ตอนที่แล้วบทที่ 55 ยื่นมือเข้าช่วย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 57 รักษา

บทที่ 56 ฉือหว่านชิง


“หัวหน้า  ทำไมระเบิดเมื่อครู่ถึงดังแค่พักเดียวล่ะ?  แล้วเสียงปืนนั่น…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?  หรือว่ากำลังเสริมมาถึงแล้ว?”

“ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น…ฉันจะออกไปดูเสียหน่อย  พวกนายรออยู่ที่นี่  หว่านชิง  เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“อืม... ฉันไม่เป็นอะไรหรอก  ขอระเบิดมือให้ฉันลูกหนึ่ง...”  คนพูดก็คือหญิงสาวที่ชื่อหว่านชิง  เพราะขาของเธอถูกยิงเสียเลือด  ใบหน้าของเธอตอนนี้จึงขาวซีด

อีก 2 คนที่เหลือเข้าใจเจตนาของหว่านชิง  กระสุนเริ่มเหลือน้อยลงทุกที  ถ้าป้องกันไว้ไม่อยู่เธอเลือกระเบิดไปพร้อมพวกมันเสียจะดีกว่า

หลังจากกัวฉี่พุ่งเข้ามาข้างในถ้ำก็รีบตะโกนเรียกทันที  “หัวหน้าหลู!  พวกคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

“ฟังเหมือนเป็นเสียงของพี่ใหญ่กัว...ใช่แล้ว!  เป็นพี่ใหญ่กัวนี่เอง  หรือว่ากำลังเสริมของพวกเรามาถึงและจัดการพวกหนานกุ่ยได้แล้ว?”  ชายหนุ่มที่ถือปืนกลมือรีบถามขึ้นทันที

“ฟางเว่ย  เหมือนที่นายว่าไว้เลย!  เป็นกัวฉี่จริงๆ...แต่เขาเข้ามาในนี้ได้ยังไง?  หรือว่าเขา...เป็นไปไม่ได้!”  หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าหลูพูดได้ครึ่งเดียวก็ส่ายหัวปฏิเสธข้อสันนิษฐานของตัวเอง

หัวหน้าหลูเมื่อเห็นกัวฉี่เข้ามาในถ้ำก็รีบถามขึ้นทันที  “เกิดอะไรขึ้น?  กัวฉี่”

“กัวฉี่สังเกตุเห็นเพื่อนร่วมทีมของเขาทั้ง 3 คนตรงปากถ้ำแล้ว  ฉือหว่านชิงที่ได้รับบาดเจ็บเองก็พิงผนังหินอยู่ตรงปากถ้ำเช่นกัน  กัวฉี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก  ”ฉันไปพากำลังเสริงมาจัดการพวกหนานกุ่ยที่ล้อมเอาไว้หมดแล้ว  ไม่เป็นอะไรกันใช่ไหม?”

“พวกเราไม่เป็นอะไร  มีแค่ฉือหว่านชิงที่ถูกยิงขาได้รับบาดเจ็บเท่านั้น  จริงสิ...เป็นทีมไหนกันที่มาช่วยพวกเรา?”  หัวหน้าหลูมองกัวฉี่ด้วยสายตาเคลือบแคลง  เธอคิดในใจว่าจะมีทีมไหนมาที่นี่ในเวลาแบบนี้กัน?   ต่อให้เป็นทีมช่วยเหลือก็ไม่น่าจะมาเร็วขนาดนี้  หรือว่าจะเป็นคนจากทีม ‘หลางเซี่ยว’ (หมาป่าหอน)?

“ไม่ใช่  เป็นเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันในป่าคนหนึ่งน่ะ  เขาช่วยผมไว้แล้วยังเป็นคนจัดการพวกหนานกุ่ย 20 กว่าคนข้างนอกนั่นด้วย”  กัวฉี่หอบหายใจขณะที่รีบพูด

“ว่าไงนะ?  นายจะบอกว่าคนๆ เดียวจัดการกองกำลังพิเศษ 20 กว่าคนงั้นหรือ?  ทั้งยังเป็นเพื่อนที่นายเพิ่งจะรู้จักอีกด้วย?  กัวฉี่...นายพูดจาไร้สาระอะไรอยู่กันเนี่ย!?”  หัวหน้าหลูตะโกนออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ฉือหว่านชิงกับฟางเว่ยเองก็มีสีหน้าสงสัยเช่นกัน  หากไม่ใช่ว่าพวกเขารู้จักกัวฉี่เป็นอย่างดีล่ะก็…คงจะคิดว่ากัวฉี่ได้ทรยศพวกเขาเสียแล้ว

กัวฉี่พูดอย่างรีบร้อน  “หัวหน้าหลู!  ที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน!  แต่เพื่อนของผมคนนี้ลอบโจมตีพวกมันก็เท่านั้น  เขาไม่ได้เผชิญหน้ากับพวกมันตรงๆ เขาลอบสังหารพวกมันทีละคนๆ จากเงามืด  ผมเห็นกับตาตัวเองเลย…ไม่มีทางผิดจากนี้แน่  เพียงแต่ภายหลังเขาถูกพบตัวจึงเกิดการยิงกันขึ้น”

ฟางเว่ยเข้าใจทันที  “ฉันได้ยินเสียงปืนของพวกหนานกุ่ยตอนหลังเหมือนกัน  ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”

“ต่อให้ลอบสังหารก็ตาม  ถึงยังไงคนแบบนี้ก็แข็งแกร่งมาก  ไป!...กัวฉี่  พาฉันไปหาเพื่อนของนายคนนี้สิ  หว่านชิงขึ้นหลังฉันมา”  หัวหน้าหลูพูดกับหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บ  เธอแบกหว่านชิงขึ้นหลังโดยไม่รอคำตอบเสียด้วยซ้ำ

“หว่านชิงมีแผลถูกยิงนี่นา  เพื่อนของผมคนนี้เขารักษาแผลถูกยิงได้ในพริบตาเดียว...รอดูได้เลย แผลของฉันตรงนี้ก็เพิ่งโดนยิงมาเมื่อบ่ายนี้เอง  แต่ผ่านมาแค่ 2-3 ชั่วโมงตอนนี้ก็สมานกันแล้ว  เขาเก่งจริงๆ นะ  ตอนที่ฉันกำลังหนีแล้วได้เจอเขา  รู้ไหมว่าเขากำลังทำอะไรอยู่?”  กัวฉี่พูดออกมาอย่างรวดเร็ว

“เก่งขนาดนั้นเชียว?  อืม...สมานกันแล้วจริงๆ ด้วย”  ฟางเว่ยเห็นแผลที่เอวของกัวฉี่แล้วพูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ  คิดสักพักหนึ่งแล้วพูดต่อ  “จริงสิพี่กัว  ตอนที่พี่เจอเขา...เขากำลังทำอะไรอยู่ล่ะ?”

กัวฉี่หัวเราะคิกคัก  “เขากำลังย่างเนื้อกระต่ายอยู่  แถมยังให้พี่มาครึ่งหนึ่งด้วย  ถือได้ว่าเป็นรุ่นพี่ที่สุดยอดที่สุดเท่าที่เคยรู้จักคนหนึ่งเลย!”

“ที่แท้ก็ยังมียอดฝีมือแบบนี้อยู่ด้วย อยากจะขอเป็นศิษย์จริงๆ  ยอดฝีมือแบบนี้คงมีอายุไม่น้อยแล้ว...ถ้าหลิวฉางกับหยูหนานยังอยู่ก็ดีสิ”  อารมณ์ของฟางเว่ยเปลี่ยนเป็นเศร้าสลดทันที

เมื่อได้ยินฟางเว่ยพูดถึงหลิวฉางกับหยูหนาน  คนที่เหลือก็นิ่งเงียบไป…บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งทันที

“อา...พวกนี้มัน...” หลังจากเดินออกมาข้างนอกถ้ำ  พวกเขาก็พบกับศพที่ถูกเย่โม่ฆ่าไปร่วม 24 ศพกองรวมกัน  เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีใครเห็นแม้แต่เงาของเย่โม่เลย

“ฆ่าไปเยอะขนาดนี้เชียว...นี่มัน...จะสุดยอดเกินไปแล้ว!  ไม่ได้การแล้ว!  ฉันต้องขอเขาเป็นศิษย์ให้ได้”  ฟางเว่ยตะโกนอย่างตื่นเต้น

“อย่าหวังเลย!  พี่เย่เป็นยอดฝีมือเหนือธรรมดา!  นายคิดว่าเขาจะรับนายหรือไง?  พี่เย่!...พี่เย่!...”   พูดกับฟางเว่ยจบกัวฉี่ก็ร้องเรียกเย่โม่

เย่โม่ที่ไม่รู้ว่าอยู่ๆ ก็โผล่มาจากไหน  เขายิ้มบางๆ แล้วพูดกับกัวฉี่  “ออกมากันหมดแล้วหรือ? ถ้างั้นก็ไปเถอะ  ผมยังมีเรื่องต้องทำอีก  ขอไม่ส่งนะ”

กัวฉี่นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง  จากนั้นจึงรีบร้อนพูดขึ้น  “อา...พี่เย่ต้องไปแล้วหรือ?  ขอเวลาผมแนะนำเพื่อนร่วมทีมของผมสักหน่อยสิ  นี่คือหัวหน้าทีม ‘เลี่ยอิง’ (เหยี่ยว)ของผมชื่อว่าหลูหลิน  คนที่ขี่หลังเธออยู่ก็เป็นเพื่อนร่วมทีมของผมเช่นกัน  เธอชื่อว่าฉือหว่านชิง  ส่วนคนนี้ชื่อฟางเว่ย  เขาเคารพพี่เย่มาก  หัวหน้า...นี่คือคนที่ช่วยผมไว้  เย่โม่”

“สวัสดีเย่โม่  ฉันชื่อหลูหลิน  ครั้งนี้ต้องขอบคุณนายมาก  คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะหนุ่มขนาดนี้  ตอนแรกยังคิดอยู่เลยอย่างน้อยนายน่าจะอายุสัก 30-40 เป็นอย่างน้อย”  หลูหลินรีบยื่นมือไปเช็คแฮนด์เย่โม่  แววตาของเธอแสดงความขอบคุณอย่างชัดเจน

“พี่เย่!  พี่เก่งจริงๆ ทั้งที่หนุ่มขนาดนี้  ผมชื่อฟางเว่ย  ขอผมนับถือเป็นอาจารย์ได้ไหม?”  แววตาของฟางเว่ยเป็นประกาย  ใบหน้าแสดงความเคารพนับถือเย่โม่

เย่โม่โบกมือปฏิเสธ  “ก็แค่ลอบสังหารเท่านั้น  ฉันเองก็ยังฝึกได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้น  ไหนเลยจะรับศิษย์ได้  อย่าได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย”

ฉือหว่านชิงมองเย่โม่  แววตาของเธอสว่างไสว  ตัวเธอเข้าร่วมกับกองทัพและใช้ความพยายามอยากมากในการเข้ามาในทีมเล็กอย่าง ‘เลี่ยอิง’  นอกจากเหตุผลทางครอบครัวแล้ว…อีกสาเหตุหนึ่งก็คือความรู้สึกชื่นชมที่มีต่อคนเก่งๆ ในกองทัพ  ลุงของเธอเป็นทหาร  พ่อก็เป็นทหาร  เพียงแต่พ่อของเธอไม่มีลูกชาย...เขามีเธอเป็นลูกสาวคนเดียวเท่านั้น  ภายหลังฉือหว่านชิงกับพ่อมีเรื่องทะเลาะโต้แย้งกันทำให้เธอไม่อยากอยู่ที่บ้านแล้ว  เธอจึงได้กลายเป็นมู่หลาน  ตัวละครที่เธอชื่นชมแล้วเข้าร่วมกองทัพแบบนี้

ถ้าหากเย่โม่เก่งจริงอย่างที่กัวฉี่ว่าล่ะก็…เขาก็คงเป็นคนที่เหมาะสมคู่ควรกับเธอ  ที่ผ่านมาตัวฉือหว่านชิงปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างเย็นชา  ส่วนหนึ่งก็เพราะความงามของเธอนั้นมีมากเกินไป  หากไม่มีท่าทีเย็นชาเสียหน่อยพวกแมลงวันทั้งหลายได้ตามเธอไม่หยุดหย่อนแน่  ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเธอรู้สึกว่าในทีมไม่มีใครที่ควรค่าแก่การเคารพนับถือของเธอเลยสักคนเดียว  ถึงแม้ครูฝึกสอนของพวกเธอจะเก่งเอามากๆ  แต่ก็ไม่มีทางเทียบชั้นได้กับเย่โม่ที่จัดการทหารทั้ง 20 กว่าคนได้ด้วยตัวคนเดียว  ถึงแม้จะเป็นการซุ่มโจมตีก็ตาม  แต่แน่นอนว่านิสัยเย็นชาของเธอนั้นสาเหตุหลักๆ ก็ยังมาจากเหตุผลทางครอบครัวอยู่ดี

คนที่เธอพอจะนับถืออยู่บ้างก็คือซู่ฉือ  ปีนั้นเขามาสอนพวกเธออยู่ 2-3 วัน  เขาเป็นคนเก่งมีฝีมือ เพียงแต่สอนได้ไม่กี่วันเขาก็ไปเสียแล้ว  เย่โม่ตรงหน้าเธอกับซู่ฉือคนนั้นดูจะแตกต่างกันอยู่บ้าง  ส่วนต่างกันตรงไหนนั้นฉือหว่านชิงเองก็บอกไม่ได้  เป็นเพียงแค่ความรู้สึกเท่านั้น

“พี่เย่  คนนี้เป็นเพื่อร่วมทีมของผมชือฉือหว่านชิง  ขาของเธอถูกยิง  พี่ช่วยดูให้หน่อยว่าพอจะรักษาให้เธอได้ไหม?”  กัวฉี่มองเย่โม่ด้วยท่าทีร้อนรนเล็กๆ

เย่โม่มองหญิงสาวบนหลังของหลูหลิน  อายุน่าจะประมาณ 20 ปี  ผมของเธอสั้น  แต่นั่นก็ไม่อาจกลบซ่อนความงามราวกับภาพวาดของเธอได้  สีหน้าขาวอยู่บ้าง  คิดว่าคงจะเป็นเพราะเสียเลือด  เย่โม่ส่ายหัวแล้วคิดในใจว่าหญิงสาวแบบนี้ควรอยู่กับบ้านกับเรื่อนเสียมากกว่า  เหตุใดถึงได้ดั้นด้นมาถึงป่าเขาชายแดนแบบนี้ได้?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด