ตอนที่แล้วSH.14 – ซากปรักหักพังแห่งหมอก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSH.16 – ลึกลงไปในซากปรักหักพัง

SH.15 – การโจมตีของคนสองคน


15 – การโจมตีของคนสองคน

“ฉันหรอคะ?”

ดวงตาของไลซ์เบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ แม้แต่แมทซึ่งนั่งอยู่ข้างเธอยังประหลาดใจ

ทุกคนใน Dragon Soul Continent รู้ดีว่านักบวชมีอาชีพคล้ายกับหมอและพยาบาล โดยทั่วไปพวกเขาเป็นคลาสสนับสนุน หน้าที่ของพวกเขาคือการรักษาแผล รักษาอาการบาดเจ็บ ร่ายเวทย์ป้องกันและถอนพิษ แต่สำหรับการต่อสู้ในแนวหน้านั้นไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน!

“ใช่แล้ว”

โรดส์พยักหน้า เมื่อเขาเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ราวกับหัวหน้ากิลด์ที่กำลังสั่งคำสั่งทีมของเขาในการพิชิตดันเจี้ยน

“คุณต้องฟังคำสั่งของผม ไม่จำเป็นต้องมีทักษะพิเศษอะไร แต่คุณต้องตอบสนองและดูพื้นที่รอบๆให้ดี ถ้าคุณคุ้นเคยกับมันแล้ว มันจะไม่ยากอีกต่อไป... คุณสามารถใช้ ‘ออร่าแสงศักดิ์สิทธิ์’ ได้กี่ครั้ง?”

แม้ว่าเขาจะเดาระดับได้ เมื่อเขาได้รับการรักษาจากเธอ แต่จะดีกว่าเพื่อยืนยันให้แน่ใจ

“ฉันเป็นนักบวชชั้นนอกขั้น 7 ส่วนออร่าแสงศักดิ์สิทธิ์...ฉันใช้ได้เพียงวันละครั้งเท่านั้น....และใช้ได้ 1 วัน...ถ้ามีพลังวิญญาณพอค่ะ”

การร่ายเวทย์ของคลาสที่ไม่ใช้สายต่อสู้นั้นแตกต่างไปจากสายต่อสู้อย่างสิ้นเชิง นอกจากระดับแล้ว พวกเขายังแตกต่างในเรื่องของพลังวิญญาณอย่างเช่น นักบวชชั้นนอก นักบวชชั้นกลาง นักบวชชั้นใน นักบวชชั้นนอกจะมีทั้งหมด 10 ระดับ ชั้นกลาง 7 ระดับ และชั้นใน 3 ระดับ เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าพลังวิญญาณของพวกเขามาจากส่วนลึกของดวงวิญญาณของตัวพวกเขาเอง โดยทั่วไปเมื่อมองในมุมมองของพวกเขาแล้ว การมีอยู่ของทั้งสามชั้นจะส่งเสริมซึ่งกันและกัน เมื่อตัวผู้ร่ายเข้าใจในดวงวิญญาณของตนเอง พลังของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้น และเนื่องจากความแข็งแกร่งของไลซ์มาถึงนักบวชชั้นนอกขั้น 7 นั่นหมายความว่าเธอใกล้จะเข้าสู่การเป็นนักบวชชั้นกลางแล้ว

หาได้ยากมากที่นักบวชระดับ 6 จะมาถึงชั้นกลาง ดังนั้นโรดส์จึงยิ่งมั่นใจในการเลือกของเขาหลังจากได้รับการยืนยันความสามารถของเธอ

“เอาล่ะ จำไว้ว่าต่อจากนี้ไป คุณไม่จำเป็นต้องใช้เวทย์แสงรักษากับผม ไม่ว่าผมจะได้รับบาดเจ็บมากแค่ไหน คุ้มกันแมท สร้างบาเรียแสงให้เขาถ้ามีอันตรายเกิดขึ้น...เข้าใจไหม?”

“ฉันเข้าใจค่ะ คุณโรดส์”

แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเข้าใจบางคำพูดที่โรดส์ใช้ แต่เธอยังคงเข้าใจความหมายที่เขาสื่อ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า

“แมท อาหารของพวกเราใช้อยู่ได้นานเท่าไหร่?”

“ประมาณ 3-4 วัน...”

ขณะที่ถือกระเป๋า พ่อค้าร่างอ้วนตอบด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

“แต่ถ้าพวกเราประหยัดอาหารมากขึ้น....”

“เป็นโอกาสดีที่คุณจะลดน้ำหนักตอนนี้”

ถ้าโรดส์พูดในขณะที่กำลังหัวเราะ แมทคงคิดว่าเขากำลังล้อเล่น แต่สีหน้าของโรดส์สงบนิ่งมาก ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่น นั่นทำให้เขาตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาถือกระเป๋าเดินทางด้วยความตั้งใจและพูดบางอย่าง อย่างไรก็ตาม โรดส์หันไปรอบๆและมองหน้าโรดส์และสั่งเธอ

“ร่ายเวทย์ออร่าแสงศักดิ์สิทธิ์เดี๋ยวนี้”

“ค่ะ”

ไลซ์พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเธอยื่นมือออกมาและหลับตา

ในไม่ช้า แสงนุ่มนวลค่อยๆสว่างออกมาจากฝ่ามือของเธอและกระจายไปทุกทิศทาง ดูทั่วไปอาจจะเป็นภาพลวงตา แต่พ่อค้าอ้วนพบว่าแสงสว่างนั้นทำให้หมอกจางหายไปช้าๆ

จากนั้นเขาลูบดวงตาอย่างเหลือเชื่อและมองหมอกรอบๆตัวที่หายไป ก่อนหน้านี้พวกเขาสามารถมองเห็นได้เพียงเงาคลุมเคลือของซากปรักหักพังเท่านั้น แต่ตอนนี้ พวกเขาสามารถมองเห็นกำแพงและเศษซากบ้านใกล้ๆได้อย่างชัดเจน นั่นทำให้พวกเขารู้สึกโล่งใจเล็กน้อย อย่างน้อยก็สามารถมองเห็นได้ไกลขึ้น

“ผมจะเป็นแนวหน้า ไลซ์คุณตามหลังผม แมท คุณเป็นคนสุดท้าย อย่าเดินไปไกลจากผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องสนใจ”

ซากปรักหักพังเงียบสงบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ออร่าแสงศักดิ์สิทธิ์ได้สลายหมอกออกไป แต่หายไปในระยะของรัศมีที่แสงส่องถึง ภายใต้การนำของโรดส์ ทุกๆคนเคลื่อนที่อย่างช้าๆ แต่ในม่ช้า โรดส์ส่งสัญญาณมือไปข้างหน้าช้าๆ บอกให้พวกเขาหยุดเดิน

หากความทรงจำของเขาถูกต้อง เขาเกือบจะถึงจุดที่มอนสเตอร์ฝูงแรกจะถูกปล่อยออกมา

ใช้เวลาไม่นาน เมื่อพวกเขาเดินมาถึง แสงสว่างส่องขึ้นราวกับคบเพลิงถูกจุด

“นั่-นอะไร?”

แมทร้องขึ้นทันที

“นั่นคือเจตจำนงค์แห่งสายหมอก”

โรดส์ยื่นแขนขวาออกไป ปรากฏดาบเครื่องหมายแห่งดวงดาวใบมือของเขา

“ระวังด้วย พวกเขาจะไม่เข้ามาใกล้ ถ้าพวกเราไม่ไปยั่วยุวพวกมัน”

เมื่อโรดส์พูดจบ หมอกด้านหน้าของพวกเขาเริ่มหดตัวลงและปรากฏสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาด 3 ตัวขึ้น

ร่างของพวกเขาคล้ายมนุษย์ แต่ทั้งร่างของพวกมันปกคลุมไปด้วยหมอกหนา มีดวงตา 3 คู่ส่องสว่างออกมาบนหัวของมัน เป็นเครื่องยืนยันว่าพวกมันไม่ใช่หมอกทั่วไป

“ไลซ์ ร่ายเวทย์แสงรักษาใส่พวกมันเลย”

เวทย์แสงรักษา?

เมื่อได้ยินคำสั่ง เกิดความสงสัยขึ้นในใจของเธอ เวทย์รักษา ทำไมเธอต้องร่ายใส่มอนสเตอร์ด้วย? คำถามเธอใช้เวลาคิดเพียง 1 วินาที จากนั้นเธอยกมือขึ้นและร่ายเวทย์แสงรักษาใส่ร่างของมอนสเตอร์ตรงหน้าเธอ

สำหรับนักบวช ทักษะของไลซ์ถือว่าค่อนข้างดี เวทย์แสงรักษาเป็นเวทย์ระยะไกล ไม่ยากเท่าไหร่ในการร่ายตราบเท่าที่เธอรู้ตำแหน่งของเป้าหมาย สำหรับไลซ์เป็นเรื่องง่ายมาก ตรงหน้าของเธอคือศัตรู ไม่ใช่เพื่อนของเธอ นั่นทำให้เธอเกิดความลังเลเล็กน้อย แต่เธอยังคงร่ายเวทย์ออกมา

แสงสีขาวส่องสว่างออกมาจากท้องฟ้า มันปกคลุมร่างเจตจำนงแห่งหมอก ตามผลลัพธ์ดั้งเดิมของมัน แสงรักษาจะช่วยฟื้นฟูพลังชีวิต ทำให้ผู้คนรู้สึกมีเรี่ยวแรง มันเป็นเวทย์พื้นฐานของนักบวช

แต่ที่น่าประหลาดใจคือ เจตจำนงแห่งหมอกมีปฏิกิริยาตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอคิด หลังจากสัมผัสกับแสงรักษา มันกรีดร้องเสียงออกมาอย่างรุนแรง เธอสามารถได้ยินเสียงมันได้อย่างชัดเจนในระยะไกล มอนสเตอร์หมอกรูปร่างมนุษย์ก่อนหน้านี้กำลังล้มลงและสั่นกลัว ราวกับกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างพันรอบร่างของมัน หมอกที่ปกคลุมร่างของมันกำลังสลายไปราวกับถูกแสงอาทิตย์หลอมละลาย ไลซ์ตกตะลึงและก้มลงมองมือของเธอ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเธอสามารถปลดปล่อยเวทย์ที่รุนแรงถึงตายได้

เมื่อมองไปที่เจตจำนงแห่งหมอก ปฏิกิริยาของโรดส์นิ่งมาก เขารู้ดีว่าแสงรักษาเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อเจตจำนงแห่งหมอก แต่หากเป็นทูตสวรรค์เป็นคนร่ายเวทย์นี้ มันจะเหมือนกับกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ไลซ์เป็นเพียงครึ่งทูตสวรรค์ หากเธอมีสายเลือดบริสุทธิ์เจตจำนงแห่งหมอกคงกลายเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว

ไลซ์ไม่เข้าใจว่าเวทย์รักษาให้ผลลัพธ์เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ผู้เล่นจาก Dragon Soul Continent ต่างรู้ดีว่าทำไม จากมุมมองของพวกเขา ชื่อ ‘แสงรักษา’ เป็นเพียงชื่อที่ถูกตั้งขึ้นของเวทย์ธาตุศักดิ์สิทธิ์ แต่เนื่องจากผลของมันสามารถรักษาสิ่งมีชีวิตได้ มันจึงถูกเรียกอย่างง่ายว่าแสงรักษา แต่มันไม่ได้หมายความว่ามันจะทำงานเช่นนั้น ใน Dragon Soul Continent มีเรื่องตลกเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมายในหมู่ผู้เล่น

โชคชะตาที่น่าเศร้าของเนโครแมนเซอร์ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มอันเดด เนื่องจากเวทย์ของเนโครแมนเซอร์โดยพื้นฐานเป็นธาตุมืด และการใช้เวทย์ธาตุมืดโจมตีอันเดดที่เป็นธาตุเดียวกันให้ผลเป็นการรักษาแทนการทำลายพวกมัน มันเป็นการทำลายแฟนตาซีของผู้เล่นที่เลือกเล่นเนโครแมนเซอร์ที่คิดว่าพวกเขาสามารถสร้างกองทัพอันเดดที่สามารถเป็นอมตะได้ ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องเรียนรู้เวทย์ธาตุอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถฆ่ามอนสเตอร์ประเภทอันเดดได้

เมื่อเปรียบเทียบลักษณะที่คล้ายคลึงกันระหว่างเนโครแมนเซอร์และนักบวช พวกเขาส่วนใหญ่ใช้พื้นฐานของตนเอง พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับธาตุตรงข้าม แต่เนโครแมนเซอร์ชอบที่จะเจอสิ่งมีชีวิตอื่นมากกว่าอันเดด

สำหรับนักบวช เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับอันเดด พวกเขาสามารถเปลี่ยนรูปแบบการเล่นจากสายสนับสนุนเป็นหนึ่งในสายโจมตีได้ แต่ความเป็นไปได้ที่จะเจอกับอันเดดต่ำเสียยิ่งกว่าเนโครแมนเซอร์

ตอนนี้ถึงเวลาที่นักบวชจะได้เฉิดฉายแล้ว

“โจมตี 2 ตัวด้านหลัง!”

โรดส์สั่งการ ขณะที่พุ่งเข้าหาเจตจำนงแห่งหมอกด้านหน้าเขา

“ค่ะ!”

เสียงตอบรับดังตามขึ้นมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด