ตอนที่แล้วตอนที่ 2 ระบบลิชแสนชั่วร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4 ผู้เฝ้าปกปักษ์ (วูเมี้ยนเจ้อ)

ตอนที่ 3 กาชาปอง


“เก้าอิมจินเก็ง!!!”

ตามธรรมเนียมที่ต้องตะโกณชื่อท่าก่อนใช้ ข้าจึงคำรามลั่นก่อนที่กรงเล็บของข้าจะปะทะเข้ากับทหารโครงกระดูกตนหนึ่ง

ตามด้วยเสียง แก๊ก กระดูกสองท่อนแตกออกในทันที

ข้าได้แต่ก้มหน้ามองคัมภีร์เคล็ดวิชาจากต่างโลก ‘เก้าอิมจินเก็ง’ ตรงหน้าข้า ก่อนที่จะใช้มาน่าเพื่องอกนิ้วที่เสียหายของข้าให้คือมาพร้อมกับถอนหายใจด้วยความผิดหวัง

“ของไร้ประโยชน์อีกแล้ว ทั้งที่ข้าก็ทำตามเงื่อนไขแล้วนิที่ต้องมีกรงเล็บกระดูกขาว แล้วข้าก็แทนเก้าหยินด้วยมนตราธาตุน้ำแข็งแล้วนิซึ่งน่าจะพอที่จะใช้วิชานี้แล้วนิ แต่ทำไมข้าถึงยังใช้ไม่ได้นา”

ช่วยไม่ได้ ข้าได้แต่โยนเจ้าคัมภีร์นี่อย่างไม่ใส่ใจนักไปที่มุมหนึ่ง มุมที่เต็มไปด้วยเหล่าคัมภีร์ ‘รุ่นพี่’ จากต่างโลกจนบัดนี้แทบกลายเป็นคอลเล็คชั่นของสะสมที่ไม่มีใครมาเยือนชมสนใจไปแล้ว

ใช่แล้ว เจ้าคัมภีร์เมื่อกี้คือของจากต่างโลก จากบทนำของเคล็ดวิชาลับแล้วเจ้านี่น่าจะเป็นมนตราจู่โจมที่ทรงพลังอย่างมาก มากพอที่จะทะล้วงได้ทุกสิ่งและสามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์

“นี่ข้าไปทำผิดตรงไหนเนี่ย การตีความของข้าก็ไม่น่าจะผิดพลาดได้ หยินก็ใช้แทนตัวถึงน้ำแข็งกับพลังแง่ลบต่างๆไม่ใช่รึ? เก้าสื่อถึงว่ามีจำนวนมาก ข้าก็แน่ใจแล้วนะว่าสร้างน้ำแข็งออกมามากพอ กรงเล็บกระดูกขาวข้าก็มีแล้ว แล้วทำไมข้าถึงใช้วิชานี้ไม่ได้ล่ะ?”

แต่ก็นะ ถ้าหนังสือเวทย์มนต์ที่ซับซ้อนของโลกฝั่งนี้ถูกโยนไปไว้อีกโลก ก็คงกลายเป็นขยะไร้ประโยชน์เหมือนกันแหละ

“สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร เวทย์มนต์ในตำนานที่ว่ากันว่าสามารถกำราบมังกรลงได้ ตอนแรกข้าอุตส่าห์คิดว่าจะไปคิดบัญชีกับเสี้ยวหงส์ได้แล้วซะอีก แต่ดูสุดท้ายสิข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากลูกตบของนางแค่ทีเดียวแถมจากนั้นนางยังเยาะเย้ยข้าโดยการให้ข้าเต้นโครงกระดูกอีก”

“แล้วยังมีฝ่ามือพระพุทธองค์อีก แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นอันตรายต่อพวกธาตุมืดและอันเดดทั้งหลาย ถ้าข้าฝึกวิชานี้จริงๆ ข้าก็คงยอมให้พวกนักบวชโบสถ์แสงศักดิ์สิทธิ์ล้างสมองไปแล้วล่ะ”

คัมภีร์เคล็ดวิชาต่างโลกทั้งหมดนี้ ได้มาจากกาชาปองของระบบที่พึ่งไม่ได้ของข้าเอง

ทุกต้นเดือน เจ้าระบบจะให้โอกาสข้าหมุนกาชาปองได้หนึ่งครั้ง โดยจะให้ข้าเลือกได้หนึ่งหมวดหมู่จากหมวดหมู่ต่อไปนี้ เคล็ดวิชาลับ อุปกรณ์ระดับเทวะ หรือสมบัติหายากและของวิเศษ

ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสเกินกว่าร้อยละ 90 ก็เถอะที่ข้าจะได้ของไร้ประโยชน์ แต่ข้าก็ยังขอเลือกสุ่มในหมวดเคล็ดวิชาลับ เดิมพันกับโอกาสที่ต่ำกว่าร้อยละ 10 นั้นว่าข้าจะได้สมบัติแสนล้ำค่ามา

ที่จริง นอกจากกองภูเขาคัมภีร์ที่ข้าใช้ไม่ได้แล้ว ในชั้นหนังสือเก่าแก่ที่แสดงถึงความขลังของกาลเวลาที่นั้นเป็นที่ที่ข้าใช้เก็บเหล่าสมบัติที่นานปีจะแวะมาตกในมือข้าเอาไว้

“ร่วมวิเคราะห์จัดสรรโครงสร้างกองทัพอันเดดอย่างไรให้ดี อย่างไรไร้จุดอ่อน ให้ข้าได้สอนเจ้าถึงกลเม็ดวิธีการใช้กองทัพอันเดดของเจ้าให้รบได้เต็มสูบ - - เคล’ทูซ่าด”

“ปริศนาระหว่างอดีตและปัจจุบัน ข้อจำกัดทางมิติและเวลานะเหรอ? ไร้สาระน่า ข้าเนี่ยแหละนายตัวจริงของมิติและเวลา - - เรสถ์ลิน มาเจเร”

“วิถีแห่งการสร้างอุปกรณ์วิญญาณและฮอร์ครักซ์ เจ้ากล้าบอกตัวเองได้อย่างไรว่าเจ้าเป็นลาสบอสถ้าเจ้าสิ้นชีพในรอบเดียว จงเข้าสู่วิถีแห่งอันเดดแล้วคืนชีพสัก 10 หรือ 20 รอบให้ศัตรูเจ้ากระอักจนตายไปเลย – ทอม มาลวาโร่ ริดเดอร์”

“18 กระบวนท่าป้องกันพื้นฐานสำหรับจอมเวทย์ – ให้ท่านลุงมอร์เด็นไคเน็นผู้นี้สอนเจ้าถึงวิธีการต่อสู้ทางกายภาพ! ใครบอกว่าเป็นจอมเวทย์แล้วจะใช้วรยุทธ์ไม่ได้! อะต้า! ว๊าก!”

“กองทัพหุ่นเชิดมนตราและมนตราสงครามกินอาณาเขต – เวทย์มนต์อันแสนงดงามคัดสรรโดยเอวาเจลีน จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงย่อมไม่ให้มือของตนแปดเปื้อน ให้เหล่าลูกสมุนทั้งหลายกลบฝั่งศัตรูของเจ้า ให้ศัตรูโดยมิเห็นแม้แต่เงาของเจ้า”

หนังสือชั้นหนึ่งทางมนตราเหล่านี้กินเนื้อที่ชั้นหนังสือไปครึ่งหนึ่ง ความรู้อันล้ำหน้าทางมนตราจากต่างโลกเหล่านี้คือของสะสมที่ข้ามองว่าสำคัญกว่าชีวิตข้าซะอีก

สำหรับลิชที่ยอมทิ้งร่างกายของตนเพื่อความกระหายในความรู้อันไร้ที่สิ้นสุด ความรู้เรื่องเวทย์มนต์จากต่างโลกแบบนี้นั้นมีค่ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

แต่การที่จะยืนยันว่าเวทย์มนต์เหล่านี้ใช้ได้จริงรึเปล่านั้นแหละเป็นภาระที่ยุ่งยากสุดๆ

ถ้าจะเอาให้ชัดๆ ความรู้เหล่านี้นั้นมาจากโลกอื่นแล้ววิธีเดียวที่จะพิสูจน์ได้ว่าเวทย์เหล่านี้ใช้ได้เพียงใดก็คือ ต้องลองใช้ด้วยตัวเอง

“หกชีพจรกระบี่สวรรค์เวอร์ชั่นต้วนอี้....เอาง่ายๆมันก็ปล่อยลำแสงไม่ใช่เหรอ? ถึงการใช้ปลายนิ้วทั้งห้าเพื่อปล่อยกระบี่แสงจะสร้างสรรค์ก็เถอะ แต่มีโอกาสที่จะใช้สำเร็จได้พอประมาณเนี่ยหมายความว่าไง? ให้ใช้วิชาที่เชื่อถือไม่ได้แบบนี้ คิดว่าชีวิตคนเป็นเรื่องล้อเล่นเหรอไง? แต่บางที วิชานี้อาจจะเหมาะกับพวกตัวเอกที่ใช้โชคในการเอาชีวิตรอดก็ได้ละมั้ง”

“ที่ตอแหลที่สุดก็คง ข้ามนทีด้วยใบกก อันนี้ เวทย์ลอยตัวที่ไหนกันที่ไม่ใช้มาน่าแถมบอกว่ายิ่งร่างกายเบาเท่าไหร่ก็ใช้วิชาได้ดีขึ้นเท่านั้น นี่ขนาดข้าเหลือแต่กระดูกข้ายังจมในทันทีเลย จนสุดท้ายต้องให้อิลิซ่าไปตามชาวประมงมาช่วยงมข้าขึ้นจากน้ำ ช่างน่าอับอายจริงๆตัวข้าเมื่อตอนนั้น”

“นายท่านค่ะ แต้มชั่วช้าที่ได้จากคุกใต้ดินของเดือนนี้มีค่าตกลงน่ะค่ะ เราสามารถเก็บมาได้เพียง 39 แต้มซึ่งน้อยกว่าเดือนก่อนไป 2 แต้มค่ะ ทางเราตอนนี้มีนักโทษ 2 คนที่ไม่สามารถให้แต้มได้อีกแล้ว ดิฉันขอแนะนำให้นายท่านควรหาคนมาเปลี่ยนนะคะ”

ด้วยการเตือนสติของอิลิซ่า ทำให้ข้านึกขึ้นได้ว่านี่ก็เริ่มต้นเดือนใหม่อีกแล้ว ครั้งนี้แหละ ข้าตั้งปณิธานว่าต้องได้ของที่ข้าต้องการให้ได้

“ระบบลิชแสนชั่วร้าย”

สิ้นเสียงคำสั่งข้า หน้าต่างสีทองก็ปรากฏต่อหน้าข้า

ณ ตอนนี้ หน้าจอมี 3 ตัวเลือกให้เลือกได้แก่ ‘กาชาปอง’ ‘ภารกิจ’ ‘เพิ่มสถานะ’

ภารกิจสามารถแบ่งได้เป็นภารกิจประจำวันและภารกิจเนื้อเรื่องหลัก ภารกิจประจำวันก็สามัญตามชื่อแค่ให้งานน่าเบื่อๆแลกกับค่าตอบแทนอันเล็กน้อย แต่สำหรับภารกิจเนื้อเรื่องหลัก ณ ตอนนี้หน้าจอเมนูยังเป็นสีเทาอยู่ เนื่องด้วยหลายๆสาเหตุทำให้ตอนนี้ยังไม่สามารถทำภารกิจได้

ส่วนเมนูเพิ่มสถานะนั้นข้าเคยใช้ได้เมื่อสมัยก่อน แต่ ณ ตอนนี้นั้นตัวเมนูก็สีเทาใช้ไม่ได้เช่นกัน และค่าสถานะข้าก็อยู่ในเมนูนี้ด้วย

และที่ใช้ไม่ได้ก็ไม่ได้เป็นที่ความผิดของระบบด้วย แต่เป็นปัญหาส่วนตัวของข้าเอง

โรแลนด์ มิสด์.เพศ ชาย.เผ่าพันธุ์ ลิช (ฮอร์ครักซ์เสียหาย ไม่สามารถเพิ่มสถานะได้จนกว่าฮอร์ครักซ์จะได้รับการซ่อมแซม)

พละกำลัง 5

ความว่องไว 5

สติปัญญา 30

เสน่ห์ -88

พลังใจ 5

(10 คือค่าสถานะพื้นฐานของมนุษย์ทั่วไป นอกจากค่าสติปัญญาที่เป็นค่าหลักของนักเวทย์แล้ว อย่างอื่นนี่ขยะชัดๆ 5 เนี่ย)

อาชีพ : นักเวทย์ ระดับ 60/ ลิช ระดับ 1/พ่อมดมนต์ดำ ระดับ 20 (ระดับรวม 81 ประมาณความสามารถทางการต่อสู้ระดับ 79 จอมเวทย์ระดับชั้นทองคำ)

ตราประทับวิญญาณ : เครื่องราชแห่งความยุติธรรม, มหากษัตริย์แห่งอันเดด (เสียหาย), ย่างเก้าเหมันต์ (เสียหาย), บุตรแห่งแสง (ถูกทำลาย)

“อ๊าก นี่พลังของข้าลดลงมาขนาดนี้เลยเหรอ โลหิตเหล็กไหล กายสำริด เกียรติภูมิแห่งเงิน ปณิธานทองคำ ตำนานทั่วหล้า ผู้บรรลุโลกา ปกรณัมนิรันดร์ กึ่งเทวะไม่สิ้นสูญ ไม่คิดเลยว่าข้าจะตกจากขั้น 8 มาขั้น 4 ด้วยช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้”

ตราประทับวิญญาณคือสิ่งที่ตกผลึกจากการที่ปุถุชนสามัญได้ย่างก้าวเข้าสู่เขตแดนระดับชั้นตำนาน จะกล่าวว่าสิ่งนี้คือการบรรจบกันของวิถีชีวิตที่ใช้มา ประสบการณ์ที่พานพบและพลังของแต่ละบุคคลก็ว่าได้ เพื่อเป็นรากฐานให้ก้าวสู่เขตแดนชั้นที่อยู่สูงขึ้นไป ทุกคนนั้นต่างมีแค่ชีวิตเดียวฉะนั้นจึงมีตราประทับวิญญาณได้เพียงหนึ่งเท่านั้น

แต่ตัวข้านั้นกลับมีถึง 4 ตราประทับ ไม่เหมือนกับพวกมนุษย์ที่อายุไขแสนสั้น ข้าได้ใช้ชีวิตมาแล้วถึง 4 ชาติ ถึงตราประทับทั้ง 4 ของข้าจะแสดงถึงการที่ข้าได้ตายไปแล้ว 3 ครั้งและได้ย่างก้าวเข้าขอบเขตชั้นตำนาน 4 คราวก็เถอะ

ปรมาจารย์ผู้ใช้น้ำแข็ง ราชันย์แห่งอันเดด ผู้ได้รับพรจากแสงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดนี้คือเคยเป็นความภาคภูมิใจและเกียรติของข้า แต่ดูตอนนี้สิ ไม่ผุพังเสียหายก็สิ้นสภาพ

ถึงตัวข้าจะยังสามารถใช้ชีวิตลัลล้าได้ขนาดนี้ทั้งที่สิ้นชีพไปแล้ว 3 รอบ ข้าว่าข้าควรพอใจได้แล้วสินะ แม้ว่าตราประทับวิญญาณข้าจะเสียหายแต่ถ้าข้ามเรื่องที่ข้าไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อีก ความจริงที่ข้ายังมีชีวิตรอดมาได้จนถึงตอนนี้ก็น่าทึ่งพออยู่แล้ว

ก็อย่างที่สหายต่างโลกของข้าที่มีชื่อเล่นว่า วอลเดอมอล ได้ว่าไว้ ถ้าเจ้าไม่สามารถคืนชีพได้สักหลายสิบรอบ ไม่สามารถเปลี่ยนร่างได้สัก 3 หรือ 5 รอบ เจ้าจะกล้าเรียกตัวเองว่าลาสบอสได้อย่างไร

ถึงแม้ว่าความตายแต่ละรอบจะทำให้ข้าเสียของสำคัญไปพอสมควรก็ตาม แต่การก้าวล้ำเขตแดนของความตายเพื่อกลับมายังโลกมนุษย์ ของตอบแทนที่ข้าได้รับก็คุ้มค่าเช่นกัน

ชีวิตแรกของข้าได้ตายลงในการต่อสู้ ตอนนั้นข้าเพิ่งได้ย่ำเข้าสู่ระดับชั้นตำนาน ชีวิตที่สองข้า ข้าได้ไต่ไปถึงชั้นที่ 6 ระดับชั้นผู้บรรลุ ดูตอนนี้สิเพราะฮอร์ครักซ์ของข้าเสียหาย ทำให้พลังของข้าล่วงลงเหวแบบนี้แต่เมื่อ 100 ปีก่อน ก่อนที่ข้าจะตายรอบที่สามพลังของข้านั้นอยู่ในระดับชั้นที่ 8 ชั้นกึ่งเทวะ

“…แต่ที่ทำให้ข้าเจ็บกระดองใจก็ต้องเป็นการที่ข้าต้องเสียความทรงจำและความรู้อันทรงคุณค่าไปนั้นแหละ ถึงสุดท้ายแล้วข้าจะมีพัฒนาการขึ้นก็เถอะ…แต่ความอับอายที่ข้าต้องตายที่โน้น ที่นี่ ครั้งแล้วครั้งเล่า โดนฆ่าบนถนนไร้ชื่อทำเอาชื่อเสียงข้าไม่เหลือชิ้นดี ยังไม่รวมชุดเกราะที่ข้าต้องหามาเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก” (ตายแล้วชุดโดนปล้นนั้นแหละ) (เมื่อตายแล้วต้องแลกกับความทรงจำบางส่วนไป)

ช่างเถอะ ไงซะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าต้องเริ่มต้นจากศูนย์แบบนี้ ดังนั้นตัวข้าไม่ท้อหรอก ตราบใดที่ข้าเก็บแต้มได้มากพอข้าก็ซ่อมฮอร์ครักซ์ได้ หรือแม้แต่สร้างร่างข้าขึ้นมาใหม่ก็ย่อมเป็นไปได้ ด้วยส่วนช่วยของระบบนี่ ถึงให้ข้าเริ่มฝึกใหม่ตั้งแต่ต้นก็เหมือนช่วยข้าให้ไปได้สูงกว่านี้

“ถึงแม้กระดูกจะเป็นสิ่งเดียวที่ข้าเหลืออยู่ก็ตาม ข้าก็จะเฝ้ารอให้วันนั้นมาถึงให้จงได้ แต่ที่แน่นอนคือข้านั้นได้ใช้ชีวิตเป็นลิชมาเกินพอแล้ว แม้ความสามารถในมนตราสายน้ำแข็งและอันเดดสูงส่งเพียงใด แต่ค่าสถานะของข้ามันมั่วซั่วจนเกินไป ถ้าข้าต้องการจะไปให้สูงกว่านี้ ร่างมีชีวิตที่สมบูรณ์เป็นสิ่งที่ข้าขาดไปไม่ได้ แค่กๆ ไม่ใช่เพราะว่าข้าเห็นพวกคู่รักแต่งงานกันไปหลายคู่จนข้าไม่อยากเป็นโสดแล้วหรอกนะ”

“ฮืม? ใคร ใครกล้าว่าข้า? จำนวนอันเดดในเขตเมืองตะวันออกน่ะมิไม่ใช่น้อยๆเลยนะที่แต่งงานมีคู่ครองกันแล้ว แล้วยิ่งเจ้าพวกเผ่าโลหิต(แวมไพร์) พวกนั้นขนาดสร้างครอบครัวกันแล้วนะ แล้วทำไมทั้งที่พวกเราทุกตนก็เป็นอันเดดเหมือนกันแท้ๆ มีใครกำหนดหรือไงว่าลิชต้องเป็นหมาหัวเน่า ไม่มีใครเอาไปทั้งชีวิต หา? ลิชเองก็ต้องการความรักเหมือนกันนะ!!”

ที่จริงลิชเองก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างจากเผ่าพันธุ์อื่นเล็กน้อยเหมือนกัน วิญญาณของลิชนั้นจะไม่สถิตอยู่ในร่างของตนแต่จะไปสถิตในสิ่งของแทน แล้วสิ่งนั้นจะถูกเรียกว่า ฮอร์ครักซ์

ตราบใดที่ฮอร์ครักซ์ยังไม่ถูกทำลาย แม้ว่าลิชจะโดนสังหารไปแล้วก็ตาม พวกลิชเหล่านั้นก็ยังฟื้นคืนชีพได้เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก แต่ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับฮอร์ครักซ์แล้วล่ะก็...เตรียมพบกับการที่พลังของลิชตนนั้นดิ่งลงเหวไปได้เลย แล้วที่ร้ายกว่านั้นคือลิชผู้โชคร้ายจะไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อีกไปอีกหลายศตวรรษเลยทีเดียว ซึ่งในกรณีของตัวข้าเองนั้นกล่าวได้เลยว่าผลที่ออกมานั้นถือว่าไม่เลวร้ายนัก

“ซ่อมแซมฮอร์ครักซ์ใช้ 80000 แต้ม แต่สร้างร่างขึ้นมาใหม่ใช้ 100000 แต้ม ข้าคงเป็นไอ้โง่ระดับไหนกันถ้าข้าเลือกที่ซ่อมแซมฮอร์ครักซ์”

เมื่อข้าได้มองดูจำนวนแต้มปัจจุบันบนหน้าต่างระบบ 49762 แต้ม เห็นว่าความก้าวหน้าในการคืนชีพของข้ายังไปไม่ถึงครึ่ง ตัวข้าได้แต่ถอดถอนหายใจพร้อมหันไปสนใจตัวเลือกสุดท้าย กาชาปอง

การสุ่มกาชาปองนั้นจะสุ่มได้เพียงเดือนละครั้ง นอกจากคัมภีร์เคล็ดวิชาลับแล้ว ยังมี’อุปกรณ์ชั้นเทวะ’และ’สมบัติหายากและของวิเศษ’ ให้เลือกแต่ด้วยประสบการณ์ตรงจากอดีตของตัวข้า ทำให้ข้านั้นปกติจะไม่เลือกสองหมวดนี้

“เมื่อกาชาปองในครั้งอดีต ข้าสุ่มดาบศักดิ์สิทธิ์ปราบมารออกมาได้ทำเอาซะตัวข้านั้นเกือบมอดม้วยเลยทีเดียว ยังมีครั้งที่ข้าสุ่มได้ น้ำพุแห่งชีวิตที่มีความสามารถโดยธรรมชาติในการขับไล่ปิศาจ ยังมีครั้งที่ได้ ผลไม้สีชาดจากแดนตะวันออกไกล ที่ว่ากันว่าสามารถเพิ่มอายุขัยคนที่กินเข้าไปได้ ถึงจะเหมือนว่าดีแต่ตัวข้านั้นไม่มีระบบย่อยอาหาร แล้วจะกินมันลงไปยังไง? สุดท้ายข้าก็เลยเอาเจ้าผลไม้กับน้ำพุไปป้อนให้หมาข้ากินซะเลย...ช่างเถอะ ความรู้คือพลัง ให้ข้าได้เสี่ยงโชคกับเคล็ดวิชาลับน่ะดีที่สุดแล้ว”

ตามคำสั่งข้า กงล้อทองคำเริ่มขยับอย่างช้าๆ

“ศาสตร์การวาร์ปหมู่ ศาสตร์การทำลายล้าง เคล็ดลับการจับสัตว์อสูร....หยุดเร็วเข้า!”

“สวรรค์ลงทัณฑ์! ลิขิตแห่งชะตา! คัมภีร์ลับแห่งโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เปิดเผยเฉพาะนักบุญชั้นสูงเท่านั้น! ถึงข้าจะใช้เองไม่ได้ แต่ถ้าเอาไปขายให้พวกโบสถ์ข้าคงได้หลายตังค์ รอบนี้มีของดีเหมือนกันนะเนี่ย เพราะงั้นหยุดเร็วสิ!!”

แต่กงล้อนี่กลับยิ่งหมุนเร็วขึ้นอีกแทน...

“คัมภีร์เวทย์ไต่สวนสายอัคคีแห่งลัทธิ FFF! ดูแล้ววิชานี้น่าจะเหมาะกับข้าสุดๆ เพราะงั้นหยุดสักทีสิโว้ย!!!”

เอาล่ะยอม ในตอนนี้ภาพบนกงล้อเร็วจนมองไม่ทันอีกแล้ว

สิ่งที่กาชาปองทำให้คนปวดร้าวได้มากที่สุดก็คือ แม้ว่าสมบัติจะมาอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายมันก็หมุนผ่านไป

ยิ่งกว่านั้นนี่เป็นโอกาสหนึ่งเดือนมาที ข้าจึงได้แต่หลับตารอผลที่ออกอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก และแล้วเวลาสิบวินาทีแห่งความทรมานก็ผ่านพ้นไปและหลังจากกงล้อผ่านคัมภีร์อันทรงคุณค่าไปอีกชุดใหญ่ๆ กงล้อแสนโหดร้ายก็ได้หยุดลง

“’วิชาทานตะวัน ให้พี่สาวตงฟางคนนี้ได้สอนเจ้าปักภาพดอกไม้’ อะไรล่ะเนี่ย!? แม้แต่งานปักในการปักภาพดอกไม้ก็เป็นวิชาลับ?”

ถึงแบบนั้น แต่ข้าก็แอบหวังอยู่ลึกๆ มีแต่คนบอกไม่ใช่เหรอว่ายอดฝีมือในอดีตมีแต่พวกประหลาดไม่ใช่รึไง? บางทีช่างปักคนนี้อาจจะเป็นยอดฝีมือในตำนานก็ได้

แต่แล้วความจริงอันโหดร้าย ก็ประดังเข้ามาอีกครั้ง

“ก็ในนี้บอกว่าใครที่ไม่มี ‘รากแห่งความปรารถนา’ ก็สามารถฝึกวิชานี้ได้นิ? แล้วตัวข้าที่มีแต่กระดูกทำไมถึงฝึกวิชานี้ไม่ได้อีกละ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด