ตอนที่แล้วตอนที่ 6 ไม่มีอาคม ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 เพื่อ 200 เหรียญทองแดง

ตอนที่ 7 พยัคฆ์คีรี


ว้าว ว้าว ว้าว

จู่ ๆ ก็มีเสียงอื้ออึงจากผู้คนทั้งลานแห่งนี้ เมื่อพวกเขาพบว่าที่หน้าประตูหลักมีเด็กชายที่อายุน่าจะใกล้ถึง 12 ปีเต็มทีกำลังเดินมาตามถนนหินสีน้ำเงินเข้ม เด็กชายคนนี้แม้ว่าจะยังอายุน้อย แต่ก็มีรูปร่างสูงโปร่ง โครงหน้าเรียวงาม คิ้วคมเข้ม ดวงตาเฉี่ยวสีทองเหลือบน้ำตาลแลดูลึกลับน่าเกรงขามเกินวัย

ส่วนเส้นผมของเขานั้นแม้ว่าจะยาวเพียงประบ่าเท่านั้น แต่ก็ดูโดดเด่นยิ่งกว่าผมของหญิงสาวเสียอีก เนื่องด้วยมันเป็นเส้นผมสีส้มเข้ม เปล่งประกายสีทองยามต้องแสงแดด ส่วนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเขานั้นเป็นกางเกงสามส่วนสีครีม ชายขาเกงกางจับจีบรัดเข้ารูป สวมเสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวจับจีบระบายที่คอและแขน สวมทับด้วยเสื้อกั๊กหนังจิ้งจอกสีขาวฟู ดูทันสมัยสง่างามและล้วนตัดเย็บจากผ้าราคาแพง ช่างดูสมส่วนกลมกลืนไปทั้งตัว เพียงมองแวบเดียวทุกคนก็รู้ได้ว่า หากเขาเติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มเต็มตัว คงเป็นหนุ่มที่รูปงามผู้พรั่งพร้อมที่สุดคนหนึ่งในแผ่นดินเป็นแน่

การปรากฏตัวของพยัคฆ์คีรีเรียกความสนใจแก่ผู้คนได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะอิสตรี เมื่อเขาเดินเข้ามาตามเส้นทางแห่งเกียรติยศด้วยท่าทางผ่าเผย ก็ทำให้สตรีมากมายแทบคลั่ง ส่งเสียงกรีดร้องชื่นชม

“นี่แกดูผู้ชายคนนั้นสิเขาดูดีมากเลย เขาเป็นใครกันนะ”

“ดูดวงตาสีทองของเขาสิ ทั้งเยือกเย็นและก็สูงส่ง ใบหน้าอ่อนเยาว์ขาวผ่องอย่างกับผู้หญิงแหน่ะ”

“ฉันก็ด้วย นี่ละพ่อของลูกในอนาคตละ อร๊ายยย ฉันทนไม่ไหวแล้ว หล่อเหลือเกิ๊นน”

“นั่น พยัคฆ์คีรีนี่ พยัคฆ์คีรีจริงๆด้วย เขากลับมาจริงๆ ข่าวลือที่ว่าเขาจะมาทดสอบเป็นฮันเตอร์เต็มตัวกับผู้พิชิตที่บ้านเกิดก็เป็นเรื่องจริงละสิ”

แต่ทว่าคนเรายิ่งโดดเด่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ให้พูดถึงอยู่เสมอ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีเพียงอย่างเดียว พยัคฆ์คีรีเองก็ไม่ได้มีข้อยกเว้น ในเรื่องนี้

“ฉันว่าไม่ใช่หรอก เห็นเขาว่ากันนะ พยัคฆ์คีรีต้องการหนีสมรสพระราชทานจากองค์จ้าวแคว้นแห่งอมตะนคร เลยจำใจต้องจากมา”

“เฮ้ยจริงดิ”

“จริง แกคิดดูเอานะ ทรัพยากรที่เมืองหลวงมีมากมายแค่ไหนใครก็รู้ ยิ่งระดับพยัคฆ์คีรี สถาบันเตรียมฮันเตอร์ทุ่มทรัพยากรใส่ให้เขาไม่อั้น เป็นแกจะโง่กลับมาบ้านเกิดหรอวะ ถ้าไม่เกิดเรื่องขัดใจกับพวกราชวงศ์”

“เออใช่”

“ยังมีอีกเรื่อง ถ้ารู้ไว้เหยียบให้มิดเลยนะ เรื่องนี้เป็นข่าววงใน ว่ากันว่าพยัคฆ์คีรีมีคนรักอยู่ที่นี่แต่ผิดใจตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้พยัคฆ์คีรีไม่อาจทำใจได้ เลยปฏิเสธการสมรส หวังกลับมาแก้ไขความสัมพันธ์ในอดีตที่ค้างคา เห็นว่าชื่อมีนา อะไรนี่ละ”

“หื้ยย จริงเปล่าวะแก มีนา ดาวแห่งสถาบันฮันเตอร์ นั่นอ่ะนะ”

“จริงดิวะ เรื่องนี้สายข่าววงในอย่าง กัซซัดทุกความจริงการันตี”

“เฮ้ย เรื่องนี้เข้าเค้าว่ะแก เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันก็ได้ข่าวลือมาเหมือนกัน องค์หญิงแห่งอมตะนครพยายามไล่ตื้อพยัคฆ์คีรี จนตามมาถึงที่นี่ หรือว่าจะมาจัดการมีนา”

“เฮ้ย เชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ทำไมทำตัวหน้าไม่อายแบบนี้ละ”

“.........................”

“.........................”

“.........................”

สาวน้อยทั้งหลายยังคงตั้งวงเม้ามอยกันต่อไป ส่วนบรรดาพ่อแม่นั้นก็ยังคงลอบมองพยัคฆ์คีรีอยู่เป็นระยะ เด็กหนุ่มที่เลิศเลอปานนี้คงยากที่จะไขว่คว้ามาร่วมวงศ์ตระกูล

“อะแฮ่ม”

เหนือภพส่งเสียงขึ้น เขาได้ยินเสียงที่พูดถึงคนชื่อ พยัคฆ์คีรี มาสักพักแล้วได้ยินมาทั้งคำชมและก็คำด่าเรียกได้ว่า คนเดียวมีเรื่องให้พูดถึงครบรสเลยทีเดียว แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ เขาไม่ใช่คนใจดีที่จะมาแก้ต่างอะไรให้ใครหรอก

ก็แค่…

“เอ่อ ไม่ทราบว่า รู้จักห้องพักครูฝึกไหมครับ”

สีหน้าผู้ถูกถามโล่งออก ทีแรกเธอคิดว่าจะเป็นคนขององค์หญิงนั่นมาเสียอีก จึงพ่นลมหายใจที่กลั้นเอาไว้ออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะแสดงสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นใบหน้าชายคนที่ถามเธอ โครงหน้าก็ดูดีหรอกนะ แต่ผิวทั่วใบหน้าหมองคล้ำแห้งกร้าน มีทั้งสิวและกระเต็มไปหมด ใต้ดวงตามีรอยคล้ำ ริมฝีปากแตกระแหง ให้ความรู้สึกน่ารังเกียจ หากเป็นปกติเธอคงไล่ผู้ชายคนนี้ไปไกลสายตา แต่หากมีคนถามหาห้องพักครูฝึก เธอเองก็พอจะรู้ว่าคนที่ไปที่นั่นส่วนใหญ่ไม่ใช่คนธรรมดา เป็นไปได้เธอก็ไม่อยากหาเห่าใส่หัว จึงทำเพียงก้าวถอยหลังรักษายังห่าง ก่อนจะชี้ไปทิศทางที่ถูกต้องพร้อมบอกเส้นทางที่ละเอียดจนจบภายในประโยคเดียว

“ตรงไปเลี้ยวซ้ายที่ต้นไม้ใหญ่ ห้องพักครูจะอยู่หลังหอระฆัง”

เหนือภพไปตามที่หญิงสาวแปลกหน้าบอกทุกประการ ตรงไปเรื่อยๆ จนหลุดออกเส้นทางที่ถูกสร้างไว้ให้สัญจรภายในเขตโรงฝึก มันเป็นเส้นทางเล็กในสวนผลไม้ที่เกิดจากคนผ่านไปผ่านมาเหยียบย่ำจนเป็นเวลานาน จนพืชหญ้าไม่สามารถเติบโตขึ้นได้ จนกระทั่งพบกับต้นไทรขนาดใหญ่มันใหญ่มากพอที่จะทำให้พื้นที่กว่าร้อยตารางเมตรตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของมัน

‘ห้องพักครูฝึกอยู่หลังหอระฆังงั้นหรอ’

เหนือภพยืนนิ่งหันซ้ายหันขวาพยายามมองหาระฆัง ที่หญิงสาวแปลกหน้าบอก หลังจากเลี้ยวซ้ายที่ต้นไทรขนาดใหญ่ แต่เขากลับมองหามันไม่เจอ

‘หรือว่าโดนหลอก บัดซบ นังสารเลวนั่น อย่าให้เจอนะ!!’

เหนือภพกัดฟันกรอด เขาโกรธมาก หากเขาไม่พบหัวหน้าไทในวันนี้ เขาก็อดเงินสองร้อยเหรียญทองแดงนะสิ ไม่ได้เขาไม่ยอม เขาต้องหาให้พบเพื่อเงิน สองร้อยเหรียญทองแดง

หน้าตาเหนือภพเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น หันหลังกลับไปยังเส้นทางเดิม ต้องมีสักคนที่สามารถบอกเส้นทางที่ถูกต้องแก่เขาได้บ้างล่ะ แต่ว่าเมื่อเขากลับออกไปด้านนอกเพื่อสอบถามคนอื่นๆ คำตอบที่ได้เหมือนกับที่ยัยสารเลวว่าไม่มีผิด

เหนือภพหัวเสียขณะที่เวลากำลังเดินผ่านไป คนพวกนี้ต้องมีปัญหาแน่ๆ ครั้งนี้เขาไล่ถามทุกคนด้วยคำถามเดียวกันเพื่อความแน่ใจ ถามไปมากกว่าสามสิบคน จนเหนือภพเพิ่งเริ่มรู้สึกว่า ตัวเขานี่ละที่เป็นปัญหา เขาย้อนกลับมายังจุดที่ตั้งของต้นไทรอีกครั้ง พยายามมองหาหอระฆังที่ว่าอย่างเอาเป็นเอาตาย ขณะในใจนั้นลอบก่นด่าหัวหน้าไทในใจ หัวหน้าไทต้องรู้แน่ๆว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ คอยดูเถอะ เจอเมื่อไรเรื่องมันไม่จบที่เงินสองร้อยเหรียญทองแดงแน่

ทางด้านหัวหน้าไท

เขายืนนิ่งอยู่บนหอระฆังที่ตั้งอยู่ชั้นบนด้านปีกซ้ายของอาคารฝึกหลังที่สอง เขาเฝ้ามองทุกการกระทำของเหนือภพอย่างไม่ลดละ แท้ที่จริงหอระฆังก็ตั้งอยู่เบื้องหน้าเหนือภพ เพียงแต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่เหนือพบไม่เคยรู้มาก่อน ก็คือ มีเพียงวิชาอาคมตาทิพย์เท่านั้นที่จะสามารถเห็นหอระฆังล่องหนนี้ได้ หรือจะพูดให้ชัดเจนก็คือ มีเพียงแค่ฮันเตอร์หรือว่าที่ฮันเตอร์ในอนาคตเท่านั้นที่สามารถมาสถานที่แห่งนี้ได้

“นี่หัวหน้า ข้าว่าพอแค่นี้ดีกว่ามั้งขืนเจ้านั่นหัวเสียไปมากกว่านี้ได้ซวยกันพอดี แค่นี้ชีวิตมันก็ลำบากมากพอแล้ว”

“ขอเวลาให้ข้าอีกสักหน่อย มันอาจจะยังไม่ตื่นขึ้นก็ได้ พลังงานอาคมภายในร่างกายเจ้าเด็กนั่น”

“ท่านยังคาดหวังอีกเหรอ จริงอยู่หากอายุยังไม่พ้น 12 ปี ยังมีโอกาสที่พลังงานอาคมภายในร่างกายของเด็กคนนั้นๆจะตื่นขึ้น แต่ว่า….”

พลทำท่าจะพูดแต่ก็เงียบไป เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นของหัวหน้าไท

หัวหน้าไทเขารู้ดีว่า แม้ฮันเตอร์และคนธรรมดาจะคอยสนับสนุน ดูแลซึ่งกันและกัน แต่ในความเป็นจริงดูเหมือนผู้สนับสนุนฮันเตอร์ เป็นได้แค่ทาสของฮันเตอร์มากกว่า ทั้งที่ฮันเตอร์เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการต่อสู้เพียงด้านเดียว ไม่มีความสามารถในด้านอื่นๆแม้แต่น้อย แม้แต่ความสามารถในการสร้างสรรค์อาวุธที่ถูกทำขึ้นเฉพาะเพื่อสังหารสัตว์อสูร ชุดเกราะที่ช่วยชีวิตในยามคับขัน หรือตัวยาที่เพิ่มสมรรถภาพทางร่างกาย หรือเยียวยารักษา ก็ล้วนเกิดจากผู้สนับสนุนฮันเตอร์เหล่านั้น เกิดจากเหล่าคนที่ถูกตราหน้าว่าไร้ซึ่งพรสวรรค์และไม่มีความสามารถในการเป็นฮันเตอร์ตั้งแต่แรก แต่ทำไมโลกนี้ถึงได้แบ่งชนชั้นอย่างไม่รู้ดีรู้ชั่ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด