บทที่ 34 คุณชายตระกูลซ่ง
หนิงชิงเชวี่ยถอนหายใจ ถึงแม้ห้าแสนหยวนของเธอจะไม่ใช่เงินมากมายอะไร แต่จากมุมมองของเย่โม่แล้วก็คงนับว่าไม่น้อยเลย แต่นี่เขายังไม่พอใจ กลับมาหลอกลวงคนอื่นแบบนี้อีก บอกว่าตัวเองรักษาได้ทุกโรค ถ้าเก่งขนาดนั้นจะมีโรงพยาบาลไว้ทำไม
“ตำรวจมาแล้ว!...” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดคำนี้ แต่คนตั้งแผงลอยจำนวนมากต่างรีบเก็บข้าวของหนีทันที หนิงชิงเชวี่ยจ้องมองเย่โม่ สุดท้ายเย่โม่เองก็จำใจเก็บกระเป๋าพยาบาล เขาไม่ได้รีบหนีแบบคนอื่นๆ แต่กลับค่อยๆ เก็บข้าวของแล้วเดินจากไป
ถึงหนิงชิงเชวี่ยจะไม่ได้เห็นท่าทีวิ่งหนีของเย่โม่ แต่ได้เห็นท่าทางผิดหวังของเย่โม่แล้วเธอก็รู้สึกยินดีอยู่ในใจ ใครใช้ให้เขาหลอกลวงคนอื่นเล่า
พอหนิงชิงเชวี่ยกลับมาถึงที่พัก เย่โม่ก็อยู่ข้างในแล้ว เขามองหนิงชิงเชวี่ยโดยไม่พูดอะไร เธอเองก็ไม่สนใจคนแบบนี้เช่นกัน เธอยังคิดอยู่เลยว่าวันมะรืนตอนเธอจะจากไป ควรจะไปเตือนซู่เวยสักหน่อยดีไหมว่าเย่โม่เป็นคนแบบไหน?
ทำธุรกิจไม่ได้แถมยังโดนไล่ออกมาอีก ตอนนี้เย่โม่เบื่อวันเวลาที่ต้องใช้อยู่ในหนิงไห่เอามากๆ ตอนนี้เขาอยากออกไปจากที่นี่แล้ว ส่วนเรื่องของหนิงชิงเชวี่ยเขาก็ช่วยเธอมามากพอแล้ว พรุ่งนี้หลังบอกลาเธอ เขาก็จะไปแล้ว ส่วนมหาวิทยาลัยหนิงไห่เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปแล้ว เพียงแต่อยากทิ้งจดหมายไว้ให้กับชือซิวก็เท่านั้น
ตอนที่ซู่เวยเข้านอนเย่โม่ก็เริ่มฝึกฝนเช่นทุกวัน
..........
“คุณชายเหวิน...อีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงหนิงไห่แล้ว เราจะไปที่ไหนกันก่อนดีครับ?” รถ BMW ประเภท SUV (รถสปอร์ตอเนกประสงค์) คันหนึ่งแล่นบนทางด่วนมุ่งหน้าไปทางหนิงไห่ด้วยความรวดเร็ว คนขับหันไปถามชายหนุ่มอายุไม่เกิน 30 ปีที่นั่งอยู่เบาะหลัง
ชายหนุ่มคนนี้มีใบหน้ายาวและขาวซีดเล็กน้อย ตาคมราวกับเหยี่ยว เส้นผมถูกหวีจนเรียบร้อย เมื่อชายหนุ่มคนนี้ได้ยินคำของคนขับเขาก็หยิบมวนบุหรี่ขึ้นมา ชายรูปร่างใหญ่อีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็รีบควักไฟแช็กขึ้นมาจุดให้ทันที
“อาฟา เรื่องที่ให้ไปทำเรียบร้อยดีไหม?” ชายหนุ่มพ่นควันออกมา
“เรียบร้อยแล้วครับ! คุณชายเหวินวางใจได้ ผมไม่ทิ้งร่องรอยไว้แน่นอน” ชายรูปร่างใหญ่รีบตอบทันที
ชายหนุ่มคนนั้นพ่นควันออกมาอีกครั้ง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็พูดต่อ “ที่เราต้องมาจากเหอเฟิงก็เพื่อไม่ให้ปู่และตระกูลหนิงสงสัยได้ ถ้าอยู่ที่หนิงไห่ 1 คืนตามแผนเดิมล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดเรื่องเอาได้ ไม่สู้ลักพาตัวยัยนั่นมาตรงๆ เลยดีกว่า จะได้ช่วยหยุดการรอคอยสักที กูจะให้นังร่านนั่นรู้ซึ้งว่าความเสียใจมันเป็นยังไง!”
จากเดิมหน้าตาสงบนิ่ง พอพูดถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็กำหมัดแน่นจนเห็นเป็นเส้นเลือดผุดขึ้นที่มือ เขาขว้างบุหรี่ที่เพิ่งจะสูบได้ 2 เฮือกทิ้งไป ชายรูปร่างใหญ่ที่ชื่ออาฟารีบหยิบบุหรี่มวนนั้นแล้วทิ้งออกนอกหน้าต่างรถทันที
“ไอ้ขยะนั่นชื่อเย่โม่ใช่ไหม?” ชายหนุ่มคนนั้นหลังจากโยนบุหรี่ทิ้งไป เขาก็ค่อยสงบลงอีกครั้ง แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครหน้าไหนกล้าปฏิเสธเขา ‘ซ่งเฉ่าเหวิน’ คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหนิงชิงเชวี่ยจะกล้าปฏิเสธเขา นี่ยังไม่เท่าไหร่ เธอกลับไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น ซ้ำยังอยู่กินด้วยกันอีกด้วย นี่ไม่ใช่การตบหน้าเขาคุณชายใหญ่ซ่งอย่างนั้นหรือ? ถ้าเขายอมอดทนล่ะก็ เขาก็ไม่ใช่ซ่งเฉ่าเหวินแล้ว
หากไม่ใช่เพราะผู้เฒ่าตระกูลซ่งห้ามไว้ล่ะก็ เขาคงมาหาที่หนิงไห่นานแล้ว ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเส้นทางที่เหอเฟิงถึงค่อยวกกลับมาหนิงไห่
“ใช่แล้วครับ คุณชายเหวิน ไอ้ขยะนั่นมีชื่อว่าเย่โม่ พวกเขา 2 คนอยู่ด้วยกันจริง ผมเคยเห็นรูปจากบางเว็บไซต์มาก่อน ดูท่าจะรักกันมากซะด้วยสิครับ” คนขับรีบพูดขึ้นมา
ซ่งเฉ่าเหวินจากเดิมที่อารมณ์เย็นลงแล้ว ใบหน้าของเขาก็กลับมาแดงก่ำอีกครั้งด้วยความโกรธ เขาพูดเสียงเย็น “บิดาคนนี้ต้องให้เย่โม่เบิกตามองให้ดีๆ บิดาจะเอายัยร่านนั่นต่อหน้าต่อตามัน หลังจากนั้น...เย่โม่ใช่ไหม เอามันไปด้วยเลย ทางด่วนไปปักกิ่งมีหน้าผาอยู่ที่หนึ่งใช่ไหม ตัดแขนตัดขามันออกให้หมดแล้วโยนมันไว้แถวนั้นนั่นแหละ กล้าแย่งผู้หญิงกับคนอย่างซ่งเฉ่าเหวิน ยังอ่อนประสบการณ์นัก!”
..........
ตอนนี้ก็เป็นเวลาตี 1 แล้ว เย่โม่เดินลมปราณไปแล้ว 1 รอบใหญ่ 12 รอบเล็ก เขาตัดสินใจไม่ฝึกต่อ พรุ่งนี้เขาจะออกเดินทางแล้ว เขาอยากจะหาที่นอนพักสักหน่อย ซึ่งเขามักจะนอนตรงหินปูพื้นข้างๆ กอดอกไม้หลังจากฝึกเสร็จ
เย่โม่เพิ่งจะนอนลงไปก็มีตะขอเหล็กเกี่ยวกำแพงเอาไว้ มี 3 ร่างปีนขึ้นมาตามกำแพงอย่างรวดเร็วแล้วกระโดดลงบนสวนข้างหลังแห่งนี้
ซ่งเฉ่าเหวินแม้ดูแล้วจะหน้าตาขาวซีดอยู่บ้าง แต่การปีนกำแพงของเขาถือว่ารวดเร็วไร้ที่เปรียบ
“นี่คือที่อยู่ของไอ้ขยะเย่โม่ใช่ไหม? มันกับยัยร่านหนิงชิงเชวี่ยนอนที่ห้องนั้น?” ทันทีที่ลงถึงพื้น ซ่งเฉ่าเหวินที่หน้าขาวซีดก็ถามขึ้นมาทันที
“ใช่ที่อยู่ของเย่โม่ไม่ผิดแน่ แต่ไม่ใช่ไอ้ขยะ” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งตอบกลับมา ครึ่งแรกของประโยคซ่งเฉ่าเหวินยังไม่ทันจะได้ตอบสนองอะไร ครึ่งหลังของประโยคเขาหันกลับมามองเย่โม่ที่ตอบคำถามของเขาทันที
ผ่านไปครู่หนึ่งซ่งเฉ่าเหวินจึงถามด้วยใบหน้าตื่นตระหนก “แกเป็นใคร!?”
เวลานั้นเองที่ชาย 2 คนข้างหลังซ่งเฉ่าเหวินมองเห็นเย่โม่ พวกเขาล้วนมองเย่โม่ด้วยอาการตกใจ ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
“ฉันคือเย่โม่ พวกนายอยากจะมาหาฉันหรือเมียฉันกันแน่?” เย่โม่พูดเบาๆ
“แกคือเย่โม่? หวังฉวน อาฟา หักขามัน ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าที่แท้ไอ้ขยะนี่มันมีดีอะไรกันแน่ ยัยร่านนั่นถึงเต็มใจนอนกับมั...” ซ่งเฉ่าเหวินยังไม่ทันพูดจบก็พบว่าข้อมือของเขาถูกฝ่ามือที่แข็งราวกับเหล็กจับเอาไว้
“ถ้าอยากจะสู้กันนั่นก็ได้อยู่…แต่ฉันจะบดขยี้ข้อมือนายให้แหลกก่อน ไม่เชื่อก็ลองดู” เย่โม่ไม่อยากจะสู้กันที่นี่เพื่อไม่ให้ไปรบกวนซู่เวย เขาพอจะรู้แล้วว่าคนพวกนี้มาตามหาหนิงชิงเชวี่ย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับซู่เวย
เมื่อเห็นซ่งเฉ่าเหวินโดนแบบนั้น หวังฉวนและอาฟาก็รู้ทันทีว่าคุณชายเหวินของพวกเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของชายคนนี้แล้ว พวกเขาจึงหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองเอาไว้
“นายชื่ออะไร พูดมา! ไอ้ขยะ” เย่โม่ออกแรงที่มือเล็กน้อย ซ่งเฉ่าเหวินเกือบจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา
“ฉันคือซ่งเฉ่าเหวิน คนตระกูลซ่งแห่งปักกิ่ง ที่มาที่นี่ไม่ได้มาเพราะนาย แต่มาตามหาหนิงชิงเชวี่ย นายรีบปล่อยมือซะ ไม่อย่างนั้นตระกูลเย่ของนาย...ไม่อย่างนั้นนายเย่โม่ได้ตายไร้ที่ฝังแน่” ทีแรกซ่งเฉ่าเหวินอยากจะพูดขู่ถึงตระกูลเย่ แต่ภายหลังก็คิดได้ว่าตระกูลเย่และตระกูลซ่งของเขานั้นเหมือนกัน ถือเป็น 1 ใน 5 ตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่ง ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่กลัวตระกูลซ่งของเขาอยู่แล้ว เขาจึงเปลี่ยนเป็นมาขู่ตัวเย่โม่แทน
“อ่อ… ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง แต่ยังไงก็ตาม ตระกูลซ่งอะไรนั่นของนายน่ะ ตามความเห็นของฉันมันก็แค่ขยะกองหนึ่ง ไม่อยู่ในสายตาฉันด้วยซ้ำ หนิงชิงเชวี่ยเป็นเมียฉันแล้วนายยังกล้ามาหา นายหูหนวก? หรือว่าตาบอดกันแน่?” พูดถึงตรงนี้เขาก็ออกแรงนิดหน่อยที่มืออีกครั้ง ในที่สุดซ่งเฉ่าเหวินก็ทนไม่ไหว เขาร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เย่โม่! มีอะไรก็พูดกันดีๆ ไม่จำเป็นต้องลงมือ” หวังฉวนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพูดขึ้น
“พวกนายขับรถมากันใช่ไหม?” เย่โม่ถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันขึ้นมา
“ใช่…” หวังฉวนตอบอย่างจำยอม เขาไม่เข้าใจว่าเย่โม่จะถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องนี้ขึ้นมาทำไม
เย่โม่พยักหน้า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราก็ออกไปเจรจากันข้างนอกเถอะ” เย่โม่กำลังคิดจะจากที่นี่ไปอยู่พอดี ในเมื่อคนพวกนี้ขับรถมาก็ถือเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้นั่งไปด้วย เขาจะประหยัดค่าเดินทาง
เมื่อเห็นเย่โม่เต็มใจจะออกไปคุยกันข้างนอก แน่นอนซ่งเฉ่าเหวินและชายอีก 2 คนต้องเห็นด้วย เดิมทีพวกเขามีความมั่นใจเต็มที่ในแผนการครั้งนี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเย่โม่จะมีฝีมือขนาดนี้ เหนือความคาดหมายของพวกเขาไปมาก เรื่องนี้อยู่เหนือการควบคุมของพวกเขาไปแล้ว
ที่ทำให้พวกซ่งเฉ่าเหวินทั้ง 3 คนประหลาดใจก็คือ เย่โม่ปล่อยข้อมือของซ่งเฉ่าเหวินออกแล้วจ้องมองพวกเขา ซ่งเฉ่าเหวินและลูกสมุนทั้ง 2 มองตากันแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า ว่ากันว่าเย่โม่เป็นขยะไร้ค่า สมองของเขาดูท่าจะไม่ค่อยดี
ชายร่างใหญ่ที่ชื่ออาฟาปีนขึ้นกำแพงเป็นคนแรกแล้วกระโดดออกไป ตามด้วยเย่โม่ ซ่งเฉ่าเหวินและหวังฉวนปีนตามหลังเย่โม่มาอีกที
ซ่งเฉ่าเหวินที่กระโดดลงมาก็เตรียมจะบอกให้อาฟาและหวังฉวนลงมือ ทว่าเขายังไม่ทันถึงพื้น ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาต้องอ้าปากค้าง