ตอนที่แล้วGE259 มันคือซัวหมิง [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE261 ข้าอยากได้แผนที่ [ฟรี]

GE260 ดาราเทพครึ่งดวง วิชาหลอมหยิน [ฟรี]


หนิงฝานเอาชนะจิงหยุนได้อย่างง่ายดาย สังหารมันได้อย่างง่ายดาย

หนิงฝานฉวยกระเป๋าจิงหยุนมา ในนั้นมีหญ้าเพลิงฟ้า 30 ต้น หลังจากนี้ เขาจะสามารถดูดซับโลหิตของอสูรไร้ดัดแปลงได้ และปราณของเขาจะบรรลุ 10,000 เกราะ ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ...

ทั่วทั้งเมืองเงียบสงัด

ข่าวลือที่ว่าลู่เป่ยสามารถสังหารนายกองได้รับการรับการพิสูจน์ ก่อนหน้านี้ผู้คนเห็นเพียงหนิงฝานเอาชนะลู่เทียนหมิงได้อย่างง่ายดาย

ไม่นานนักทั้งเมืองก็กลับมาคึกคักเพราะความตายของจิงหยุน!

ลู่เทียนหมิงดูใจเป็นอย่างมาก มันประจักษ์กับความแข็งแกร่งของหนิงฝานด้วยตนเอง

เดิมมันมั่นใจว่าหนิงฝานเอาชนะจิงหยุนได้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะทรงพลังขนาดที่เอาชนะได้ง่ายๆ

“เด็กนี่คือซัวหมิงในวันนั้น มันโชคดีรอดชีวิตมาได้... มันกล้าสังหารจิงหยุนต่อหน้าผู้นำเผ่าเพลิง ไม่เกรงกลัวความตาย… ต้องฆ่ามันทิ้งเท่านั้น!”

อีกด้าน แววตาลู่ซานเปล่งประกาย มันรู้สึกราวกับได้ล้างแค้น เพราะจิงหยุนทำให้มันบาดเจ็บสาหัส

“หากจะให้เด็กนี่เป็นนายกองคนที่ 8… ข้าจะสนับสนุนเต็มที่! มันจงใจทำให้จิงหยุนตาบอดเพื่อแก้แค้นให้ข้า! คนเช่นมันข้าชอบนัก!” ลู่ซานหัวเราะราวกับลืมเลือนความเจ็บปวด

ลู่ว่านเอ๋อร์นำมือน้อยๆของนางปิดปากด้วยความตกใจ บ่าวของหนิงฝานสองนางก็ตกตะลึง แม้พวกนางจะอยู่กับหนิงฝานมานาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหนิงฝานสังหารอย่างเหี้ยมโหด

“ลู่เป่ย… แข็งแกร่งมาก”

สนมอสูรประหลาดใจ สีหน้าเรียบเฉยแปรเปลี่ยน

“ลู่เป่ย… มันสังหารจิงหยุนได้โดยที่ตัวมันแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บ ความแข็งแกร่งระดับนี้ ต่อให้มีจิงหยุนอีก 20 คนก็เอาชนะไม่ได้ ถ้ามันบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณเมื่อไหร่ นอกจากผู้นำเผ่าแล้ว คงไม่มีใครต่อกรมันได้อีก… รอบต่อไปสมควรเป็นลี่ป่าน แต่ก็คงแพ้อีกเช่นเคย...”

ลู่เจี่ยเฟินโกรธแค้นที่หนิงฝานสังหารจิงหยุน แม้จิงหยุนไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็เป็นผู้ที่มันเชื่อใจมากคนหนึ่ง

ถึงมันจะโกรธแค้นขนาดไหน แต่มันอาจล่วงไปยังเวทีประลองได้ เพราะลู่ตู้เฉินมาขวางมันไว้

“ฮ่าฮ่า ผู้นำเผ่าเพลิงโกรธซะแล้ว… ใครก็ตามที่ก้าวขึ้นเวทีประลองย่อมพร้อมรับความตาย หากจะตำหนิ ก็ตำหนิที่คนของเจ้าอ่อนแอเกินไป” ลู่ตู้เฉินขวางไม่ให้ลู่เจี่ยเฟินก้าวก่ายการประลอง

“ฮึ่ม! ก็ดี ถ้าเกิดลู่เป่ยเพราะคนจากแดนสวรรค์ เจ้าก็อย่าสอดมือเชียวหล่ะ!”

ลู่เจี่ยเฟินแค่นเสียง แม้มันไม่อาจปลิดชีวิตหนิงฝานได้ด้วยตนเอง แต่บนเวทียังมีคนรอแก้แค้นอีก 2 คน

หนิงฝานชี้ไปยังลี่ป่านพลางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ต่อไปเป็นเจ้า...”

แววตาที่เย่อหยิ่งอวดดีทำให้ลี่ป่านแทบจะสะกดความโกรธไว้ไม่ไหว

“ซัวหมิง! ข้าไม่รู้ว่าเจ้ารอดจากแคว้นจินได้ยังไง แต่วันนี้ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปอีกแน่! เจ้าต้องตายที่นี่!”

ในขณะที่มันกำลังจะขึ้นเวที จินฉวนกลับมาขวางมันไว้

“ข้าเอง!”

จินฉวนบุรุษเกราะทองก้าวขึ้นเวที

แม้มันจะประจักษ์กับความแข็งแกร่งของหนิงฝาน และรู้ว่าหนิงฝานแข็งแกร่งทัดเทียมมัน แต่มันก็มีวิธีจะสังหารหนิงฝาน

“เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้!”

“งั้นเหรอ!”

“รนหาที่ตาย” แววตาจินฉวนแปรเปลี่ยนเย็นชา ทั่วร่างเปล่งแสงสีทอง ศีรษะแปรเปลี่ยนเป็นสุนัขเขี้ยวแหลม

มันเอื้อมมือขนาดใหญ่ทำท่าคว้าจับไปยังท้องนภา ดูดซับเอาพลังจากดวงดาราและตะวันเข้าสู่ร่าง… หอกสีทองอร่ามก่อตัวขึ้นจากพลังที่ดูดซับมา ก่อนจะขว้างซัดเข้าใส่หนิงฝาน

“วิชาอสูร… หอกตะวัน!”

หอกสีทองแฝงด้วยพลังแห่งดารา ร้อนแรงดุจดวงตะวัน ทรงพลังจนเกือบจะเอาชีวิตของลู่ฉิงได้

แต่ด้วยยามนี้ จินฉวนทุ่มพลังเต็มที่ ทำให้อานุภาพของหอกทรงพลังขึ้นหลายเท่าตัว

เมื่อหอกเข้าประชิด หนิงฝานขมวดคิ้ว จุดเพลิงสีเทาขึ้นที่ฝ่ามือ ซัดเข้าปะทะต่อต้าน

ความร้อนของหอกทำให้หนิงฝานรู้ราวกับมือกำลังถูกเผา

แต่นั่นเป็นเพียงอาการบาดเจ็บภายนอก ด้วยโลหิตอสูรที่เขาครอบครอง ย่อมฟื้นฟูได้ไม่ยาก

เมื่อซัดฝ่ามือเข้าปะทะ หนิงฝานเปลี่ยนกระบวนท่า พลิกฝ่ามือคว้าจับหอกจนตนถูกผลักถอย 3 ก้าว แต่สามารถสลายพลังของหอกได้หมด

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนจริงจัง เหตุที่หอกทรงพลังขึ้นเพราะมันอาศัยพลังจากดวงตะวันมาเสริม

วิชาที่หยิบยืมพลังจากดวงตะวันเช่นนี้ เป็นวิชาที่หาได้ยาก

การจะสลายพลังของหอกได้นั้น ต้องใช้พลังขั้วตรงกันข้าม!

“ทะเลเหนือมีอำนาจ นามหยินหรง… ทะเลเหนือมีอัสนี นามอัสนีสวรรค์...”

เคล็ดความลึกลับปรากฏขึ้นในหัวหนิงฝาน เพลิงสีเทาที่เขาจุดขึ้นมีบางสิ่งเคลือบฉาบมัน สิ่งนั้นให้ความรู้สึกที่ร้อนแรงราวกับดวงตะวัน

จินฉวนแตกตื่น!

หอกที่มันซัดออกไปเมื่อครู่ร้อนแรงในขนาดที่มันเองก็รับไม่ได้

หอกเมื่อครู่ทรงพลังในขนาดที่สังหารอสูรได้มากมาย แม้เป็นผู้ที่บรรลุกายาทองคำยังไม่กล้ารับหอกตรงๆ

ขนาดลู่ฉิงที่บรรลุขอบเขตกระดูกหยก แขนข้างที่รับหอกยังถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

แต่หนิงฝานกลับรับหอกเพลิงของมันได้

เพลิงสีเทานั่นเป็นเพลิงชนิดใด เหตุใดถึงร้อนแรงเทียบเคียงกัน… หรือจะเป็นเพลิงระดับ 6!?

มันไม่เข้าใจว่าเหตุใดหนิงฝานที่รับหอกตรงๆจึงถอยไปเพียง 3 ก้าว ก่อนจะสลายพลังหอกไปจนหมดได้

หรือมันมีวิชาลับที่เอาไว้รับมือหอกเมื่อครู่?

ในขณะที่หนิงฝานเปล่งพลังที่คล้ายดวงตะวัน บนหน้าผากของเขาปรากฏดาราครึ่งดวง ที่เกิดจากวิชาที่เรียกว่า หลอมหยิน!

ก่อนหน้านี้หนิงฝานมีดาราอัสนีอยู่แล้ว แต่ยามนี้ ดูเหมือนดาราอีกดวงกำลังก่อตัว... ดาราที่ปรากฏบนหน้าคือดาราเทพ ดาราที่ตาซ้ายคือดาราอสูร และดาราที่ตาขวาคือดาราปีศาจ

ด้วยความที่หนิงฝานดูดซับโลหิตอสูรไปมากมายมหาศาล ทำให้ร่างกายของเขาบรรลุขอบเขตกระดูกหยกที่สอง ในขอบเขตนี้ทำให้หนิงฝานได้รับวิชาที่เรียกว่า หลอมหยิน เป็นวิชาที่จะสร้างม่านพลังคุ้มกาย

“วิชาหลอมหยินจะช่วยให้ข้าเปล่งพลังจันทรา ต่อต้านพลังตะวันได้… แม้ดาราดวงที่สองจะยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ทำให้เปล่งวิชาได้มากพอสมควร!”

หนิงฝานถอนเพลิงสีเทากลับ และปะทุอัสนีโลหิตขึ้นมาแทน!

ปีกสีดำคู่ยักษ์ปรากฏ กระพือพัดส่งร่างของเขาปรากฏตัวยังเบื้องหน้าจินฉวน พร้อมกับชกหมัดที่อัดแน่นได้ด้วยอัสนีโลหิตที่ทรงพลังเข้าใส่

สีหน้าจินฉวนแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง “นี่มันอัสนีอะไรกัน! อานุภาพหมัดนี้ ขอบเขตกระดูกหยกที่ 2! ทรงพลังเทียบเท่าการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง!”

จินฉวนขยับนิ้วเป็นท่าทาง ทั่วร่างเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า ศีรษะสุนัขของมันอ้ากว้าง กัดเข้าที่หมัดของหนิงฝาน

“วิชาอสูร สุนัขขบกัด!”

ศีรษะสุนัขของมันเพิ่มจำนวนจาก 1 เป็น 10… ศีรษะที่เพิ่มขึ้นมาอีก 9 นั้น แฝงด้วยอำนาจของตะวันที่ร้อนแรง

แต่เมื่อมันกัดเข้าที่หมัดของหนิงฝาน มันกลับส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

อัสนีโลหิตที่แฝงด้วยพลังจันทรา หักล้างกับศีรษะสุนัขที่แฝงด้วยพลังตะวัน

“แย่แล้ว! ต้านไม่อยู่!”

หมัดของหนิงฝานทะลวงผ่านพลังของจินฉวน กระแทกเข้าที่หน้าอกของมันอย่างรุนแรง จนทำให้เกราะคุ้มกายที่อาจต้านไหว

อัสนีโลหิตที่ทะลวงผ่านเกราะคุ้มกายไปได้ กระหน่ำเข้าใส่ร่างของมันอย่างรุนแรง

*อ๊อค!*

จินฉวนกระอักโลหิตคำโต อานุภาพของหมัดกระแทกมันปลิวไปไกลกว่าพันจ้างก่อนจะหยุดยืนได้อย่างยากลำบาก

อสูรผู้มาจากแดนสวรรค์อสูรอย่างมัน เหตุใดถึงพ่ายให้กับอสูรบนโลก!

“เผาโลหิต!!”

จินฉวนโลหิตในร่างให้เดือดพร่าน เสริมพลังขับอัสนีโลหิตของหนิงฝานออกไปจากร่าง

ยามนี้ ทุกคนคาดไม่ถึงว่าจินฉวนผู้ทรงพลังจะถูกต้อนจนต้องใช้เผาโลหิตเพื่อต้านการจู่โจม

เมื่อขับอัสนีออกไปจนหมด ทั่วร่างของมันเปล่งแสงสีทองที่เจิดจ้ากว่าเดิม พลังเพิ่มพูนมหศาล… มันก้าวเท้าไปเบื้องหน้าก่อนที่เงาร่างของมันจะหายไป ทิ้งไว้เพียงภาพติดตา!

มันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับแสง แต่หนิงฝานแสดงสีหน้าเย้ยหยัน

ตาซ้ายของหนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท เขามอบการเคลื่อนไหวของจินฉวนออกและเร่งถอยหลังถึง 9 ก้าว

แต่ละก้าวที่เคลื่อนไหวสั่งสมพลังจากรอบข้าง เมื่อครบก้าวที่ 9 เวทีที่ทรงพลังถูกทำลายจากแรงกดดัน

ในชั่วพริบตานั้น เงาร่างของจินฉวนปรากฏจากด้านล่างของหนิงฝาน มันอ้าปากสุนัขกว้างราวกับจะกินหนิงฝานทั้งตัว

แต่หนิงฝานหลบได้ และใช้เท้าเตะไปที่ร่างของมันอย่างรุนแรง

พลังที่สั่งสมไว้แปรเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่แทงเข้าใส่ร่างของจินฉวน เมื่อกระบี่ทะลวงการป้องกันของมันได้ ปราณกระบี่แปรเปลี่ยนอัสนีโลหิตจำนวนมหาศาล ฟาดผ่ากระหน่ำร่างของจินฉวน!

ผลจากกระจู่โจมโต้กลับ ทำให้ร่างกายและดวงจิตของจินฉวนบาดเจ็บสาหัส...

เวทีที่พังทะลายก่อตัวขึ้นใหม่ แววตาที่เย็นชาของหนิงฝานจับจ้องจินฉวนจนทำให้มันหวาดกลัวไม่กล้าขยับ

แต่เมื่อตั้งสติได้ มันก็ตะโกนขึ้น “ลู่เป่ย! เจ้ากล้าทำร้ายข้า! หากวันใดเจ้าขึ้นไปแดนสวรรค์อสูร ผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

“ข้าเป็นคนของแดนสวรรค์! หากเจ้าสังหารข้า โคตรเง้าของเจ้าจะถูกสังหารจนสิ้น!”

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าคุกเข่าโขกศีรษะหมื่นครั้ง แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

จินฉวนยังคงกล่าวอย่างอวดดี

มันมั่นใจว่าหนิงฝานไม่กล้าฆ่ามัน! เพราะมันและจิงหยุนนั้นต่างกัน จิงหยุนมีเพียงผู้นำเผ่าเพลิงเป็นผู้หนุนหลัง แต่มันมีเผ่าพันธุ์สุนัขโบราณในแดนสวรรค์หนุนหลัง

หากสังหารมัน หนิงฝานและครอบครัวจะถูกฆ่าล้างไม่เหลือสิ้น! ดังนั้นมันจึงกล้ากล่าวไปแบบนั้น!

แต่ยิ่งมันกล่าว เจตนาสังหารของหนิงฝานกลับยิ่งเพิ่มพูน เขาจะยังไม่ฆ่ามัน เขาจะยั่วยุให้ลู่เจี่ยเฟินโกรธแค้น

“ถึงเจ้าจะเป็นเผ่าพันธุ์สุนัขทองคำ แต่เจ้าทำร้ายลู่ฉิงจนบาดเจ็บสาหัส สมควรได้รับการลงทัณฑ์!”

มันกำลังจะถูกลงทัณฑ์!

หากเป็นทั่วไปจะไม่มีใครกล้าทำอันตรายคนจากแดนสวรรค์ แม้จะเป็นผู้นำเผ่าก็ไม่กล้า

แต่นั่นไม่ใช่กับผู้ที่ทำลายหอมแสง ชกหมัดอัสนี และเตะเข้าที่ร่างของจินฉวนอย่างโหดเหี้ยมเช่นหนิงฝาน

อสูรจากแดนสวรรค์แล้วยังไง?

คิดว่าแค่นั่นจะทำตัวถือดีได้เหรอ>

“ต่อให้เจ้าเป็นใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหน ข้าก็ไม่กลัว!”

“ขอท่านเป่ยสังหารมันเพื่อแก้แค้นให้ข้าด้วย!”

ลู่ฉิงหยัดยืน เปล่งเสียงตะโกนด้วยความคับแค้น

แต่หลังจากนั้น เสียงของผู้คนในเมืองลั่วหยุนกลับดังกึกก้อง!

“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”

ลู่ตู้เฉินขมวดคิ้ว แต่มันก็แอบยิ้มในใจ

“ลู่เป่ยกล้าบ้าบิ่น… แม้จะรู้ว่าการสังหารอสูรจากแดนสวรรค์จะนำมาซึ่งภัย แม้การประลองเป็นตายที่เข้าร่วมจะเป็นอันตาย แต่มันกลับยังไม่กริ่งเกรง แก้แค้นให้กับคนของเผ่าลั่วหยุน อีกฝ่ายทำให้เราตาบอด มันก็ทำให้อีกฝ่ายตาบอด… อีกฝ่ายทำให้แขนเราขาด มันก็โต้กลับด้วยการทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายบาดเจ็บจนส่งผลกับอนาคตของมัน เด็กนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ!”

คำว่า “ฆ่า” สะท้อนก้องไปทั่วเมือง กึกก้องไปทั้งผืนนภา

แววตาหนิงฝานเย็นชาจนน่าขนลุก จนทำให้จินฉวนสัมผัสได้ว่า ความตายกำลังคืบคลานเข้ามาหามันทีละก้าว ความอึดอัดที่ได้รับ ทำให้มันหายใจได้อย่างยากลำบาก

“มันไม่ปล่อยข้าไว้แน่… มันบ้าไปแล้ว ถึงมันจะรู้ว่าข้าคือเผ่าพันธุ์สุนัขทองคำ แต่มันยังคิดจะสังหารข้า!”

มันเริ่มหวาดกลัว ไม่ว่ามันกล่าวให้ตนดูยิ่งใหญ่เพียงใด แต่หนิงฝานก็ไม่ใส่ใจ

“ชะ… ช้าก่อน ข้ามีเรื่องจะกล่าว..” เสียงของจินฉวนสั่นเทา กล่าวคำไม่ประติดประต่อ

“ข้าไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกับเจ้าอีก...ตายซะ!”

หนิงฝานปรากฏกายเหนือร่างจินฉวน เท้าข้างหนึ่งเหยียบใส่ร่างของมันอย่างรุนแรง จนร่างระเบิดเป็นหมอกโลหิต

หนิงฝานอ้าปากดูดกลืนเอาโลหิตและดวงจิตของจินฉวนทั้งหมดเข้าไป

แต่น่าเสียดาย หากหนิงฝานมีเวลาได้อ่านความทรงจำของมัน คงทำให้เขารู้เรื่องในแดนสวรรค์ไม่น้อย

แต่สถานะการณ์เช่นนี้ไม่เหมาะให้ทำเช่นนี้ หากเขาไม่เร่งสังหารและดูดกลืน ลู่เจี่ยเฟินคงสอดมือ และทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะดูดกลืนมันไป

อสูรจากแดนสวรรค์อสูร...ตาย!

ผู้คนทั่วทั้งเมืองเปล่งเสียงชื่นชมหนิงฝาน

“นายกองเป่ยทรงพลัง!”

อสูรสมควรกล้าหาญ มีจิตใจที่แน่วแน่

สนมอสูรที่เฝ้ามอง สีหน้าแปรเปลี่ยน “อสูรเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ… หากเจ้าใช่อสูรระดับนั้น เจ้าคงไม่แข็งแกร่งขนาดนี้ แต่หากเจ้าอยู่ในแดนสวรรค์ เจ้าอาจถูกช่วงชิงพลัง...”

หนิงฝานเก็บเอากระเป๋าของจินฉวน ยามนี้ แววตาเขาดูซับซ้อน เขากำลังทบทวนวิชาหอกตะวันเมื่อครู่

หอกตะวันทรงพลัง เป็นวิชาอสูรที่หาได้ยาก แต่โชคดีที่ร่างกายของหนิงฝานบรรลุขอบเขตกระดูกหยกที่ 2 ทำให้ได้วิชาหลอมหยิน หยิบยืมอำนาจของจันทราต่อต้านตะวัน...

เขาค่อยๆเดินเข้าหาลี่ป่าน กลิ่นอายที่ชั่วร้ายแผ่ออกจากร่าง

ยามนี้ลี่ป่านไม่อาจสงบใจ มันถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว

มันหวาดกลัวหนิงฝาน!

“มัน...คือซัวหมิง! เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ เป็นเพียงมดปลวกที่ข้าจะบี้เมื่อไหร่ก็ได้… แต่ทำไมตอนนี้มันถึงแข็งแกร่งขนาดนี้!”

มันหวาดกลัวจนตัวสั่น มือทั้งสองข้างเหงื่อออก!

แม้ใจมันไม่ยอม แต่ร่างกายกลับหวาดกลัวโดยไม่อาจควบคุม

มันแพ้… แพ้แน่!

ตัวมันไม่อาจเอาชนะได้ หากสู้ไปก็มีแต่ตาย!

แต่หากมันไม่สู้ก็ไม่มีความหมาย

“เข้าล้อมมัน!”

แววตาลี่ป่านแปรเปลี่ยน เงาร่างจำนวนมากเข้าห้อมล้อมหนิงฝานบนเวที!

เงาร่างอสูรหลายร้อยตนปรากฏ พวกมันแผ่นกลิ่นอายในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม

พวกมันอยู่ในร่างอสูร ไม่ใช่ร่างมนุษย์

“คาดไม่ถึงว่าลี่ป่านจะมีผู้ติดตามมากขนาดนี้!” ลู่ตู้เฉินตกตะลึง การที่อสูรในแดนสวรรค์จะมีผู้ติดตามได้มากขนาดนี้ นับว่ามันไม่ธรรมดา

การที่ลี่ป่านมีผู้ติดตามมากขนาดนี้ แสดงว่ามันคือตัวตนระดับสูงของตระกูล

นอกจากนี้ ลู่ตู้เฉินยังได้ยินมาว่า ผู้ที่มาจากแดนสวรรค์อสูรมีด้วยกันทั้งหมด 10 คน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง

แต่ในหมู่คนทั้งหมด ผู้ที่มีศักดิ์ฐานะสูงสุดสมควรเป็นลี่ป่าน

มันไม่ยอมสู้กับหนิงฝานด้วยตนเอง จึงเรียกผู้ติดตามของมันออกมา

“อสูรพวกนี้ไม่ธรรมดา… ต่อให้ลู่เป่ยแข็งแกร่ง แต่ไม่รู้ว่าจะรับมือได้ขนาดไหน… หากโดนกุ้มรุม ต่อให้จักรพรรดิสวรรค์มาก็คงช่วยไม่ได้”

บ่าวของหนิงฝานทั้งสองนางที่เฝ้ามองเคร่งเครียด

ลี่ป่านชั่วร้าย มันถึงกับยอมนำอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มที่ทรงพลังออกมาถอนกำลังหนิงฝาน

บางทีตอนนี้ ลี่ป่านอาจลืมพวกนางไปแล้ว

แต่หนิงฝานนั้นต่างไป แม้เขาจะให้พวกนางอยู่ในแหวน แม้จะมีบ่าวอีกนับพัน แต่เขาไม่ลืมพวกนาง ไม่เคยให้บ่าวของเขาออกมาเสี่ยงสักคน

หากพวกนางไม่โดนหนิงฝานจับมาในวันนั้น บางทียามนี้พวกนางอาจโดนลี่ป่านให้ออกมาเผชิญอันตราย

“นายท่านต้องไม่แพ้...”

พวกนางภาวนาเอาใจช่วยให้หนิงฝานสังหารลี่ป่านได้

พวกนางรู้ว่าหากลี่ป่านไม่ตาย มันจะหาโอกาสกลับมาแก้แค้น หากไม่สังหารมันทิ้ง จะกลายเป็นปัญหาในอนาคต

บนเวที… หนิงฝานจ้องมองอสูรที่ปรากฏกายด้วยสายตาเย็นชา

แม้อสูรเหล่านี้จะทรงพลัง แต่หนิงฝานสามารถสังหารพวกมันได้ในฝ่ามือเดียว

หนิงฝานก้าวเท้าไปเบื้องหน้า 1 ก้าว… 2 ก้าว… 3 ก้าว...

4 ก้าว.... 5 ก้าว… 6 ก้าว…

7 ก้าว… 8 ก้าว… 9 ก้าว!

ก้าวย่างเหยียบสวรรค์!

กระบี่ที่ทรงพลังปรากฏ โคจรวนรอบตัวหนิงฝาน

ในหมู่ปราณกระบี่ของหนิงฝาน ปราณกระบี่ที่ทรงพลังที่สุดคือกระบี่อยู่ที่ใจ

แม้ก้าวย่างเหยียบสวรรค์จะเป็นปราณกระบี่ที่อ่อนด้อยที่สุด แต่มันก็เป็นวิชาที่หนิงฝานสร้างขึ้นด้วยตนเอง

ยิ่งเขาใช้มันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใจในวิชามากขึ้น

จนยามนี้ เขารู้สึกราวกับมีเจตจำนงค์กระบี่ปรากฏขึ้นในใจ แม้มันจะยังไม่กระจ่างนั้น

แต่หนิงฝานรู้สึกว่า หากเขาบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ เขาจะบรรลุเจตจำนงค์กระบี่ และกลายเป็นผู้ใช้กระบี่โดยแท้จริง

“ตาย!”

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา

อสูรหลายร้อยตัวที่ล้อมกรอบถูกผนึกไม่อาจเคลื่อนไหว แต่ชั่วลมหายใจต่อมา ร่างของมันทั้งหมดกลายเป็นเศษเนื้อ!

“ลี่ป่าน… เจ้ามีดีอะไรก็งัดออกมาให้หมด ก่อนที่เจ้าจะไม่มีโอกาสอีก...”

“ซัวหมิง อย่าได้อวดดีไป! อสูรดวงจิตแรกเริ่มอย่างเจ้า ข้าจะฆ่าเมื่อไหร่ก็ได้! อสูรเหล่านั้นข้าจงใจให้เจ้าสังหาร เพราะโลหิตของพวกมันฝช้บูชายัญอสูรตัดวิญญาณได้!”

ลี่ป่านสัมผัสกระเป๋า  กลิ่นอายของอสูรตัดวิญญาณ 2 สายปรากฏ

พวกมันก่อตัวขึ้นจากโลหิตของเหล่าอสูรที่ตาย หนึ่งเป็นมังกรโลหิต อีกหนึ่งคือมังกรทมิฬ!

มังกรโลหิตจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาเรียบเฉย

แต่มังกรทมิฬจ้องมองลี่ป่านด้วยแววตาโล�

“พี่ลี่ป่าน… ท่านจะให้พวกข้าสังหารใคร? แต่ช่างเถอะ… ถ้ากลับไปแดนสวรรค์เมื่อไหร่ ท่านช่วยพูดให้พวกข้ากลับไปเผ่ามังกรด้วยนะ...”

“ถ้าฆ่ามันได้ ข้าจะช่วยพูดให้!”

“ดี! คนที่ท่านว่าคือเด็กนี่ใช่มั้ย?”

มังกรทมิฬหันมองหนิงฝาน

มันคืออสูรตัดวิญญาณขั้นกลาง เป็นอสูรมังกรที่ครอบครองโลหิตโบราณที่แท้จริง!

ลู่ตู้เฉินตกตะลึง

ดูเหมือนลี่ป่านจะไม่ธรรมดาอย่างที่คิด

มันถึงกับมีมังกร 2 ตัวเป็นผู้คุ้มกัน! คล้ายกับลี่ป่านเป็นคนสำคัญของเผ่ามังกร

หากลู่เป่ยสู้ไม่ได้ คงไม่รอดแน่

ลู่เป่ยคือความหวังสุดท้ายของลู่ตู้เฉิน มันจะปล่อยให้ลู่เป่ยตายไม่ได้

“ลู่เป่ย! ข้าขอยอมแพ้ในการประลอง เจ้ารีบลงมาจากเวทีได้แล้ว!”

หนิงฝานตกตะลึง แม้ไม่ทราบเป้าหมายของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่ามันจะให้ความสำคัญกับเขามาก

แต่ดูเหมือนลู่เจี่ยเฟินจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น

“ฮ่าฮ่า… ผู้ที่ขึ้นเวทีย่อมต้องประลอง เจ้าจะมาหยุดการประลองแบบนี้ได้ยังไง?”

“แล้วเจ้าคิดว่า 3 ต่อหนึ่งในยุติธรรมเหรอ?”

“ไม่ได้มีกฏบอกสักหน่อยว่าจะใช้ผู้ติดตามไม่ได้”

ลู่เจียเฟินมองหนิงฝานด้วยแววตาเย้ยหยัน อีกไม่นานหนิงฝานจะถูกมังกรฉีกร่าง

แววตาว่านเอ๋อร์เผยถึงความกังวล แม้หนิงฝานจะแข็งแกร่ง แต่เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสู้ในสถานะกาณ์แบบนี้

“ท่านพี่ ท่านช่วยซัวหมิงได้หรือเปล่า? มีท่านคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยเขาได้… ถ้าท่านยอมช่วย ข้าจะเข้าร่วมตำหนักราชาอสูร และจะเป็นบ่าวของท่านด้วย...”

สนมนางสวรรค์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้

เข้าร่วมตำหนักราชาอสูร… เป็นบ่าวของนาง

ว่านเอ๋อร์นี่โง่จริงๆ… คนมากมายยอมทุ่มทุกสิ่งก็ยังไม่อาจเข้าร่วมตำหนักราชาอสูรได้ แต่จู่ๆนางกลับบอกว่าจะเข้าร่วมและยอมเป็นบ่าว

แต่ถึงอย่างนั้น ที่นางทำไปทั้งหมดก็เพราะหนิงฝาน นั่นทำให้สนมอสูรใจอ่อน

“เขาควรค่าให้เจ้ายอมทุ่มเทเหรอ? ถ้าเจ้าเข้าร่วมตำหนักราชาอสูร เจ้าจะกลายเป็นสนมอสูร ไม่มีโอกาสพบลู่เป่ยอีกครั้ง เจ้าจะไม่เสียใจเหรอ?”

“ข้าก็ไม่รู้...” นางขบริมฝีปาก นางไม่รู้ว่าสนมอสูรคืออะไร

“ข้าอยากให้เขาปลอดภัย… ก็แค่นั้น...”

“เด็กโง่… ข้าอยู่ในแดนสวรรค์อสูรอย่างโด่ดเดี่ยว ไร้ญาติมิตรครอบครัว มีแต่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่เหมือนเป็นครอบครัวของข้า… หากคนที่เจ้ารักเป็นอันตราย ข้าจะอยู่เฉยได้ยังไง?”

สนมอสูรถอนหายใจ นางตัดสินใจจะช่วยหนิงฝาน

แต่ในขณะที่นางกำลังจะเคลื่อนไหว จู่ๆนางกลับต้องชงักฝีเท้า ใบหน้าที่งดงามตกตะลึง!

เพราะหนิงฝานจ้องมองมังกรทั้งสองตัวและลี่ป่านด้วยแววตาเย้ยหยัน

“น่าสนใจ ข้าไม่รู้มาก่อนว่าการประลองจะนำผู้ติดตามมาด้วยได้… อย่าคิดว่าเจ้ามีผู้ติดตามในขอบเขตตัดวิญญาณเพียงคนเดียว”

หนิงฝานโบกมือ ศพนางสวรรค์และทหารศิลาปรากฏกาย

แรงกดดันของทหารศิลานั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าลี่ป่าน

ศพนางสวรรค์ที่หนิงฝานนำออกมา ก็ทรงพลังในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง

การปรากฏตัวของทั้งสองทำให้สีหน้าลี่ป่านแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“ศพในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง สัตว์เลี้ยงในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น! เป็นไปไม่ได้ มดปลวดอย่างเจ้าเหตุใดถึงมีผู้ติดตามที่ทรงพลังขนาดนี้!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด