ตอนที่แล้วตอนที่ 403 ดวงตาในความมืดมิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 405 ภูเขาเข็มทิศ

ตอนที่ 404 นางจากไปเสียแล้ว


* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้หัวสมองของหลงเฉินว่างเปล่า ลมหายใจติดขัด สิ่งที่คิดจะกล่าวออกมาเลือนหายไปหมดสิ้น ---- นั่นเป็นใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติ แก้มใสขาวเนียนละเอียดราวกับหยกเนื้อดี ริมฝีปากรูปกระจับสีแดงระเรื่อ ช่างมีเสน่ห์สะดุดตาเหลือเกิน

ก่อนหน้านี้ได้เห็นเพียงครึ่งหน้าของเยว่เสี่ยวเฉียน หลงเฉินก็รู้สึกว่างดงามแล้ว ในตอนนี้เมื่อได้เห็นใบหน้างามทั้งหมด ก็ทำให้เขาถึงกับชะงักไป และอดไม่ได้ที่จะจ้องมองอย่างเผลอไผล ทุกอย่างเงียบงันจนได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น

เพราะก่อนหน้านี้มัวแต่จดจ่ออยู่กับสถาณการณ์ลุ้นระทึกที่เกิดขึ้น ทำให้ไม่ได้สังเกตใบหน้าของเยว่เสี่ยวเฉียน แต่ในตอนนี้เขาได้มองอย่างละเอียดแล้ว ความงามของนางจับใจจนทำให้เขาพูดไม่ออก

ถูกหลงเฉินจ้องมอง เยว่เสี่ยวเฉียนก็เกิดความรู้สึกขัดเขินอย่างหนัก รีบเบือนหน้าไปทางอื่น แก้มเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อ

  

“แค่กๆ ขอโทษที” หลงเฉินรีบบอกกลับไป พร้อมกับกระแอมไอแก้เก้อ

ความงามของเยว่เสี่ยวเฉียน มีเพียงม่งฉีที่สามารถเทียบได้ แต่ทว่าความงามของทั้งสองนั้น กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

  

ความงามของม่งฉีนั้น เป็นความงามล้ำราวกับเทพเซียนที่สามารถสะกดทุกผู้คนที่ได้พบเห็น ส่วนความงามของเยว่เสี่ยวเฉียนนั้น เป็นความงามล้ำที่ลึกลับ และเย้ายวน ที่สามารถสั่นคลอนไปทั้งหัวใจและจิตวิญญาณได้เลย

มองหน้าของนางแล้ว สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับตกลงไปในห้วงที่ลึกไม่มีสิ้นสุดได้ ความงามเช่นนี้เป็นความงามที่อันตรายยิ่งนัก และผู้ที่ได้พบเห็นก็ไม่อาจสัมผัสถึงอันตรายนี้ได้

  

ความงดงามที่แสนอันตรายของเยว่เสี่ยวเฉียน ทำให้นางคล้ายกับเป็นปีศาจผู้เลอโฉม แต่ทว่าดวงตาทั้งสองของนางนั้นกลับใสกระจ่างราวหยดน้ำ ช่างให้ความรู้สึกที่ขัดแย้งแต่ก็ยังคงลงตัวอย่างน่าประหลาด

หลงเฉินพบว่า ความงามของเยว่เสี่ยวเฉียนนั้นยากเกินกว่าที่เขาจะต้านทานได้

เยว่เสี่ยวเฉียนล้วงเอาผ้าคลุมหน้าออกมาปิดใบหน้างามนั้นไว้ดังเดิม มีเพียงตาทั้งคู่งามเท่านั้นที่ปรากฎออกมาให้เห็น “ท่านแม่เคยกล่าวกับข้าว่า ไม่ให้เปิดเผยใบหน้าให้ผู้ใดเห็น มันเป็นความผิดของข้าเอง เจ้าไม่ต้องขอโทษหรอก” เยว่เสี่ยวเฉียนเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา

ความงดงามระดับนี้สามารถสร้างภัยพิบัติได้เลย หลงเฉินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เขาจะหลงไหลในความงามนั้นไปแล้ว ในตอนนี้ภาพแห่งความประทับใจที่ได้เห็นหน้านางก็ฝึกลึกเข้าในความทรงจำของเขาแล้ว

ถ้าหากเยว่เสี่ยวเฉียนพลั้งเผลอทำหน้าคลุมหน้าหลุดระหว่างต่อสู้กับบุรุษสักคนหนึ่ง จะมีผู้ใดบ้างที่สามารถคงสติเอาไว้อยู่ ไม่ให้หลงไหลไปกับความงดงามเลอโฉมนั้น และหากแม้พวกเขาเสียสมาธิไปแค่ชั่วพริบตา พวกเขาก็อาจจะกลายเป็นศพได้ในทันที ช่างเป็นความงดงามที่น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง

  

“แม่ของเจ้าเป็นคนดีจริงๆ” หลงเฉินหัวเราะ

  

“เจ้ารู้ได้อย่างไร ท่านแม่ของข้าดีมากๆเลยล่ะ” เยว่เสี่ยวเฉียนตอบกลับโดยไม่ได้เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงที่หลงเฉินต้องการจะสื่อ เมื่อเห็นว่าหลงเฉินเอ่ยชมมารดาของตนก็ตอบกลับมาด้วยความตื่นเต้น

  

หลงเฉินยิ้มบางๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ รู้สึกว่าความเข้าใจในการสื่อสารนั้นไม่ตรงกัน หากเอ่ยอะไรต่อไปก็คงจะเปล่าประโยชน์

ตอนนี้พวกเขาช่วยกันจัดการกับซากของปีศาจสองปีกจนทั้งหมดจนเสร็จสิ้น ผลึกปีศาจก็ถูกเยว่เสี่ยวเฉียนเก็บใส่กระเป๋าจนหมด ที่นี่นอกจากลมปราณของปีศาจร้ายจะหายไปแล้ว พลังกดดันที่น่าหวาดกลัวก็หายไปด้วยเช่นเดียวกัน

 

คนทั้งสอง ในเวลานี้ก็รู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้า จนต้องหามุมพักผ่อนครู่หนึ่ง การต่อสู้ที่เนิ่นนานก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาสูญเสียพลังร่างกายอย่างมาก ผ่านมรสุมการสู้รบที่น่ากลัวมาหลายครั้ง แม้แต่พวกเขาที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ก็ยังรู้สึกว่าการสู้รบครั้งนี้หนักหนามากเกินไป

  

หลงเฉินที่ทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อที่จะได้รับการยอมรับจากเกล็ดย้อนของมังกร ก็สูญเสียพลังแห่งจิตวิญญาณไปมากโข หลังจากที่เขากินโอสถบำรุงรักษาไปหนึ่งเม็ด ก็ไม่สามารถครองสติเอาไว้ได้อีก เอนตัวกับกำแพงหินแล้วหลับไปในทันทีด้วยความเหนื่อยล้า

  

เยว่เสี่ยวเฉียนที่สภาพร่างกายดีกว่าหลงเฉินเพียงเล็กน้อย ก็พ่ายแพ้ให้แก่ความอ่อนเพลียจากการสูญเสียพลังเช่นกัน นางเอนตัวซบที่บ่าของหลงเฉินและผล็อยหลับไป

  

ห้วงนิทรานี้ของเขาช่างหอมหวานนัก ในช่วงเวลาที่กำลังสะลึมสะลือกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น หลงเฉินก็รู้สึกถึงมือคู่หนึ่งสัมผัสกับแก้มของเขาเบาๆ จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอ่อนหวานพึมพำแผ่วเบา นั่นทำให้เขารู้สึกราวกับล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆ

ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ เมื่อหลงเฉินตื่นลืมตาขึ้น ภาพบรรยากาศตรงหน้าก็ยังคงเป็นหุบเหวปีศาจ ทว่ากลับไม่เห็นเยว่เสี่ยวเฉียนแล้ว

“เสี่ยวเฉียน”

  

หลงเฉินรีบลุกขึ้น พร้อมร้องเรียกเสียงเบา ทว่ารอบข้างนั้นกลับไม่มีเสียงใดใด เขาวิ่งไปข้างหน้าสองสามก้าว กวาดตาไปโดยรอบเพื่อหานาง ทว่าก็ไม่พบ ทันใดนั้นเองสายตาของหลงเฉินก็ สบเข้ากับอะไรบางอย่างบนพื้นดิน ข้างหน้านั้นไม่ไกลจากจุดที่เขาหลับไป มีกระดูกรูปร่างประหลาดอยู่แปดชิ้น บนกระดูกนั้นถูกสลักไว้ด้วยลวดลายพิเศษที่เขาไม่รู้จัก กระดูกเหล่านั้นให้ความรู้สึกเก่าแก่โบราณเป็นอย่างมาก และมีพลังกดดันที่แปลกประหลาดแผ่ซ่านไปทั่ว พวกมันถูกจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ เรียงกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่มีความยาวหนึ่งจั้ง

“พลังมิติ”

  

หลงเฉินสัมผัสได้ถึงมิติที่บิดเบี้ยวไปในทันทีเมื่อกระดูกเหล่านั้นหายวับไป นี่คล้ายกับตอนที่อุปกรณ์เคลื่อนย้ายถูกใช้งานไม่มีผิด

  

“ดูเหมือนว่านางจะออกจากขอบเขตลับนี้ไปแล้ว”

  

หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ก่อนหน้านี้เยว่เสี่ยวเฉียนก็เคยเปิดเผยออกมาครั้งหนึ่งแล้วว่า นางไม่จำเป็นต้องรอให้ทางออกขอบเขตแดนลับนพเก้าเปิดออก ก็สามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้

  

ตอนนั้นหลงเฉินเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่ในตอนนี้เขาเมื่อได้เห็นกระดูกเหล่านี้ ก็ทราบได้ว่าเยว่เสี่ยวเฉียนได้ใช้วิธีลับของนาง ออกไปจากที่นี่แล้ว

  

ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด การจากไปของเยว่เสี่ยวเฉียนนั้นทำให้หลงเฉินรู้สึกผิดหวังและรู้สึกขุ่นมัว ราวกับว่าเขาได้สูญเสียสิ่งสำคัญบางสิ่งไป

  

“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก็เป็นเพื่อนกัน หนีออกไปเช่นนี้ ไม่ถือว่าทำเกินไปหน่อยหรือ?!”

คนนั้นได้จากไปแล้ว ทว่าบนร่างกายของหลงเฉินยังมีกลิ่นของนางหลงเหลืออยู่ หลงเฉินรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดราวกับเป็นเพียงความฝันที่สวยงาม

  

“ฟึบ”

  

เกล็ดแผ่นหนึ่งปรากฎบนฝ่ามือของหลงเฉิน สาดประกายสีเขียวมันวาว ในเวลาเดียวกันก็ส่งพลังกดดันแห่งมังกรออกมา

  

“ไม่ใช่ความฝัน”

หลงเฉินถอนหายใจออกมา ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง หลงเฉินลูบที่แขนของตัวเองก็พบรอยประทับรูปจันทร์ครึ่งเสี้ยว ยาวประมาณหนุ่งชุ่น แม้ว่าจะเป็นเพียงรูปธรรมดา แต่กลับทำให้คนรู้สึกสดใส ราวกับเป็นดวงจันทร์จริงๆ

“หรือนี่เป็นสิ่งที่นางทิ้งไว้ให้ข้า?”

  

รอยประทับนี้ เหมือนกับเป็นรอยปานที่ติดอยู่ภายในผิวหนัง ไม่สามารถจะขัดถูเพื่อลบออกได้ หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มเหยเก

  

ยัยเด็กน้อย ทำอะไรก็ไม่รู้ แต่ก็ยังดี ไม่เอารอยประทับนี้มาไว้บนหน้าของข้า ไม่อย่างนั้นข้าคงขำไม่ออกแน่

หลงเฉินลูบรอบประทับจันทร์เสี้ยวบนแขนเบาๆ ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาด มันราวกับว่าเขาเห็นใบหน้าที่งดงามกระชากวิญญาณนั้นอีกครั้ง

  

“ข้าเองก็ควรจะไปได้แล้ว”

  

หลงเฉินถอนหายใจออกมา แม้ว่าแรงกดดันจะอ่อนกำลังลงไปมากแล้ว แต่ภายในหุบเหวปีศาจก็ยังคงให้ความรู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างอยู่ รวมไปถึงความวังเวงอันน่าหวาดหวั่น หลงเฉินปีนออกมาจากเหวลึก ยืนอยู่ปากขอบของหุบเหว เหม่อมองออกไปแสนไกล เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

  

เขาเอาเรื่องของเยว่เสี่ยวเฉียนวางไว้ก่อน ตอนนี้นางจากไปแล้ว ก็คงได้แต่ปล่อยให้นางไป จะเร็วหรือจะช้า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแยกย้ายกันอยู่ดี

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สื่อสารกับเกล็ดมังกร แม้ว่ามันจะไม่ได้ปฎิเสธข้าแล้ว แต่ทว่าหากจะใช้มัน ก็ต้องเลี้ยงดูมันและสื่อสารกับมันให้มากๆ หลงเฉินบอกกับตนเองในใจ

เขาเสาะหาสถานใกล้ๆ ที่เหมาะสม นั่งลง จากนั้นเริ่มหลับตา การหลับตาครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อฝึกยุทธ์ แต่ต้องการจะปล่อยใจให้นิ่งสงบเพื่อสื่อสารกับเกล็ดมังกรนั้น

เกล็ดย้อนของมังกรนั้น ในตอนนี้แม้จะผสานเข้ากับร่างกายของหลงเฉินแล้ว ทว่าเขาก็ยังไม่ทราบว่าจะใช้งานมันได้อย่างไร ที่ควรจะทำก่อนในตอนนี้ ก็คงจะเป็น การศึกษานิสัยใจคอของมันให้คุ้นชินและถ่องแท้เสียก่อน

  

ทว่าเกล็ดมังกรนี้ไม่มีชีวิต นอกจากพึ่งพลังมังกรและความมุ่งมั่น หลงเฉินเองก็ไม่ทราบว่ามันใช้งานอย่างไร

  

และที่หลงเฉินคาดไม่ถึงเลยก็คือ เขาต้องใช้เวลาอยู่สองเดือนเต็มๆกว่าจะเข้าใจความสามารถของเกล็ดย้อนของมังกรนั้นได้!

  

แม้ว่าจะยังไม่ได้เข้าใจทั้งหมด แต่หลงเฉินก็ไม่มีเวลามากพอที่จะเสียเวลาไปกับสิ่งนี้แล้ว หากนับเวลา ตั้งแต่เข้ามาในขอบเขตแดนลับนี้ ก็ผ่านมาเป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้ว

  

หากนับตั้งแต่การต่อสู้กับหยินหลอครั้งล่าสุด เขาก็เสียเวลาไปแล้วกว่าสามเดือน ตอนนี้หลงเฉินเชื่อว่าหยินหลอน่าจะเข้าสู่ขอบเขตปรือกระดูกไปเรียบร้อยแล้ว

ในขอบเขตแดนลับนพเก้า โอกาสและวาสนานั้นมีอยู่นับไม่ถ้วน คนที่ได้รับโอกาสก็ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเขาเองผู้เดียว ผู้อื่นจะมีโอกาสรับโชควาสนามากน้อยเพียงใดไม่อาจล่วงรู้ได้ บางคนอาจจะได้รับสมบัติล้ำค่า ที่เป็นสมบัติแห่งสวรรค์เลยก็ได้

สิ่งเหล่านี้ไม่น่าใส่ใจนัก แต่สิ่งที่หลงเฉินกังวลคือความปลอดภัยของผู้คน เขาอยากจะออกไปดูว่า ในระยะเวลาสามเดือนที่ไม่ได้ออกมาพบปะผู้คนนั้น ไม่ทราบว่าสถานะการณ์ข้างนอกตอนนี้เป็นเช่นไรบ้างแล้ว

  

ในช่วงเวลาที่พยายามสื่อสารกับเกล็ดมังกรอยู่นั้น หลงเฉินก็ได้เลื่อนระดับไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว ในตอนนี้เขาสามารถเข้าถึงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นขึ้นที่สี่แล้ว

  

ทว่าขอบเขตแดนลับนพเก้านั้นมีพลังแห่งจิตวิญญาณที่หนาแน่น เกรงว่าเหล่ายอดฝีมือที่เข้ามายังที่แห่งนี้จะสามารถเลื่อนระดับถึงขอบเขนปรือกระดูกกันหมดแล้ว ส่วนคนที่อยู่เพียงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น นอกจากคนที่ตายไปแล้วก็คงจะมีเพียงเขาผู้เดียวแล้ว!

  

เนื่องจากยอดฝีมือจำนวนมาก ที่ได้เข้ามาในขอบเขตแดนลับ ก็ล้วนอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นกันแล้ว เมื่อพวกเขาเข้ามาในขอบเขตแดนลับสิ่งแรกที่ทำคือ ให้ความสำคัญกับการทะลวงพลังข้ามขอบเขต หลังจากนั้นจึงจะไปเสาะหาวาสนา ตามหาโอกาส ที่อยู่ตามที่ต่างๆ ทำเช่นนี้ จึงจะช่วยให้โอกาสในการรอดชีวิตมีสูงขึ้น

แต่ทว่าในระหว่างที่ผู้คนมากมายกำลังให้ความสนใจกับการทะลวงพลังกันอยู่นั้น ก็มีบางคนที่ใช้โอกาสนี้ในการเเสวงหาโชควาสนาให้มากที่สุด เพื่อให้ได้พบเจอและฉกฉวยเอาวาสนาอันยิ่งใหญ่ได้ก่อนผู้ใด แต่กระนั้นแผนการเช่นนี้ดูเหมือนจะคิดน้อยเกินไป

เพราะเมื่อผู้อื่นทะลวงพลังเข้าสู้ขอบเขตปรือกระดูกได้หมดแล้ว ก็จะหันมาไล่ฆ่าเพื่อชิงสมบัติ

ไม่ต้องคิดใคร่ครวญให้มาก หลงเฉินก็สามารถเดาได้ว่า ในช่วงเวลาสองเดือนสุดท้าย ภายในขอบเขตแดนลับนพเก้า จะต้องมีการนองเลือดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าจะมียอดฝีมือมากมายเท่าไหร่ ที่จะกลายเป็นกระดูกที่ถูกฝังอยู่ที่นี่

ในตอนนี้ช่วงเวลาที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไปแล้ว คนที่อ่อนแอก็ถูกสังหารไปมากมาย ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ล้วนเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง ในตอนนี้ทั้งขอบเขตแดนลับได้เข้าสู่เวลาแห่งสันติภาพแล้ว

  

เพราะที่เหลืออยู่นั้นล้วนเป็นผู้มีฝีมือ โอกาสที่จะฆ่าเพื่อชิงสมบัติให้ได้ในตอนนี้นั้นมีไม่มาก หากคิดไล่ชิงสมบัติในตอนนี้ก็คงเสียเเรงเปล่า สู้เอาเวลาไปฝึกฝนพลังแห่งจิตวิญญาณเพื่อให้เหมาะกับร่างกายหลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตใหม่ของพวกเขายังจะดีเสียกว่า

  

หลังจากที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตปรือกระดูกแล้ว ก็จำเป็นต้องฝึกกระดูกของตนเองหรือที่เรียกว่าบวงสรวงกระดูก ยิ่งฝึกมาก ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น

ในขอบเขตทั้งห้านั้น ขอบเขตปรือกระดูกเป็นขอบเขตที่จะสามารถเห็นความเเตกต่างของพลังภายในขอบเขตเดียวกันได้มากที่สุด เเม้จะอยู่ขอบเขตปรือกระดูกเช่นเดียวกัน แต่ถ้าฝึกปรือฝีมือไม่ดีก็จะทำให้มีความห่างชั้นกับคนอื่นๆอย่างมาก หากจะกล่าวไปแล้วก็คือ ในร่างกายคนเรามีกระดูกอยู่หลายชิ้น จึงทำให้ต้องการการฝึกฝนสูง จึงจะสามารถบวงสรวงกระดูกทั้งหมดได้

  

กว่าจะถึงเวลาที่ขอบเขตแดนลับนั้น เปิดออกอีกครั้งก็ต้องใช้เวลาอีกช่วงหนึ่ง จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ก่อนที่ขอบเขตแดนลับนพเก้าจะเปิด ฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรมก็จะเข้าร่วมสงครามครั้งใหญ่กันครั้งหนึ่ง

  

แม้ว่าปากทางเข้าของขอบเขตลับนพเก้านั้นจะอยู่มากมายนับไม่ถ้วน แต่ทางออกนั้นกลับมีแค่เพียงทางเดียว ซึ่งอยู่บริเวณจุดศูนย์กลางของเขตแดนลับ

ที่ตรงนั้นมีภูเขาใหญ่อยู่ลูกหนึ่ง ซึ่งถูกเรียกว่าหุบเขาตัดสินความตาย ในตอนที่ขอบเขตแดนลับเปิดออกนั้น ด้านหน้าของหุบเขาตัดสินความตาย ก็จะปรากฎประตูมิติขึ้นมา เพียงแค่เปิดใช้งานแผ่นป้ายพิเศษส่วนบุคคล พวกเขาก็จะสามารถถูกส่งผ่านเข้าไปในประตูโดยอัตโนมัติ

  

ดังนั้นยอดฝีมือทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมจึงจะไปรวมตัวกันอยู่ที่หน้าประตูทางออก เพราะประตูมิติที่เป็นทางออกนั้น จะเปิดออกเพียงแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น หากออกไปไม่ทันก็จะต้องติดอยู่ในขอบเขตแดนลับตลอดกาล

ดังนั้นยอดฝีมือของฝ่ายธรรมะและอธรรมล้วนต้องเดินทางไปให้ถึงยังหุบเขาตัดสินความตายนั้นล่วงหน้า และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันของทั้งสองฝ่ายไม่ได้ ทุกหนึ่งร้อยปีที่ขอบเขตแดนลับนพเก้าเปิด ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่ยอดฝีมือทั้งหลายจะออกจากเขตแดนลับ จะมีการปะทะกันอย่างรุนแรงของยอดฝีมือที่แข็งแกร่งจากทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมเกิดขึ้น นี่ถือเป็นการต่อสู้ถึงเลือดถึงเนื้อสนามหนึ่งเลยก็ว่าได้

ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด คือพวกผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ ในการต่อสู้เช่นนี้ โอกาสที่ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศจะถูกสังหารไปมีน้อยมาก คนที่ตายไปโดยส่วนมากจะเป็นพวกผู้อยู่เหนือขอบเขตหรือต่ำกว่า

  

และเหล่าคนที่ถูกฆ่า สมบัติที่อยู่ในแหวนมิติของพวกเขาก็ตกเป็นของพวกยอดฝีมือที่เป็นผู้สังหารเหล่านั้น

และเหตุผลที่ยอดฝีมือระดับสูง มักจะไม่ค่อยมุ่งเป้าหมายไปที่ผู้ที่อ่อนแอกว่าตั้งแต่แรกเริ่ม ก็เพราะว่าพวกเขาจะรอให้ถึงศึกสุดท้าย แล้วค่อยสังหารทั้งศตรูและไล่ฆ่าชิงสมบัติไปในคราวเดียว อีกทางหนึ่ง การทำเช่นนี้ก็สามารถเพิ่มชื่อเสียงของตัวเองด้วย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัวเลยก็ว่าได้

ดังนั้นแล้ว ในช่วงเวลาแห่งการรอคอยนี้ ในขอบเขตเเดนลับจึงสงบมากเป็นพิเศษ ยอดฝีมือส่วนมากจะเน้นการฝึกฝนทะลวงพลัง พยายามเพิ่มความเเข็งเเกร่งให้มากที่สุด และส่วนมากจะไม่เน้นการไล่ล่าอีกต่อไป เเต่จะเน้นการป้องกันตัวในช่วงนี้แทน

มีเพียงแค่ยอดฝีมือที่มั่นใจในทักษะและพลังฝีมือของตนเองเท่านั้นที่ จะยังคงเดินทางไปทั่วทุกสารทิศ เพื่อเสาะหาโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่

หลงเฉินเดินทางออกมาจากหุบเหวได้สามวัน ก็พบเจอยอดฝีมือสองคนดักซุ่มทำร้ายอยู่ระหว่างทางเสียแล้ว

.

.

.

* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด