ตอนที่แล้วบทที่ 64 ความโกรธของเย่โม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 66 ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ไหน

บทที่ 65 แค่ไหนเรียกโหดเหี้ยม


พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!  เสียงดังต่อเนื่องกัน 4 ครั้ง  ชาย 4 คนที่ชาร์จเข้าหาเย่โม่ถูกเขาเตะจนกระเด็น  การโจมตีของเย่โม่รวดเร็วจนยากจะบอกว่าใครถูกเตะก่อนกัน  มองเห็นได้เพียงเงาเท้าเท่านั้น

คนที่เหลือก็ถูกชายทั้ง 4 คนนั้นกระแทกจนล้มลง  ส่วนชาย 4 คนที่ถูกเย่โม่ถีบก็ลอยไปกระแทกผนังหินต่อ  ตอนที่พวกเขาร่วงลงมากองกับพื้นก็เหลือเพียงลมหายใจรวยรินกันแล้ว

คนรอบๆ ต่างพากันนิ่งตะลึงงั้น  นี่มันยอดฝีมือประเภทไหนกัน?  พละกำลังจะเยอะเกินไปแล้ว!  ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของประธานหวังตอบสนองอย่างรวดเร็ว  เขาชักปืนออกมาเตรียมจะยิงเย่โม่

เวลานั้นเองที่มีสายลมเบาๆ พัดผ่าน  นิ้วมือของชายหนุ่มคนนั้นยังไม่ทันได้ลั่นไก...หน้าผากของเขาก็ถูกของสิ่งหนึ่งพุ่งทะลุจนเกิดเป็นน้ำพุสายเลือดทะลักออกมาเสียก่อน  เขาล้มลงไปกองกับพื้นทั้งที่ดวงตายังคงเบิกโพล่ง

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง  เวลานี้ไม่มีใครกล้าขยับตัวแม้แต่น้อย  ชายหนุ่มคนนี้บุกมาถึงประตูหน้า  ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจก็ฆ่าไปแล้วถึง 5 คน  นี่ยังไม่รวมกับบอร์ดีการ์ดที่เขาฆ่าก่อนหน้านี้อีก 2 คน  เขาฆ่าคนไปเยอะขนาดนี้แต่ก็ยังไม่มีใครเห็นเขาลงมืออย่างชัดเจนเลยสักครั้ง

หัวหน้าแก๊งเยวี่ยหนานได้สติขึ้นมาทันที  เขาเข้าใจแล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้าโหดเหี้ยมอำมหิต  แถมยังเป็นยอดฝีมืออีกด้วย  เขาคิดได้ดังนั้นจึงรีบพูดขึ้น  “นี่เพื่อน…ผมว่ามีการเข้าใจผิดกันแล้ว  ถึงแม้พวกเราจะทำลายวัดนั้นจริงแต่ก็เพราะไม่รู้ว่าวัดนั้นเป็นของนาย  อีกอย่าง...คนอย่างผมหวังเซี่ยนยินดีชดใช้ให้อยู่แล้ว”

เย่โม่หัวเราะยิ้มหยันและยกมือขึ้นอีกครั้ง  ชายผิวดำ 2 คนจากแก๊งเฟยที่กำลังจะยิงเขาก็มีเลือดพุ่งทะลักออกจากหว่างคิ้วล้มลงทันที  ปืนในมือของพวกเขากระเด็นไปไกล

ครั้งนี้หวังเซี่ยนเห็นได้ชัดเจนแล้ว  มือของชายหนุ่มคนนี้ยกขึ้น…แค่การกระทำง่ายๆ นี้เองก็ฆ่าไปแล้ว 2 คน  ของที่เขาซัดออกมานั้นราวกับจะเร็วกว่ากระสุนปืนเสียอีก  ฝีมือของชายตรงหน้าจะสูงเกินไปแล้ว!

“ชดใช้ให้ผมงั้นหรือ?  คิดว่าจะชดใช้ได้หรือไง?  อีกอย่างนายทำร้ายเพื่อนของผมฟางหนาน  ฆ่าคนของเขา  หรือต่อให้นายชดใช้ได้จริงๆ...วันนี้ผมก็จะไล่พวกนายออกไปให้หมด!”  เย่โม่พูดจบก็ไม่พูดอะไรอีก ตะปูในมือพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกเห็บ

ที่นี่มีคนอยู่เยอะ  จิตสัมผัสของเย่โม่ตอนนี้มีพลังไม่มากนัก  หากคนทั้งหมดในนี้ร่วมกันโจมตีใส่เขาพร้อมกันล่ะก็...จิตสัมผัสของเขาคงรับรู้ได้ไม่หมดและคงต้องบาดเจ็บแน่  ในเมื่อจะลงมือแล้ว  ไม่สู้ฆ่าสักหน่อยก่อนแล้วพูดทีหลังยังจะดีเสียกว่า

“พี่น้องทั้งหลาย!  ฆ่ามัน!”  แค่ในเวลาสั้นก็ตายกันไปหลายสิบคนแล้ว  หัวหน้าแก๊งอย่างหวังเซี่ยนจึงค่อยคิดได้แล้วรีบตะโกนสั่งคนอื่น  ส่วนตัวเองก็รีบถอยหลบไปอยู่ด้านหลัง

สายตาของหวังเซี่ยนเหลือบไปเห็นหน้าต่างบานหนึ่ง  เขาคิดจะปีนหน้าต่างหนีออกไป  เดิมทีหวังเซี่ยนรู้สึกว่าบ้านหินแห่งนี้ตกแต่งได้อย่างมีสไตล์  มาตอนนี้สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดกลับเป็นบ้านหินหลังนี้  หากเป็นที่อื่นล่ะก็บางทีอาจจะมีประตูหลังก็ได้  ในเมื่อไม่มีประตูหลังแบบนี้...หน้าต่างก็ไม่ควรจะแคบแบบนี้ไหมเล่า!?  อีกอย่างมันยังแข็งแรงมากอีกด้วย  เขาดึงอยู่เป็นเวลานานก็ยังขยับมันไม่ได้เลย

เลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ  เสียงปืนและมีดดังขึ้นผสมปนเปกันไปจนวุ่นวาย  เย่โม่นั้นขวางประตูเอาไว้ไม่ให้ใครหนีออกไปได้แม้แต่คนเดียว

ถึงแม้เย่โม่จะมีจิตสัมผัส  เวลาลงมือก็รวดเร็ว  ลงมือฆ่าคนที่มีปืนก่อนแล้วคอยหลบมีดบินอย่างสุดความสามารถ  ทว่าเหยื่อของเขามีเยอะจนเกินไป  จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จิตสัมผัสของเขาจะรับรู้ได้ไม่หมด  ขาของเขาถูกยิงไปนัดหนึ่ง  เวลาเดียวกับที่ชายคนนั้นยิงก็ถูกเขาฆ่าเช่นกัน

ถึงแม้แผลจากกระสุนปืนจะไม่ร้ายแรงแต่นั่นก็ทำให้เย่โม่โกรธจนถึงขีดสุด  ตะปูที่ถูกซัดออกไปยิ่งเร็วขึ้นไปอีก

ผ่านไปไม่กี่นาที  เสียงวุ่นวายภายในห้องก็เงียบลง  นอกจากหวังเซี่ยนที่กำลังพยายามดึงเปิดหน้าต่าง...หัวหน้าแก๊งเฟยก็ถูกเย่โม่ฆ่าตายไปแล้ว  ภายในบ้านหินตอนนี้เต็มไปด้วยซากศพ  แต่รอยเลือดกลับไม่เยอะมากนัก  เพราะเพียงแค่ตะปู 1 ตัวจากเย่โม่ก็จบได้ 1 ชีวิตแล้ว

เย่โม่ดึงกระสุนจากต้นขาออกมาแล้วจัดการบาดแผลจนเรียบร้อย  จากนั้นจึงใช้สายตาเย็นชามองหวังเซี่ยนที่ยังคงพยายามเปิดหน้าต่าง  “ผมว่าไม่ต้องดึงแล้วล่ะ  คิดว่าตอนนี้นายจะหนีผมได้หรือไง?”

หวังเซี่ยนที่ได้ยินเสียงของเย่โม่ก็หันหลังกลับมามอง  มือเท้าของเขาเย็นเฉียบขึ้นมาทันที  นี่เขาไปหาเรื่องคนแบบไหนกัน  เดิมมีอยู่ 40 กว่าคนทว่าตอนนี้กลับไม่มีใครรอดชีวิตเลย  หรือพูดได้ว่านอกจากเขาแล้วคนอื่นล้วนถูกฆ่าตายเรียบ

“พี่ใหญ่!  ไว้ชีวิตผมเถอะ!  ทรัพย์สมบัติของผมยกให้พี่หมดเลย!  ให้เป็นลูกน้องพี่ผมก็ยอม!”   หวังเซี่ยนเองฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน  แต่เมื่อถึงคราวของตัวเองจึงได้รู้...ความตายเป็นเรื่องน่ากลัว

“ฟางหนาน...ผมยกที่นี่ให้นายจัดการ”  เย่โม่พูดจบก็หันหลังเดินจากไป

ฟางหนานและลูกน้องไม่กี่คนยืนรออยู่ด้านนอกอย่างกระวนกระวายใจ  เมื่อได้ยินเย่โม่เรียกก็รีบบอกให้ลูกน้องพาเขาเข้าไปข้างในทันที

เวลานี้เย่โม่เดินจากไปแล้ว  ฟางหนานมองสภาพข้างใน  เขาอ้าปากค้างอยู่เป็นเวลานานกับภาพที่เห็น  ข้างในมีแต่ศพเต็มไปหมด  พูดได้ว่านอกจากหวังเซี่ยนที่ตัวสั่นงกๆ แล้วคนที่เหลือล้วนตายกันหมด

ฟางหนานรู้สึกทันทีว่าแผ่นหลังของตัวเองหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ  แค่ไหนเรียกโหดเหี้ยม?  นี่สิถึงเรียกว่าโหดเหี้ยมของจริง  ตัวเขาฟางหนานเองก็ฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน  แต่เขาก็ไม่เคยฆ่าด้วยตัวคนเดียวมากขนาดนี้  รวมทั้งเย่โม่ก็มีท่าทีสงบนิ่งคล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เหมือนว่าการฆ่าคนสำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องธรรมดาราวกับหายใจอย่างไรอย่างนั้น  มิน่าเล่า...ถึงทำให้หวังเซี่ยนซึ่งฆ่าคนได้ตาไม่กะพริบมีท่าทีหวาดกลัวจนตัวสั่นแบบนี้

ฟางหนานเวลาฆ่าคนล้วนมาจากสงครามระหว่างแก๊งทั้งนั้น  คนทั่วไปเห็นแล้วทำให้รู้สึกหวาดกลัว...ทั้งเลือดทั้งมีดดาบปลิวว่อน  แต่ส่วนใหญ่แล้วก็แค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น  มีไม่มากที่เสียชีวิตลง  เรื่องฆ่าล้างแก๊งแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนเลย

เย่โม่ฆ่าคนมากขนาดนี้แต่กลับสงบนิ่งราวกับเพิ่งฆ่าไก่ไป 2-3 ตัว  สีหน้าไม่ปรากฏอารมณ์อื่นใดออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย  ฟางหนานหวนคิดไปถึงวันนั้นตอนที่เย่โม่เข้ามาหาเขาถึงที่นี่...เหงื่อตรงแผ่นหลังของเขาก็ยิ่งหลังออกมามากขึ้น  หากวันนั้นเขาแสดงท่าทีแข็งกร้าวออกมาเพียงนิดเดียวหรือมีแผนการร้ายอยู่ในใจล่ะก็...โลกนี้คงไม่มีเขาฟางหนานแล้ว

แต่ไหนแต่ไรมาฟางหนานไม่เคยเจอคนเก่งและโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้  โชคดีที่เขารู้สึกชื่นชมเย่โม่จากก้นบึ้งของหัวใจจึงได้คิดจะเป็นเพื่อนกับเขา  ไม่อย่างนั้น...ฟางหนานไม่กล้าคิดต่อแล้ว

“ประธานฟาง!  ไว้ชีวิตผมเถอะ!  ผมหวังเซี่ยนยินดียกธุรกิจให้หมดเลย!  ขอแค่ไว้ชีวิตผมเท่านั้น!”   เสียงร้องขอชีวิตของหวังเซี่ยนดังขัดจังหวะความคิดของฟางหนาน

“รีบฆ่าไอ้สารเลวนี่ซะ!  จัดการศพในห้องให้สะอาดด้วย  หิน...รีบไปหาพี่ใหญ่เย่ด้วยกัน”  ฟางหนานปล่อยให้ลูกน้องของเขาจัดการที่นี่  งานที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาคือไปหาเย่โม่

“พี่เย่”  ลูกน้องของฟางหนาน 2 คนช่วยพยุงเขามาทางด้านหลังของเย่โม่  เขาเรียกเย่โม่ด้วยความเคารพเป็นอย่างมาก  หากบอกว่าเดิมทีตัวตนของเย่โม่ในสายตาเขานั้นเป็นเพียงยอดฝีมือคนหนึ่งที่เขารู้สึกเคารพล่ะก็  ตอนนี้ไม่เพียงแต่เคารพเท่านั้น  เขายังรู้สึกหวาดกลัวเย่โม่อีกด้วย

“ฟางหนาน...”  เย่โม่เรียกออกมาคำหนึ่ง  ไม่รู้ในใจกำลังคิดอะไรอยู่

“พี่เย่  ผมอยู่นี่”  ฟางหนานรีบขานรับทันที

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่โม่ก็พูดขึ้น  “ตอนแรกผมวางแผนจะอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง  คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้  ดังนั้นผมคงต้องไปแล้วล่ะ”

“พี่เย่  พี่จะไปแล้วหรือ?  ที่ๆ พี่อยู่ผมช่วยซ่อมได้นะ”  ฟางหนานรีบร้อนพูดขึ้น  เขาคิดว่าสาเหตุเป็นเพราะวัดแห่งนั้นถูกทำลายเย่โม่จึงคิดจากไปแบบนี้

เย่โม่โบกมือ  “ฟางหนาน...ที่หลิวเฉอตอนนี้เป็นของนายแล้ว  ผมรู้ว่านายทำธุรกิจแบบไหนแต่ก็อย่าได้ล้ำเส้นจนเกินไปนัก...อย่างพวกดักปล้นกลางทางอะไรแบบนั้น  อย่าทำมันอีกหากไม่จำเป็น  ธุรกิจตรงชายแดนนั้นทำง่ายได้เงินเร็ว...แต่ผมก็หวังว่านายจะไม่ไปเกี่ยวข้องกับพวกยาเสพติด  ของพวกนี้ทั้งทำร้ายคนอื่นและตัวเอง  นี่คือทั้งหมดที่ผมอยากจะพูด  บางทีสักวันผมอาจจะกลับมาดูก็ได้”

พูดจบเย่โม่ก็หันหลังเดินจากไปอย่างไร้ซึ่งความลังเล  ในเมื่อที่นี่ปลูก ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’ ไม่ได้เขาก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ  ต่อให้ที่นี่สามารถใช้หลบหนีตระกูลซ่งได้...แต่หากต้องแลกกับการหยุดชะงักของการฝึกปราณแล้วล่ะก็   สำหรับเย่โม่มันไม่คุ้มค่ากันเลย  ฟางหนานก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร  เย่โม่ให้ความช่วยเหลือแก่เขามาก็ไม่น้อย  หากเป็นตอนนี้แล้วเขายังคุมสถานการณ์ในหลิวเฉอไม่ได้ล่ะก็...เขาก็ไม่มีคุณสมบัติจะอยู่ที่นี่แล้ว

หลังจากเย่โม่เดินออกไปไกล  ฟางหนานก็ได้สติขึ้นมา  เขารีบตะโกนขึ้นทันที  “พี่เย่!  ผมจะทำตามคำสั่งที่พี่บอกแน่นอน!”

เย่โม่ไม่ได้บอกให้เขาไปส่ง  ฟางหนานจึงไม่กล้าจะตัดสินใจทำแบบนั้นด้วยตัวเอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด