ตอนที่แล้วตอนที่ 3 กาชาปอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 ตุลาการสูงสุด

ตอนที่ 4 ผู้เฝ้าปกปักษ์ (วูเมี้ยนเจ้อ)


บาปกรรมหรือจะให้เรียกว่าโชคชะตาดีล่ะ ที่โลกแห่งนี้สิ่งที่กล่าวไปข้างต้นนั้นมีอยู่จริง ถ้าไม่มีปัจจัยภายนอกเข้ามายุ่งเกี่ยวละก็นะ ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็คงเป็นโชคชะตาเกี่ยวกับแอปเปิ้ล ถ้ามีแอปเปิ้ลผลหนึ่งที่ผ่านอะไรมามากมายจนสุดท้ายก็ได้ตกลงสู่ผืนดิน เสื่อมสลายเหลือเพียงเมล็ดพันธุ์เพื่อเป็นรากฐานให้การเก็บเกี่ยวครั้งต่อไป

แล้วถ้ามีชาวสวนก้าวเข้ามาและเริ่มเก็บเกี่ยวผลแอปเปิ้ลนั่นล่ะ แต่เหตุการณ์นี้สำหรับสวนผลไม้และตัวแอปเปิ้ลเองแล้ว ก็เป็นส่วนหนึ่งในโชคชะตาของทั้งสองเช่นกันเพราะถึงชาวสวนจะก้าวเข้ามาแต่ตัวของชาวไร่เองก็ถือว่าส่วนๆหนึ่งของสวนผลไม้และการโดนเก็บเกี่ยวก็เป็นโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้ให้กับตัวผลแอปเปิ้ล

แต่ถ้าเกิดมีนักเดินทางจากโพ้นทะเลเดินผ่านเข้ามาในสวนผลไม้ แล้วไม่คิดอะไรมากเก็บผลแอปเปิ้ลนั้นไป ถ้าเช่นนั้นแอปเปิ้ลก็จะจากไปพร้อมกับนักเดินทาง แบบนั้นชาวสวนก็จะไม่สามารถเก็บแอปเปิ้ลได้อีก ถ้าจะให้กล่าวก็คือโชคชะตาของทุกคนจะเปลี่ยนแปลงไปตามการกระทำของนักเดินทาง

ผู้มาเยือนจากต่างโลกก็เหมือนนักเดินทางผู้นั้น ด้วยการกระทำที่ไม่ตั้งใจต่างๆของผู้มาเยือน ได้ทำการเปลี่ยนแปลงชะตาของทุกคนไป

การกระทำของเขาเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในเส้นตรงที่โลกใบนี้ได้วางไว้ให้ ผู้มาเยือนได้เปลี่ยนชะตากรรมต้นฉบับที่วางไว้ จนท้ายที่สุดผลกระทบก็จะส่งต่อถึงกันกลายเป็นระลอกคลื่นที่รู้จักกันในชื่อ ทฤษฏีผีเสื้อขยับปีกหรือ Butterfly Effect

ทุกความไม่เที่ยงธรรมย่อมต้องมีผู้รับผิดชอบ ทุกหนี้สินย่อมมีเจ้าหนี้ ผลกรรมจากการกระทำที่เกิดขึ้นตัวผู้ก้าวข้าม(ผู้มาเยือนจากต่างโลก)ก็ต้องแบกรับไว้เองเช่นกัน

ด้วยระบบของข้าที่ใช้เก็บสะสมแต้มชั่วช้าหรือแต้มความดีและคอยทำตามความต้องการของข้า ตัวระบบนี้เองทำหน้าที่เหมือนกับสิ่งที่คอยทำให้สมปรารถนา แต่นี่ก็เป็นสาเหตุให้เกิดระลอกคลื่นผลกระทบออกสู่โลกเช่นกัน

ถึงแม้ว่านี่ จะเป็นผลสมมติฐานจากการศึกษาของข้า ซึ่งอาจจะถูกหรืออาจจะผิดก็เป็นได้ แต่แล้วด้วยเหตุการณ์บังเอิญครั้งหนึ่ง ที่ข้าได้หนังสือบทสรุปเกมมาจากโลกอื่นทำให้ข้ามั่นใจในความเป็นไปได้ของทฤษฏีนี้มากขึ้น

“สงครามล้างพิภพอหังการณ์แห่งเอ็ช นั้นคือชื่อของเกมๆนี้ หนังสือบทสรุปที่ข้าสุ่มได้มาจากกาชาปองของระบบได้บันทึกเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นภายในเกมตลอด 30 ปีที่เกมเปิดให้บริการ”

และโลกที่ข้าอาศัยอยู่นะปัจจุบันมีชื่อว่า...เอ็ช

งั้นก็แปลว่าโลกที่ข้าอาศัยอยู่นี่ก็เป็นแค่เกมในโลกอื่นแบบนั้นหรือ? แต่ตัวข้าก็ไม่ได้ตื่นตระหนกหรือช็อคแต่อย่างใด เพราะถ้ามองตามเหตุตามผลแล้ว ในประวัติของโลกที่ชื่อว่า เอ็ช นี้ได้มีผู้ที่ฝันถึงโลกอื่นรวมทั้งผู้ที่สามารถพยากรณ์คาดเดาถึงสิ่งที่ไม่น่าจะรับรู้ถ้าเป็นคนของโลกฝั่งนี่ได้ ว่ากันตามจริง เรื่องตัวตนของกลุ่มคนที่ข้าบอกนี้เป็นความรู้ทั่วไปของที่นี่และนี่ก็เพียงพอแล้วที่จะอธิบายทุกอย่าง

ส่วนไอ้ล้างพิภพน่ะเหรอ....นั้นสื่อถึงที่อัปเดตเกมครั้งใหญ่ทั้งหมด 7 ครั้ง หรืออีกความหมายหนึ่งคือวิกฤตที่ทำให้ดินแดนแห่งนี้กลับตาลปัตรทั้งหมด 7 หน

ในวิกฤตครั้งที่ 7 ได้เกือบจะทำลายโลกแห่งนี้ลง พื้นทวีปกลายเป็นนรกบนดิน และตัวข้าตอนที่ยังเชื่อมั่นว่าตนเองเป็นผู้กล้าที่ได้รับพรจากพระเจ้าให้เปลี่ยนชะตาของโลกแห่งนี้ก็ได้รู้ถึงความจริงว่าหลังการอัปเดตครั้งที่ 3 โรแลนด์ มิสท์ เป็นชื่อของลาสบอสของวิกฤตระลอกนั้น

“จอมมาร โรแลนด์ มิสท์ ผู้หวนคืนจากขุมนรกพร้อมกองทัพอสูร ได้สาบานว่าจะล้างแค้นต่อคนเป็นทั้งมวล นำกองทัพอันเดดและอสูรอันไร้ที่สิ้นสุดชักนำโลกสู่ความโกลาหล ประเทศมากมายต้องล่มสลาย ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องสูญสิ้น”

โรแลนด์ มิสท์? นั้นชื่อข้านิ? นี่ข้าจริงๆแล้วเป็นลาสบอสที่มีชะตาให้ล้างโลกงั้นเหรอเนี่ย!?

แต่ความเป็นจริงนั้นไม่เหมือนกับเกม จอมมารไม่จำเป็นต้องพ่ายแพ้เสมอไป รวมทั้งตัวข้าที่เป็นที่รู้จักในฐานะบุตรแห่งแสงก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ข้าต้องผันตัวเป็น ปิศาจผู้ชั่วร้ายด้วย

แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ยังเกิดขึ้น ความมืดที่หลบซ่อนใต้ส่วนลึกของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ การทรยศจากคนที่ข้าเชื่อใจ เหล่าชนชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์ที่คอยดูแคลนซ้ำเติมข้า จนที่สุดตัวข้าก็ได้ถอยห่างออกจากวิถีแห่งศรัทธาแล้วก้าวเข้าสู่วิถีแห่งความมืด

ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ด้วยข้าที่รับรู้สิ่งที่โชคชะตาวางไว้ให้ข้า ในฐานะผู้ก้าวข้าม(ผู้มาเยือน) ที่สามารถบงการชีวิตตัวเองได้ แล้วข้าจะให้ทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตาได้อย่างไรกัน

ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงได้พยายามมากมายหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตา

ด้วยฐานะผู้ก้าวข้ามที่มีพลังในการเปลี่ยนชะตาอยู่ข้างข้า ให้เปลี่ยนชะตาของตัวข้านั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ให้เปลี่ยนชะตากรรมของโลกทั้งใบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

แต่ด้วยเหตุการณ์ ‘บังเอิญ’ อีกชุดใหญ่ๆ ส่งผลให้ความพยายามของข้าสูญเปล่ามลายสิ้น ข้าทำพลาดจนกระแสแห่งโชคชะตาสามารถกำจัดข้าออกไปได้อย่างง่ายดาย แต่นั้นก็ส่งผลให้ชะตาที่ปูไว้ลู่ออกจากชะตาต้นฉบับเช่นกัน

ตัวข้าในปัจจุบันหลังจากตายแล้วตายอีก ก็แถบจะเอาตัวไม่รอดในฐานะลิชและเพราะเหตุนี้ตัวข้าจึงไม่สามารถไปเป็นจอมมารผู้ทำลายล้างโลกได้อีก แต่ก็น่าเสียดาย พี่น้องฝาแฝดผู้โง่เง่าของข้า คาร์เว็นซ์ มิสท์ ได้มาแทนที่พี่น้องร่วมสายเลือดที่ไม่ได้เรื่องได้ราวของตน ทำเรื่องไม่น่าเชื่อว่าหมอนั้นจะทำจนสุดท้ายก็ก้าวเข้าประตูสู่ขุมนรกไป

บางทีในอีกไม่ช้า พวกเราอาจจะต้องเผชิญหน้ากับจอมมารที่นามว่า คาร์เว็นซ์ มิสท์ ก็ได้

ฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าก็ต้องมีชีวิตอยู่แม้จะด้วยดวงวิญญาณที่เสียหายและไม่สมประกอบดวงนี้ก็ตาม ข้าจะต้องมีชีวิตอยู่จวบจนวันที่ คาร์เว็นซ์ มิสท์ หวนคืนสู่ผืนแผ่นดิน

ดังนั้น ไม่ว่ายังไงตัวข้าก็ต้องการพลัง ไม่ว่าจะมาจากโลกไหนก็ตาม ไม่ว่าพลังนั้นจะถูกหรือไม่ก็ช่าง....

“นี่คือสัญญาจากใจของข้า โรแลนด์ มิสท์ ข้าจะจบปัญหาที่ข้าได้ก่อไว้เอง! ถึงแม้ว่านั้นจะทำให้มือข้าแปดเปื้อนมากเพียงใดก็ช่าง แม้ว่าข้าจะต้องกลายเป็นคนชั่วช้าข้าก็ยอม ข้าจะต้องเก็บแต้มชั่วช้าเพื่อคืนชีพข้าให้ได้ ข้าต้องแกร่งขึ้นเพื่อจบเรื่องของพี่น้องแสนโง่เง่าของข้าเอง”

“ไอ้คุณลิช ขอขัดจังหวะเจ้าสักเดี่ยว สิ่งที่เจ้าพร่ำบ่นเมื่อกี้มันเกี่ยวอะไรด้วยกับสถานการณ์ปัจจุบันนี้ด้วย? ก่อนที่เจ้าจะพูดปราศรัยเร่าร้อนนั้นต่อ ช่วยกรุณากลับสู่ความเป็นจริงแล้วหันไปมองข้างหลังเจ้าก่อนดีมั้ย”

ระหว่างที่ข้ากำลังได้ที่เลย สหายข้าก็มาขัดกันก่อนซะได้

เมื่อข้าหันหลังกลับไปมอง สิ่งที่ข้าเห็นคือเหล่าดาร์ดเอลฟ์กำลังไล่ตามข้าและกำลังเข้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้วด้วย ตาของพวกนางนั้นแดงกล้ำจากการอดหลับอดนอนและใบหน้ารูปไข่ที่เคยงดงามเหล่านั้นตอนนี้กลับมลายสิ้นเหลือไว้เพียงแค่ความเกลียดชังบนใบหน้านั้น เมื่อเห็นใบหน้าความเกลียดชังระดับนั้นแล้ว คาดว่านี่คงไม่ใช่เวลาอันสมควรที่จะใช้เหตุและผลกับพวกนาง

“อย่าหนีสิ ไอ้ชั่ว!”

“ข้าจะถลกหนังเจ้าทั้งเป็น!”

“เหเหเห....ส่งเจ้ากระดูกนั้นมา ส่งมันมาให้ข้า! สินสอดข้า(เงินเก็บ) ความพยายามตลอด 30 ปีของข้า ทั้งหมดหายไปในคืนเดียวเพราะแก!!”

“โมโมะซื้อสาหร่ายกับพริกมารอแล้วนะ คืนนี้เค้าจะกินซุปตุ่นซี่โครง....ไอ้ซี่โครงข้างหน้าน่ะ ได้ยินเค้ารึเปล่า? แกต้องเป็นอาหารจานหลักคืนนี้ของเค้า! เพราะงั้นหยุดสิโว้ย!”

ดูจากรูปการแล้วความแค้นจากเหตุระเบิดเมื่อวานท่าจะไม่ใช่เล่นๆนะเนี่ย ถ้าหยุดตอนนี้ข้าก็คงดักดานและล่ะ ฉะนั้นแล้วข้าเลยร่ายเวทย์ลอยตัวใส่ตัวเองพร้อมเร่งฝีเท้าขึ้น

ถึงครั้งนี้ ข้ายอมรับว่าตัวเองทำเกินไปหน่อย แต่ถ้าข้าถูกหน่วยรักษาความสงบที่แต่งองค์มาซะเต็มยศเหมือนจะไปรบจับได้ล่ะก็ ถึงข้าจะเหลือแต่กระดูกคงถูกถลกหนังไม่ได้ แต่ข้าคงจบลงเหลือแค่เศษกระดูกแล้วโดนเอาไปป้อนให้หมากินเป็นแน่

แต่คนที่โดนไล่ไม่ใช่ข้าคนเดียวนี่สิ

“พี่น้องเบยารต์ ทำไมพวกเจ้าถึงโดนล่าด้วยล่ะหา? นี่พวกเจ้าขายของเก๊อีกแล้วเหรอ?”

พี่น้องเบยารต์ แม้แต่ในเผ่าก็อบลินโลภมากเองยังขึ้นชื่อในเรื่องที่เป็น พ่อค้าไม่สุจริต ตราบใดที่เจ้าที่เงินพอจ่าย ยาเถื่อน ของเก๊และของอื่นๆอีกมาก เจ้าคู่นี้จัดให้ได้หมด ยิ่งกว่านั้นเพื่อประหยัดเงินค่าภาษี พี่น้องคู่นี้แม้แต่ทะเบียนการค้ายังไม่เสียเวลาไปจดเลย

และแน่นอน พ่อค้าเล่นไม่ซื่อพวกนี้ต้องปะทะกับพวกเจ้าหน้าที่อยู่บ่อยครั้ง และเนื่องการปะทะนั้นเอง ทำให้เราทั้งสามได้เป็นสหายรักกันเพื่อกบฏต่อเหล่าเจ้าหน้าที่

“ข้าจะรู้มั้ยล่ะ ไม่รู้พวกนังบ้านั้นไปกินยาผิดมารึไง แต่ข้าว่าก็คงมีไอ้ง่าวสักตัวไปหาเรื่องจัดหนักกับพวกนังบ้านั้นแหละ ตั้งแต่ตอนบ่ายเมื่อวานแล้ว พวกนังบ้าทั้งหลายเริ่มปฏิบัติการณ์ค้นหาเต็มรูปแบบทั่วทั้งนครโดยมาอ้างว่า ‘รวดเร็วและหนักหน่วง พวกเราจะลากผู้กระทำผิดทั้งหลายมาลงทัณฑ์ให้จงได้’ ‘ล้างบางเจ้าพวกค้าของเถื่อนและ***’ ‘ทวงคืนท้องฟ้าอันสดใสแก่นครหลิวฮวง’ ถุ่ย”

ปรมาจารย์ด้านวิศวกรรม จินยะ เบยารต์ (ฟันทอง เบยารต์) พี่ใหญ่ของสองพี่น้อง อดีตผมที่เคยหนายาวของจินยะตอนนี้โดนโกนทิ้งทำให้ตอนนี้หมอนี่อารมณ์เสียสุดๆ

จากสายตาของข้า ถึงหน้าตาหมอนี่จะดูธรรมดางั้นๆ แต่ตอนนี้จินยะเป็นถึงปรมาจารย์วิศวกร ระดับ 59 อีกแค่ก้าวเดียวก็เข้าสู่ ระดับ 60 เข้าสู่ชั้นทองคำได้แล้ว

“แต่พวกนังนู๋ก็น่าทึ่งจริงๆนั้น ถึงหน่วยรักษาความสงบจะขาดแคลนบุคลากรก็เถอะ แต่ถ้าให้คิดถึงเรื่องที่สมาชิกทุกคนเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ อัศวินศักดิ์สิทธิ์ถือว่าเป็นอาชีพตัวชนเลยนะส่งผลให้พวกนังนู๋ทนต่อการโจมตีกายภาพ แล้วยังเกราะโซ่มิธริลนั้นอีก ดาร์ดเอลฟ์ที่เกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ต้านเวทย์มนต์ได้แล้วตอนนี้ยังสามารถต้านการโจมตีทางกายภาพได้เหมือนเหล็กกล้าอีก นี่ยังไม่คิดที่หัวหน้าหน่วยบางหน่วยใช้อาวุธชั้นยอดอีก ร่วมยุทโธปกรณ์กับบุคคลากรระดับนี้พวกนังนู๋เข้าร่วมสงครามระหว่างเทพกับปิศาจได้เลยนะ คงไม่มีคนเชื่อว่านี่เป็นหน่วยรักษาความสงบนครหรอก”

หยินโกว เบยารต์ (ตะขอเงิน เบยารต์) เป็นน้องเล็กในสองพี่น้อง ด้วยสภาพเสื้อที่มีรอยไหม้และในระหว่างการค้นหาและจับกุมเครื่องไม้เครื่องมือของเจ้าหมอนี่พังไปหลายชิ้น ทำให้ตอนนี้หมอนี่อารมณ์บูดสุดๆ เช่นกัน

ปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุระดับ 57 ปกติแล้วเจ้าหมอนี่ก็เชี่ยวชาญในการรักษาคนป่วยอยู่หรอก แต่ของที่เกี่ยวข้องกับก็อบลินจะเชื่อถือไม่ได้ซะส่วนใหญ่

อย่างน้อยในความจำของข้า ยาที่เจ้าหนูหยินโกวทำกว่าครึ่งกินแล้วระเบิด ส่วนอีกครึ่งน่ะเหรอ? แม้เจ้ายังไม่กินมันก็ระเบิดอยู่ดี

“อดทนไว้ พวกเจ้าหน้าที่ทั้ง 3000 ไม่ได้พึ่งคุมนครหลิวฮวงแค่วันสองวัน แต่โธ่เว้ย สมัยก่อนยุทโธปกรณ์ของเจ้าหน้าที่ยังไม่ดีขนาดนี้นิ! อย่าให้ข้ารู้นะว่าใครมันหักหลังพวกเราขายยุทโธปกรณ์ชั้นยอดแบบนั้นเพื่อแค่ผลประโยชน์เลิศหรู ข้าขอสาบานข้าจะทำให้มันอยู่ในนครหลิวฮวงไม่ได้เลยคอยดู”

“ถ้าไม่ใช่พวกคนแคระหัวแดงตรงถนนบุปผา แล้วจะเป็นใครได้อีกล่ะ? นอกเหนือช่างตีเกราะยอดฝีมืออย่างมันแล้ว ใครมันจะมีความสามารถพอตีเกราะโซ่มิธริลในระดับนั้นอีก ถ้าข้าโดนปล่อยตัวนะ ข้าจะไปบึ้มร้านมัน ใครใช้ให้มันนำความชิบหายมาสู่พี่น้องมันกันล่ะ!”

ด้วยประการฉะนี้ ข้าขอเลือกที่จะปิดปาก ถ้าเกิดสหายข้ารู้ว่าดาบศักดิ์สิทธิ์ของพวกนางซื้อมาจากข้า รวมทั้งเรื่องที่ข้าเป็นคนกลางในการซื้อขายเกราะโซ่พวกนั้น ทั้งเรื่องที่ข้าเคยเอาเกราะมนตราไปแลกเพื่อให้พวกนางปล่อยข้าไป ข้าคง.....

“เจ้าวัวเฒ่า เกิดอะไรขึ้นล่ะ? ปกติพวกนางจะมองข้ามเจ้าไม่ใช่เหรอ นี่ช่วงนี้เจ้าไปก่อเรื่องไว้เหรอไง?”

ที่วิ่งอยู่เคียงข้างพวกเราคือนักรบเผ่าธอร์เร็นร่างสูงใหญ่ บนใบหน้าเหลี่ยมๆของเจ้านี่ประดับด้วยรอยยิ้มใสซื่อจริงใจ ในดวงตาใสซื่อของเจ้านี่ตอนนี้เต็มไปด้วยความซื่อตรงและความสับสน ราวกับว่าเจ้าตัวไม่รู้ถึงเหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงโดยไล่กวดแบบเต็มอัตราเช่นนี้

“ข้าเปล่าทำอะไรสักหน่อย ข้าแค่กระหายน้ำจนอยากดื่มนมดับกระหายแค่นั้นเอง แล้วหน้าอกของพวกนางก็ออกจะอุดมสมบูรณ์น่าจะมีน้ำนมอยู่ในเต้าไม่ใช่น้อยๆ ธอร์เร็นอยากจะดื่มนมไม่ใช่เรื่องปกติหรือไง? สำหรับธอร์เร็นที่รักในธรรมชาติแล้ว การแก้ผ้าก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอไง? แล้วทำไมพวกนางถึงไล่ล่าข้าด้วยอาวุธครบมือแบบนั้นด้วยล่ะ?”

แม้ว่าเจ้าหน้าเหลี่ยมๆนั้นจะแผ่รังสีความสัตย์ซื่อออกมาและเสียงอันใสซื่อที่เจือปนด้วยความเศร้าสร้อยที่ถูกใส่ความ แต่อย่าไปเชื่อเจ้านี่มันโรคจิต ถึงจะมีใบหน้าที่ซื่อตรงระดับนี้ แต่สุดท้ายเจ้านี่ก็ยังคงเป็นไอ้โรคจิตและไอ้วิตถารเปลื้องผ้าอยู่วันยังค่ำ

และในสถานการณ์ปัจจุบันเองเจ้าหมอนี่ก็สภาพเปลือยกายอยู่เช่นกัน ด้วยร่างอันบึกบึนสมส่วนนั้นทำให้สตรีตามข้างทางกริ๊ดประสานเสียงกันแบบนอนสต็อป(non-stop)แล้วยังอุตส่าห์มาโบกไม้โบกมือประสานจังหวะกับวัตถุบางอย่างที่อยู่ช่วงล่างอีก....

“ปิศาจวัวกระทิงมาถึงแล้ว”

“แม่จ้า! หนูกลัว! หนูคงเป็นเจ้าสาวไม่ได้อีกแล้ว!”

“ไหน? ไหน? ให้ข้าส่องหน่อยสิว่าเจ้าไม้จิ้มฟันนั้นจะยาวแค่ไหนเชียว โอ๋มันส่ายไปส่ายมาได้จริงๆด้วย โฮะโฮะโฮะ สมแล้วที่เป็นธอร์เร็น นี่ไม่ใช่ไม้จิ้มฟันแล้วนี่มันท่อนเหล็กชัดๆ ธอร์เร็นที่อยู่ข้างหน้าน่ะกรุณารอสักปะเดี่ยว ขอให้ข้าได้ลองจับสักหน่อย”

ด้วยเสียงกรีดร้องที่ไล่ตามหลังยิ่งทำให้เจ้านี่พอใจ จนเจ้านี่วิ่งไปพลางโพสต์ท่านักเล่นกล้ามไปพลาง สร้างเสียงกรีดร้องได้ทุกรูปแบบตามหลังมา

ด้วยที่เจ้านี่เป็นไอ้โรคจิต จนคนอื่นอาจจะไม่รู้ตัว แต่ด้วยดวงตาของข้า เจ้าธอร์เร็น เสวี่ยที (กลีบน้ำแข็ง) ที่จริงแล้วเป็นนักรบชั้นตำนานระดับ 89 ถึงที่นครหลิวฮวงแห่งนี้จะรวบรวมคนแข็งแกร่งไว้มากมาย แต่เจ้าหมอนี่ก็จัดได้ว่าเป็นชั้นระดับต้นๆเลยทีเดียว

แต่สุดท้ายไม่ว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงไร เจ้านี่ก็คงเป็นไอ้โรคจิตอยู่ดี....ที่ข้าต้องขอกล่าวถึงสองคราวเพราะว่านี่เป็นเรื่องสำคัญมาก

“เวร! นี่พวกหล่อนมียันลูกศรเงินปลุกเสพเลยเหรอ! แล้วหล่อนยังจะมีดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรพรรดิอารอนโซ่อีก แล้วยังมีเคียวเทพธิดาอีก นี่ยังไม่รวมพวกดาบศักดิ์สิทธิ์ไร้ชื่ออีกหลายสิบเล่มนะ ต่อให้อาณาจักรที่ร่ำรวยอย่างโอแลนด์ยังไม่เถื่อนขนาดพวกหล่อนเลยนะ” (ลิลลี่)

ที่อยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่มโดนไล่ตอนนี้คือ ลิลลี่ มิลาน หรือรู้จักกันในนามเจ้าชายแห่งรัตติกาล นางมีชื่อเสียงในด้านที่เป็นคาสโนว่าแสนเร้าร้อนไปทั่วทั้งนคร และเป็นที่ใฝ่ฝันของเหล่าสาวน้อยร่ำรวยทั่วโลกใต้พิภพแห่งนี้

แต่ ณ สถานการณ์ตอนนี้ แม้แต่คนอย่างนางที่เห็นหน้าตาสำคัญเยี่ยงชีวิต แต่บัดนี้ชุดที่นางใส่นั้นสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วเท่าไหร่นัก ถึงเจ้าตัวจะเป็นถึงมือสังหารเผ่าโลหิตชั้นทองคำระดับ 72 ก็ตามแต่เมื่อต่อหน้ากองทัพอันทรงพลังนางก็ทำได้เพียงหนีเอาตัวรอดเท่านั้น

ใช่แล้ว นางไม่ใช่นาย พวกเจ้าอ่านไม่ผิดหรอก....ชื่อเล่นอื่นๆของเจ้าหล่อนประกอบด้วยดังนี้ ไอ้บ้าลิลลี่ มิลานผู้เสียของ ไอ้วิตถารเดินได้ **ของผู้หญิง

เนื่องด้วยพวกเรามีชะตาโดนเหล่าเจ้าหน้าที่ข่มเหงรังแกร่วมกัน พวกเราจึงได้ร่วมกันก่อตั้งพันธมิตรสุภาพบุรุษเสรีขึ้น(หรือรู้จักกันในชื่อ พันธมิตรสุภาพบุรุษ) สำหรับธอร์เร็นเปลื้องผ้า ไอ้วิตถารเดินได้และไอ้พี่น้องบ้าระเบิดแล้ว พันธมิตรสุภาพบุรุษเป็นอีกชื่อของพวกเรานั้นเอง

ส่วนพวกพ้องคนอื่นๆนั้นต่างโดนจับกุมในปฏิบัติการ ‘รวดเร็วและหนักหน่วง พวกเราจะลากผู้กระทำผิดทั้งหลายมาลงทัณฑ์ให้จงได้’ ที่เหลือรอดจากปฏิบัติการจับกุมตอนนี้ มีแต่พวกยอดฝีมือระดับสูงๆในพันธมิตรเท่านั้น

“ไอ้ลิชหัวราน้ำตรงนั้นน่ะ! ลิชที่กระจอกที่สุดยังเป็นระดับชั้นตำนานเลย เพราะงั้นกรุณาหันหลังกลับไปร่ายเวทย์ผ่าสุญญากาศใส่พวกอีบ้าทั้งหลายที” (ลิลลี่)

“ถ้านี่เป็นสัก 300 ปีก่อน ข้าก็จะจัดให้อยู่หรอกนะ...แต่ตอนนี้ฮอร์ครักซ์ข้าเสียหายอยู่ และข้าก็คุมเวทย์ได้ไม่ค่อยเสถียรด้วย แต่ถ้าเจ้าอยากให้ข้าลองร่ายเวทย์ผ่าสุญญากาศ ก็ได้อยู่หรอกแต่ถ้าข้าคุมได้ไม่ดีล่ะก็ ก็นะข้าจะตายไม่ได้อีกแล้ว เจ้าแน่ใจรึเปล่าว่าจะลอง?”

ผ่าสุญญากาศเป็นมนตราระดับต้นๆของจอมเวทย์ที่เก่งกาจทั้งหลาย ในตำนานว่ากันไว้ว่ามนตราบทนี้เพียงเล็งไปที่สิ่งใด สิ่งนั้นจะถูกทำลาย ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่มีเหรอที่ตัวข้าจะความสนใจในเวทย์มนต์สุดคลาสสิคแบบนั้นและยิ่งกว่านั้นตอนนี้ฮอร์ครักซ์ของข้าพังอยู่ ซึ่งเป็นธรรมดาที่ข้าจะใช้เวทย์บทนี้ไม่ได้ ถึงข้าจะแพ้เจ้าพวกนี้ในด้านกำลังรบ แต่มีรึที่ข้าจะยอมแพ้เจ้าพวกนี้ในสงครามน้ำลาย ฝันไปเถอะ ด้วยเรื่องปากปีจอน่ะข้าไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครทั้งนั้น

“ชิ ไม่ได้เรื่องจริง!”

เป็นไปตามคาด เมื่อข้าอ้างถึงโอกาสที่เวทย์จะหลุดความควบคุม เจ้าพวกนี่ต้องกลัวตายไม่ยอมให้ข้าใช้แน่นอน

แต่ถ้าเรื่องยังเป็นยังงี้ต่อไป ชื่อเสียงที่คนดีคนนี้สั่งสมมานานจะเสียเปล่าซะก่อน ด้วยประการฉะนี้แหละ ข้าจึงขอเริ่มลงมือบ้าง

“มนตราน้ำมันลื่นปรื๊ดๆ”

หลังจากข้าร่ายวงเวทย์หนึ่งวงเสร็จ น้ำมันจำนวนมากก็ปรากฏต่อหน้าพวกเรา สำหรับตัวข้าที่เป็นลิชแล้วการใช้เวทย์ลอยตัวถือเป็นเรื่องธรรมดามาก ข้าจึงลอยข้ามน้ำมันเหล่านั้นไปอย่างรวดเร็ว

“แค่วงเวทย์หนึ่งวงจะไปทำอะไรได้? เจ้าพวกที่ตามหลังเราอยู่กระจอกสุดก็อยู่ชั้นสำริดแล้ว”

ในสายตาของจินยะที่กำลังหงุดหงิดแล้ว วงน้ำมันแค่วงเดียวเมื่ออยู่ต่อหน้านักรบที่สู้เป็นก็ไร้ประโยชน์ใดๆ

แต่ตรรกะแบบนั้นน่ะมันใช้ได้สำหรับนักเวทย์ธรรมดาเท่านั้นนะจ๊ะ แล้วตัวข้าเองก็ไม่ใช่นักเวทย์ธรรมดาด้วยนะเข้าใจ๊

“ปัง!”

หลังจากที่พูดจบ จินยะที่ก้าวไปข้างหน้าลื่นล้มลงไปทันควัน แถมยังลุกขึ้นยืนไม่ได้อีกด้วย

“จินยะ ข้าว่าที่เจ้าแข็งแกร่งคงจะมีแค่ปากเจ้าสินะ ดูข้าซะก่อ....เป็นไปไม่ได้นา ทำไมมันถึงได้ลื่นแบบนี้!!”

ตามหลังพี่ชายของตนไปติดๆ คนน้องหยินโกว หลังจากหัวเราะพี่ตัวเองเสร็จ ก็ตามรอยเท้าพี่ชายของตนลื่นล้มตามกันไป

“ข้าปรับปรุงมันเองแหละ”

ปรับปรุงเหรอ? ถ้าจะให้ตรงจริงๆ ต้องเรียกว่าปรับโครงสร้างเวทย์มนต์ซะใหม่จะดีกว่า

มนตราน้ำมันลื่นปรื๊ดๆแบบธรรมดานั้นจะใช้ไขมันสัตว์เพื่อสร้างมนตรา แต่มนตราของข้านั้นใช้ น้ำมันล่อลื่นกลไกเครื่องจักรคุณภาพระดับต้นๆ พร้อมด้วยการที่ข้าปรับแรงเสียดทานบนถนนเองกับมือ การันตีเลยว่าแรงเสียดทานเป็นศูนย์

หลังจากที่พลังของข้าไม่สามารถเพิ่มได้อีก ทำให้ข้าไม่สามารถประกอบวงเวทย์ชั้นสูงได้อีก ย่อมเป็นธรรมดาที่ข้าจะลงทุนลงแรงปรับปรุงคุณภาพมนตราที่ข้าใช้ได้ในปัจจุบัน

สำหรับมนตราน้ำมันลื่นปรื๊ดๆ เวอร์ชั่นธรรมดาแล้ว แค่นักรบที่มีประสบการณ์นิดหน่อยก็เอาตัวรอดได้ไม่ยากแล้ว แต่สำหรับมนตราลื่นปรื๊ดๆ เวอร์ชั่นปรับปรุงของข้านั้น เพียงแค่ 2 วงก็ทำให้นักรบชั้นทองคำต้องระวังตัวได้แล้ว

แต่แล้ว ความภาคภูมิใจของข้า ก็ป่นปี้ไปในพริบตา

“ยะฮ๊า!!”

เจ้าวัวนั้น มันใช้กลีบเท้าตัวเองแทนสเก็ตบอร์ดช่างคิด แถมเมื่อไถลผ่านข้ายังจะมาเล่นหูเล่นตาใส่ข้าอีก แต่ขอชมทั้งที่ร่างกายเจ้านั้นออกจะใหญ่แต่กลับคุมสมดุลได้ดีเหลือเชื่อ

“ทำดี ข้าพึ่งรู้นะเนี่ยว่าสมองของลิชบ้าๆเองก็ทำงานได้ปกติเป็นบางครั้งเหมือนกัน”

แล้วแม่หญิงผีดูดเลือดจอมเจ้าเล่ห์ก็ได้กระโดดติดหลังเจ้าวัวไป เพื่อขอติดรถไปด้วย

“เร็วเข้า รีบหนีกันเถอะ!”

เมื่อเห็นกองกำลังรักษาความสงบใกล้เข้ามา พวกเราทั้งสามได้แต่ทิ้งพี่น้องเบยารต์ที่กำลังดิ้นทุรนทุรายบนกองน้ำมัน แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

เป็นไปตามคาดอัศวินดาร์ดเอฟผู้รักษาความสงบ ที่สวมใส่เกราะหนักลื่นล้มคนแล้วคนเล่าเมื่อมาถึงแอ่งน้ำมัน สร้างความวุ่นวายยกใหญ่เลยทีเดียว

“โธ่เว่ย ทำไมถึงได้ลื่นแบบนี้เนี่ย!!”

รองหัวหน้าวิตตรอเรีย ที่ใช้ความพยายามอย่างหนักจนลุกขึ้นได้ในที่สุด แต่เมื่อบ่นเสร็จนางก็ลื่นล้มต่ออีกตามเดิม

“ช่วยด้วย!” เสียงร้องขอความช่วยเหลือของพี่น้องเบยารต์ลอยตามลมมาถึงหูพวกเรา

เจ้าหัววัวหันกลับตั้งใจที่จะไปช่วยเหลือสองพี่น้องพร้อมโชว์กล้ามของตนให้โลกรับรู้ แต่ลิลลี่ก็ดึงเจ้าวัวหันกลับมาเพื่อให้เจ้าวัวได้หลบหนีต่อ

“พวกนางใส่เกราะหนักกัน พวกนางตามพวกเราไม่ทัน....”

“ข้าไม่ได้ห่วงถึงเรื่องพวกนาง แต่เจ้าสองพี่น้องนั้นต่างหาก ถ้าเจ้าคู่นั้นรู้ตัวว่าตัวเองหนีไม่รอดล่ะก็....พี่น้องตระกูลเบยารต์ชอบพกอะไรติดตัว เจ้าคงยังไม่ลืมซะหรอกกระมัง?”

เจ้าหัววัวถึงตัวมันจะความรู้สึกช้า แต่ตัวมันไม่ใช่คนโง่แต่อย่างใด เจ้าวัวที่ขึ้นนึกได้ ได้แต่ลูบหัวตัวเองพร้อมก้มหน้าแล้วมุ่งหน้าวิ่งต่อไป

“บูม!!!” เสียงระเบิดดังกึกก้องกังวานไล่มาทางด้านหลังพวกเรา พิสูจน์ว่าการตัดสินใจของพวกเรานั้นถูกต้องแล้ว

วิศวกรและนักแปรธาตุย่อมต้องเป็นผู้ชำนาญการด้านก่อเหตุระเบิดอยู่แล้ว และถ้านำคำนำหน้ามาว่า ‘ก็อบลิน’ ใส่เข้าไปอีกรับประกันได้เลยว่าอัตราโอกาสเกิดระเบิดเพิ่มขึ้นอีกสัก 10 เท่าได้ ต่อให้มองข้ามเรื่องที่พี่น้องเบยารต์ต้องเลือกทางเลือกที่วอดวายกันทั้งสองฝ่าย ถ้าทั้งคู่อยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม เจ้าพี่น้องคู่นี้ก็ยังมีของเล่นสุดหรรษาติดอยู่กับตัวอีกหลายชิ้น ของเล่นชนิดที่กระแทกสักสองสามครั้งหรือตกพื้นสักสองสามที ก็พร้อมที่จะบึ้ม(ระเบิด) ถ้าเจ้าโชคไม่ดีล่ะก็นะ

“ไอ้พวกเวรเอ้ย รีบจับเจ้าสองตัวนั้นสิ”

“พวกมันกำลังจะหนี เร็วเข้า รีบตามไปเร็ว!”

ม่านควันลอยขึ้นเป็นฉากหลัง ดูสิมนตราน้ำมันลื่นปรื๊ดๆของข้าจะช่วยให้ไฟโหมกระหน่ำขึ้นดีนักนะ แต่ดูจากเหล่าคำด่าและเสียงตะโกณทางด้านหลังแล้ว ดูท่าระเบิดลูกหย่อมๆที่ทางเราไม่ได้วางแผนไว้จะเป็นได้แค่เพียงปัญหาเล็กน้อยสำหรับเหล่าอัศวินผู้เก่งกาจที่สวมใส่มิธริลมา

แต่ว่านะ....

“น้ำมันลื่นปรื๊ดๆ! น้ำมันลื่นปรื๊ดๆ! น้ำมันลื่นปรื๊ดๆ!”

เช่นนี้แล้ว พื้นที่ด้านหลังเราทั้งหมดตอนนี้เต็มไปด้วยประกายเจิดจ้าจากแอ่งน้ำมัน เจ้าพวกเอลฟ์โง่เง่าทั้งหลายอุตส่าห์ใส่เกราะหนักกันมา ก็ขอให้เจ้าทั้งหลายไปฝึกความสามารถทรงตัวอย่างช้าๆด้วยน้ำมันของข้าละกัน

“เตรียมตัวตาย!”

เมื่อข้าได้ยินเสียงร้องนั้น ข้าก็รู้แล้วว่าความสุขของข้านั้นแสนสั้น

ผู้ที่โผล่ออกมาจากมุมถนนนั้นคือ หัวหน้าแห่งหน่วยรักษาความสงบ ไดอาน่า ในมือของนางนั้นมีดาบศักดิ์สิทธิ์ ผู้ล้างแค้นสีเงิน อยู่ซึ่งเป็นอันที่ข้าขายให้นางเองแหละ

พวกเราทั้งสามหันหัวเปลี่ยนทิศกะทันหัน แต่อีกมุมถนนนั้นเองก็มีกลุ่มอัศวินดาร์ดเอลฟ์พุ่งตัวออกมาโดยผู้ที่นำกลุ่มนี้มาคือ รองหัวหน้า หยาเหวิน

“ซวยแล้วไง นี่มันกับดักชัดๆ!”

เมื่อดาร์ดเอลฟ์ทั้ง 3 กลุ่มมาบรรจบกัน พวกเราทั้งสามก็โดนล้อมโดยสมบูรณ์!

“ไอ้เลว! ข้าอุตส่าห์คิดว่าเจ้าเป็นคนดีแท้ๆ แต่เจ้า....ชุดที่ข้าพึ่งซื้อมาใหม่เสียเปล่าเลยเห็นมั้ย!”

“ขนมของข้าด้วย!”

“เครื่องสำอางของข้า!”

“มิมิของโมโมะด้วย!”

“ไม่ใช่ว่ามิมิของเจ้ามันเล็กแบบนี้ตั้งแต่ต้นแล้วหรอกเหรอ?”

“ไม่ใช่แล้ว! เค้าหมายถึงแมวของเค้า มิมิ! และอย่างน้อยหน้าอกเค้าก็ยังใหญ่กว่าเจ้าล่ะนา”

“ข้าเป็นผู้ชายนา มาเปรียบเทียบกับข้าแบบนี้ เจ้าไม่อายบ้างเหรอ?”

“อุ้ย เค้าขอโทษ ก็เจ้าดูสาวซะขนาดนี้ ทำเอาเค้าลืมไปเลยว่าเจ้าเป็นผู้ชาย”

เจ้าพวกดาร์ดเอลฟ์น่าหนวกหูนี่ได้ล้อมพวกเราไว้ทั้ง 3 ด้าน ถ้าข้ามเรื่องที่ทะเลาะกันเองระหว่างสหายดาร์ดเอลฟ์ไป จากภาพที่พวกนางเอาหมัดขยี้ฝ่ามืออีกข้างแล้ว ดูท่าพวกนางพร้อมที่จะจู่โจมได้ทุกเมื่อ

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่ข้าต้องทำเป็นสิ่งแรกคือ.....

ตีลังกาไปด้านหน้าอย่างไวเพื่อหลบการโจมตีจากทางด้านหลังข้า ตามด้วยเวทย์ลอยตัวพร้อมกันนั้นข้าได้ลอยตัวขึ้นให้ขาอยู่เหนือพื้นเพื่อหลบท่าฟันที่มาจากอีกทางหนึ่ง

“ไอ้เวร เป็นเพราะเจ้าเองเหรอที่ทำให้พวกเราต้องมาตกระกำแบบนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่กันแล้วหา!?”

ตามคาด ผู้ลงมือคือ ไอ้วัวเฒ่าที่มีสีหน้าขอโทษประดับบนใบหน้า แต่กลับซัดมาซะเต็มแรงและไอ้ผีดูดเลือดบ้าที่กำลังยุ่งกับการสั่งสอนข้าอยู่

...อย่างที่คิด สิ่งที่ข้าควรให้ความสำคัญที่สุดตอนนี้คือหาทางกำจัดสหายโง่เง่าทั้งสองที่เคยชินกับการหักหลังกันเองนี้ก่อน เจ้าสองตนนี้ทั้งเจ้าเล่ห์และรับมือยากกว่าพวกดาร์ดเอลฟ์ซะอีก และหลังจากที่เจ้าสองตนนี้รู้ว่าข้าเป็นต้นเหตุของปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ เจ้าพวกนี้คงไม่ต้องเสียเวลาคิดที่จะหักหลังข้า

ถ้าครั้งนี้ข้าโดนจับล่ะก็ ถึงแม้พวกดาร์ดเอลฟ์จะไม่จัดการข้าเป็นการส่วนตัว แต่เพื่อนร่วมกรงจัดข้าอย่างดีเป็นแน่

“อ่า ยังไงข้าก็ไม่ยอมโดนจับเด็ดขาด”

ภายใต้การร่วมมือกันของ 2 ใน 10 อันดับนักสู้แห่งนครหลิวฮวง ทำให้การเคลื่อนไหวของข้ามั่วซั่วไปหมด ส่วนเจ้าพวกดาร์ดเอลฟ์อะเหรอ พวกนางย่อมตั้งวงดูหมากัดกันอยู่แล้ว ขนาดที่บางคนยังเอาเก้าอื้มานั่งดูเลย

“มีช่องว่าง!”

แต่มีเหรอที่นังบ้าทั้งหลายจะเข้าใจมิตรภาพอันเนืองแน่นที่เราร่วมกันสร้างภายใต้การกดขี่ข่มเหง แค่มองหน้ากันครั้งเดียว พวกเราทั้งสามก็เข้าใจแล้วว่าต้องทำอะไร

เจ้าหัววัวจับข้ากับลิลลี่ไว้ด้วยมือแต่ละข้างแล้วโยนพวกข้าให้ออกไปจากวงล้อม

“ไอ้พวกชั่ว!”

เมื่อเหล่าดาร์ดเอลฟ์รู้สึกตัวอีกครั้ง พวกเราสองคนก็หลุดจากวงล้อมไปแล้ว ส่วนเจ้าวัวที่น่าสงสารทั้งที่มีกำลังรบมากที่สุดในหมู่พวกเรา แต่ด้วยคติแสนงี่เง่าที่ว่าจะไม่ทำร้ายสตรี ทำให้สุดท้ายเจ้าวัวก็ถูกกดลงกับพื้นด้วยเหล่าอัศวินสาว

“เจ้าวัวเฒ่า พวกเราจะจดจำการเสียสละของเจ้าเอง!”

“เจ้าลิช นี่เจ้าไปทำอะไรไว้กัน!”

“เมื่อวาน ตอนที่ข้าโดนพวกนางจับ ข้าไปเผาค่ายพักพวกนางเข้าน่ะ”

“ทำดี! ข้าเองก็อยากทำแบบนั้นมานานแล้ว”

ข้าหัวเราะเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ข้าทำไปข้าก็รู้สึกยินดีจริงๆเลย ต่อด้วยข้าชี้นิ้วไปที่เจ้าหล่อนอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ศาสตร์แห่งสัจกรรม ทุพพลภาพ”

ด้วยการโจมตีกะทันหันของข้า การเคลื่อนไหวของผีดูดเลือดที่ไม่ระวังบางตนก็ถูกผนึกลง

ถึงแม้ศาสตร์แห่งสัจธรรมของข้าจะหยุดตัวนางได้เพียงไม่กี่วินาที แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

ตอนนี้ตาของนางเต็มไปด้วยความสับสนไม่เข้าใจ ทั้งที่พวกเราหนีจากหน่วยรักษาความสงบพ้นแล้วแท้ๆ ดังนั้นนางจึงไม่เข้าใจว่าทำไมตัวข้าถึงยังเลือกที่จะทรยศนางอีก

แต่ในพริบตาต่อมา นางก็เข้าใจได้ในทันที เจ้าลิชบ้าโรแลนด์ ไม่ใช่ว่าเจ้าหมอนี่เป็นที่รู้จักในเรื่องสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านโดยไม่มีเหตุผลหรือผลประโยชน์อะไรรองรับหรอกเหรอ ไม่เช่นนั้น ด้วยฐานะร่างจุติแห่งความกลัว (ลิช) มีหรือที่ไอ้หมอนี่จะได้รับฉายาอันสมเกียรติว่า ‘ไอ้หัวราน้ำ’ อีก

ด้วยกองทัพหน่วยรักษาความสงบที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ ตัวลิลลี่ มิลานที่ขยับไม่ได้ ได้แต่เก็บความโกรธและความไม่พอใจของนางไว้ เพราะตอนนี้นางทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว

เมื่อตัวลิลลี่ถูกกดลงกับพื้นโดยเหล่าอัศวินดาร์ดเอลฟ์ เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้นสักที

“ภารกิจประจำวัน : ทรยศได้เสร็จสิ้นแล้ว เป้าหมายภารกิจ : หักหลังพวกพ้องที่เชื่อใจท่านทั้งหมด 3 คน ค่าตอบแทนขึ้นกับความแข็งแกร่งของผู้ถูกทรยศ

ความคืบหน้าภารกิจ : จินยะ เบยารต์, หยินโกว เบยารต์, ลิลลี่ มิลาน ค่าเฉลี่ยความแข็งแกร่งของทั้ง 3 นั้นสูงกว่าระดับชั้นทองคำและสูงกว่าความแข็งแกร่งของท่าน ณ ปัจจุบันอีกด้วย ถือว่าท่านสามารถสำเร็จภารกิจได้อย่างสมบูรณ์แบบ ท่านได้รับค่าตอบแทน 10 แต้มชั่วช้า”

“อย่างที่คิด หักหลังพวกเจ้าทุกคนนี่คุ้มจริงๆ”

เอาล่ะ ในเมื่อภารกิจประจำวันก็เสร็จแล้ว ค่าตอบแทนก็ได้แล้ว คงถึงเวลาที่ข้าต้องหนีจริงๆจังๆสักที

หลังจากที่ข้าเข้าไปในตรอกถนนเงียบๆ ข้าก็เริ่มสวมใส่ชุดคลุมมนตราวิเศษสีเงินขริบทองพร้อมสวมหน้ากากโลหะเงินไร้หน้าแล้วยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ รอให้พวกที่ตามข้ามาถึง

“ข้า....** ขอประทานอภัยค่ะท่าน!!”

หลังจากหันเลี้ยวมาแทบในพริบตา เหล่ากองทัพรักษาความสงบที่เกริ้ยงกาจก็กลายเป็นเด็กสาวว่านอนสอนง่ายในทันที

ตัวไดอาน่าที่มาถึงอย่างรวดเร็ว หลังจากเห็นข้าท่าทางเอาเรื่องของนางก็มลายหายไปในทันที แล้วหุบปากเงียบสนิทราวกับจักจั่นจำศีล ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูด เหมือนกับเวลาที่ใครเจอผู้บังคับบัญชาของตนยังไงยังงั้น แต่ท้ายที่สุดในฐานะหัวหน้า นางก็รวบรวมความกล้าเอ่ยปากออกมา

“ท่านตุลาการสูงสุด วูเมี้ยนเจ้อ (ผู้เฝ้าปกปักษ์) ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”

ใช่แล้ว ข้าโรแลนด์ มิสท์ หรืออีกตัวตนหนึ่งของข้าคือ เจ้าหน้าที่ความยุติธรรมระดับสูงสุดของนคร ตุลาการสูงสุด วูเมี้ยนเจ้อ ถึงข้าจะไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของพวกนาง แต่ข้าเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้บังคับบัญชาของผู้บังคับบัญชาของผู้บังคับบัญชาของผู้บังคับบัญชาของพวกนางต่างหาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด