ตอนที่แล้วตอนที่ 10 ลมฝนบดบังฟ้า ผู้คนดั่งภูตผี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12 ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน เลือดบนริมฝีปาก

ตอนที่ 11 วีรบุรุษ


ตอนที่ 11 วีรบุรุษ

ภายในห้องมืด สตรีชุดแดงผู้หนึ่งนั่งอยู่

ด้านหน้านางคือกู่ฉิน(1) ด้านข้างเป็นกระถางธูปหอม

ก้านไผ่ดำรูปร่างคล้ายหยกถูกปลูกอยู่ด้านข้างทั้งซ้ายและขวา

“ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอที่รู้วิธีรักษาชีวิตจากตระกูลที่ล่มสลายไปแล้วคนหนึ่งเท่านั้น คุณชายโปรดอย่าหัวเราะ”

ควันสีดำลอยเข้าไปในกระถางธูปหอม เงาร่างของสตรีชุดแดงดูบิดพลิ้วไปในอากาศเหมือนเงาภูติผี ทว่าน้ำเสียงของนางกลับแจ่มชัด มันทั้งใสกระจ่าง อ่อนโยน และสุภาพอย่างอธิบายไม่ถูก น้ำเสียงของนางนั้นราวกับสามารถปลอบโยนให้ห้องมืดดูราวกับอบอุ่นขึ้นพลันตา

คิ้วที่ขมวดของชายหนุ่มรูปงามคลายลงเล็กน้อย ความโกรธบนหน้าจางลงเช่นกัน

“พวกเราต่างก็เหมือนกัน คุณหนูใหญ่ตระกูลชางอย่ากล่าวลดค่าตนเองเช่นนั้นเลย”

เขาโค้งคำนับให้สตรีในห้อง ก่อนจะเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับนางในห้องอันมืดมิด

ที่ด้านหน้ากู่ฉินของสตรีชุดแดงมีผ้าม่านบางสีดำกั้นอยู่ เขามองผ่านผ้าม่าน จับจ้องเข้าไปในนัยน์ตานาง

ชายหนุ่มคิ้วหนาที่อยู่ด้านหลังโค้งคำนับสตรีชุดแดงอยู่ที่นอกประตู ทว่าเขาไม่ได้เดินเข้ามาในห้อง กลับยืนอยู่ข้างประตูหน้าห้องแทน

สตรีชุดแดงโค้งคำนับอยู่หลังผ้าม่าน ถามขึ้นช้า ๆ “คุณชายส่งข้อความกล่าวว่ามีเรื่องจะคุยกับข้า เป็นเรื่องอันใดหรือ?”

สุ้มเสียงนางบางเบา ทว่าด้วยจังหวะและน้ำเสียงกลับทำให้คนฟังรู้สึกสบายหู

ชายหนุ่มรูปงามมองสตรีชุดแดงที่นั่งอยู่หลังม่าน ผู้ซึ่งคุมการค้าผิดกฎหมายส่วนใหญ่ในตลาดปลา เขาพยักหน้า “ศิษย์น้องจ้าวจั่นถูกเย่เช่อเหลิ่งสังหาร ข้าคิดว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชางคงรู้เรื่องนี้แล้วเป็นแน่”

สตรีชุดแดงเอ่ยขึ้นเสียงเบา “คุณชายเจ็ดจากสำนักดาบแค้วนจ้าวเป็นวีรบุรุษที่หาได้ยากในแผ่นดิน การตายของเขานับเป็นเรื่องเศร้ายิ่งนัก”

คิ้วของชายหนุ่มเลิกขึ้นเล็กน้อย

เหมือนกับที่จ้าวจั่นปล่อยกลิ่นอายมีเสน่ห์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ออกมายามเย่อเช่อเหลิ่งเดินเข้ามาในลานบ้าน ชายหนุ่มเองก็มีกลิ่นอายเฉียบคมอธิบายยากแบบเดียวกันแผ่ออกมา

“อีกสักสองสามวัน ทั้งใต้หล้าคงจะรู้ข่าวการตายของศิษย์น้อง” เขาพูด น้ำเสียงสงบนิ่ง “ทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าทำไมศิษย์น้องของข้าจึงซ่อนตัวอยู่ในเมืองฉางหลิงมาเป็นเวลานาน หรือรู้ว่าทำไมเขาถึงต้องมาจบชีวิตลงในเมืองฉางหลิง”

สตรีชุดแดงกล่าว “สตรีอ่อนแอผู้นี้ไร้สติปัญญา ไม่อาจเข้าใจสิ่งที่คุณชายกล่าว”

ชายหนุ่มมองสตรีชุดแดงที่อยู่หลังม่าน เขากล่าวขึ้น “พวกเจ้า ผู้ฝึกตนชาวฉิน คอยติดตามพวกข้าศิษย์สำนักดาบอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ไม่เพียงในเมืองฉางหลิง หากพวกข้าอยู่ในเมืองใดเมืองหนึ่งในราชวงศ์ฉินนานเกินไป เมื่อนั้นก็จะถูกพบตัวได้ ศิษย์น้องร่วมสำนักข้ารู้เรื่องนี้ดี ทว่าเขาไม่เกรงกลัวความตาย เขาซ่อนตัวอยู่ในฉางหลิงถึงสามปี ไม่ใช่เพื่อลอบสังหารใคร แต่เพื่อค้นหาสิ่งที่คนผู้นั้นทิ้งไว้”

สตรีชุดแดงนิ่งเงียบไป ร่างเริ่มสั่นน้อย ๆ ต้นไผ่ดำที่อยู่ด้านข้างเองก็ดูสั่นไหวไปมาด้วยความเจ็บปวดเช่นกัน

ถึงนางจะเป็นหนึ่งในผู้ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตลาดมืดเมืองฉางหลิง เป็นผู้ที่ไม่ว่าใครที่ย่างกรายเข้ามาในตลาดปลาจำต้องให้ความเคารพและหวาดกลัว ทว่าเมื่อนึกถึงนามของคนผู้นั้น นางกลับยังรู้สึกเจ็บปวด

ส่วนมากแล้ว นางไม่ต้องการเอ่ยนามของคนผู้นั้นขึ้นมา เป็นเพราะความที่นางไร้อำนาจและความเจ็บปวด เป็นเพราะนางไม่อยากนึกถึงเรื่องราวอันแสนเจ็บปวด

ก็เหมือนกับบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดจากสำนักดาบผู้นี้

ศิษย์สำนักดาบแคว้นจ้าวไม่เกรงกลัวความตาย หากแต่สำนักดาบกลับต้องถูกกำจัดไปเพราะคนผู้นั้น จนถึงตอนนี้ พวกเขายังต้องการพึ่งสิ่งที่คนผู้นั้นเหลือทิ้งเอาไว้เพื่อต่อสู้กับเหล่าผู้ฝึกตนจากราชวงศ์ฉิน แค่เรื่องนี้ก็นับเป็นความเจ็บปวดใหญ่หลวงแล้ว

ชายหนุ่มรูปงามกล่าวขึ้นเสียงเย็นท่าทางสงบ “ศิษย์น้องข้าไม่กลัวความตาย แต่หากไร้เบาะแสเรื่องนั้น ข้าคงไม่ยอมปล่อยให้เขามาทิ้งชีวิตไว้ในเมืองฉางหลิงง่าย ๆ ชีวิตของเขามีค่ามากกว่าคนส่วนมากบนแผ่นดินเสียอีก”

ม่านไหมพลิ้วไสวเล็กน้อย หลายอึดใจต่อมา สตรีชุดแดงก็เอ่ยขึ้น “เป็นดังเช่นข่าวลือได้ว่าไว้ ศิษย์ของคนผู้นั้นได้ปรากฏตัวขึ้นหรือ?”

ชายหนุ่มรูปงามมองเงาร่างสีแดงที่อยู่หลังม่านก่อนพูดขึ้นช้า ๆ “เจ้ารู้ว่าคนผู้นั้นมีศัตรูมากหน้าหลายตา ทว่าก็ยังมีคนที่ซื่อสัตย์ต่อเขาหลงเหลืออยู่มากเช่นกัน หลังจากเขาตายไป เหล่าคนที่ซื่อสัตย์ต่อเขาส่วนมากล้วนตายอย่างน่าอนาถ ผู้เหลือรอดส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงแค่คนแก่หรือไม่ก็คนอ่อนแอ อาจเป็นเรื่องบังเอิญที่ศิษย์สำนักดาบพบตัวคนทรยศที่ถูกสังหาร คนทรยศผู้นั้นไม่ได้ตายในทันที เขาตายเนื่องจากเสียเลือดมากหลังจากหนีเข้าไปในป่า บนศพมีแต่รอยแผลผิวตื้น เป็นรอยดาบกรีดทั่วทั้งตัว”

ร่างของสตรีชุดแดงชะงัก “วิชาดาบโม่ฉือ?”

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงเย็น “ข้าเป็นคนตรวจสอบเขา เป็นวิชาดาบโม่ฉือจริง วิชาดาบนี้เป็นวิชาที่คนผู้นั้นคิดค้นขึ้น เอาไว้ใช้ต่อกรกับผู้ฝึกตนฝีมือฉกาจที่สามารถใช้ปราณแท้ปกป้องร่างได้โดยเฉพาะ ดูจากรอยดาบแล้ว คนร้ายเพิ่งถึงด่านหนึ่ง ส่วนคนทรยศนั่นอยู่ด่านสี่ขั้นปลายแล้ว คนร้ายคงใช้วิชาดาบโม่ฉือเพราะความต่างด้านพลัง ข้าตรวจสอบเส้นทางของคนทรยศก่อนตาย ได้ความว่าเขาต้องการปล้นบ้านหลังหนึ่งในเมืองหลวง ในบ้านมีแต่สตรีและคนอ่อนแอที่เป็นญาติ รวมถึงครอบครัวของลูกน้องของคนผู้นั้นเท่านั้น”

สตรีชุดแดงเงียบไปหลายอึดใจ “ข้าเชื่อในการตัดสินของคุณชายสี่สำนักดาบแคว้นจ้าว ทว่าสำหรับข้า เมื่อตายแล้ว ความแค้นย่อมจบลง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีศิษย์หลงเหลืออยู่หรือไม่ ก็ไม่มีเรื่องอันใดเกี่ยวข้องกับข้า”

“แต่พวกเราจะสามารถมีชีวิตที่ดีกว่าตอนนี้ได้” ชายหนุ่มรูปงามพูดเสียงหยัน “ถึงผู้คนจะหวาดกลัวเรา แต่พวกเราก็รู้ดีกว่าพวกเราในขณะนี้นั้นไม่ต่างไปจากผีเร่ร่อน ซึ่งก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นแสงในวันใหม่ได้อีก”

ชายหนุ่มหยุดชั่วขณะ นัยน์ตาจ้องมองสตรีชุดแดงที่นั่งอยู่หลังม่าน ก่อนกล่าวเสริมออกมา “ไม่มีผู้ใดปฏิเสธอำนาจ หรือปฏิเสธโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้นหรอก”

“ดูท่าคุณชายจะต้องการให้ข้าช่วยหาเบาะแสจากครอบครัวของลูกน้องเก่าแก่ของคนผู้นั้นสินะ” สตรีชุดแดงเงียบไปนาน นางพูดขึ้นน้ำเสียงจริงใจ “ข้านับถือคุณชาย ทว่าข้าเองก็เป็นชาวฉิน”

ชายหนุ่มรูปงามส่ายหัวก่อนพูดขึ้น หัวเราะเยาะตนเอง “ระหว่างชาวแคว้นจ้าวกับแคว้นฉิน ตอนนี้มีอะไรแตกต่างกันเล่า? ราชวงศ์ข้าล่มสลายไปนานแล้ว คำว่าฮ่องเต้หลิวแห่งแคว้นจ้าวที่กล่าวกันตอนราชวงศ์ถูกล้มล้างยังใช้ได้อยู่อีกหรือ? เรื่องพวกนี้เป็นความแค้นส่วนตัวทั้งนั้น ใต้หล้านี้ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ข้าดูไร้สติปัญญามากเลยงั้นหรือที่คิดจะก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ด้วยดาบหัก ๆ ของสำนักดาบที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่เล่ม?”

สตรีชุดแดงนิ่งคิดอยู่ชั่วขณะ

นางรู้ว่าคนผู้นี้เป็นศิษย์คนที่สี่ที่ต้องการเข้าสำนักดาบ คนที่ถูกเรียกว่าศิษย์ลำดับที่สี่สำนักดาบแคว้นจ้าว ผู้คนต่างคิดว่าเขามีฝีมือเก่งกาจกว่าศิษย์คนอื่น ๆ ในสำนัก ทว่าตอนนี้นางรู้แล้วว่าฝีมือที่ว่าไม่ใช่เพียงเรื่องการฝึกตนเพียงเท่านั้น นางอยากสนทนาจริงจังกับเขาเพื่อมองให้ชัดว่าคนผู้นี้เป็นอย่างไรกันแน่

กิ่งไผ่ที่อยู่ข้างกายหญิงสาวสั่นไหวไปมาราวกับมีลมพัดผ่าน ม่านผ้าไหมสีดำตรงหน้านางเองก็พลิ้วไสวไปด้านข้างเช่นกัน

ชายหนุ่มจับสัมผัสพลังปฐมจากฟ้าดินบนม่านผ้าไหมสีดำได้ นัยน์ตาเขาจ้องมันนิ่ง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ดูแล้วคุณหนูใหญ่สกุลชางก็มีความสามารถเรื่องค่ายกลด้วยเช่นกัน”

“เทียบกับคุณชายแล้ว ข้าน้อยถือว่าอ่อนหัดนัก”

น้ำเสียงของนางดังขึ้น ปลอบโยนจิตใจผู้คน ก่อนที่หญิงสาวจะมองหน้าชายหนุ่มด้วยความตกตะลึง คุณชายสี่แห่งสำนักดาบแคว้นจ้าวในข่าวลือคนนี้ ยังหนุ่มแน่นกว่าที่นางคิดไว้นัก

ชายหนุ่มรูปงามเองก็เห็นใบหน้าของนางอย่างชัดเจน ตกตะลึงไปเช่นเดียวกัน

ใบหน้าของหญิงสาวไม่อาจเรียกได้ว่ามีเสน่ห์เย้ายวน ผิวกายนางขาวซีด ทว่ากลิ่นอายที่กำจายออกจากร่างนางนั้นเป็นกลิ่นอายความสงบ นัยน์ตานางดูไม่เหมือนใคร สีดำสว่างไสว ชุดสีแดงของนางยาวลากพื้น คลุมไปจนถึงเท้าของนาง

นัยน์ตานางไร้ซึ่งความเกลียดชัง เหมือนนัยน์ตาพระพุทธรูปในวัดที่มองดูสัตว์โลกด้วยความเวทนา

คนทั้งสองจ้องมองกันและกัน ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน

“ข้ายินดีรับฟังเรื่องที่คุณชายต้องการกล่าว” สตรีชุดแดงไม่มากพิธี นางเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อน

“มีสองเรื่อง”

ใบหน้าชายหนุ่มกลายเป็นจริงจัง เขานั่งหลังตรง สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดขึ้นช้า ๆ “เรื่องแรก ข้าได้บอกความลับเบื้องหลังการตายของศิษย์น้องข้าในเมืองฉางหลิงกับคุณหนูใหญ่ตระกูลชางไปแล้ว เพียงแต่หวังว่าหากคุณหนูใหญ่สามารถตามหาศิษย์ของคนผู้นั้นจนพบ คุณหนูจะบอกเล่าข่าวนี้แก่ศิษย์สำนักดาบ จากที่ข้าสนทนากับคุณหนูมา ข้าเข้าใจว่าคุณหนูเป็นผู้มีจิตใจเปิดกว้าง ให้ความนับถือคนผู้นั้น และไม่มีจิตคิดมุ่งร้ายต่อศิษย์ของคนผู้นั้น”

สตรีชุดแดงพยักหน้า “ข้าสัญญากับคุณชาย”

ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ เขากล่าวขึ้นอีก “เรื่องที่สองคือข้าอยากให้คุณหนูคอยจับตามองความเคลื่อนไหวของคนแคว้นเว่ย ข้าได้ข่าวว่าพวกเขาอาจจะมีเบาะแสของขุมสมบัติดาบกูซาน”

“ผู้ฝึกตนจากวังวารีเมฆก็มาปรากฏตัวในเมืองฉางหลิงเหมือนกันหรือ? ขุมสมบัติดาบกูซานหรือ?” สตรีชุดแดงพูดขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ

ขายหนุ่มโค้งคำนับจนสุด เอ่ยขึ้นเสียงขรึม “หากเราสามารถหาสิ่งที่คนผู้นั้นทิ้งไว้ หรือหาขุมสมบัติดาบกูซานพบ สำนักดาบพร้อมจะแบ่งปันมันกับคุณหนูใหญ่ตระกูลชาง ต่อไปภายภาคหน้า เศษดาบของสำนักดาบแคว้นจ้าว ยินดีทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคุณหนูใหญ่”

สตรีชุดแดงรับรู้ในทันใดว่าคำพูดของคนผู้นี้มีน้ำหนักมากเพียงไหน

นางไม่กล่าวอะไรเพิ่ม ทำเพียงโค้งคำนับกลับเท่านั้น

เชิงอรรถ

(1) กู่ฉิน เครื่องสายโบราณของจีน