ตอนที่แล้วตอนที่ 286 นางมารลิ้นอสรพิษ (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 288 โอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็น (ฟรี)

ตอนที่ 287 จะเล่นเจ้าจนตาย (ฟรี)


* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

ในเวลานี้ต่อให้เป็นบุคคลระดับเจ้าสำนักมาเอง ก็ใช่ว่าจะสามารถทำให้ทุกคนสงบลงได้ภายในพริบตา

ถึงจะเป็นเพียงแค่เสียง แต่ก็เป็นเพราะเสียงของหลงเฉิน ที่ถือได้ว่าเป็นเสมือนบุคคลที่เป็นดั่งเทพในใจของพวกเขา

เมื่อได้ยินเสียงของหลงเฉินดังขึ้นทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะยินดี แม้กระทั่งโทสะเมื่อครู่นี้ก็แทบจะลืมเลือนไป ทั้งหมดต่างก็ได้ถอยกลับมา

หลงเฉินค่อยๆเดินออกมา แล้วหันไปแสดงกิริยาอย่างเปี่ยมมารยาทไปยังทางด้านของถู่ฟาง “ผู้อาวุโสถู่ฟาง ที่นี่มอบให้ข้าจัดการเถอะ”

เมื่อเห็นหลงเฉินมาถึง ถู่ฟางเองก็ผ่อนคลายลงไปได้เปราะหนึ่ง คล้ายกับว่าเมื่อมีหลงเฉินอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรต่างก็สามารถที่จะสะสางไปได้

“ได้ เช่นนั้นก็มอบให้แก่เจ้า หลงเฉินเจ้าอย่าได้เกรงกลัวไป ยังไงเสียก็ยังมีเจ้าสำนักคอยสนับสนุนอยู่อย่างแน่นอน”

ความหมายของถู่ฟางชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่จะทำให้หลงเฉินคลายกังวลต่อโล่วปิงผู้นั้น หากนางกล้าที่จะลงมือ ตัวเขาก็ย่อมมีเจ้าสำนักคอยหนุนหลังอยู่แล้ว

“เจ้าคือหลงเฉินงั้นหรือ ?” โล่วปิงมองไปทางหลงเฉินพร้อมกับกล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

หลงเฉินไม่ได้สนใจใยดี แต่กลับหันไปชี้ทางกัวหรานที่อยู่ภายในกลุ่ม กัวหรานติดตามหลงเฉินมานานถึงเพียงนี้ เพียงแค่แววตาของหลงเฉิน เขามีหรือจะไม่ทราบว่าหลงเฉินคิดอะไร

หลงเฉินเดินเข้ามา เขาเอาเก้าอี้ตัวหรูหราที่อยู่ภายในแหวนมิติออกมา จากนั้นก็นั่งลงไปอยู่บนเก้าอี้

เมื่อหลงเฉินนั่งลง กัวหรานก็เอาร่มคันโตออกมาและเสียบลงไปกับบนช่องว่างของเก้าอี้ จึงบดบังแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาได้พอดิบพอดี

หลงเฉินนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ กัวหรานก็ได้ยื่นแก้วมาที่ข้างหน้าเขา แก้วใบนั้นมีกลิ่นอันหอมหวนที่แรงกล้าขุมหนึ่งโชยออกมา จนผู้คนทั่วทั้งบริเวณต่างก็สูดกลิ่นกันได้

“น้ำผึ้งบริสุทธิ์ราชีนีหยก”

โล่วปิงเองก็เริ่มหน้าเปลี่ยนสี ชนชั้นก่อโลหิตที่ไม่ต่างอะไรไปจากผักปลา แต่นี่ถึงกับสามารถครอบครองน้ำผึ้งบริสุทธิ์ราชีนีหยกมาได้ ยิ่งได้มองดูท่าทางที่เหมือนกับใช้ราชินีน้ำผึ้งมาดื่มแทนชา

หลงเฉินจิบแก้วที่มีน้ำผึ้งอยู่ด้วยท่วงท่าที่อ่อนช้อย พอดื่มไปจนหมด กัวหรานก็ได้ยื่นผ้าผืนสีขาวผืนหนึ่งเข้ามาให้ หลงเฉินเองก็ได้เช็ดไปที่ปากเบาๆ

ผู้คนทั่วทั้งหมู่ตึกไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรือว่าจะเป็นระดับผู้อาวุโส ต่างก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง ถังหว่านเอ๋อ มองไปทางหลงเฉินกับกัวหรานที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย อดไม่ได้ที่จะกลั่นเสียงหัวเราะเอาไว้ ตัวบัดซบผู้นี้ เริ่มที่จะทำเรื่องเลวร้ายขึ้นมาอีกแล้ว

ใบหน้าของกัวหรานเปี่ยมไปด้วยความเคารพยกย่อง ภายในจิตใจก็เบ่งบานขึ้นมาดุจดอกไม้บานสะพรั่ง ในยามที่พึ่งจะรู้จักกับหลงเฉิน เขาก็เชื่อมั่นอยู่แล้วว่าหลงเฉินจะต้องเป็นบุคคลที่สุดยอดมากที่สุดแน่นอน

เขายังคิดว่าบุคคลที่สุดยอดที่สุด ย่อมต้องมีความสามารถที่มากมายหลากหลายเช่นกัน หลังจากนั้นจึงได้วางแผนเช่นนี้ขึ้นมา

แต่หลงเฉินต่อให้ถูกทุบตีจนตายก็ไม่ยอมทำ ไม่ว่ากัวหรานจะแนะนำอย่างไร หลงเฉินก็ไม่ยินยอม

ทำให้กัวหรานหดหู่ที่สุด ทว่าหดหู่ก็ส่วนหดหู่ เขาทราบว่าจะช้าจะเร็วย่อมต้องมีสักวัน ที่พี่ใหญ่จะเข้าใจถึงความสำคัญของการกระทำเช่นนี้ได้

ดังนั้นอุปกรณ์เหล่านี้จึงได้ถูกตระเตรียมไว้มาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อครู่หลงเฉินได้เข้ามาสะกิด เขาก็ได้ทอแววตาเป็นประกายขึ้นมาในบัดดล พร้อมทั้งยังยอมลงทุนที่จะเล่นไม้นี้ที่กัวหรานเป็นคนวางแผนเอาไว้อีกด้วย

สายตาที่เหมือนกับพบเห็นสิ่งที่น่าสนุกกำลังจะเกิดขึ้น กัวหรานจึงทุ่มเททั้งกายทั้งใจ แสดงในส่วนของตนเองออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ผู้อื่นได้รับชมกัน อีกทั้งยังราบรื่นจนเป็นธรรมชาติ

ทั่วทั้งสนามต่างก็เงียบกริบ คนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหก ได้มองดูด้วยแววตาโง่งมขึ้นมา นี้กำลังทำอะไรกัน ? เด็กน้อยผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นผู้ใดกัน ? ถึงได้มาทำเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้

เมื่อเช็ดปากเสร็จแล้ว หลงเฉินก็ได้ค่อยๆยื่นผ้าผืนนั้นส่งคืนให้แก่กัวหราน แล้วก็ได้กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉยชาขึ้นว่า “คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นผู้ใดกัน ? สมองมีปัญหาหรือยังไงกัน เห็นๆกันอยู่แล้วว่าข้านั้นคือหลงเฉิน ยังจะมาถามอีก”

กัวหราน : “คาดว่าน่าจะเป็นโรคอะไรบางอย่าง”

หลงเฉิน : “ทราบหรือไม่ว่าเป็นโรคอะไรอย่างงั้นหรือ ?”

กัวหราน : “ดูเหมือนจะเป็นโรคสติฟั่นเฟือน”

หลงเฉิน : “โรคสติฟั่นเฟือน สมควรที่จะถูกจับขังเอาไว้มิใช่หรือ มิเช่นนั้นก็จะออกมาวิ่งเล่นเพ่นพ่านไปทั่ว เที่ยวไล่กัดผู้คนได้อีก ?”

กัวหราน : “คาดว่าคงเป็นเพราะเจ้าของดูแลได้ไม่ดี !”

หลงเฉินถอนหายใจแล้วกล่าวออกมาว่า “อาจจะใช้โอกาสตอนเจ้าของไม่ทันสังเกต แล้วหนีออกมา หรืออาจเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะยังดีอยู่ก็เป็นได้”

กัวหรานส่ายหน้า “คล้ายกับมิได้เป็นเช่นนั้น ดูไปแล้วกลับคล้ายสิ่งที่ใช้ไว้เซ่นสังเวยมากกว่า”

ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงตะโกนดังกังวานขึ้นมา ตัดบทสทนาของทั้งสองคนเอาไว้

“เจ้าเด็กน้อยทั้งสอง พวกเจ้าอยากตายหรือไง ?”

ในที่สุดโล่วปิงก็มีปฏิกิริยากลับคืนมา เด็กน้อยทั้งสองนี้ กำลังด่าทอตนเองอยู่ อดไม่ได้ที่จะมีโทสะจนใบหน้าเขียวคล้ำขึ้นมาแล้ว

เหล่าลูกศิษย์ของทางหมู่ตึกต่างก็โง่งมกันขึ้นมา พวกเขาต่างก็ทราบกัน ว่าโล่วปิงสามารถที่จะไล่กัดผู้คนได้โดยที่ไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว อีกต่อให้มีคนคอยดูแลก็ยังไม่มียกเว้น

ทั่วทั้งสาขาหลัก รวมไปจนถึงหมู่ตึกที่รั้งอยู่นอกเหนือไปจากอันดับที่ห้าสิบ ต่อให้เป็นชนชั้นระดับเจ้าสำนัก เมื่อได้พบเจอนางต่างก็ต้องปวดเศียรเวียนเกล้า จึงพยายามที่จะหลบหน้าให้ไกลเสียดีกว่า

ยอดฝีมือชั้นผู้อาวุโส โดยทั่วไปหากพบเจอนางต่างก็คิดว่าโชคร้ายล้ว แต่ขณะนี้กลับต้องมาถูกฉีกหน้าไปเสียเอง

ถังหว่านเอ๋อพยายามข่มอารมณ์ขันเอาไว้ ตัวบัดซบผู้นี้ร้ายกาจที่สุดในการยั่วโมโหผู้คนอยู่แล้ว แทบเรียกได้ว่าสามารถทำให้คนโมโหจนตายได้เลยทีเดียว

บรรดาศิษย์ที่อยู่ทางด้านหลังของหลงเฉิน ต่างก็ทอสีหน้าเลื่อมใสมองไปทางหลงเฉิน นี้จึงถือเป็นแบบอย่างที่เป็นเป้าหมายในใจของพวกเขาแล้ว

ไม่ได้สนเลยว่าเจ้าจะจัดอยู่ในลำดับที่สามสิบหกหรือจะเป็นหกสิบสาม ไม่ว่าเจ้าจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้าหรือไม่ก็ไม่ได้สนใจ

หลงเฉินยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย การเล่นละครเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลยทีเดียว อย่างน้อยก็สามารถทำตัวสูงส่ง ทำเป็นไม่เห็นโล่วปิงอยู่ในสายตา จนทำให้เกิดโทสะจนแทบระเบิดออกได้เลยทีเดียว เป็นการระบายความเกลียดชังที่ทำให้สบายขึ้นมาได้ดีจริงๆ

“เจ้ากล่าวหาศิษย์ของทางหมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดเป็นสุกร เช่นนั้นข้าขอถามเจ้า แล้วเจ้าเป็นตัวอะไรกัน ?” หลงเฉินมองไปที่โล่วปิงแล้วกล่าว

“เหอะ เจ้าเป็นแค่เจ้าหนูขนเหลืองที่มีขอบเขตก่อโลหิตตัวน้อยๆเพียงคนเดียว ไม่คู่ควรที่จะมาถามคำถามกับข้า” โล่วปิงยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าว

“อ๋อ ? เป็นเช่นนี้งั้นหรือ ? เช่นนั้นทำไมเจ้ายังไม่ไสหัวไปอีก จะมัวยืนอยู่ในที่แห่งนี้ไปทำไมกัน ?”หลงเฉินกล่าวขึ้นมาคล้ายกับไม่เข้าใจ

เห็นได้ชัดว่าโล่วปิงไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับหลงเฉิน นางเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้าผู้หนึ่ง ทั้งยังจัดอยู่ในชนชั้นเดียวกับระดับเจ้าสำนัก

เดิมทีกำลังสนทนากับถู่ฟางอยู่ ก็แทบจะสูญเสียภาพไปแล้ว ในเวลานี้กลับต้องมาสนทนากับหลงเฉิน ยิ่งสูญเสียตัวตนมากกว่าเดิมทีเดียว

ที่น่าโมโหที่สุดก็คือ หลงเฉินที่ยังคงนั่งอยู่ นางกลับยืนขึ้นมา นางที่สามารถนั่งอยู่ กลับไม่อาจที่จะนั่งต่อไปได้ ก็เป็นเหมือนเป็นการยอมรับว่านางไม่มีคุณสมบัติพอที่จะนั่งคุยกับหลงเฉินได้แล้ว

เมื่อไม่สามารถทนนั่งอยู่ได้ จึงได้ทำให้โล่วปิงใบหน้าเขียวคล้ำขึ้นมา แล้วก็หันไปกล่าวต่อถู่ฟางว่า “หมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดพวกเจ้าไม่มีคนอีกแล้วหรือยังไงกัน ถึงได้ส่งเจ้าหนูขนเหลืองมาสนทนากับข้า หมายความว่ายังไง ?”

ถู่ฟางหัวเราะเย็นชาแล้วกล่าว “หลงเฉินถือเป็นตัวแทนของศิษย์ทางหมู่ตึก ทั้งยังถือได้ว่าเป็นผู้บัญชาการในศึกครั้งใหญ่ธรรมะอธรรมครั้งที่ผ่านมาอีกด้วย

ทั้งยังใช้กำลังเพียงคนเดียวนำพาศิษย์ฝ่ายธรรมะ เข้ารับศึกจากศิษย์ของฝ่ายอธรรมที่มีมากกว่าหลายเท่าตัว และสามารถนำชัยชนะกลับมาได้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นยังได้หยิบยืมพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ทำการสังหารผู้อยู่เหนือขอบเขตไปคนหนึ่ง แล้วยังผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมขอบเขตปรือกระดูกแปดบวงสรวง แล้วยัง……”

“ช่างเถอะ วาจาคุยโวโอ้อวดเหล่านั้น เก็บไว้ให้พวกเจ้าเล่าเองก็แล้วกันเถอะ ข้าไม่ได้สนใจ” โล่วปิงกล่าววาจาตัดบทถู่ฟาง

“หากไม่อยากฟัง เจ้าก็ไสหัวไปได้แล้ว หลงเฉินสามารถที่จะเป็นตัวแทนของทั้งหมู่ตึกเลยทีเดียว”ถู่ฟางยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าว

เมื่อครู่หลงเฉินได้ใช้วิธีที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบในการเล่นละคร เพียงแค่พริบตาเดียวก็ถึงกับทำให้โล่วปิงเกิดโทสะขึ้นมาจนแทบจะบ้าคลั่ง

สิ่งนี้ทำให้ถู่ฟางพอใจเป็นอย่างยิ่ง ตลอดชีวิตของเขายังไม่เคยพอใจได้เหมือนวันนี้มาก่อนเลย ในเมื่อคิดที่จะฉีกหน้ากันอยู่แล้ว ถู่ฟางเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจอะไร

โล่วปิงเกรี้ยวกราดจนใบหน้าแดงคล้ำ การที่เป็นยอดฝีมือระดับขั้นก่อฟ้า ต้องถูกผู้คนขับไล่ไสส่งติดต่อกัน ทำให้นางแทบจะคลั่งตายได้เลยทีเดียว

“หลิงหวินจื่อ หมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดพวกเจ้า รับแขกกันเช่นนี้หรือยังไง ?”

โล่วปิงกล่าวขึ้นมาด้วยโทสะ ทว่าเสียงของนางในครั้งนี้ราวกับดังลั่นมาจากสวรรค์ชั้นที่เก้าเลยทีเดียว ทั่วทั้งท้องฟ้าก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นมา ถึงกับได้ยินกันโดยรอบบริเวณหลายพันลี้อย่างชัดเจน

โล่วปิงโทสะเดือดพร่านขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังหมายที่จะบีบให้หลิงหวินจื่อปรากฏตัวออกมา เพราะนางต้องการที่จะสนทนากับบุคคลในระดับเดียวกันกับนาง

“เจ้าเป็นแขกอย่างงั้นหรือ ? หลงเฉินเป็นตัวแทนของทั้งหมู่ตึก วาจาของเขาก็เหมือนกับวาจาของข้าเช่นเดียวกัน หากไม่คิดที่จะฟังก็ไสหัวไป”

เสียงของหลิงหวินจื่อดังขึ้นมากระทบโสตประสาทของทุกคน ทำให้ศิษย์ของทางหมู่ตึกเกิดความฮึกเหิมขึ้นมาได้ไม่น้อย เมื่อมีการสนับสนุนจากเจ้าสำนัก นั่นก็ถือได้ว่าเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว

“เจ้า……”

โล่วปิงทอสีหน้าด้านชาขึ้นมา ที่ผ่านมานี้มีแต่นางเป็นฝ่ายจัดการผู้อื่น นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้รับความรู้สึกที่ไม่ต่างอะไรไปจากอากาศธาตุ

เมื่อคิดได้ว่าตนเองมีหน้าที่ต้องกระทำ ก็ทนข่มกลั้นโทสะเอาไว้ กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ได้ หลงเฉินข้าจะสนทนากับเจ้าเอง”

“แม่มดเฒ่าไร้ยางอายอย่างเจ้า แก่ชราถึงเพียงนั้น ทั้งยังน่าเกลียดน่าชังถึงเพียงนี้ ยังคิดที่จะมาสนทนากับพี่ใหญ่ของพวกเราอีกอย่างงั้นหรือ ? มันมากเกินไปแล้วกระมัง !” หลงเฉินยังไม่ทันจะตอบกลับไป กัวหรานก็ได้ลุกขึ้นมาพร้อมกับกล่าวขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ พร้อมทั้งชี้หน้าด่าทอโล่วปัง

“พรวด”

หลงเฉินที่กำลังดื่มน้ำผึ้งอยู่นั้น ถึงกับสำลักเลยทีเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว น้ำผึ้งก็ได้ไหลเข้าไปภายในจมูก ยากที่จะทนทานได้ ถึงกับน้ำหูน้ำตาไหลออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

“กัวหราน”หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด

“พี่ใหญ่ท่านโปรดวางใจ พวกเราจะคุ้มกันท่านเอง จะไม่ปล่อยให้แม่มดเฒ่าผู้นี้มาทำให้ท่านเกิดมลทินอย่างแน่นอน” กัวหรานทำหน้าจริงจังแล้วก็ตบไปที่หน้าอกก่อนกล่าวออกมา

หลงเฉินเกิดโทสะจนแทบอยากจะเตะเขาให้ตายคาฝ่าเท้า ที่เจ้ามีโทสะต่อแม่มดเฒ่านั้นยังไม่เท่าไหร่ แต่เจ้าได้มาดึงพี่ใหญ่ของเจ้าลงหลุมไปด้วยได้อย่างไรกัน

“พวกเจ้าหาที่ตายซะแล้ว”

ใบหน้าโล่วปิงได้ปรากฏรังสีฆ่าฟันขึ้นมา นางชิงชังผู้เรียกขานนางว่าแม่มดเฒ่าเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทั้งต่อหน้าหรือลับหลัง ไม่ว่าผู้ใดเรียกขานนางเช่นนั้นต่างก็ต้องตายโดยทั้งสิ้น

โทสะก่อนหน้านี้ กับรังสีสังหารที่โล่วปิงแสดงออกมาในขณะนี้ พร้อมอยู่ในสภาวะที่จะสังหารผู้คนได้เลยทีเดียว เพียงแค่ครู่เดียวก็ได้ทำให้หลงเฉินแตกตื่นขึ้นมา

“บอกมาเถอะ พวกเจ้าต้องการยังไงกันแน่ ?” หลงเฉินรีบตัดบทเพื่อเข้าหัวข้อหลัก

โล่วปิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถ้าหากมิใช่รับคำสั่งมา นางก็คงจะอดทนเอาไว้ไม่อยู่ จนต้องฟาดทั้งสองคนให้ตายคาที่ไปแล้ว

ไม่ว่านางปากคอเราะร้ายแค่ไหน แต่นางก็ทราบดีว่าครั้งนี้ที่หมู่ตึกลำดับที่สามสิบหกมายังสถานที่แห่งนี้ ก็เพื่อที่จะเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับหมู่ตึกให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น นางไม่อาจที่จะให้ความสำคัญไปได้

ไม่ง่ายเลยที่ต้องรั้งรังสีสังหารเช่นนั้นเอาไว้ ทว่าในใจนางก็ได้ลอบสาบานเอาไว้ว่า หากมีโอกาส จะต้องสับร่างของเจ้าหนูทั้งสองคนนี้ให้กลายเป็นหมื่นๆชิ้นให้จงได้

โล่วปิงกล่าว “ที่พวกเรามากันในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะเข้าแลกเปลี่ยนวิชาสานสัมพันธ์ จะได้แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน พร้อมทั้ง……”

“สานสัมพันธ์ผายลมสิ มาว่ากันถึงสิ่งที่ต้องการเถอะ” หลงเฉินโบกมือขึ้นมา กล่าวขึ้นมาด้วยความรำคาญ

“ปัง”

มือของโล่วปิงกำจนแน่น พร้อมทั้งยังได้เกิดพลังสภาวะประหลาดขึ้นมาเป็นระลอก เมื่อนางรู้สึกว่าโทสะของตนเองได้คลายไปบางส่วน แต่ทว่าผมเผ้าของนางกลับได้ตั้งชูชันขึ้นมา

ภายในหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหกนอกจากเจ้าสำนักแล้ว นางถือได้ว่าเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุด ไม่ว่าผู้ใดเมื่อได้พบเห็นนาง ก็ต้องเคารพนบนอบ

การที่นางไม่ทำให้ผู้อื่นโชคร้าย ก็ถือเป็นโชคดีของคนผู้นั้นแล้ว แต่ในที่แห่งนี้ผู้คนกลับทำเหมือนกับนางไม่มีตัวตน

โดยเฉพาะเจ้าหนูขนเหลืองที่มีพลังเพียงแค่ขอบเขตขอบเขตก่อโลหิต ขอเพียงแค่นางสะบัดมือออกไปเบาๆเพียงข้างเดียว ก็สามารถที่จะฟาดให้เขาตายคามือได้แล้ว

นางจำเป็นต้องทนต่อวาจาที่หลงเฉินกล่าว แต่วาจาของหลงเฉินกลับมีแต่จะท้าทายทำให้ความอดทนของนางลดทอนลงไปเรื่อยๆ จนนางรู้สึกว่าตนเองจะเป็นบ้าขึ้นมาแล้ว

ในขณะที่กำลังใช้ความอดทนที่มากมายเพื่อทำให้ตนเองสงบเอาไว้ได้ ทว่าน้ำเสียงกลับยังคงสั่นเครืออยู่

“พวกเราทั้งสองฝ่ายต่างฝ่ายต่างก็ส่งตัวแทนมากันฝ่ายละสิบคน ใช้การต่อสู้ในระดับเดียวกัน ฝ่ายที่มีผู้ชนะถึงหกคนจะเป็นฝ่ายที่ชนะไป”

หลงเฉินได้จ้องมองไปทางโล่วปิงอย่างเยือกเย็น ทอแววตาประหลาดออกมา แฝงไว้ทั้งความเย้ยหยัน ความรังเกียจ ทั้งความเห็นใจปะปนอยู่ด้วย แล้วจึงค่อยถอนหายใจออกมาแล้วกล่าว

“ในสมองของเจ้าผิดปกติแล้วหรือไงกัน”

.

.

.

* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด