรอ แต่พ่อเขาจะไม่ยิ่งตั้งแง่กับตุลย์หรือไง ไม่ดีหรอกมั้ง.."

"กับพ่อยังไม่ต้องบอกก็ได้...อีกอย่างเพราะพ่อด้วย ถ้ามีเธียร์ไปตุลย์อาจจะเบาลง มันจะได้มีกำลังใจ"

"เขาดุมากเลยหรอ?"

"อืม.." โตรับ เพราะพ่อเขาค่อนข้างเจ้าระเบียบมากจริงๆ และการที่สองคนคบกันยังไงสักวันทุกคนต้องรู้ โตอยากให้น้องชายบอกแม่เอาไว้ ถึงเวลาจะได้มีคนคอยหนุนหลัง

"มัน...น่ากลัวจังนะ"

สารภาพตรงๆเลย ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาคงรับไม่ไหว

"เราจะช่วย.." โตบอกด้วยแววตาที่ทำให้อุ่นใจ

คิดถึงธีร์จัง...

พี่ชายของเขาก็เป็นพี่ชายที่ดี เหมือนที่โตกำลังเป็นให้ตุลาอยู่ตรงหน้าเขานี้ พร้อมที่จะอยู่ข้างๆ น้องชายไม่ว่าจะเลือกเดินทางไหน

เธียร์ส่งยิ้มบางๆ ไปให้

สำหรับเขา...ยังไงก็ได้ ให้เป็นทางที่ดีที่สุดของตุลา

•••••••••••⏱•••••••••••

๑๑ กันยายน ๒๕๖๓

ตอนที่แล้วบทที่ ๑๒
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๔
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด