บทที่ 35 เย่โม่ไม่กลับมาแล้ว
สาเหตุที่ซ่งเฉ่าเหวินตื่นตกใจก็เพราะเขาเห็นเย่โม่ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบหน้าอกของอาฟาไว้ เย่โม่มองมาทางเขาและหวังฉวนอย่างเย็นชา เขาไม่เข้าใจว่าเพียงช่วงเวลาสั้นแค่นี้ทำไมเย่โม่ถึงจัดการอาฟา ลูกน้องมือ 1 ของเขาได้แบบนี้
แต่ซ่งเฉ่าเหวินก็ไม่มีโอกาสได้คิดต่อแล้ว ขณะที่เขายังลงไม่ถึงพื้นและยังไม่มีโอกาสได้ตอบสนองอะไร เย่โม่ก็พุ่งทะยานเข้ามาถีบเขาจนเกิดเป็นเสียง ‘กร๊อบ’ กระดูกขาของซ่งเฉ่าเหวินถูกเย่โม่ถีบจนหัก
“อ๊ากกกกกก!” เหงื่อเย็นๆ ของซ่งเฉ่าเหวินไหลออกมา หวังฉวนรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างเย็นเฉียบเมื่อจ้องมองเท้าที่ราวกับจะลอยเข้ามาของเย่โม่ แท้จริงแล้วชายคนนี้เป็นใครกันแน่? ลงมือได้น่ากลัวขนาดนี้? พวกเขาไม่ใช่แค่สะดุดก้อนหินเท่านั้น นี่มันแผ่นเหล็กแล้ว!
“ขึ้นรถ!” แววตาของเย่โม่ทำให้หวังฉวนสั่นสะท้าน เขาไม่กล้าแม้แต่จะต่อต้านจึงได้แต่เดินไปขึ้นรถ หวังฉวนยิ่งรู้สึกเหมือนศีรษะชาหนึบเมื่อเห็นเย่โม่แบกร่างของซ่งเฉ่าเหวินและอาฟาเดินตามหลังเขามา
ซ่งเฉ่าเหวินรู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะหมดสติ หากเขามีโอกาสอีกครั้งล่ะก็ เขาจะยอมให้คนอื่นชี้หน้าด่าดีกว่ามาหาเรื่องปีศาจอย่างเย่โม่! ตอนที่เขาทรมานคนอื่นอย่างน้อยในใจก็มีวิธีการ ใบหน้าปรากฏอารมณ์ความรู้สึก ทว่าตอนเย่โม่ถีบขาของเขาจนหักนั้นราวกับว่าเย่โม่กำลังเหยียบมดสักตัวหนึ่ง…อย่าพูดถึงการแสดงอารมณ์เลย เย่โม่ไม่แม้แต่กะพริบตาด้วยซ้ำ
รถจอดไม่ไกลห่างไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น เพราะพวกซ่งเฉ่าเหวินไม่อยากให้คนอื่นพบเจอจึงเลือกถนนเล็กๆ ไร้ผู้คนเป็นที่จอด รวมถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาตี 2 แล้วจึงไม่พบเจอผู้คนเลย พวกเขาขึ้นรถ BMW คันนั้นไป
เย่โม่ทิ้งซ่งเฉ่าเหวินและอาฟาไว้ที่เบาะหลัง รวมถึงเอาเงินสดจากตัวพวกเขาออกมาด้วย เขามานั่งข้างๆ คนขับแล้วพูดกับหวังฉวน “ขับไปกุ้ยหลิน”
กุ้ยหลินเป็นพื้นที่ที่ซ้อนทับกันระหว่างจีนและประเทศเล็กๆ จำนวนหนึ่ง ที่แห่งนี้อยู่ในเขตภูเขาจึงมีผู้คนผ่านมาน้อย เหมาะแก่การฝึกฝนของเย่โม่มาก อีกอย่าง ถึงแม้เรื่องที่เขาฆ่าซ่งเฉ่าเหวินจะหลุดออกไป ก็คงเป็นการยากหากคิดจะจับเขาที่กุ้ยหลินนี้
“อะไรนะ! ไปกุ้ยหลิน!?” หวังฉวนตกใจไปพักหนึ่งก็ตะโกนออกมา กุ้ยหลินห่างไกลจากหนิงไห่เกือบๆ 1000 กิโลเมตร จะขับไปถึงได้อย่างไร?
“ไม่ต้องพูดมาก ออกรถ!” เย่โม่ออกคำสั่ง ทำให้หวังฉวนต้องกลืนคำพูดลงไป เขาทำได้เพียงขับออกไปให้เร็ว พริบตาเดียวรถ BMW คันนั้นก็หายไปจากเขตเมืองหนิงไห่
รถแล่นออกมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ทันใดนั้นเย่โม่ก็คิดได้ว่าตัวเองวางกระเป๋าพยาบาลทิ้งไว้ที่ระเบียงห้อง จะวกกลับไปเอาตอนนี้ฟ้าก็คงสว่างแล้ว ช่างเถอะ ถึงยังไงในนั้นก็มีแค่ซุปสมุนไพร ยาเม็ด จดหมายและของเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ซ่งเฉ่าเหวินเท่านั้นที่รู้สึกหดหู่ ทั้งอาฟาและหวังฉวนเองก็รู้สึกกังวลใจเช่นกัน แต่ไหนแต่ไรมาพวกเขาก็มักจะเป็นฝ่ายสั่งสอนคนอื่น มาวันนี้กลับถูกคนที่เดิมทีเป็นแค่ขยะไร้ค่าอย่างเย่โม่สั่งสอนเสียได้ แถมเงินของพวกเขาก็ยังถูกเอาไปจนหมดอีก
“คุณชายโม่…ครั้งนี้ผมซ่งเฉ่าเหวินมาหาเรื่องคุณชาย แต่คุณชายก็น่าจะรู้ดีถึงอำนาจของตระกูลซ่งดี ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับผมล่ะก็ คุณชายจะหนีไปไกลแค่ไหนก็ไม่รอด แต่ถ้ายอมปล่อยผมไปล่ะก็ ผมจะไม่ทำอะไรคุณชายแน่นอน แต่ถ้า...” ซ่งเฉ่าเหวินเริ่มใช้ไม้อ่อนขอร้องเย่โม่ เขารู้สึกว่าเย่โม่เป็นพวกโหดเหี้ยมมากกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ
แต่ซ่งเฉ่าเหวินยังพูดไม่ทันจบเสียงตบหน้า ผัวะ! ผัวะ! ก็ดังขึ้น เย่โม่ตบหน้าซ่งเฉ่าเหวินไป 2 ทีแล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆ “ต่อหน้าบิดาคนนี้พูดจาไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย ตระกูลซ่งไม่มายุ่งวุ่นวายก็แล้วไป แต่ถ้ามาหาเรื่องบิดาคนนี้ล่ะก็ บิดาจะลบชื่อของตระกูลซ่งออกจากปักกิ่งซะ! ฉันเย่โม่พูดจริงทำจริง แต่บางทีนายอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันแล้ว”
“นาย!...” ซ่งเฉ่าเหวินถุยฟันออกมา 2 ซี่ เขาตัวสั่นไปทั้งร่าง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรือความกลัวกันแน่ แต่ครั้งนี้ซ่งเฉ่าเหวินกลับรู้สึกหวาดกลัวจริงๆ แล้ว จากคำพูดของเย่โม่นั้นเหมือนกับว่าอยากจะได้ชีวิตของเขา ถึงซ่งเฉ่าเหวินจะมั่นใจว่าเย่โม่ไม่กล้าแต่เขาก็มีแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น ถ้าความเสียใจมีประโยชน์ล่ะก็เขาคงนำมันมาใช้เป็นพันเป็นหมื่นครั้งแล้ว
ผ่านไปอีก 1 ชั่วโมงกว่าๆ เย่โม่มองไปยังทางด่วนที่ถูกสร้างขึ้นบนภูเขาสูงแห่งนี้แล้วคิดในใจ อีกเดี๋ยวก็จะเช้าแล้ว หากทำให้รถตกหน้าผาตรงนี้ล่ะก็คงเหมาะที่สุด แน่นอนว่าเขาไม่ได้กะจะให้รถคันนี้ไปส่งเขาถึงกุ้ยหลินจริงๆ นั่นมันฆ่าตัวตายชัดๆ
คิดถึงตรงนี้เย่โม่ก็มองไปยังกล้องวงจรปิดข้างหน้าไกลๆ ทันใดนั้นเขาก็หมอบร่างลงต่ำแล้วดึงพวงมาลัยทันที!
หวังฉวนที่เดิมทีคิดว่าจะแจ้งตำรวจยังไงดี เขาคิดไม่ถึงว่าเย่โม่จะนั่งยองๆ แล้วหมุนพวงมาลัยในมือของเขาอย่างกะทันหันแบบนี้! รถหักเลี้ยวอย่างกะทันหันแล้วพุ่งทะลุทางด่วนร่วงตกจากหน้าผาไป
ช่วงเวลาที่รถกำลังร่วงลงจากหน้าผานั้นเองที่เย่โม่ได้ถีบประตูรถออกมา จากนั้นเขาก็ใช้ทักษะควบคุมสายลมเพื่อลอยไปยังผนังหน้าผาแล้วเกาะติดแน่นอยู่อย่างนั้น การจะใช้ทักษะควบคุมสายลมนี้ให้ได้เต็มประสิทธิภาพนั้นเขาต้องถึงระดับ 3 เสียก่อน ตอนนี้เย่โม่อยู่เพียงระดับ 2 เท่านั้น การใช้ทักษะนี้จึงกินแรงอยู่บ้าง แต่นั่นก็เพียงพอให้เขาเอาชีวิตรอดได้
รถ SUV ร่วงหล่นหน้าผาไป ผ่านไปไม่นานก็มีเสียง บึ้มม! ดังขึ้น เกิดเป็นเปลวไฟม้วนขึ้นมา เย่โม่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขายังคิดอยู่เลยว่าหากรถไม่เกิดไฟไหม้ล่ะก็ เขาคงต้องลงไปจุดไฟด้วยตัวเองเสียแล้ว ไม่คิดว่ารถจะว่านอนสอนง่ายจนถึงกับเผาตัวเองขนาดนี้
เย่โม่หลบเลี่ยงกล้องวงจรปิดอย่างระมัดระวัง เขาเดินเข้าไปในป่าบนภูเขา ไม่นานเย่โม่ก็หายไปในความมืด
..........
หนิงชิงเชวี่ยตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ซู่เวยออกไปทำงานแล้ว แต่เธอก็ต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่าเย่โม่ไม่ได้ซื้ออาหารเช้ามาให้เธอ อีกทั้งเธอยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเย่โม่ด้วยซ้ำ ในใจยิ่งรู้สึกดูถูกเขามากขึ้นไปอีก ครั้งที่แล้วก็แค่พาเพื่อนสมัยเรียนมากินอาหารด้วยกันเท่านั้นเอง ผลสุดท้ายไม่เพียงแต่ไม่มีอาหารเช้ากิน แม้แต่เจ้าตัวก็ยังหายไปอีก ถึงแม้เธอจะสั่งไวน์แดงไปราคาถึงสองพันหยวน แต่เขาก็เป็นคนดื่มไม่ใช่หรือ?
โชคดีที่พรุ่งนี้เธอก็จะไปแล้ว ไม่อย่างนั้นทุกครั้งที่เห็นหน้าเย่โม่เธอจะต้องรู้สึกไม่ชอบหน้าเขาอย่างยากจะบรรยาย บางครั้งคนเราไม่อาจตัดสินใครจากความประทับใจเมื่อแรกพบได้ ถึงยังไงความเห็นของคนอื่นๆ ที่มีต่อเย่โม่ก็คงมีเหตุผลอยู่จริงๆ
แต่หนิงชิงเชวี่ยก็ต้องรู้สึกผิดหวัง เพราะถึงช่วงกลางวันแล้วเธอก็ยังไม่เห็นเย่โม่อีก ตอนนั้นเองที่ หนิงชิงเชวี่ยเริ่มรู้สึกว่าตัวเธอดูจะพึ่งพาเย่โม่เกินไปหน่อยแล้ว หรือถ้าเย่โม่ไม่กลับมาแล้วเธอจะไปหาข้าวกินเองไม่ได้?
ตั้งแต่ที่คนตระกูลซ่งไม่ได้มายุ่งวุ่นวายกับเธอในช่วงนี้ ทำให้หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกเบาใจลงมาก อีกทั้งเร็วๆ นี้เธอกับพ่อและแม่ก็จะออกจากปักกิ่งแล้ว ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายลงมากยิ่งขึ้น
เมื่อกินข้าวกลางวันเสร็จแล้ว หนิงชิงเชวี่ยก็เดินไปดูแปลงดอกไม้ของเย่โม่ แปลงดอกไม้ของเขาดูเหมือนไม่ได้รับการดูแลรักษามาเป็นเวลา 10 วันแล้ว มีแม้แต่ดอกไม้ที่เฉาตายแล้วด้วย และหนิงชิงเชวี่ยก็ได้พบว่าดอกไม้สีเงินที่เย่โม่ตั้งใจดูแลเป็นพิเศษนั้นได้หายไปเสียแล้ว
อยู่ๆ หนิงชิงเชวี่ยก็รู้สึกหงุดหงิดอึดอัดในหัวใจ ขณะที่กำลังจะโทรหาหลี่มู่เหมยอยู่นั่นเอง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ชิงเชวี่ย! ฉันมีข่าวใหญ่ดีๆ มาบอกเธอด้วย! เธอรู้ไหม เมื่อวานประมาณตี 4 รถของซ่งเฉ่าเหวินหลุดจากทางด่วนเฟิงจิ้นร่วงตกหน้าผาไป ในรถซ่งเฉ่าเหวินกับลูกน้องอีก 2 คนตายเรียบ เรื่องนี้ทำให้ฉันโล่งใจเลย คงไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายกับเธอแล้วล่ะ พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวฉันไปรับนะ...” น้ำเสียงยินดีของหลี่มู่เหมยดังมาตามสาย ข่าวนี้ทำให้หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกราวกับฝันไป
นานกว่าที่เธอจะวางสายไป หนิงชิงเชวี่ยยังไม่อยากจะเชื่อ ปีศาจร้ายในฝันของเธอตัวนั้นตายไปแล้ว เธอรู้สึกโล่งใจได้ในที่สุด
หนิงชิงเชวี่ยผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สิ่งแรกที่เธอทำคือวิ่งเข้าไปในห้องแล้วหยิบทะเบียนสมรสของเธอและเย่โม่ออกมา รอเย่โม่กลับมาเธอค่อยไปหย่าด้วยกันกับเขา
สำหรับหนิงชิงเชวี่ยแล้วบ่ายวันนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุด เย่โม่จากเดิมที่มักจะรีบกลับมาทำอาหารให้เธอ ตกดึก 2 ทุ่มแล้วก็ยังไม่กลับมาอีก แต่เป็นซู่เวยที่เลิกงานกลับมาถึงก่อน
นี่ถือเป็นครั้งแรกสำหรับซู่เวยที่กลับมาแล้วเห็นหนิงชิงเชวี่ยไม่อยู่ในห้อง แต่กลับยืนรออยู่ที่ประตูด้านนอกแทน แต่ซู่เวยก็ยังไม่เห็นเย่โม่
“เธอคือซู่เวยใช่ไหม?” หนิงชิงเชวี่ยถามขึ้นอย่างลังเล
.......