ตอนที่แล้วบทที่ 56 ฉือหว่านชิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 58 หาเจอแล้ว!

บทที่ 57 รักษา


เย่โม่เห็นแผลรอยกระสุนตรงขาของฉือหว่านชิงแล้ว  “วางเธอลงเถอะ…ขอผมดูหน่อย”  ถึงเย่โม่จะพูดแบบนั้นแต่หลูหลินกลับแบกฉือหว่านชิงเดินไปวางหลบๆ ตรงป่า  จากนั้นจึงพูดขึ้น  “ในระหว่างที่พวกเรากำลังจัดการกับศพและสินสงครามพวกนี้  ต้องขอรบกวนคุณชายเย่ช่วยรักษาเธอด้วย”  พูดจบหลูหลินก็หันหลังเดินไปจัดการงานโดยไม่ได้รอคำตอบจากเย่โม่แต่อย่างใด

เย่โม่พยักหน้า  หัวหน้าหลูหลินคนนี้เป็นพวกแน่วแน่เด็ดขาด  ทำอะไรรวดเร็ว  เธอไม่เสียเวลาถามเขาสักนิดว่าจะรักษายังไง  รักษาได้หรือไม่  รวมถึงไม่ได้ถามความเห็นของหญิงสาวที่ชื่อฉือหว่านชิงคนนี้ด้วย

หลูหลินเดินจากไปแล้ว  ฉือหว่านชิงก้มหน้ามองแผลตรงขาของตัวเอง  จากนั้นจึงเงยหน้ามองเย่โม่  สีหน้าของเธอแลดูอึดอัดขัดเขินอยู่บ้าง  แผลของเธออยู่ตรงจุดที่ไม่เหมาะจริงๆ  ฉือหว่านชิงเชื่อคำพูดของกัวฉี่  ในเมื่อเขาพูดว่าชายตรงหน้ารักษาเธอได้  นั่นก็แปลว่าเย่โม่มีความสามารถถึงขั้นนั้นจริงๆ  เธอได้แต่หวังว่าเขาคงจะไม่ให้เธอถอดกางเกงหรอกนะ

เย่โม่มองแผลของฉือหว่านชิงแล้วก็ขมวดคิ้ว  ไม่ใช่ว่าเขารักษาไม่ได้...เพียงแต่แผลของเธออยู่ตรงจุดที่น่าลำบากใจอยู่บ้าง  ถ้าหากเขาวางมือบนขาแล้วเธอร้องโวยวายเล่า?  นั่นจะทำให้เย่โม่รู้สึกรำคาญเป็นอย่างมาก  เขาเกลียดการทำคุณได้โทษ  อีกอย่างสีหน้าของผู้หญิงคนนี้ดูแล้วเป็นคนเย็นชา  ไม่แน่ว่าเธออาจจะทำอย่างที่เย่โม่คิดไว้ก็เป็นได้

เมื่อเห็นเย่โม่มองแผลของเธอแล้วขมวดคิ้วไม่พูดอะไร  ฉือหว่านชิงก็เข้าใจความคิดของเย่โม่ทันที   ภายในใจของเธอยิ่งรู้สึกดีต่อเย่โม่มากขึ้นไปอีก  เธอพูดด้วยเสียงที่เบาจนแม้แต่ตัวเองยังแทบไม่ได้ยิน  “เย่...พี่เย่โม่   ช่วยรักษาให้ฉันหน่อย  ไม่ต้องกังวลหรอก”

เย่โม่นิ่งงันไปพักหนึ่ง  เขากำลังคิดอยู่เลยว่าควรจะพูดกับฉือหว่านชิงยังไงดี  คิดไม่ถึงว่าเธอจะเอ่ยปากก่อนเองแบบนี้  ถึงแม้ภายนอกจะดูเย็นชา  แต่แท้จริงแล้วภายในกลับไม่ใช่คนเฉยชาไม่แยแสแต่อย่างใด  ซึ่งนั่นก็ทำให้เย่โม่รู้สึกดีกับเธอขึ้นเล็กน้อย

สาเหตุที่เย่โม่รู้สึกว่าบาดแผลของฉือหว่านชิงยุ่งยากนั้นก็เพราะว่าเธอพันแผลด้วยชุดทหารไว้เสียแน่น...ไม่เหมือนกับกัวฉี่ที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งซึ่งแค่ฝ่ามือเดียวก็เอากระสุนออกได้แล้ว  แต่กับกรณีปากแผลของฉือหว่านชิงที่ถูกพันไว้แน่นนั้นยุ่งยากเสียแล้ว

เย่โม่รู้สึกชอบที่ฉือหว่านชิงคนนี้มีความกล้าหาญ  เขาจึงยิ้มแล้วบอกว่า  “ที่จริงแล้วการรักษาแผลนี้ไม่ถือเป็นเรื่องยากอะไร  ผมมีให้ 2 ทางเลือก  อย่างแรกคือถอดกางเกงออกซะผมจะช่วยรักษาให้  อย่างที่สองคือเจาะรูบนกางเกง  ตรงนี้...”

“ไม่ต้องแล้ว…ฉันจะถอด  แต่ฉันไม่ได้เอาตัวสำรองมา...”  ฉือหว่านชิงพูดจบก็ถอดกางเกงของตัวเองออกทันที  ในเมื่อตกลงกันแล้วก็ไม่จำเป็นต้องพิรี้พิไรกันอีก

เย่โม่ยิ่งรู้สึกดีกับหญิงสาวที่มีนิสัยตรงไปตรงมาคนนี้อีกครั้ง  เห็นท่าทางถอดกางเกงอย่างอ่อนแรงของเธอแล้วเย่โม่จึงรีบเอ่ยปาก  “มาผมช่วย”

“ขอบคุณ...”  ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉือหว่านชิงได้เห็นเย่โม่  เธอก็รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร  หลังจากนั้นเขาก็มีท่าทีลังเลกับตำแหน่งบาดแผลของเธอ  รวมถึงสายตาที่ไม่ได้ละจากตำแหน่งแผลด้วยนั้น  ทำให้เธอยิ่งรู้สึกเชื่อถือเย่โม่มากยิ่งขึ้น  ฉือหว่านชิงจึงปล่อยให้เขาช่วยถอดกางเกงออกให้  ก่อให้เกิดความรู้สึกอันยากจะบรรยายในใจของเธอ

ถึงแม้มือของเย่โม่จะไม่ได้แตะต้องผิวของเธอเลย  แต่ฉือหว่านชิงก็ยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากมือของเขา  ในใจรู้สึกผ่อนคลายลง

เย่โม่ไม่ได้ถอดกางเกงของฉือหว่านชิงออกจนสุด  เขาเพียงถอดออกจนถึงปากแผลเท่านั้น  แต่ฉือหว่านชิงกลับรู้สึกว่าถอดแบบนี้กลับทำให้สถานการณ์ยิ่งดูคลุมเคลืออึดอัดมากขึ้นไปอีก  หน้าของเธอเปลี่ยนเป็นแดงก่ำจนไม่กล้ามองมือของเย่โม่อีก  เธอหันหน้าไปทางอื่น  ในใจคิดวุ่นวายว้าวุ่นจนแม้แต่ตัวเธอเองยังไม่รู้ว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่

ผิวขาวนวลของฉือหว่านชิงทำให้เย่โม่รู้สึกลานตาอยู่บ้าง  กางเกงในของเธอเป็นสีขาวลายดอกไม้  เย่โม่ไม่กล้ามองต่อ  เย่โม่ตั้งสมาธิ  ในเวลาเดียวกันมือข้างหนึ่งก็ตบไปบนต้นขาของฉือหว่านชิง  กระสุนนัดหนึ่งพุ่งออกมาพร้อมกับเลือด  จากนั้นเย่โม่จึงหยิบสมุนไพร 2-3 ชนิดออกมาเคี้ยวแล้วทาลงบนปากแผลแล้วแผ่พลังปราณลงไป  ฤทธิ์ของยาถูกดูดซึมเข้าปากแผลอย่างรวดเร็ว

เย่โม่หยิบผ้าพันแผลจากในกระเป๋าขึ้นมาพันให้กับฉือหว่านชิงแล้วช่วยเธอดึงกางเกงขึ้น  กระบวนการทั้งหมดกินเวลาไปไม่กี่นาทีเท่านั้น  ที่เขาช่วยเธอเคี้ยวสมุนไพรให้นั้น  สาเหตุก็เพราะกลัวว่าเธอจะทำช้าเท่านั้น  หญิงสาวทั้งหลายล้วนชอบรักษาหน้าตา  ถอดกางเกงในสถานที่แบบนี้นานๆ คงจะดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่

ตอนที่เย่โม่ช่วยดึงกางเกงเธอขึ้นนั้น  ฉือหว่านชิงถึงค่อยได้สติขึ้นมา  แม้แต่ว่าเย่โม่รักษาเธอยังไงฉือหว่านชิงยังไม่ทันได้มองเสียด้วยซ้ำ

“พี่ใหญ่เย่...รักษาเสร็จแล้วหรือ?”  ฉือหว่านชิงที่ใบหน้ายังไม่ทันหายแดงถามขึ้นด้วยความสับสนเล็กน้อย

“อืม…เรียบร้อย  คิดว่าพรุ่งนี้เช้าคงจะหายสนิทแล้ว”  เย่โม่ยิ้มน้อยๆ  เขาใช้พลังปราณเพื่อช่วยเธอในการฟื้นฟูบาดแผล  ซึ่งนั่นคงทำให้แผลของเธอหายเร็วกว่าของกัวฉี่

“อา...ไม่ปวดแล้วจริงๆ ด้วย!  แถมยังรู้สึกเย็นอีก  ขอบคุณพี่เย่โม่มาก  พี่เก่งจริงๆ”  เป็นครั้งแรกที่ฉือหว่านชิงรู้สึกว่าบนโลกนี้ยังมีเรื่องราวมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติแบบนี้อยู่  ความอึดอัดขัดเขินในตอนแรกได้จางหายไปแล้ว  จะมีหมอที่ไหนทำแบบเย่โม่ได้บ้างเล่า?  แค่ไม่กี่นาทีก็เอากระสุนออกและรักษาแผลได้แล้ว  แถมเขายังทำได้สบายๆ อีกด้วย

“ขอบคุณ...พี่เย่”  ฉือหว่านชิงเองก็รู้สึกว่าเย่โม่ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกับที่กัวฉี่ว่าไว้เลย

“พี่ใหญ่เย่  พี่ทำงานอะไรหรือ?”  นี่เป็นครั้งแรกที่ฉือหว่านชิงเอ่ยปากถามเรื่องของผู้ชายสักคนหนึ่ง   เธอรู้สึกว่าหน้าของตัวเองร้อนฉ่า  แต่ภายในใจเธอกลับรู้สึกอยากรู้ขึ้นมา  เธอเองก็รู้ว่าการได้พบเจอกับคนเช่นเย่โม่ถือเป็นโชคชะตา  ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะสามารถพบเจอกับคนมีฝีมือเหนือธรรมดาเช่นนี้ได้

เย่โม่อ้าปากเตรียมจะพูดว่า ‘ไปเถอะ’ แต่ชะงักค้างเอาไว้  ที่ฉือหว่านชิงถามเขาตอนนี้  นั้นก็หมายความว่าเธอไม่ได้คิดจะออกไปจากตรงนี้ชั่วคราว  เขาเพียงตอบเธออย่างง่ายๆ  “ตอนนี้ผมไม่มีงานเป็นหลักเป็นแหล่งอะไร  แค่ทำพวกงานชั่วคราวเท่านั้น  ถ้าโชคดีก็ทำเงินได้เยอะหน่อย  ถ้าโชคไม่ดีล่ะก็...เคยถูกตำรวจไล่ออกมาอยู่เหมือกัน  ฮ่าฮ่า...”

ที่เย่โม่พูดก็ไม่ใช่เรื่องโกหกอะไร  เขาช่วยรักษาผู้คน  ตั้งแผงลอยขายยันต์  หรือแม้แต่ไปช่วยคนทำธุรกิจสกปรก

“อา...”  ฉือหว่านชิงไม่อาจเชื่อคำพูดของเย่โม่  เธอไม่เชื่อว่าคนแบบเย่โม่จะไม่มีงานทำ  อย่าว่าแต่ทำงานชั่วคราวเลย

“พี่ใหญ่เย่  ขอบคุณพี่ที่ช่วยชีวิต  ฉัน...”  ฉือหว่านชิงยังพูดไม่ทันจบ  ก็ถูกเย่โม่ตัดบทเสียก่อน

“ที่จริงแล้วแผลของเธอนั้น...ต่อให้ผมไม่ช่วยก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก  ห่างไกลจากคำว่าช่วยชีวิตเยอะ”  เย่โม่ยิ้มน้อยๆ

ฉือหว่านชิงก็ยิ้มออกมาเช่นกัน  เย่โม่มองแล้วนิ่งค้างไป  เขาคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่มีสีหน้าเย็นชาอย่างฉือหว่านชิงจะยิ้มออกมาแล้วดูดีแบบนี้  เมื่อเห็นเย่โม่นิ่งมองเธอแบบนี้  ฉือหว่านชิงก็รู้สึกยินดีอยู่ในใจ  เธอรีบพูด  “พี่ใหญ่เย่  ฉันไม่ได้หมายความถึงเรื่องนี้  ถ้าไม่ได้พี่ล่ะก็…ทีมของฉันทั้ง 3 คนคงไม่รอดแน่  ไม่แน่ว่าอาจจะถูกทำมิดีมิร้ายไปแล้วก็ได้  ฉันรู้สึกขอบคุณพี่มากจริงๆ”

เย่โม่พยักหน้า  เขารู้ว่าที่ฉือหว่านชิงพูดเป็นความจริง  เขาคิดอยู่สักพักแล้วพูดขึ้น  “ที่จริงแล้วผมรู้สึกว่าผู้หญิงอย่างเธอไม่ควรจะมาอยู่ในกองทัพแบบนี้เลย  แน่นอนว่าเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น

คิดไม่ถึงว่าฉือหว่านชิงเองจะพยักหน้า  “พี่ใหญ่เย่…ที่พี่พูดมาก็ถูก  ที่ผ่านมาฉันรู้สึกอิจฉาชีวิตของทหารมาก  ฉันเองก็พยายามอย่างมากจึงได้เข้ามาอยู่ในทีมเล็กๆ อย่าง ‘เลี่ยอิง’ ทีมนี้  มาตอนนี้แล้วกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับชีวิตแบบนี้จริงๆ”

คิดสักพักฉือหว่านชิงก็พูดต่อ  “พี่ใหญ่เย่  ฉันอยากให้พี่ช่วยอะไรหน่อย...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด