ตอนที่แล้วตอนที่ 9 ร้องขอชีวิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 วีรบุรุษ

ตอนที่ 10 ลมฝนบดบังฟ้า ผู้คนดั่งภูตผี


ตอนที่ 10 ลมฝนบดบังฟ้า ผู้คนดั่งภูตผี

ตลาดปลาเป็นตลาดที่มีเสียงโหวกเหวก มีร้านค้านับไม่ถ้วน และยังมีผู้ที่ไม่อาจเผยตนต่อหน้าสาธารณะชนอยู่อีกมาก

ภายในเวลาสิบห้านาที ติงหนิงพายเรือลำน้อยผ่านท่าเรือแสงสลัว ในขณะที่เรือลำเล็กลอยผ่านเสาไม้ที่เป็นฐานของตลาดปลา คนหนุ่มคิ้วหนากับคุณชายของเขา ซึ่งปรากฏตัวขึ้นนอกตลาดปลา ก็เดินเข้าไปในโรงรับจำนำข้างแม่น้ำแห่งหนึ่ง

พวกเขาไม่ได้มีของมาจำนำ ด้านหน้าเดินนำด้วยชายชราหลังโค้งที่ในมือถือไม้เท้าไผ่ คนต่างถิ่นสองคนนี้เดินผ่านประตูชั้นในของโรงรับจำนำ ผ่านห้องโถงแคบ เข้าไปในประตูอีกชั้นหนึ่ง ทางเดินเล็กที่ชื้นแฉะนั้นเงียบสงบ ทว่ายามเมื่อเปิดประตูเข้าไป ด้านในกลับกลายเป็นเหมือนโลกอีกใบหนึ่ง

โต๊ะสี่เหลี่ยมเป็นสิบตั้งอยู่ในห้องโถงขนาดค่อนข้างเล็ก คนกว่าสิบคนนั่งอัดแน่นกันอยู่รอบโต๊ะเหลี่ยม ธูปหอมถูกจุดไว้อยู่ที่มุมห้องด้วยเพราะมีคนมาก บรรยากาศด้านในมืดทึบน่าอึดอัด

วินาทีที่เขาเห็นภาพด้านในห้อง นัยน์ตาของชายหนุ่มคิ้วหนาก็หดตัวลงอย่างไม่ทันรู้ตัว ไม่ใช่เพราะความเป็นปฏิปักษ์จากสายตาของผู้ที่นั่งอยู่ในห้องและกลิ่นอายอันเป็นเอกลักญณ์ของผู้ฝึกตน ทว่าเป็นสิ่งของบางอย่างที่ถูกตั้งไว้ที่แท่นกลางห้องต่างหาก

เป็นหินหยกสีเหลืองขี้ผึ้งชิ้นหนึ่ง ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ

ในสายตาคนธรรมดา หยกชิ้นนี้อาจเป็นได้เพียงหยกเหลืองชั้นล่างชิ้นหนึ่ง ทว่าผู้ฝึกตนทั้งหลายต่างรู้ดีว่าสิ่งนี้คือยาลูกกลอนดอกตูมเหลืองแห่งสำนักยาหนานหยางในราชวงศ์หาน ฤทธิ์ของยาลูกกลอนดอกตูมนี้ คือการเพิ่มปราณแท้เล็กน้อย หากไร้ซึ่งพรสวรรค์โดยกำเนิดแล้ว ยาชนิดนี้นับเป็นหนึ่งในยาครอบจักรวาลที่ดีที่สุดสำหรับผู้ฝึกตนในด่านกลั่นลมปราณที่กำลังมุ่งเข้าสู่ด่านลมปราณบริสุทธิ์เลยทีเดียว

เมื่อครั้งที่สำนักยาหนานหยางยังเจริญรุ่งเรือง ในแต่ละปี พวกเขาทำยาลูกกลอนดอกตูมเหลืองขึ้นมาเพียงไม่กี่ร้อยเม็ดเท่านั้น ในตอนนี้ที่สำนักได้ล่มสลายลงแล้ว ยาลูกกลอนดอกตูมเหลืองจึงยิ่งเป็นของหายากมากขึ้นไปอีก

ยาลูกกลอนแบบนี้ถูกสั่งห้ามไม่ให้ซื้อขายในราชวงศ์ฉิน ทว่าภายในห้องกลับเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังเสนอราคา

สถานที่นี้คือห้องประมูลสินค้าผิดกฎหมายนั่นเอง

ชายหนุ่มคิ้วเข้มรู้ดีว่าตลาดปลาปิดบังภาพที่ยากจะนึกถึงไว้มากมาย การซื้อขายสิ่งของที่สำคัญต่อผู้ฝึกตนส่วนมากถูกดำเนินการที่นี่ ทว่าที่เขาตกตะลึงราวกับเด็กบ้านนอกเข้าเมืองใหญ่เป็นครั้งแรกเป็นเพราะมูลค่าของยาลูกกลอนที่กำลังถูกประมูลอยู่ เขาอดคิดไม่ได้ว่าตลาดปลาเมืองฉางหลิงแห่งนี้ช่างสมกับคำร่ำลือจริงเชียว

คนหนุ่มสวมชุดเหมือนบัณฑิตท่าทางสง่าผ่าเผยที่อยู่ด้านหลังก็หยุดฝีเท้าลง และมองเข้าไปยังด้านในห้องเช่นกัน ชายชราหลังค่อมที่ถือไม้เท้าไผ่สีดำเองก็ไม่ได้รีบร้อนพาพวกเขาไปไหน หยุดยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น

มูลค่ายาลูกกลอนดอกตูมเหลืองพุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ยาลูกกลอนดอกตูมเหลืองที่มีราคาสองพันตำลึงเงินในอดีต ตอนนี้ราคาพุ่งสูงถึงหนึ่งพันตำลึงทอง กระนั้นก็ยังมีผู้ที่ประมูลราคาแข่งต่ออีกหลายคน

หลังจากผ่านการเสนอราคาอีกสองสามครั้ง ก็เหลือผู้ประมูลเพียงสองคน นักดาบหนุ่มในชุดคลุมสีเทา กับชายวัยกลางคนที่บนใบหน้ามีผ้าไหมคลุมหน้าสีดำปิดบังไว้คนหนึ่ง

ใบหน้านักดาบหนุ่มแดงไปหมด เหงื่อไหลโทรมหน้า ชายวัยกลางคนสวมผ้าคลุมหน้าสีดำนั่งนิ่งด้วยความสงบ แต่ละครั้งที่เสนอราคาออกไป เขาเสนอราคาที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคือสองพันตำลึงเงิน ซึ่งเป็นมูลค่าที่มากกว่าราคาที่นักดาบหนุ่มเสนอมา

ชั่วครู่ต่อมา มูลค่าก็พุ่งขึ้นสูงกว่าหนึ่งพันสามร้อยตำลึงทอง

ใบหน้านักดาบหนุ่มเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาว ยาลูกกลอนดอกตูมเหลืองเม็ดนี้สำคัญต่อเขามาก หากไม่ได้มา ด้วยโรคร้ายที่เป็นอยู่ เขาคงไม่อาจข้ามจากด่านสองเป็นด่านสามได้

เขาจึงหันไปมองชายวัยกลางคนผ้าคลุมหน้าสีดำอย่างเว้าวอน

ชายวัยกลางที่เห็นสายตานั้น เขาทำแค่เพียงพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหยียดหยาม

เมื่อเห็นดังนั้น นักดาบหนุ่มก็สูญเสียการควบคุมในทันที เขาลุกขึ้น ตะโกนขึ้นมา “สองพันตำลึงทอง!”

ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังชายหนุ่ม

ถึงชายหนุ่มจะเป็นคนจากตระกูลมั่งคั่ง ทว่าการใช้เงินสองพันตำลึงทองเพื่อซื้อยาลูกกลอนดอกตูมเหลืองเพียงหนึ่งเม็ดนั้น ไม่ว่าตระกูลไหนนี่ก็ยังนับว่าเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองมากอยู่ดี

หากไม่ใช่เพราะชายผ้าคลุมหน้าสีดำเสนอราคาเพิ่มแล้ว ยาลูกกลอนเม็ดนี้อาจถูกประมูลไปในราคาเพียงหนึ่งพันตำลึงทอง

เมื่อได้ยินเสียงคนหนุ่มตะโกนบอกราคาสองพันตำลึงทองแล้ว ชายวัยกลางคนสวมผ้าคลุมหน้าก็นิ่งไปอย่างเห็นได้ชัด เขานั่งนิ่ง พูดขึ้นเสียงเย็น “พี่ชายช่างกล้าหาญ เพียงแต่ข้าน้อยไม่รู้ว่าพี่ชายจะมีเงินสองพันตำลึงทองจ่ายจริงหรือ?”

นักดาบหนุ่มรู้สึกราวกับตกลงในถังน้ำแข็ง ใบหน้าสีแดงของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด

ในห้องเกิดความโกลาหลขึ้นมาทันใด

เพียงแค่มองสีหน้า ทุกคนในห้องก็รู้ได้ว่าคนหนุ่มผู้นี้ไม่ได้มาจากตระกูลมั่งคั่งที่ไหน หากแต่ตะโกนเสนอราคาไปเพราะสูญเสียการควบคุมเท่านั้น

หลังจากสีหน้าประชดประชัน ก็ตามมาด้วยสีหน้าเย็นชา

ไม่ว่าที่แห่งไหนต่างก็มีกฎ ยิ่งกฎในตลาดปลาแห่งนี้ยิ่งเข้มงวด

ผู้จัดประมูลที่ยืนอยู่หน้าแท่นวางยาลูกกลอนดอกตูมเหลือง เป็นชายร่างผอมสวมชุดสีเหลือง เขาส่ายหัว มองนักดาบหนุ่มด้วยความสงสาร ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เจ้าน่าจะรู้กฎของที่นี่”

ชุดของนักดาบหนุ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อ มือขวาแตะลงที่ด้ามดาบที่เหน็บอยู่ข้างเอว หลังสูดหายใจเข้าลึก สีหน้าก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาค่อย ๆ ยื่นมือข้างซ้ายออกมา

สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่ดาบยาว เมื่อเห็นท่าทางของเขาแล้ว แววเยาะเย้ยในนัยน์ตาผู้คนต่างจางลง แปรเปลี่ยนเป็นความนับถือ

ดาบของชายหนุ่มดูมีน้ำหนักเบาอย่างเหลือเชื่อ ตัวดาบเป็นโลหะสีน้ำเงินที่หาได้ยาก มูลค่าของมันอย่างน้อย ๆ ก็สองพันตำลึงทอง

ตามกฎของตลาดมืดแล้ว ในเมื่อเสนอราคามา เขาสามารถใช้ดาบเล่มนี้เพื่อแลกกับยาลูกกลอนดอกตูมเหลืองได้ ท่าทางของเขาแสดงให้เห็นชัดว่าเขาไม่อยากเสียดาบไป แต่จะตัดนิ้วตนเองตามบทลงโทษ

หากผู้ใดเสียดาบ คนผู้นั้นอาจหาดาบใหม่ได้ ทว่าคนเราไม่อาจงอกนิ้วขึ้นมาใหม่

หากแต่สำหรับนักดาบแล้ว ดาบก็เหมือนกับสัญลักษณ์ เป็นจิตวิญญาณรูปแบบหนึ่ง ผู้ฝึกตนใดที่ครอบครองจิตวิญญาณเช่นนี้ มักฝึกตนจนก้าวหน้าต่อไปในเส้นทางของผู้บำเพ็ญเพียร

ฉะนั้น ท่าทางที่นักดาบหนุ่มเลือกในตอนนี้ ทำให้แววเย้ยหยันแปรเปลี่ยนเป็นความเคารพนับถือ

“ช้าก่อน”

นักดาบหนุ่มกำลังจะตัดนิ้วสองนิ้วของตนเองตามกฎยามเสียงก้องกังวานดังขึ้น

“นำยาลูกกลอนดอกตูมเหลืองให้เขา” น้ำเสียงนี้ทั้งสงบนิ่งและเรียบง่าย ไร้ซึ่งอารมณ์ใด

นักดาบหนุ่มหันกลับไปมองด้วยความตกตะลึง

คนที่พูดขึ้นคือชายหนุ่มในชุดบัณฑิต

เมื่อเขาพูดขึ้นน้ำเสียงนิ่งเช่นนี้ ชายหนุ่มคิ้วเข้มที่อยู่ด้านหลังก็เลิกคิ้วขึ้น หยิบไข่มุกดำจากในกระเป๋าที่หิ้วไว้ด้านหลังออกมา ก่อนจะวางไว้ข้างยาลูกกลอนดอกตูมเหลือง ไข่มุกดำเม็ดนี้ขนาดเท่าไข่นกพิราบ แผ่รัศมีบาง ๆ ออกมา ใครได้เห็นย่อมรู้ว่าไข่มุกเม็ดนี้มีมูลค่ามากกว่าสองพันตำลึงทองเสียอีก

นักดาบหนุ่มมั่นใจว่าเขาไม่เคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน เขาครุ่นคิด หากชายหนุ่มคนนี้เอ่ยปากขึ้นช้ากว่านี้เพียงสักนิด นิ้วของเขาคงร่วงลงพื้นไปแล้ว แวบแรกเขารู้สึกปีติยินดีและรู้สึกโชคดียิ่งนัก จากนั้นก็รู้สึกถึงความอัปยศ เขาพูดอะไรไม่ออก

ชายหนุ่มแต่งชุดคล้ายบัณฑิตไม่พูดไม่จา มองชายชราที่ยืนอยู่ด้านข้างและเริ่มออกเดิน

ชายชราหลังโค้งไม่พูดอะไรเช่นกัน เขาเดินนำทางไปยังหน้าประตูที่อยู่ภายในห้องนั้น

นักดาบหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ความมึนงงได้ มือสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่ ใบหน้าสีซีดขาวกลับกลายเป็นสีแดงอีกครั้งเนื่องจากความตื่นเต้น “ข้าน้อย จากจงเจียง…”

เขากำลังจะเอ่ยชื่อตนเอง ทว่าชายหนุ่มชุดบัณฑิตพูดขัดขึ้น “ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาตอบแทนข้า ฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องบอกชื่อ”

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นโดยไม่ได้หันมามอง คำพูดของเขาชัดเจน เกือบจะไม่แยแส เขาเดินตามชายชราเข้าประตู และหายไปท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของทุกคนในห้อง

นักดาบหนุ่มยืนนิ่งอยู่หลายวินาที เป็นอีกครั้งที่เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก เพราะเหตุใดไม่อาจรู้ได้ เขาพลันเข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มผู้นั้นหมายถึง

สำหรับชายหนุ่มผู้นั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จัดการได้ง่ายยิ่ง ทว่าสำหรับเขาแล้ว เขาไม่อาจพบเจอคนแบบนี้ได้อีก เขาไม่อาจมีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่อีกเช่นครั้งนี้ เขาไม่อาจสูญเสียการควบคุมอารมณ์ตนเองเช่นนี้อีก

บทเรียนที่ได้รับในวันนี้ มีค่ามากกว่ายาลูกกลอนเสียอีก

นักดาบหนุ่มจากจงเจียงรับยาลูกกลอนดอกตูมเหลืองที่ผู้ประมูลส่งให้ เขาหันหน้าไปทางประตูที่ชายหนุ่มบัณฑิตเดินเข้าไป โค้งตัวจนสุด ในมือถือดาบทำท่าราวกับยื่นดาบส่งให้ เมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่มนักดาบ ผู้ฝึกตนในห้องยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นไปอีก

ภายในประตูเป็นทางเดินลึกสายหนึ่ง

ชายหลังคาและกันสาดเหนือหัวไม่อาจกันฝนได้ทั่ว จึงมีหยาดฝนไหลลงตามรอย สองข้างซ้ายขวามีเงาผู้คนเคลื่อนไปมาดั่งภูตผี เสียงอึกอึกทึกดังมา ไม่รู้ว่าคนด้านในกำลังทำอะไร

ลมฝนบดบังฟ้า ผู้คนดั่งภูตผี

เมื่อมองภาพเหล่านี้แล้ว กระทั่งชายหนุ่มที่ขยับมือครั้งเดียวก็สามารถนำยาลูกกลอนดอกตูมเหลืองให้นักดาบหนุ่มได้ก็ยังมีสีหน้าไตร่ตรองปรากฏขึ้นบนใบหน้านิ่งสงบและนัยน์ตามุ่งมั่นคู่นั้น

เขาพลันเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง รอยความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้า

กลิ่นอายแผดเผากระจายออกรอบตัวเขา ลมและฝนไม่อาจเข้าใกล้เขาได้อีก กลิ่นอายมืดมิดกำจายไปทั่ว

ชายชราที่เดินนำทาง ในมือของเขามีไม้เท้าไผ่ดำ

ที่ด้านหน้าทางซ้าย มีต้นไผ่ดำถูกปลูกไว้ใกล้กับกำแพงริมทางเดิน

ในตอนนั้นเอง ต้นไผ่ดำทั้งหลายก็บิดงอลง รูปร่างคดเคี้ยวคล้ายงู แปรเปลี่ยนเป็นปราณสีดำ ก่อนจะสลายไป

จากนั้นภาพตรงหน้าก็แปรเปลี่ยน เงาร่างสีดำพลันสั่นเทาเหมือนภูตผีก่อนที่จะเลือนหายไป ประตูที่เปิดอยู่บานหนึ่งปรากฏขึ้นแทนที่กอต้นไผ่ดำ

ด้านในประตูเป็นห้องมืดสลัวห้องหนึ่ง

“ไม่คิดเลยว่าคุณหนูตระกูลชานจะฝึกปรือวิชาด้านหยินและภูติผี” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น คลี่ยิ้มเย็นชา