ตอนที่แล้วตอนที่ 287 จะเล่นเจ้าจนตาย (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 289 หาได้เกรงกลัวความตายไม่

ตอนที่ 288 โอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็น (ฟรี)


* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

วาจาของหลงเฉิน เพียงแค่ครู่เดียวก็ได้กดดันโล่วปังจนต้องตกอยู่ในเพลิงโทสะ มือข้างหนึ่งที่สั่นชี้ไปทางด้านหลงเฉินแล้วกล่าว “เจ้า……”

เมื่อมองไปยังยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้าแห่งยุคที่ถูกหลงเฉินกำลังทำให้มีโทสะจนเนื้อตัวสั่นเทา จิตใจของผู้อาวุโสถู่ฟางก็เรียกได้ว่าเบิกบานขึ้นมาเป็นอย่างมาก

ถ้าหากถูกคนที่มีความแค้นกับโล่วปิงมาพบเห็นภาพนี้เข้า ย่อมต้องมอบโล่ความดีความชอบให้ไปเลยทีเดียว

ถึงแม้โล่วปิงจะมิใช่เป็นคนที่ดุร้ายอันดับหนึ่งในหมู่ตึกสาขาหลัก แต่ว่าก็เป็นคนที่น่าชังอันดับหนึ่งของหมู่ตึกแน่นอน ราวกับว่าหากไม่มีคนรังเกียจก็คงจะทำให้นางตายไปแล้วก็เป็นได้

เพราะปากของนางนั้นทำให้ผู้คนชิงชังจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเลยทีเดียว โดยเฉพาะเหล่าผู้อาวุโสสาขาหลักที่มีหน้าที่คอยจัดอันดับ แทบจะไม่มีคนใดที่ไม่รังเกียจนางเลยก็ว่าได้

“อะไรของเจ้ากัน เจ้าประสาทหรือไง? เจ้าคิดว่ากำลังเล่นละครลิงอยู่หรือไงกัน ?

ขอบอกเจ้าเลยนะ หากไม่มีโชคในชัยชนะก็ไม่มีใครคิดที่จะเล่นกับพวกเจ้าหรอก ? คิดว่าพวกเจ้าดื่มกินจนอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำก็จะมาหาเรื่องกันได้หรือไง ? ” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาอย่างไม่สนใจ

เมื่อได้ยินหลงเฉินกล่าวออกมาเช่นนี้ก็แสดงว่าหลงเฉินไม่ได้ปฏิเสธคำท้า ทำให้โล่วปิงเบาใจลงไปได้มาก หากคิดที่จะเดิมพันด้วยนั่นก็ยิ่งดี นางเองก็มีความเชื่อมั่นต่อศิษย์ของฝ่ายตนเป็นอย่างมากเช่นกัน

ศิษย์ของพวกเขา ต่างก็ถือได้ว่าเป็นพวกที่โดดเด่น ทรัพยากรที่ศิษย์พวกเขาทั้งหมดได้รับ แน่นอนว่าย่อมต้องมากกว่าหลงเฉินและพวกอยู่หลายสิบเท่าเลยทีเดียว

หินปราณที่หลงเฉินมีอยู่ก็มีอย่างจำกัด แต่หมู่ตึกลำดับที่สามสิบหกไม่ว่าจะเป็นศิษย์คนใดภายในถ้ำต่างก็จะมีค่ายกลหินปราณที่เปิดใช้งานได้ทั้งวันทั้งคืน

รวมไปจนถึงโอสถอาวุธยุทโธปกรณ์ ขอเพียงเป็นศิษย์ที่มีความโดดเด่น แค่ยื่นมือออกไปก็ได้สิ่งนั้นมาแล้ว ดังนั้นศิษย์ของทางหมู่ตึก โดยส่วนมากต่างก็ฝึกปรือกันจนถึงตอนปลายไปแล้ว อีกทั้งสภาวะบรรยากาศยังคงที่เป็นอย่างยิ่ง

เพียงแค่ด้านความโดดเด่นของขุมกำลังก็เรียกได้ว่าอยู่เหนือกว่าทางด้านของหลงเฉินมากถึงเท่าตัว ดังนั้นโล่วปิงแทบจะไม่เห็นหลงเฉินและพวกอยู่ในสายตาเลยทีเดียว

เมื่อได้ยินว่าหลงเฉินต้องการที่จะเพิ่มเดิมพันเข้าไป โล่วปิงก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความเย้ยหยันขึ้นบนใบหน้า “กับพื้นที่กันดารอย่างพวกเจ้าเช่นนี้ จะสามารถนำสิ่งใดออกมาเดิมพันได้กัน

ถ้าหากมีเพียงแค่เสื้อผ้าเก่า อาภรณ์ขาดก็หยุดเถอะ ขยะเฉกเช่นนั้น ต่อให้เหนื่อยตายก็ไม่ต้องการอยู่แล้ว”

โล่วปิงกล่าวจบ ศิษย์ที่อยู่ทางด้านหลังของนาง ก็ได้หัวเราะฮาฮาขึ้นมาในทันที

“เจ้าพวกยาจก คงจะเป็นบ้ากันไปแล้วกระมัง ถึงกับคิดที่จะเพิ่มเดิมพันเข้าไปอีก ?”

“สวัสดิการของพวกเราทั้งเดือน ยังมากกว่าของพวกเจ้าทั้งปีเสียอีก แล้วพวกเจ้าจะไปหยิบยกอันใดมาเดิมพันกันเล่า ?”

“จะกล่าวเช่นนั้นก็มิได้ ผู้อาวุโสโล่วบอกแล้วมิใช่หรือว่า พวกเขานั้นเป็นแค่สุกร ก็ยังสามารถใช้เนื้อสุกรมาเดิมพันได้อยู่มิใช่หรือไง”

“แต่ข้ากลับไม่ได้ต้องการที่จะทานเนื้อสุกร เนื่อเช่นนั้นหากกินลงไปแล้ว คงจะทำให้กลายเป็นตัวโง่งมเฉกเช่นพวกเขา”

เมื่อได้ยินเสียงเย้ยหยันของเหล่าศิษย์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม กู่หยางและพวกก็เหมือนได้มีเพลิงโทสะลุกโชนขึ้นขึ้นมาก็มิปาน ถ้าเป็นโล่วปิงเย้ยหยันพวกเขาก็ยังแล้วไป

เพราะอย่างไรนั่นก็เป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้า ถือได้ว่าเป็นบุคคลระดับเดียวกับเจ้าสำนัก การที่ถูกนางดูแคลนยังพอที่จะสามารถทนได้อยู่ ถึงอย่างไรการเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้า พวกเขาเองก็ไม่ต่างไปจากมดแมลงอยู่แล้ว

แต่ว่ากับอีกฝ่ายที่เป็นศิษย์ในระดับเดียวกันกับตนเองมาเย้ยหยัน ความรู้สึกนั้นกลับไม่ใช่เช่นเดียวกันแล้ว ทุกคนต่างก็เกิดโทสะจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกันขึ้นมา

หลงเฉินอมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังมิได้เกิดโทสะ กลยุทธ์เล็กน้อยเช่นนี้ไม่อาจทำให้เขาเกิดโทสะได้อยู่แล้ว หากเขาเกิดมีโทสะขึ้นมา จะมิใช่กลายเป็นว่าทำให้อีกฝ่ายได้ใจมากกว่าเดิมหรือไง?

หลงเฉินที่ถือได้ว่าเป็นคนมีประสบการณ์ เมื่อในยามที่ศัตรูต้องการที่จะให้เขามีโทสะ เขาย่อมไม่อาจที่จะมีโทสะ อย่างน้อยก็ไม่อาจที่จะแสดงออกมาให้เห็นได้ ไม่เช่นนั้นก็คงจะต้องตกหลุมพรางของคนอื่นแล้ว

ยิ่งอยู่ในสภาวะที่สงบนิ่งเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็คล้ายกับปล่อยหมัดใส่อากาศธาตุ จนกลายเป็นต้องเกิดความลำบากขึ้นมาเสียเอง นี้จึงถือเป็นกลยุทธ์อีกอย่างหนึ่ง

“มิผิดหรอกที่ของพวกเราต่างก็เป็นที่กันดาร ย่อมไม่มีสิ่งใดให้หยิบฉวยไปได้อยู่แล้ว เช่นนั้นพวกเรามาเดิมพันสิ่งนี้กันดีกว่า”

กล่าวจบหลงเฉินก็ได้ล้วงเอาขวดหยกออกมาจากแหวนมิติ แล้วก็ได้เทยาโอสถออกมาหนึ่งเม็ด พร้อมทั้งดีดออกไป เมื่อยาโอสถเม็ดนั้นพุ่งผ่านไปตามสายลม ก็ได้ลอยมาทางด้านของโล่วปิงพอดี

เพียะ !

โล่วปิงยื่นมือรับยาโอสถเม็ดนั้นเข้ามา ใบหน้าก็ได้ปรากฏสีหน้าเย้ยหยันขึ้น สำหรับพวกนางยาโอสถในสายตาของหมู่ตึกที่สามสิบหก ต่างก็ไม่ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอะไร แต่สำหรับที่แห่งนี้ก็คงจะเป็นเสมือนดั่งสมบัติล้ำค่า

เมื่อสายตามองไปยังยาโอสถที่อยู่ในมือ พริบตาเดียวโล่วปิงก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป คิดว่าตนเองมองผิดไป ถึงขั้นยื่นมาเพื่อสูดดมอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งยังได้มองดูอย่างละเอียดอีกรอบหนึ่ง จึงกล่าวออกมาด้วยอาการไม่อยากที่จะเชื่อได้ลง

“โอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็น ?”

โอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็น ถือได้ว่าเป็นยาโอสถระดับสามที่มีความล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตัวยาหลักของมัน ที่เป็นบุษผาสามทะลวงถือได้ว่าน้อยนักที่จะพบ แม้ว่าจะเป็นสาขาหลัก วัตถุดิบเช่นนี้ก็ยังถือได้ว่าล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง ในด้านของราคาย่อมต้องสูงล้ำค่าอยู่แล้ว

สามบุษผาทะลวงถือได้ว่าเป็นดอกไม้ที่ประหลาดพิสดารชนิดหนึ่ง หนึ่งต้นจะออกเพียงแค่สามดอก อีกทั้งทั้งสามดอกยังเชื่อมต่อถึงกัน และมีสีสันที่แตกต่างไม่เหมือนกัน รวมไปจนถึงจะงอกในพื้นที่ที่มีความเย็นจัด

โอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นจำเป็นที่จะต้องใช้บุษผาสามทะลวง ที่มีอายุที่มากว่าร้อยปีจึงจะใช้ได้ เพียงแค่วัตถุดิบก็มีค่าถึงเพียงนี้

แต่สิ่งที่ทำให้อับจนปัญญามากที่สุดก็คือ การหลอมโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็น จำเป็นที่จะต้องใช้เวลานานเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีความยากลำบากในการหลอมที่สูงล้ำเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นหลงเฉิน หากคิดที่จะหลอมโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นหนึ่งเตา ก็ยังจำเป็นที่จะต้องใช้เวลานานถึงหกชั่วยามเลยทีเดียว

แต่ก็ช่วยไม่ได้ การหลอมโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็น จำเป็นที่จะต้องใช้ทั้งหมดสี่ขั้นตอน ทั้งยังต้องใช้ไฟทั้งหมดห้าชนิดที่แตกต่างกันมาสลับสับเปลี่ยน จึงทำให้มีโอกาสที่จะล้มเหลวที่สูง

ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญโอสถโดยทั่วไป จึงไม่มีใครอยากที่จะต้องมาหลอมโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็น เพราะหากคิดที่จะหลอมโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นขึ้นมาซักเตา อย่างน้อยก็จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสามวัน เพราะมีโอกาสล้มเหลวที่สูงมากถึงแปดส่วนเลยทีเดียว เมื่อนึกถึงความลำบากลำบน ในขณะที่หลอม ดวงตาต้องมาร้อนผ่าวจนแดงซ่าน ยิ่งเมื่อยามที่หลอมอย่างยากลำบากจนสุดท้ายมากลายเป็นโอสถขยะไป แน่นอนว่าแทบจะทำให้ผู้หลอมฆ่าตัวตายได้เลยทีเดียว

ดังนั้นโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นถือได้ว่ามีน้อยมาก หลงเฉินเองก็หลอมไปอยู่หลายเตา แต่ก็หลอมต่อไปไม่ได้แล้ว นี่ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เหนื่อยเกินตัวเลยทีเดียว

ทว่าสิ่งที่ผ่านพ้นไปจะเป็นความเหนื่อย แต่ราคาของโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็น แน่นอนว่าสูงเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว มันมีความสามารถที่จะเสริมสร้างเส้นเอ็นให้แก่ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้เป็นอย่างดี

หากเอ่ยถึงเปลี่ยนเส้นเอ็น เส้นเอ็นคือสิ่งที่คอยเชื่อมโยงจุดที่สำคัญระหว่างกระดูกกับกล้ามเนื้อ ถ้าหากมีเพียงแค่กล้ามเนื้อแข็งแกร่ง แต่เส้นเอ็นไม่แข็งแกร่งตาม ก็มีแต่ทำให้แหลกไปในทันที

ขอบเขตแรกของวิทยายุทธ์คือก่อรวม ขอบเขตที่สองคือก่อโลหิต จะก่อรวมพลังเพื่อเสริมสร้างโลหิต จากโลหิตเพื่อบำรุงกายเนื้อ จนทำให้กลายเป็นพลังอันมหาศาลที่จากกล้ามเนื้อขึ้นไปจนถึงขีดสุด

แต่ว่าเพียงแค่กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งแทบจะไม่มีประโยชน์ การที่กล้ามเนื้อจะสามารถแสดงพลังออกมาได้มาก ก็ต้องดูว่าเส้นเอ็นของมนุษย์จะมีความทนทานแข็งแกร่งได้มากเท่าใด

ต่อให้มีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งกว่านี้หากไม่มีเส้นเอ็น ก็ยังเป็นเพียงแค่เนื้อที่ตาย ดังนั้นในส่วนของเปลี่ยนเส้นเอ็นจึงอยู่ในขอบเขตที่สาม นี้ก็คือสิ่งที่รอคอยอยู่บนเส้นทางแห่งวิทยายุทธ์

ดังนั้นขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นในมุมมองของผู้ฝึกยุทธ์ถือได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเส้นเอ็นแข็งแกร่งแล้วจึงจะสามารถที่จะแสดงพลังที่แท้จริงของกายเนื้อออกมาได้

และโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็น มิได้ช่วยทำให้พัฒนาระดับขอบเขตได้ แต่มีไว้เพื่อเสริมบำรุงเส้นเอ็นโดยเฉพาะ ในมุมมองของยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น นั้นแทบจะไม่ต่างอะไรไปจากยาเทวดาเลยก็ว่าได้

แต่ว่าโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นนั้นมีราคาที่แพงเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหก ในหนึ่งเดือนศิษย์สายตรงหนึ่งคนสามารเบิกมาได้เพียงแค่สิบเม็ด ส่วนศิษย์สายในนั้นได้เพียงแค่หนึ่งเม็ดต่อหนึ่งเดือนเท่านั้น

ในส่วนของศิษย์สายนอก แทบจะไม่ได้ยาโอสถนี้เลยก็ว่าได้ จึงได้แต่เสาะหายาโอสถตัวอื่นมาทดแทน ยาโอสถเช่นนี้จะมีก็แต่เพียงแค่หมู่ตึกห้าสิบลำดับแรกจึงจะมีได้ หากเป็นไปตามคำกล่าวของหลงเฉินพวกเขาย่อมไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน

อย่าว่าแต่โล่วปิงเลย หรือแม้แต่ผู้อาวุโสถู่ฟางและพวก ก็รู้สึกไม่อยากที่จะเชื่อเลยด้วยซ้ำ โอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นนั้นเขาย่อมต้องเคยพบเห็นมาก่อน แต่ว่าหลงเฉินกลับนำเอามาจากที่ใดกันเล่า ?

ถึงแม้จะเคยได้ยินมาก่อนว่าหลงเฉินสามารถหลอมโอสถได้ แต่เขากลับไม่เชื่อว่าคนที่หลอมโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นนั้นจะเป็นหลงเฉินไปได้ เพราะต่อให้เชี่ยวชาญโอสถที่มีคุณวุฒิสูง ก็ยากนักที่จะหลอมโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นขั้นสูงออกมาได้

“มิผิด นี่เป็นโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็น ในสถานที่นี้ คงหาอะไรดีๆไม่ได้ จึงได้แต่เอาอาหารว่างมาเดิมพันเล่นๆดู”

หลงเฉินกล่าวจบ ในมือก็ได้มีโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นเพิ่มขึ้นมาอีกหลายเม็ด แล้วก็ได้โยนโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นเข้าไปภายในปาก

“กร๊อบกร๊อบ”

คล้ายกับกำลังเขี้ยวเม็ดลูกกวาดอยู่ก็มิปาน ทั้งยังอยู่ในท่าทางที่สบายถึงเพียงนั้น แม้แต่ใบหน้าของถู่ฟางก็ยังต้องกระตุกขึ้นมา นี้มันก็ล้างผลาญมากเกินไปแล้ว

โอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นนั้น จำเป็นที่จะต้องใช้ตัวยาอื่นๆมาเป็นส่วนผสมด้วย ยิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้น้ำรากฝอยมังกรมาเป็นตัวยาชักนำ จึงจะสามารถที่จะทำให้เกิดผลที่ดียิ่งขึ้นได้

หลงเฉินกินเล่นเช่นนี้ แม้แต่ฤทธิ์ของยาก็ยังได้รับไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ดังนั้นถู่ฟางและผู้อาวุโสมากมาย ต่างก็รู้สึกปวดเนื้อปวดตัวไปตามๆกัน

ความจริงหลงเฉินก็เจ็บปวดใจเช่นกัน เหน็ดเหนื่อยแทบเป็นแทบตายแต่หลอมมาได้สิบกว่าเม็ดเท่านั้น แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เขากลับยังไม่ได้เข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น

โอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นเม็ดนี้กลับต้องมาถูกกินไปคล้ายกับลูกกวาด กลับไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย หากคิดที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ ก็ต้องแสร้งทำอะไรกันหน่อยแล้ว

“เหว่ยเหว่ย เป็นอะไรไป ? ยังจะเดิมพันด้วยหรือเปล่า ? อย่าได้ทำหน้าเหมือนกับสามีตัวเองตายไปสิ มาแสดงสีหน้าเป็นหญิงม้ายไปได้ ถ้าไม่กล้าเดิมพันก็ไสหัวไปซะ” ในเวลานี้ กัวหรานก็ได้มายืนอยู่ทางด้านข้างของหลงเฉิน ได้ชิงกล่าวในขณะที่ยังมีโอกาสก่อน

เมื่อมีหลงเฉินอยู่ข้างกาย การเยาะเย้ยถากถางยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้าผู้หนึ่งได้ ถือได้ว่าเป็นดั่งโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว

อีกทั้งในภายภาคหน้ายังสามารถที่จะคุยโว่โอ้อวดกับสหายได้อีกด้วย ว่าข้านั้นในยามที่เป็นขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น กลับได้ชี้หน้าด่าทอขอบเขตขั้นก่อฟ้าเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งนางยังไม่กล้าที่จะสวนกลับมาอีกด้วย

โล่วปิงทอสีหน้าชาด้านขึ้นมา “เหอะ ก็แค่โอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นเท่านั้น หากอยู่ในหมู่ตึกพวกเจ้าย่อมต้องถือเป็นสมบัติล้ำค่าอยู่แล้ว แต่มันธรรมดามากในหมู่ตึกของพวกเรา บอกมาเจ้าต้องการที่จะเดิมพันอย่างไร ?”

หลงเฉินส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวออกมา “สมบัติล้ำค่าไม่ล้ำค่าอะไรกัน ข้าฟังไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย ก็บอกไปแล้วว่าเป็นเพียงแค่ของว่างเท่านั้น”

เมื่อกล่าวจบหลงเฉินก็ได้ล้วงเอาขวดหยกที่มีความสูงกว่าหนึ่งเชียะออกมาทั้งหมดสามขวด แล้วก็ได้เทสิ่งที่อยู่ภายในออกมา จนกลิ่นหอมหวนจากโอสถคละคลุ่งออกมา จนทำให้ทุกคนต่างทำสีหน้าเปลี่ยนไป

กลิ่นอายนั้นถือได้ว่าเป็นกลิ่นของโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นอย่างแท้จริง หลงเฉินเขย่าขวดหยกไปมา เพื่อแสดงให้เห็นว่าภายในนั้นยังมีอยู่เต็มไปหมด แล้วก็ได้เทยาโอสถออกมาจากขวดหยกอีกหลายเม็ด เพื่อให้ทุกคนได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ว่าเป็นโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นอย่างแน่นอน แต่ละเม็ดต่างก็แฝงเอาไว้ด้วยรัศมีโอสถที่ถือเป็นระดับสูงแทบทั้งสิ้น

ความจริงหลงเฉินเห็นว่าโล่วปิงคิดที่จะทำการท้าทายมาตั้งแต่ต้น จึงได้คาดเดาถึงผลลัพธ์นี้ขึ้นมาได้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงได้นำเอาโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นที่หลอมมาเหล่านั้น แบ่งใส่ไว้หลายๆขวด

ความจริงแล้วขวดหลายขวดนั้น ได้ใส่ยาโอสถตัวอื่นเอาไว้ด้วย เพียงแต่ว่าตัวยาและโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นมีความใกล้เคียงกันก็เท่านั้น

หลงเฉินใส่โอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นกลับเข้าไป แล้วก็ปิดปากขวดไว้ เพื่อที่จะได้ซ่อนยาโอสถตัวอื่น เพราะความจริงถ้าหากลองแยกแยะดูอย่างละเอียด ยังไงเสียก็ยังสามารถที่จะแยกแยะออกมาได้อยู่ดี

ทว่าทุกคนต่างก็ถูกหลงเฉินสร้างความสับสนขึ้นมาไว้ก่อนแล้ว เพราะเขาได้นำเอาโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นกินแทนของว่างไปจริงๆ แน่นอนว่าย่อมต้องเชื่อถึงความเคลื่อนไหวในตอนท้ายของหลงเฉินกันอยู่แล้ว

หลังจากที่แสดงให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว หลงเฉินก็ได้เก็บยาโอสถเอาไว้ มองไปยังใบหน้าที่กำลังทึ่งอยู่ของโล่วปิงแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “ความจริงเมื่อครู่ข้าก็แค่คุยอวดไปเท่านั้น เจ้าอย่าได้ถือสาไป โอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นที่ข้านั้นหาได้มีอยู่มากมายอะไร ก็เพียงแค่แปดร้อยกว่าเม็ดเท่านั้น”

“แปดร้อยกว่าเม็ด”

แม้ว่าโล่วปิงจะเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้า ก็อดไม่ได้ที่จะหัวใจเต้นตูมตามไปมาครู่หนึ่ง ทั้งยังมองไปทางหลงเฉินด้วยสภาพที่ไม่อยากจะเชื่อ

“ในเมื่อแบ่งการประลองเป็นสิบครั้ง เช่นนั้นก็ดีเลย ครั้งหนึ่งแปดสิบเม็ด เป็นไง ?” หลงเฉินกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่ใจกว้างเป็นอย่างยิ่ง

“นี่……” โล่วปิงเริ่มที่จะเกิดความสงสัยขึ้นมาแล้ว

หลงเฉินขมวดคิ้วขึ้นมา หัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าว “เมื่อครู่เป็นผู้ใดกล่าวกัน บ้านนอกคอกนาอะไรนะ เสื้อผ้าเก่า อาภรณ์ขาดอะไรกัน กล่าวว่านำสิ่งของที่คล้ายขยะออกมา

ความจำของข้าไม่ได้ดีขนาดนั้น ข้าจึงได้ลืมเลือนไปว่าเป็นผู้ใดที่กล่าวออกมา ยังไงเสียก็คงต้องรบกวนท่านผู้อาวุโสบอกข้าสักหน่อยแล้วละ”

.

.

.

* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด