ตอนที่แล้วบทที่ 65 แค่ไหนเรียกโหดเหี้ยม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 67 บาดแผล

บทที่ 66 ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ไหน


ณ หนิงไห่  สวนเล็กๆ ที่เย่โม่เคยอยู่อาศัยนั้นถูกหนิงชิงเชวี่ยซื้อมาเรียบร้อยแล้ว  เธอมีความรู้สึกว่าการรั้งอยู่ที่หยูโจวถือเป็นความทรมานอย่างหนึ่ง  ใจหนึ่งเธอก็คิดอยากจะออกไปตามหาเย่โม่แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหนกันแน่

หนิงชิงเชวี่ยที่ไม่อาจทนอยู่ที่หยูโจวได้ในที่สุดก็กลับมายังหนิงไห่  ถึงแม้เธอจะกลับมาอยู่ในสวนเล็กๆ แห่งนี้อีกครั้ง...สถานที่นั้นเหมือนเดิม  ทว่าคนที่เคยอยู่กลับจากไปเสียแล้ว...

ซู่เวยเองก็ไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้ถูกหนิงชิงเชวี่ยซื้อไปเรียบร้อยแล้ว  เธอยังอาศัยอยู่ในห้องเดิมนั่นเอง   ทว่าเร็วๆ นี้มีผู้คนสอบสอบถามไม่หยุด  แม้กระทั่งคอมพิวเตอร์ที่ใช้ตรวจกล้องวงจรปิดก็ถูกเอาออกไปด้วย  ซู่เวยรู้สึกว่าเรื่องนี้เหมือนจะมีความข้องกับเย่โม่

เธอหวนคิดไปถึงตอนที่รู้จักกับเย่โม่  เธออยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับเขาหลายเดือน  เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าวันๆ เย่โม่ทำอะไรบ้าง  หวังซู่เปิดประตูสวน  ขณะที่กำลังจะออกไปซื้อกับข้าวอยู่นั้นเธอก็เห็นหนิงชิงเชวี่ยยืนอยู่หน้าประตูอย่างโดดเดี่ยว  ซู่เวยตะลึงไปพักหนึ่งจึงค่อยถามออกไปโดยไม่ทันได้คิดอะไร  “เธอมาทำอะไรที่นี่?”

หนิงชิงเชวี่ยรู้ว่าซู่เวยไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่  แต่ก็ไม่ได้รู้สึกขัดแย้งกับความคิดนั้นของซู่เวยแต่อย่างใด  เพราะหนิงชิงเชวี่ยก็รู้สึกว่าตัวเองยังรู้จักเย่โม่น้อยกว่าที่ซู่เวยรู้จักเขาเสียอีก

“ฉันจะพักอยู่ที่นี่...เวลาเช่ายังไม่หมด”  หนิงชิงเชวี่ยไม่อยากให้ซู่เวยรู้ว่าตัวเองซื้อที่นี่แล้ว  หากเธอรู้ล่ะก็...ดูจากนิสัยของซู่เวยเธออาจจะย้ายออกไปก็ได้  หนิงชิงเชวี่ยอยากให้ที่นี่เป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง  ไม่อยากให้มีอะไรเปลี่ยนไป  แต่ใจเธอรู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้  ต่อให้ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม...แต่เย่โม่ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว

ซู่เวยอยากจะพูดอะไรกับหนิงชิงเชวี่ยสัก 2-3 ประโยค  แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วหนิงชิงเชวี่ยมีความสัมพันธ์ยังไงกับเย่โม่กันแน่  อีกอย่างห้องของเย่โม่ก็จ่ายเงินค่าเช่าไปแล้วถึง 1 ปีเต็ม  ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา  ซู่เวยเดินออกไปซื้อกับข้าวโดยไม่พูดอะไรอีก

หนิงชิงเชวี่ยกลับเข้ามาในห้องนี้อีกครั้ง  มองดูสถานที่ๆ ยังคงเหมือนเดิม  ในใจของเธอเกิดความรู้สึกสับสนโศกเศร้าอันยากจะบรรยาย  เตียงนอนหลังนั้น…เธอกับเย่โม่เคยแอบอิงถ่ายรูปด้วยกัน  ตอนนั้นเป็นการแสดงหลอกๆ แต่เธอกลับอินกันบทมากจนหลี่มู่เหมยเอ่ยปากเตือน  หรือว่าความรู้สึกในเวลานั้นจะเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเธอจริงๆ?

หนิงชิงเชวี่ยนั่งลงบนเตียงอยู่ครู่หนึ่ง  เธอปัดกวาดภายในห้องรอบหนึ่ง  ของต่างๆ ถูกวางกลับไปที่เดิม  มีเพียงกระเป๋าพยาบาลของเย่โม่ใบนั้นที่ยังอยู่ในกระเป๋าเดินทางของเธอ  ในความคิดของเธอนั้น...บางทีสิ่งนี้อาจจะเป็นของชิ้นสุดท้ายที่เย่โม่เหลือทิ้งไว้ให้ก็เป็นได้

หนิงชิงเชวี่ยเปิดกระเป๋าพยาบาลของเย่โม่ออกมาดูอีกครั้ง  หนิงชิงเชวี่ยอดไม่ได้ที่จะหยิบจดหมายที่เย่โม่เขียนไว้ขึ้นมา  เดิมทีเธออดใจไม่เปิดมันออกมา  ครั้งนี้เธอกลับมาที่นี่เพียงคนเดียวจึงอดใจไม่ไหวเปิดจดหมายฉบับนั้นออกมาดู

ลวดลายตัวอักษรอันสวยงามทรงพลังกระทบสู่สายตาของหนิงชิงเชวี่ย  เธอไม่คิดมาก่อนว่าเย่โม่จะเขียนตัวอักษรได้ทรงพลังราวกับมันจะทะลุกระดาษออกมาได้ขนาดนี้

‘สวัสดีชือซิว  ก่อนไปฉันทิ้งจดหมายไว้ให้นายฉบับหนึ่ง  ตอนแรกก็อยากจะทิ้งของขวัญไว้ให้แต่ช่วงนี้นายก็ไม่ได้เข้าเรียน...’

‘มาถึงตรงนี้แล้วฉันก็เป็นแค่คนขี้เหงาคนหนึ่งเท่านั้น  นายเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันมี  ตอนที่ฉันถูกขับไล่ออกจากตระกูลและถูกพ่อตายกเลิกการหมั้นต่อหน้าผู้คน  มีเพียงนายเท่านั้นที่ไม่หนีไปไหน  ดังนั้นนายจึงถือเป็นเพื่อนแท้ของฉัน’

‘ที่จริงแล้วสิ่งที่ฉันอยากจะขอบคุณที่สุดก็คือตอนที่นายตะโกนปลุกฉันในวันนั้น  ถ้าไม่ได้นายล่ะก็   บางทีฉันอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ได้...’

‘อา... พอดีช่วงนี้ไม่มีที่อยู่น่ะเลยอาจจะเขียนได้ไม่สะดวกเท่าไหร่  เอาไว้หาที่อยู่ได้แล้วจะเขียนใหม่   เอาแบบนี้ก็แล้วกัน’

จดใบนี้เขียนได้ไม่เท่าไหร่ก็หยุดลงกะทันหัน  แต่หนิงชิงเชวี่ยกลับรู้สาเหตุนั้นดี  สาเหตุที่เย่โม่เขียนว่าไม่มีที่อยู่ก็เพราะการมาของเธอนั่นเอง  ได้เห็นแบบนี้แล้วหนิงชิงเชวี่ยยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นไปอีก

เขาอยู่ตัวคนเดียว...แต่เธอกลับทำร้ายเขาได้ลง  มาตอนนี้เธอเองก็ต้องอยู่ตัวคนเดียวเช่นกัน...หนิงชิงเชวี่ยเก็บข้าวของแล้วเดินออกจากห้องไป

ซู่เวยกลับมาถึงที่พักแล้วแต่ก็เดินไปล้างผักโดยไม่ได้พูดคุยกับหนิงชิงเชวี่ยแต่อย่างใด  หนิงชิงเชวี่ยเดินมาตรงจุดที่เย่โม่ปลูกดอกไม้เอาไว้  เธอคิดจะจัดการแปลงตรงนี้เพื่อเตรียมจะปลูกดอกไม้

ต้นอ่อนเล็กๆ เพียงต้นเดียวกลับทำให้หนิงชิงเชวี่ยนิ่งมองอยู่เป็นเวลานาน  จุดที่มันถูกปลูกไว้ก็คือจุดเดียวกันกับที่เย่โม่เคยปลูกหญ้าสีเงินนั่นไว้  หนิงชิงเชวี่ยจำได้ว่าเย่โม่ทะนุถนอมมันมาก  เธอยังจำได้อีกว่าพอมันหายไปได้ไม่นานเย่โม่ก็จากไปแล้ว

หรือว่ามันคือต้นเดียวกัน?  หนิงชิงเชวี่ยสำรวจบริเวณโดยรอบของมันอีกครั้ง  เธอทำรั้วล้อมรอบมันเอาไว้เหมือนกับที่เย่โม่ทำตอนนั้น

ไม่ว่ามันจะเป็นต้นเดียวกับที่เย่โม่ปลูกตอนแรกหรือไม่  หนิงชิงเชวี่ยก็ตัดสินใจแล้วว่าจะดูแลมันอย่างดี...เพราะจุดที่มันถูกปลูกก็คือที่เดียวกับที่เย่โม่ปลูกครั้งนั้น

ซู่เวยทำอาหารเสร็จแล้ว  เธอเห็นว่าหนิงชิงเชวี่ยยังคงง่วนอยู่กับสวนอยู่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย   หรือความสัมพันธ์ของหนิงชิงเชวี่ยกับเย่โม่จะไม่ธรรมดาจริงๆ?  ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีงานอดิเรกเหมือนกันแบบนี้หรอกมั้ง?

“ฉันทำอาหารเสร็จแล้ว  อยากจะมากินด้วยกันไหม?”  ซู่เวยหันไปพูดกับหนิงชิงเชวี่ยที่ยังคงวุ่นอยู่กับสวน

“ขอบคุณนะ…ฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”  หนิงชิงเชวี่ยตอบกลับมา  เธอคิดอยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงถามขึ้นมา  “ซู่เวย  เย่โม่กินข้าวกับเธอที่นี่บ่อยไหม?”

“เย่โม่?”  ซู่เวยไม่เข้าใจว่าหนิงชิงเชวี่ยจะถามเรื่องนี้เพื่ออะไร  แต่เธอก็ยังตอบไป  “เขาเคยอยู่ครั้งหนึ่ง  แถมยังชวนฉันด้วย  แต่ตอนนี้ก็หายไปโดยไม่บอกลาสักคำ...จริงสิ!  หนิงชิงเชวี่ย  เธอเกี่ยวข้องยังไงกับเย่โม่กันแน่?”

“ฉัน...” หนิงชิงเชวี่ยนิ่งงันไป  จริงสิ…ตกลงแล้วเธอเป็นอะไรกับเขากันแน่?  การหมั้นหมายก็ถูกยกเลิก  การแต่งงานก็เป็นของปลอม  ตอนนี้เธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเย่โม่อีก  แล้วเธอจะอยู่ที่นี่เพื่ออะไร?

……….

1 สัปดาห์ผ่านไป  ซู่เวยค้นพบเรื่องประหลาดอย่างหนึ่ง...หนิงชิงเชวี่ยใช้ชีวิตคล้ายกับเย่โม่อย่างน่าประหลาดใจ  พวกเขา 2 คนมักจะอยู่ติดบ้านเหมือนๆ กัน  ไม่ยอมออกไปไหน  รวมถึงชอบเลี้ยงดูดอกไม้เหมือนกันเสียด้วย  หนิงชิงเชวี่ยมักจะมองแปลงดอกไม้อยู่แบบนั้นทั้งวันโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกัน  ตอนที่เย่โม่อยู่ที่นี่เขาไม่มีแขกมาเยื่ยมเลยสักคนเดียว  แต่หลังจากหนิงชิงเชวี่ยมาอาศัยอยู่ที่นี่  หญิงสาวที่ชื่อหลี่มู่เหมยคนนั้นก็มาเยี่ยมเธอแล้ว 2-3 ครั้ง  ยังมีหญิงสาวที่ชื่อซูจิ้งเหวินอีกคน  เธอคนนี้หน้าตาสะสวย  จนทำให้ซู่เวยรู้สึกว่าได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจในฐานะสาวสวยคนหนึ่งอยู่บ้าง  เธอไม่เข้าใจว่าทำไมช่วงเวลาสั้นๆ ถึงได้มีสาวสวยมากหน้าหลายตามาที่นี่แบบนี้

..........

ณ  คฤหาสน์ส่วนตัวของตระกูลซ่งแห่งปักกิ่ง  ซ่งไห่ผู้รับผิดชอบเรื่องราวภายนอกของตระกูล...เขากำลังจ้องมองแผนที่ชิ้นหนึ่งอย่างใจจดใจจ่อ  เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาเขาได้รับข่าวสารมาชิ้นหนึ่ง...มีคนที่คล้ายว่าจะเป็นโย่โม่เดินทางเข้าเมืองเฟิงถางเมื่อหลายเดือนก่อน  ทั้งยังนั่งรถบัสไปเมืองฉีอีกด้วย

ตามข่าวสารที่ได้จากคนขับคนนั้น...ชายที่คล้ายเย่โม่คนนี้ยังไม่ทันนั่งถึงเมืองฉีก็ลงกลางทางเสียแล้ว   ส่วนจุดที่ลงก็คือแถวๆ ภูเขากุ้ยเซียง  แต่เมื่อสืบสาวได้จนถึงตรงนี้ข้อมูลก็ขาดตอนอีกครั้ง

สิ่งที่ซ่งไห่กำลังมองอยู่ตอนนี้ก็คือแผนที่ภูเขากุ้ยเซียง  บริเวณนี้เต็มไปด้วยป่าไม้  หากว่าเย่โม่หลบซ่อนตัวอยู่บริเวณนี้จริงๆ...การจะค้นหาตัวเขาก็คงยุ่งยากอยู่บ้าง

เสียงโทรศัพท์ของซ่งไห่ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเขา

ซ่งไห่ขมวดคิ้ว  ช่วงนี้ตัวซ่งไห่เองก็เหน็ดเหนื่อยทั้งกายใจเพื่อตามหาฆาตกรที่ฆ่าซ่งเฉ่าเหวิน  เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นครั้งนี้จึงทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง

“มีอะไร?”  ซ่งไห่รับโทรศัพท์แล้วถามอย่างอารมณ์เสียเล็กๆ

“ลุงไห่!  หนิงชิงเชวี่ยจากตระกูลหนิงมาถึงหนิงไห่แล้ว  แถมยังไปอาศัยอยู่ที่ๆ เย่โม่เคยอยู่อีกด้วย   ตอนนี้พวกเราคนทำยังไงกันดี?  ขอลุงไห่ช่วยสั่งการด้วย”  ผู้ที่โทรมาเป็นคนที่เขาวางไว้ในเมืองหนิงไห่ด้วยตัวเอง   จุดประสงค์ก็เพื่อสอดส่องเย่โม่  ทว่าผู้มากลับไม่ใช่เย่โม่แต่เป็นหนิงชิงเชวี่ยเสียนี่

ซ่งไห่นวดขมับ  ผ่านไปนานจึงค่อยพูด  “จับตาดูเธอไว้ก่อน  ยังไม่ต้องทำอะไร  หากผ่านไป 2-3 วันแล้วยังไม่มีข่าวคราวอื่นอีก  ก็ให้ใช้พวกนักเลงหาข้ออ้างลักพาตัวเธอมาที่นี่ซะ”

“ได้ครับ!  ลุงไห่”  เสียงที่ตอบกลับมานั้นเรียบง่ายตรงไปตรงมา

ซ่งไห่วางสาย  เขายิ้มหยันแล้วพึมพำกับตัวเอง  “อุตส่าห์ไม่ลงมือกับตระกูลหนิงชั่วคราว  หรือว่าคิดจริงๆ ว่าพวกเราไม่กล้าลงมือ?  ความตายของเฉ่าเหวิน...ถือเสียว่าเก็บดอกเบี้ยกับพวกแกก็แล้วกัน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด