ตอนที่แล้วตอนที่ 7 พยัคฆ์คีรี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 แท่นจ้าวอาคม

ตอนที่ 8 เพื่อ 200 เหรียญทองแดง


เหนือภพยืนครุ่นคิดพยายามทบทวนคำพูดของเหล่าคนที่เขาถามทาง ทุกคนต่างพูดกันในแบบเดียวกันว่า ‘ห้องพักครูอยู่หลังหอระฆัง’ แล้วหอระฆังที่ว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่ เหนือภพรู้ดีว่าแค่ยืนครุ่นคิดอยู่เฉยๆ มันไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากเสียเวลา เขาจึงเดินไปทั่วบริเวณนี้ พยายามค้นหาพื้นที่แห่งนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน

จนกระทั่งหน้าผากของเขาชนเข้ากับบางอย่างเสียงโป๊ก ความรู้สึกเจ็บจี๊ดตามมาด้วยความรู้สึกมึน ปวด ร่างกายโคลงเคลงทรงตัวแทบไม่อยู่ชั่วพักหนึ่ง

นี่มันบ้าอะไรนี่

เหนือภพใช้มือลูบหน้าผากของตัวเองอย่างงุนงง ยื่นมือไปด้านหน้าจนเขาสัมผัสได้กับวัตถุแข็งพอลูบๆคลำไปเพียงเล็กน้อย เขาก็รู้ว่านี่คือผนังกำแพง ที่แท้มันก็ถูกอาคมพรางตาเอาไว้ นี่เป็นครั้งแรกของเหนือภพที่ได้สัมผัสกับอาคมจริงๆ จากความรู้สึกหงุดหงิดขุ่นเคืองก่อนหน้าค่อยแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกสนใจใคร่รู้

จนเกิดภาพฝันขึ้นในหัวสมองน้อยๆของเขา

'ถ้าหากข้าสามารถเรียนรู้อาคมพรางตาเช่นนี้ได้ เวลาไปขุดแร่เขาก็ไม่ต้องจ่ายเงินค่าเข้า แล้วข้าลักลอบเข้าไปขุดแร่แล้วนำเอาแร่ที่ได้มาไปซ่อนเอาไว้ก่อนพอสั่งสมแร่ได้เยอะๆ แล้วค่อยจ่ายเงินเข้าไปขุด ขุดให้หมดวันก่อนแล้วค่อยเอาแร่ทั้งของใหม่และของเก่าที่เก็บไว้มาขาย อ่ะฮ้า แจ่ม'

พอคิดได้เช่นนี้ เหนือภพก็ยิ่งอารมณ์ดี แต่พอนานเข้ารอยยิ้มก็เริ่มหุบลง พอรู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถเช่นนั้นและคงไม่มีวันที่จะมี แต่ว่าหัวหน้าไทคาดหวังในตัวเขา หัวหน้าไทมักพูดเสมอว่า ตราบใดที่ยังไม่พบกับผู้ชี้นำทุกอย่างก็ยังมีความหวัง

เท่าที่เขารู้หัวหน้าไทเองก็เคยเป็นเด็กที่ไร้พรสวรรค์จนกระทั่งเมื่ออายุครบ 12 ปี ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากคนไร้ค่าที่ฝึกอาคมไม่ได้สักบท กลับกลายเป็นฮันเตอร์ที่มีชื่อเสียงจนเป็นที่ยอมรับของหมู่บ้าน

เพราะเหตุผลนี้ เขาจึงยังมีเศษเสี้ยวแห่งความหวังที่จะได้เป็นฮันเตอร์ เป็นอย่างหัวหน้าไท และสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองและครอบครัวไปอีกระดับหนึ่ง

เหนือภพคลำกำแพงล่องหนไปเรื่อยๆ เขาเชื่อว่ามันต้องมีประตูหรือทางเข้าอยู่สักที่หนึ่ง เพียงแต่ว่าเขายังหามันไม่เจอเท่านั้น สีหน้าของเหนือภพเต็มไปด้วยความมุ่นมั่น ดวงตาทอประกายแสงแห่งความหวัง ใช้เวลาไม่นานความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาก็บรรลุผล เมื่อเขาคลำเจอรอยต่อประตูและก้าวผ่านพ้นประตูเข้าไปด้านในได้สำเร็จ ทิวทัศน์ที่เคยเป็นเพียงพื้นที่โล่งเตียน ก็เผยให้เห็นโถงบันไดที่เชื่อมต่อกับห้องโถงต้อนรับของอาคารพักครูฝึกที่อยู่ด้านบน ซึ่งมีหัวหน้าไทกับพี่พลกำลังนั่งรออยู่บนนั้น

เหนือภพมีสีหน้าโล่งใจ

'เย้ นึกว่าจะอดเงิน 200 เหรียญทองแดงซะแล้ว'

เหนือภพยังไม่เข้าไปหาหัวหน้าไทในทันที แต่กลับหันหลังไปมองประตูล่องหนที่เขาเพิ่งก้าวผ่านมา เขายังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับหอระฆังว่ามันอยู่ตรงไหนกันแน่ แต่พอได้เห็นมันกับตาเขาก็ต้องตกตะลึง หอระฆังที่ว่าเมื่อมองจากภายนอกจะไม่เห็นอะไร แต่เข้ามาด้านในนี้แล้วก็จะพบว่าขนาดของมันใหญ่โตมาก ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่โตแบบนี้ยังสามารถซ่อนมันได้ด้วยอาคม

“นี่เงินของเจ้า รับไปแล้วเจ้าก็กลับไปได้ละ”

หัวหน้าไทพูดขึ้นพร้อมยื่นถุงเงินให้กับเหนือภพทันทีที่เหนือภพเดินเข้ามาใกล้

“ให้ข้ามาแค่นี้หรือครับ” เหนือภพงุนงง

“จริงๆก็มี แต่เจ้าใช้เวลานานเกินไปกว่าจะเจอข้า อีกอย่างด้วยเวลาที่เหลือตอนนี้ข้าไม่มีเวลามากพอที่จะสอนเจ้า พอดีมีเด็กใหม่จะอายุครบ 12 ปี ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ข้าจำเป็นต้องไปให้การดูแลเตรียมความพร้อมก่อนพบเจอผู้ชี้นำ”

หัวหน้าไทอธิบายด้วยใบหน้าที่แม้จะดูเรียบนิ่งแต่ก็สัมผัสได้ถึงความสุข ไม่รู้ความสุขที่ว่านั้นเกี่ยวกับเด็กที่จะได้เป็นฮันเตอร์ หรือว่าเกี่ยวกับเหนือภพที่สามารถหาที่นี่ได้พบด้วยตัวเองกันแน่

เหนือภพพยักหน้าเข้าใจ ไม่ได้มีท่าทีทักท้วงอะไร แถมออกจะดีใจไปด้วยซ้ำที่จะได้กลับเร็ว เขาจะได้มีเวลาเพียงพอที่จะไปแวะซื้อของให้แม่กับน้องสาวเป็นของขวัญ แต่ว่าความคิดนั้นก็ต้องชะงักไป เมื่อพี่พลเข้ามาโอบไหล่เหนือภพเอาไว้แล้ว กล่าวออกไปว่า

“เจ้าก็ไปดูด้วยกันสิถือว่าเป็นประสบการณ์ อีกอย่างนะ เด็กๆที่จะได้เป็นฮันเตอร์ในวันนี้ ล้วนเป็นเพื่อนวัยเรียนของเจ้าทั้งนั้นแหละ”

เหนือภพมีท่าทีละอายใจ เขาลังเลกับคำว่าเพื่อนวัยเรียนแต่สุดท้ายเขาก็เดินตามหัวหน้าไทกับพี่พลไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาไม่ได้สนใจในเพื่อนวัยเด็กมากนัก แต่สนใจว่าเขาต้องทำยังไงบ้างก่อนที่จะได้พบเจอกับผู้ชี้นำ เขาจะได้เตรียมตัวเอาไว้เมื่อถึงเวลา

เหนือภพเดินตามหัวหน้าไทกับพี่พลจนมาถึงลานกว้างแห่งหนึ่ง คงเป็นลานกว้างภายในอาคารวงแหวนสี่เหลี่ยมหลังที่สาม เพราะสมัยก่อนตอนที่เหนือภพเคยเรียนอยู่ที่นี่เขามีสิทธิ์ได้เข้าเรียนถึงในอาคารหลังที่สองเท่านั้น และที่นั่นก็ไม่ใช่ลานแบบนี้

ภายในลานกว้างนี้มีรูปทรงกลม ตรงกลางมีแท่นศิลาสีดำสนิท เหนือแท่นศิลานั้นมี ลูกแก้วกลมขาวมนคล้ายมุกลอยอยู่ รอบแท่นศิลาสีดำสนิทนี้ มีเหล่าครูฝึกฮันเตอร์ต่างวัยรวมไปถึงเหล่าเด็กๆที่เฝ้ารอวันเวลาที่จะพบกับผู้ชี้นำ รวมแล้วนับสี่สิบคน ฮันเตอร์และเด็กๆที่มาจากตระกูลชั้นดี หรือผู้ที่มีเกียรติจะได้รับเกียรติให้นั่งเก้าอี้ที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามตั้งอยู่แถวหน้า ส่วนพวกที่เหลือก็ยืนเรียงกันอยู่ด้านหลังตามอัธยาศัย

พลพาเหนือภพแยกตัวออกจากหัวหน้าไทไปรวมตัวกับกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังสุด ขณะที่หัวหน้าไท เดินยังจุดที่มีเหล่าครูฝึกนั่งอยู่ในบริเวณที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เฉพาะ ขณะเดียวกันก็มีผู้เฒ่าผมขาวโพลนท่าทางภูมิฐาน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าชั้นดี สวมผ้าคลุมปักดิ้นสวยงามตัวยาวระพื้น แววตามีประกายอ่อนโยนยามมองไปยังกลุ่มเด็กๆ ร่างของผู้เฒ่าผู้นี้แผ่กลิ่นอายน่าเคารพนับถือ จนทำให้ผู้คนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ต่างส่งเสียงพูดคุยซุบซิบเสียงดังก่อนหน้าเงียบสงบลง

“ข้า ผู้เฒ่าพสุธา ในนามของผู้อาวุโสผู้ดูแลโรงฝึกเตรียมฮันเตอร์แห่งนี้ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พวกเจ้าได้ถึงวัยที่จะได้พบกับผู้ชี้นำ ณ ช่วงเวลานี้ คือช่วงเวลาสำคัญที่พวกเจ้าจะได้ทดสอบศักยภาพที่แท้จริง ศักยภาพที่พวกเจ้าทั้งหลายได้ถูกฝึกฝนมาอย่างยากลำบากด้วยกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเจ้าหลายๆคนจะไร้ซึ่งความสามารถ แต่เมื่อพวกเจ้าได้มีโอกาสมาศึกษาเล่าเรียนที่โรงฝึกเตรียมอันเตอร์แห่งนี้………...”

จากนั้นผู้เฒ่าพสุธาก็ยังคงร่ายอารัมภบทต่อไปอีกยืดยาว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด