ตอนที่แล้วตอนที่ 406 ไสหัวไปซะ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 408 สังหารหานเทียนเฟิง

ตอนที่ 407 กลืนโลหิตสนั่นทั่วสารทิศ


* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

  

“นั่นมันอะไรกัน ถึงได้มีอานุภาพรุนแรงมหาศาลขนาดนี้” มีคนส่งเสียงอย่างตกตะลึง

 

“เป็นไปได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่ามีเพียงแค่ยอดฝีมือขอบเขตปรือกระดูกที่พลังแห่งจิตวิญญาณแข็งแกร่งถึงจุดสูงสุดเท่านั้นหรอกหรือ ถึงจะสามารถสร้างพลังมหาศาลที่น่าเกรงขามเช่นนั้นได้? เห็นกันอยู่ว่า หลงเฉินผู้นั้น ยังอยู่แค่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นระดับกลางเท่านั้น”

"รอบตัวเขาไม่มีกลิ่นอายหรือเคล้าลางของสภาวะพลังผิดปกติ อะไรเลย เขาไม่ได้เป็นทั้งผู้อยู่เหนือขอบเขตและก็ไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ แล้วเขาสามารถแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นได้อย่างไร หรือแท้จริงแล้วเขาคือปีศาจ หรืออะไรกันแน่”

 

หลงเฉินยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น แบกดาบยาวสีโลหิตไว้บนบ่า ลมปราณที่เกรี้ยวกราดพรั่งพรูออกมาจากทั่วร่างกาย ผมยาวดำขลับพลิ้วไสว โบกสะบัดไปตามอานุภาพของพลังลมปราณที่รุนแรงนั้น หลงเฉินในตอนนี้ทำให้ผู้คนที่กำลังเฝ้าดูอยู่เกิดความรู้สึกหวาดกลัวราวกับเผชิญหน้ากับเทพเจ้าปีศาจ

  

“ครั้งที่แล้วข้าเคยพูดว่าเจ้าเป็นหญิงโสมม ครั้งนี้ข้ารู้แล้วว่าสำหรับเจ้าคำว่าโสมมยังน้อยเกินไป เจ้าค่อยๆบีบบังคับให้ข้ากลายเป็นศัตรูคู่แค้น บีบให้ข้าต้องการฆ่าเจ้าให้ตาย แต่เช่นนั้นแล้วก็ดี ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้า เจ้าสมหวังแล้ว!

  

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะประกาศสงครามกับเจ้าอย่างเป็นทางการ หากอยากฆ่าข้า หลงเฉินก็เข้ามา! วันนี้ข้าจะเอาเลือดของพวกเจ้าออกมารดพื้นดิน เพื่อเป็นประจักษ์พยายานต่อการประกาศสงครามครั้งนี้!

  

หลงเฉินประกาศก้อง เสียงของเขาดังกังวานราวกับถูกส่งมาจากสวรรค์ชั้นเก้า เขากวาดตามองศัตรูที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางโอหัง และเต็มไปด้วยจิตวิญญาณสังหารอันแน่วแน่ไม่มีที่สิ้นสุด

  

“ชิ้ง”

 

ทันใดนั้น ดาบยาวสีโลหิตในมือของหลงเฉิน ก็แผดเสียงคำรามของลมปราณอันดุร้ายที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง พลังลมปราณนั้นแผ่กระจายไปทั่วทุก

  

“นามของเจ้าก็คือ 'กลืนโลหิต’ นับตั้งแต่วันนี้ ขอจงร่วมต่อสู้ไปด้วยกันกับข้า ข้าจะให้เจ้าได้กลืนกินเลือดของคนชั่วพวกนี้ได้ตามที่เจ้าปรารถนา!” หลงเฉินประกาศเสียงก้อง เอ่ยคำปฏิญาณต่อดาบยาวสีแดงเข้มดุจดั่งอาบย้อมด้วยโลหิต ที่อยู่ในมือของเขา

  

ทันทีที่หลงเฉินกล่าวจบ ดาบสีโลหิตในมือของเขาก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมา อานุภาพที่น่าหวาดกลัวพุ่งสูงขึ้น แผ่กระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้า ปั่นป่วนหมู่เมฆาให้ไหลวนอย่างบ้าคลั่ง จนท้องฟ้าทั้งหมดเปลี่ยนสีไป

  

“อะไรน่ะ? หรือว่า นั่นจะเป็น...ศัสตราวุธก่อฟ้า”

“ไม่ผิด ถ้าหากไม่ใช่ศาสตราวุธก่อฟ้า คงไม่มีอานุภาพที่น่าหวาดกลัวได้ขนาดนี้”

  

“ถึงว่า ก็เเต่ไหนแต่ไรมาตัวหลงเฉินเองมีพลังกดดันแบบนั้นที่ไหนกัน ความกดดดันทั้งหมดที่เขาปลดปล่อยออกมาในตอนนี้ มาจากอาวุธนั่นทั้งนั้น เขาเพียงเเค่พึ่งพาพลังของอาวุธเท่านั้นเอง” บางคนก็รู้ทันที

 

ศัสตราวุธก่อฟ้า นั้นคืออาวุธพิเศษของยอดฝีมือระดับขอบเขตก่อฟ้า ลายอักขระที่จารึกไว้ด้านบน เป็นอักษรพิเศษ

 

อักขระเหล่านั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันบริสุทธิ์แห่งฟ้าดิน ทว่ามีเพียงยอดฝีมือขอบเขตก่อฟ้าที่เป็นผู้มีพลังก่อฟ้าเท่านั้น ที่จะดึงพลังแห่งฟ้าดินของมันออกมาใช้ได้ และว่ากันว่าเมื่อใช้พลังก่อฟ้ากระตุ้น อานุภาพอันทรงพลังที่ปลดปล่อยออกมาจากศัสตราวุธนั้น จะสามารถทลายภูเขาลงได้ในชั่วพริบตา

 

อาวุธชนิดนี้มีเพียงแต่ต้องอยู่ในมือของยอดฝีมือขอบเขตแห่งการก่อฟ้าเท่านั้น จึงจะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของมันออกมา หากยังไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตก่อฟ้าแล้ว การถือมันไว้ก็เป็นได้เพียงเพื่อเอาไว้ข่มขวัญคู่ต่อสู้เพียงอย่างเดียว ไม่มีทางที่จะดึงพลังที่แท้จริงของมันออกมาใช้ได้

  

“ฮึ ก็เพียงแค่ทำให้ผู้คนแตกตื่นเท่านั้น ปัญญาอ่อน! คิดหรือว่าแค่เพียงถืออาวุธก่อฟ้าก็จะทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนยอมก้มหัว? น่าขำจริงๆ ดูเถอะ, ไม่นานอาวุธนี้จะต้องร้องขอเปลี่ยนเจ้าของ” ศิษย์สำนักจากหมู่ตึกที่หนึ่งผู้หนึ่งกล่าวเย้ยหยัน

  

ยอดฝีมือที่อยู่ที่นี่จำนวนไม่น้อยที่เป็นศิษย์สำนักพลิกสวรรค์ และเป็นกองกำลังในสังกัดหมู่ตึกที่หนึ่ง พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นพวกที่ทำตัว ‘ดูทิศทางศีรษะม้า’ เป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำ

 

เมื่อพวกเขาเห็นอาวุธของหลงเฉินในตอนนี้ พวกศิษย์ของหมู่ตึกที่หนึ่งผู้หนึ่งก็ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอิจฉาทันที

ทางเดียวที่พวกเขาจะได้รับอาวุธที่ทรงอานุภาพเช่นนี้ก็คือต้องหาจากในขอบเขตเเดนลับนี้เท่านั้น เพราะทางสำนักย่อมไม่มีทางยอมให้พวกศิษย์ทั่วๆไปมีอาวุธระดับนี้อยู่แล้ว ถ้าหากไม่ชิงไปจากที่นี่แล้ว ชาตินี้ก็อย่าหวังจะได้ถือครองอาวุธระดับนี้เลย

  

“อย่างเดียวที่เจ้าทำได้ในตอนนี้ก็คือปลดปล่อยพลังกดดันของมันออกมาเท่านั้น เจ้ายังไม่สามารถใช้พลังที่เเท้จริงของมันได้ นี่ช่างเป็นลูกไม้ข่มขวัญที่น่ากลัวเสียจริง แต่ก็ต้องขอขอบคุณสำหรับของขวัญชิ้นนั้น ดาบสีโลหิตนั้นเป็นสิ่งที่ข้าใฝ่หาอยากได้มาครอบครองพอดี”

  

หานเทียนเฟิงหัวเราะ ดวงตาทั้งสองข้างปรากฏความโลภอย่างไม่มีสิ้นสุด คิดที่จะแย่งชิงดาบยาวของหลงเฉิน แม้ว่าตัวเขาในเวลานี้จะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับอาวุธก่อฟ้าก็ตาม

  

“ตายซะ! ใบไม้ร่วงโรย ดาวเหินฟ้า ตาข่ายแห่งฟ้าดิน !”

 

ระหว่างคิ้วของหานเทียนเฟิงมีสัญลักษณ์บางอย่างปรากฏขึ้น เพียงพริบตาเดียวพลังการต่อสู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุด เขาแทบจะทนรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ใช้ดาบล้ำค่าของเขานี้สังหารหลงเฉิน เขาต้องการฆ่าหลงเฉินเพื่อจะชิงเอาดาบยาวสีโลหิตเล่มนั้นมา

  

เงาดาบพุ่งลงมาจากทั่วท้องฟ้า พุ่งตรงเข้าหาหลงเฉิน อย่างหมายจะเอาชีวิต

  

หลงเฉินเปล่งเสียง ชิ อย่างเยือกเย็น เงาดาบที่มองไม่เห็นพุ่งมาทางข้างหน้าโดยตรง การโจมตีง่ายๆ ดูไม่ได้สิ่งใดเป็นพิเศษ หลงเฉินตวัดดาบยาวสีแดงโลหิต

“ตูม”

 

เงาดาบทั่วท้องฟ้าหายไปในชั่วพริบตา หานเทียนเฟิงถูกแรงสะท้อนจากพลังดาบของหลงเฉินก็พัดถอยออกไปหลายก้าว ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ บนใบหน้าของพวกเขาล้วนทอสีหน้าหวาดกลัว

 

“สว่างไสว ฉูดฉาด แต่ก็เท่านั้น”

  

สีหน้าของหลงเฉินปรากฏรอบยิ้มขึ้นมาอย่างเยือกเย็น กลยุทธ์เช่นนี้ทำได้แค่เพียงหลอกเด็กเท่านั้น ฝีมือขั้นสูงที่แท้จริง ผู้ใดจะสนใจกลเม็ดจอมปลอมเหล่านี้กัน จะถูกเจ้าหลอกได้อย่างไร

  

“ข้าเกลียดรูปแบบการต่อสู้ที่ปลิ้นปล้อนเช่นนี้ยิ่งนัก”

  

เสียงหลงเฉินแผดเสียงอย่างไม่พอใจ พุ่งทะยานออกไปด้านหนน้า พริบตาเดียวก็ก้าวมาได้หนึ่งไกลถึงร้อยจั้ง มองดูราวกับเงาที่พุ่งตรงเข้าไปหาหานเทียนเฟิง

แม้กระบวนท่าการออกดาบจะไม่ได้มีความพิเศษหรือซับซ้อน เพียงแค่พุ่งดาบเข้าไปอย่างแสนธรรมดา แต่ทว่าอานุภาพของดาบนั้นรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง อานุภาพเช่นนี้ บ่งบอกเจตนารมณ์ที่แน่วแน่และชัดเจน เพียงหนึ่งเดียว –– หลงเฉินตั้งใจที่จะฆ่าหานเทียนเฟิงให้ตายในดาบเดียว!

หานเทียนเฟิงเห็นเช่นนั้นก็เหงื่อตก ในใจเริ่มเกิดความลนลานขึ้นมา เขารีบกระตุ้นพลังทั้งหมดออกมาเพื่อต้านทานการโจมตีของหลงเฉิน ทว่าราวกับพยายามหยุดหินอุกกาบาตขนาดใหญ่และหนักที่กำลังพุ่งเข้าใส่พื้นดิน เสียงระเบิดดังขึ้น หานเทียนเฟิงพัดถอยออกไปไกลอีกครั้ง

“สวรรค์! หานเทียนเฟิงได้รับบาดเจ็บแล้ว”

  

คนผู้หนึ่งตกใจจนส่งเสียงอุทานออกมา พวกเขาเห็นโลหิตมากมายไหลออกจากฝ่ามือของหานเทียนเฟิง และไหลลงไปตามดาบอย่างช้าๆ

  

“ง่ามนิ้วของเขาได้รับผลกระทบจากพลังดาบของหลงเฉิน, ดาบนี้ของหลงเฉินมีพลังมหาศาลยิ่งนัก เอาชนะได้แม้แต่พลังจากการบวงสรวงกระดูกต้นแขนทั้งสองข้างของหานเทียนเฟิง เช่นนี้ก็คงไม่มีวิธีจะต้านทานพลังนั้นได้แล้ว” ผู้คนตกใจกับพลังดาบของหลงเฉิน

  

เพราะการต่อสู้ของทั้งสามคนรวดเร็วมาก และยังไม่ได้ใช้ทักษะการต่อสู้ใดๆ ทำให้เหล่าคนที่ดูชมอยู่ยังไม่ทันได้รับรู้ถึงความรู้สึกใดๆ

  

ทว่าในตอนนี้ แม้จะยังไม่ได้ใช้ทักษะยุทธ์ แต่หลงเฉินก็สามารถทำให้ ง่ามนิ้วของหานเทียนเฟิงฉีกขาดได้ ในที่สุดคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่นั้น ก็เข้าใจพลังความสามารถของหลงเฉินขึ้นมาแล้ว ว่าไม่คล้ายอย่างที่พวกเขาจิตนาการเอาไว้เลยแม้แต่น้อย

 

“ตูม”

  

ยังไม่ทันที่ผู้คนจะหายจากอาการตกตะลึงในพลังดาบของหลงเฉิน ยินหวูซวงก็รุดไปข้างหน้า ตวัดดาบปลดปล่อยพลังโจม พร้อมกันนั้นหานเทียนเฟิงที่ตั้งหลักจากการต้านทานการโจมตีของหลงเฉินได้แล้วก็กวัดแกว่งพุ่งทยานออกไปเช่นกัน ทั้งสองผนึกกำลัง มุ่งตรงเข้าสังหารหลงเฉิน

“โจมตีพร้อมกัน ดาบยาวของพวกเขาช่างน่าอัศจรรย์!”

  

ความกำเริบเสิบสานก่อนหน้านี้ของหานเทียนเฟิงลดน้อยลงไป ใบหน้าดูระมัดระวังไม่กล้าปะทะดาบของหลงเฉินโดยตรง เขาถอยไปข้างหลังเพื่อตั้งหลัก แต่ในเวลาไม่นานก็ร่วมมือกันยินหวูซวงจัดการหลงเฉิน

“ตาย!”

  

หลงเฉินแผดเสียงคำรามลั่น จิตสังหารรุนแรงแผ่ปกคลุมทั้งฟ้าดิน วันนี้เขาจะสังหารคนตรงหน้าทั้งสองให้ได้

คนเช่นนี้ ไม่มีทางที่จะเจราจากับพวกเขาด้วยเหตุผลได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ‘ลงมือสังหาร’ พวกเขา เพียงต้อง ‘ลงมือ’ จนพวกเขาเจ็บปวดถึงมี่สุดและหวาดกลัว จิตใจของพวกเขาถึงจะเกิดความเคารพยำเกรง หากปล่อยไว้ คนพวกนี้ก็จะเป็นเพียงเศษสวะกองใหญ่ที่รายล้อมอยู่รอบตัว สร้างความเดือดร้อนใจให้ไม่จบสิ้น ที่ร้ายกว่านั้นคือ การใช้ทุกวิถีพยายามเอาชนะโดยไม่สนใจศีลธรรมความถูกต้อง คนเหล่านี้นั้น เมื่อพวกเขาไม่สามารถสังหารศัตรูคู่อาฆาตได้ ก็ใช้วิธีสกปรกลงมือกับคนรอบกายของผู้ที่เป็นศัตรูกับเขานั้น พยายามทำให้คนผู้นั้นเจ็บปวดและไม่ต้องการมีชีวิตอยู่

  

หลงเฉินกวัดเเกว่งดาบในมือ ฟาดฟันเข้าใส่คนทั้งสองอย่างบ้าคลั่ง แม้เขาจะบุกตะลุยฟันสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างอุกอาจ แต่ละครั้งที่ลงดาบสะเพร่าราวกับไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์แม้แต่น้อย และแต่ละการโจมตีของเขาก็เต็มไปด้วยข้อผิดพลาด

  

แต่ทว่าการโจมตีในทุกดาบล้วนเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า จิตใจที่แน่วแน่ที่ไม่เกรงกลัวต่ออุปสวรรค ถึงแม้จะดูสะเพร่า แต่ถ้ามีผู้ใดที่อาศัยช่องว่างในการออกดาบของหลงเฉินเข้าโจมตีเขา ก็คงต้องถูกคมดาบของเขาฟันจนตายในดาบเดียวอย่างแน่นอน

  

“ตูม ตูม ตูม”

  

ดาบสีโลหิตไม่หยุดปะทะฟาดหันเข้าใส่ดาบทั้งสองของศัตรู เสียงดาบปะทะกันที่ดังรัวเร็วออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้คนตกตะลึง แม้หานเทียนเฟิงและยินหวูซวงจะรวมมือกัน แต่ทั้งสองคนก็ถูกหลงเฉินโจมตีต่อเนื่องจนต้องพัดถอยออกไปไกล ในเวลานี้ พื้นดินโดยรอบถูกระเบิดกระจุยกระจาย จนทำให้เกิดฝุ่นควันลอยคลุ้งทั่วท้องฟ้า

  

“หลงเฉินผู้นี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว”

  

มีผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนั้น ต่างเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ด้วยความลุ้นระทึก ในใจเต็มไปด้วยความฉงน หานเทียนเฟิงเป็นถึงน้องชายแท้ๆของหานเทียนหวู่ ผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศอันดับหนึ่งของฝ่ายธรรมะ ความฉลาดร้ายด้อยกว่าพี่ชายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นับว่าเป็นสุดยอดฝีมือที่ไม่มีผู้ใดเทียมได้ผู้หนึ่ง

  

ยินหวูซวงเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหานเทียนเฟิง นางมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ สายเลือดโบราณที่เข้มข้นไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศในระดับสูงจำนวนมากที่ไม่กล้าลงมือกับนาง

ทว่าเมื่อยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างสองคนนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลงเฉิน พลังฝีมือก็ไม่น้อย แต่ก็ยังถูกตีจนพ่ายแพ้ถอยไป

  

“พลังบวงสรวงกระดูก”

  

แม้จะใช้การโจมตีอย่างเต็มรูปแบบ แต่กลับถูกหลงเฉินทำให้พวกเขาทั้งสองต้องพัดถอยออกมาอย่างจนตรอก ในเวลานี้ยินหวูซวงและหานเทียนเฟิงกำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นเคือง ทันใดนั้นเองก็ปรากฎแสงสว่างเจิดจ้าเปล่งออกมาจากแขนขวาของพวกเขา พร้อมกับสภาวะพลังที่รุนแรงก็พวยพุ่งออกมา

“ตูม”

 

ดาบยาวของยินหวูซวงและหานเทียนเฟิงต้านดาบของหลงเฉินเอาไว้ ในที่สุดการโจมตีอย่างบ้างคลั่งของหลงเฉินก็หยุดลง

“หลงเฉินเจ้าคิดจริงๆหรือ ว่าผู้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตปรือกระดูกจะอ่อนแอขนาดนั้น? เจ้ามันไร้เดียงสาเสียจริง” หานเทียนเฟิงคบเขี้ยวฟันตลอดในขณะที่ดาบยาวของเขาปะทะกับดาบของหลงเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย

  

แม้ว่าวาจาจะกล่าวว่าหลงเฉินต่อสู้อย่างไร้เดียงสา แต่ทว่าเขาเองก็ตกตะลึงอยู่มาก พลังต่อสู้ของหลงเฉินเกินกว่าที่เขาจิตนาการไว้มาก เขาจำต้องเรียกพลังบวงสรวจกระดูกออกมาแล้ว

  

โดยปกติแล้วพลังบวงสรวงกระดูกคือพลังที่มีเพียงแค่ยอดฝีมือในขอบเขตปรือกระดูกที่เข้าถึงขั้นสี่บวงสรวงขึ้นไปเท่านั้น จึงจะสามารถใช้ได้ เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องเสริมสร้างกระดูกถึงสี่ท่อนเพื่อกักเก็บพลังงานอันมหาศาลไว้ การทำเช่นนั้น เรียกว่าบวงสรวงกระดูก เพื่อที่ว่าเมื่อถึงเวลาต่อสู้พวกเขาจะสามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้

  

โดยปกติแล้วเหล่ายอดฝีมือในขอบเขตปรือกระดูกจะค่อยๆกักเก็บพลังแห่งจิตวิญญาณเอาไว้ในกระดูกของพวกเขาอย่างช้าๆ พวกเขาจะค่อยๆส่งพลังงานเข้าไปและหล่อเลี้ยงกระดูกอย่างมั่นคง ซึ่งทำให้เมื่อถึงคราวต้องปลดปล่อยพลัง พวกเขาก็จะสามารถระเบิดพลังอันมหาศาลได้

  

“ฮึ หานเทียนเฟิงและยินหวูซวงทั้งสองจะปล่อยพลังบวงสรวจกระดูกออกมาแล้ว ฮี่ๆ,ใกล้ถึงคราวตายของหลงเฉินแล้ว” ศิษย์ในหมู่ตึกที่หนึ่งผู้หนึ่งกล่าวออกมาอย่างเชื่อมั่น

  

ทว่าเมื่อคนอื่นๆฟังประโยคนี้เข้า ก็อดไม่ได้ที่จะลอบแบะปากเบา แต่ก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอะไรอีก แม้แต่ประโยคเดียวก็ไม่เอ่ยปากกล่าว

  

“เจ้าว่าข้าไร้เดียงสาอย่างนั้นหรือ?”

  

ใบหน้าหลงเฉินฉายแววเย้ยเยาะอย่างชัดเจน: “ตอนที่ข้ายังอยู่ขอบเขตก่อโลหิต เคยผ่านการสู้รบอย่างดุเดือดกับพลังของขอบเขตปรือกระดูกแปดบวงสรวงมาแล้ว ความสามารถของพวกเจ้าแค่นี้ ในสายตาข้านั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการผายลมใส่ข้าเท่านั้น”

  

“ตูม”

  

วงแหวนแห่งเทพที่ปรากฎอยู่ข้างหลังของหลงเฉินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และค่อยๆเริ่มหมุนอย่างช้าๆ พลังอันบริสุทธิ์แห่งฟ้าดินจำนวนมหาศาลไหลเข้าสู่ร่างหลงเฉินราวกระแสน้ำ และไหลวนเข้าสู่ดาบในมือหลงเฉิน ดาบสีโลหิตแผ่พลังรุนแรงออกมา ความรุนแรงนั้นราวกับกระแสน้ำร้อนถึงจุดเดือด ที่ระเบิดพุ่งขึ้น สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า

  

หลังจากลองทดสอบหยั่งเชิงบางอย่าง หลงเฉินก็เริ่มเข้าใจจังหวะการต่อสู้ของ ‘ดาบกลืนโลหิต’ เขาไม่ออมมืออีกต่อไป ระเบิดพลังรุนแรงออกมา

  

ดาบกลืนโลหิตปะทะกับดาบทั้งสองของฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักหน่วง จนพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของคนทั้งสาม ไม่สามารถรับแรงกดอันหนกหน่วงจากพลังอันน่าหวาดกลัวนี้ได้อีกต่อไป มันค่อยๆเกิดรอยร้าวอย่างช้าๆ แตกออกและยุบตัวลงเรื่อยๆ ในสายตาของผู้คนร่างของทั้งสามจมลงพื้นไปอย่างรวดเร็ว

“ตูม”

  

เสียงระเบิดดังสนั่น ในที่สุดหานเทียนเฟิงกับยินหวูซวงก็ทนพลังอันมหาศาลของหลงเฉินไม่ไหว ถูกซัดจนกระเด็ยลอยออกไป

  

“ตาย!”

หลงเฉินที่ตอนนี้อยู่ต่ำกว่าพื้นดินเล็กน้อย รีบพุ่งทะยานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งตรงเข้าหาศัตรูทั้งสอง พร้อมกับเงื้อมดาบฟันลงที่ทั้งสองคน

 

“ตูม”

หานเทียนเฟิงและยินหวูซวงฝืนใจต้านความรุนแรงของการโจมตีจากหลงเฉินนั้น ได้เพียงชั่วครู่ หลังจากนั้นก็ถูกพลังอันรุนแรงหนักหน่วงซัดเข้าใส่ ฝุ่นควันคลุ้งไปทั่วท้องฟ้า เพียงชั่วลมหายใจ ร่างของทั้งสองคนที่ถูกพลังดาบทำให้พัดออกมา ก็ปรากฎต่อสายตา ร่างทั้งคู่กำลังลอยเขว้งกลางอากาศโลหิตสาดออกมาเป็นสายโปรยไปทั่วอากาศ

  

ผู้คนที่ชมการต่อสู้อยู่รอบๆ อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องอย่างตกใจออกมา พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่า แม้แต่ใช้พลังบวงสรวงกระดูกเข้าสนับสนุน จนพลังการโจมตีเพิ่มขึ้นขีดสุด ก็ยังแพ้อย่างย่อยยับปนปี้ได้เช่นนี้

  

“ตูม”

  

แสงอันเปล่งประกายของดาบกลืนโลหิตพุ่งสูงขึ้นฟ้าแผ่กระจายไปทั่วผืนดิน เบิกสวรรค์ เปิดพื้นพิภพ แสงนั้นเป็นสีแดงฉาน ราวกับแม่น้ำยาวสีโลหิต แสงนั้นพุ่งเข้าใส่ทั้งสองคนอย่างไร้ความปราณี

  

“ตูม”

  

แม้จะพยายามหลบอย่างสุดกำลัง แต่ก็ยังคงหนีไม่พ้น แขนข้างหนึ่งของยินหวูซวง ถูกพลังปราณของดาบกลืนโลหิตที่น่าสะพรึงกลัวเข้าไป จนแขนข้างนั้นกลายเป็นฝนโลติตไปทันที แม้แต่กระดูกก็ไม่มีเหลือ

  

ยินหวูซวงกรีดร้องเสียงแหลม ดาบนั้นไม่เพียงแต่ทำลายแขนของนางเท่านั้น ขณะเดียวกันอวัยวะภายในก็ถูกทำลายด้วย

  

ส่วนทางด้านหานเทียนเฟิงที่หลบไม่พ้นเช่นกัน ก็ถูกพลังดาบที่น่าหวาดกลัวนั้นฟันเข้าที่ต้นขา เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอย่างโหยหวน

 

ดาบกลืนโลหิตของหลงเฉินยังคงโจมตีไม่หยุด ในขณะนั้นเองดาบนั้นก็กลายเป็นเสมือนภูตผีที่ปรากฏขึ้นข้างกายยินหวูซวง ดาบนั้นฟันเข้าที่ลำคอของนาง

.

.

.

* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด