ตอนที่แล้วทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 28
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 30

ทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 29


ตอนที่ 29

ตอนบ่าย คาบเรียนที่สอง หยางซิ่นเจ๋อใช้เวลาที่ไม่มีสอน ถือแบบที่เขียนเสร็จแล้ว เดินมาเคาะประตูห้องทำงานผู้อำนวยการ

“เชิญเข้ามา” เสียงของเย่อวี้เฉิงดังมาจากข้างใน เห็นคนที่เข้ามา คือ หยางซิ่นเจ๋อ ก็ถอดแว่นแล้วถาม “มีธุระอะไร?”

“ผู้อำนวยการครับ เรื่องออกแบบชุดกีฬาบาสที่คุยกับผมเมื่อเช้านี้…”

“ทำไมเหรอ?” เย่อวี้เฉิงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย คิดว่าหยางซิ่นเจ๋ออยากจะต่อรอง

หยางซิ่นเจ๋อพูดด้วยความภาคภูมิใจ “ผมออกแบบเสร็จแล้วครับ คุณดูสิ”

หยางซิ่นเจ๋อเอาแบบวางไว้บนโต๊ะทำงาน “โดยพื้นฐานแล้ว เพื่อให้เข้ากับโรงเรียน ดังนั้นสีของชุดกีฬาบาสจะพื้นสีฟ้าขาวเป็นหลัก และเพื่อเพิ่มความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ผมแนะนำให้ตัดสองชุด ชุดหนึ่งพื้นสีฟ้า ตัวหนังสือสีขาว อีกชุดก็ตัดตรงข้ามกับที่ผมพูดเมื่อครู่”

เย่อวี้เฉิงหยิบแบบขึ้นมา ดูอย่างละเอียด “พูดง่ายๆ ก็คือ คล้ายกับชุดบาสเกตบอลเอ็นบีเอ”

“ถูกต้องครับ” หยางซิ่นเจ๋อพยักหน้า

เย่อวี้เฉิงมองดูแบบ ถามด้วยความสงสัย “คุณคงไม่ลอกมาจากเว็บไซต์ที่ไหนนะ?”

หยางซิ่นเจ๋อยิ้มหน้าเจื่อนออกมา “ผู้อำนวยการ ทำไมคุณคิดอย่างนี้?”

“สิ่งที่คุณส่งมา ดีกว่าที่ผมจินตนาการไว้มาก ผมคิดมาตลอดว่าคุณขี้โม้ คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะน่าทึ่งอย่างนี้ คุณออกแบบเองจริงๆ เหรอ?” เย่อวี้เฉิง ไม่อยากจะเชื่อว่านิสัยที่ไม่เป็นโล้เป็นพายของหยางซิ่นเจ๋อกับแบบที่มีรายละเอียดนี้จะเชื่อมโยงกันได้

“ผู้อำนวยการครับ วิธีการชื่นชมคนของคุณ แปลกจริงๆ”

เย่อวี้เฉิงกับหยางซิ่นเจ๋อมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ หยางซิ่นเจ๋อเอามือถูกัน เผยรอยยิ้มประจบประแจงออกมา “ผู้อำนวยการครับ การออกแบบชุดกีฬาบาสนี้ ผมเสียสละเวลาพักกลางวันอันมีค่า ทำออกมาในช่วงเวลาอันสั้นนี้”

เย่อวี้เฉิงโบกมือห้าม “ไม่ต้องพูดอ้อมค้อม”

หยางซิ่นเจ๋อยิ้มกว้าง “ที่แท้ผู้อำนวยการเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา ถ้างั้นผมก็พูดตรงๆ เลยแล้วกัน เกี่ยวกับคะแนนประเมินการสอนปีนี้…”

เย่อวี้เฉิงวางแบบลง ถอนหายใจ “ครูหยาง คุณรู้สึกไหมว่าวันนี้อากาศดี เป็นวันที่เหมาะจะออกไปเล่นบาสเกตบอล?”

“ผู้อำนวยการ” หยางซิ่นเจ๋อถลึงตาใส่ผู้อำนวยการที่เปลี่ยนเรื่องพูด

เย่อวี้เฉิงรู้ตัวว่าไม่สามารถทำเสแสร้งต่อได้ “เอาเถอะ เรื่องคะแนนประเมินการสอน เดี๋ยวผมจะหาวิธีดู แต่ ผลงานของคุณก็ต้องไม่แย่เกินไปนะ ไม่อย่างนั้น ที่ผมทำได้ก็มีข้อจำกัด”

“แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมเข้าใจ” หยางซิ่นเจ๋อยิ้มกว้างออกมา

“ออกแบบชุดกีฬาบาสได้ดีมาก ก็ตามนี้นะ ครูหยาง ผลงานของคุณยอดเยี่ยมเกินความคาดหมาย คุณได้รับความไว้วางใจจากผม ดังนั้นนอกจากเรื่องออกแบบชุดกีฬาบาสแล้ว ก่อนที่ชุดกีฬาบาสจะมาส่ง ปัญหาด้านทางเทคนิคที่ต้องเจอทั้งหมดฝากคุณด้วยนะ”

หยางซิ่นเจ๋อกระแอมเสียงเบาๆ “ผู้อำนวยการครับ จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยเข้าใจ เรื่องที่คุณพูดเมื่อครู่ อะไรคือ ‘เกี่ยวกับปัญหาด้านทางเทคนิคที่ต้องเจอทั้งหมด’ มันหมายความว่าอะไรครับ?”

ผู้อำนวยการยิ้มอย่างเบิกบาน “ครูหยาง ผมเชื่อว่าคุณเข้าใจ ว่าผมพูดอะไร”

หยางซิ่นเจ๋อถอนหายใจ “ผู้อำนวยการครับ คุณให้ผมออกแบบชุดกีฬาบาส ผมก็ยอมแล้ว แต่ว่าเรื่องติดต่อซัพพลายเออร์ เรื่อง

การเบิกจ่ายเงิน รายละเอียดต่างๆ นี้ ถ้าให้ผมทำทั้งหมด มันจะเกินไปหน่อยหรือเปล่าครับ?”

“ก็บอกแล้วว่าคุณฟังเข้าใจ ครูหยาง ผมพบว่า พวกเราเข้าขากันจริงๆ”

“ผู้อำนวยการครับ กรุณาอย่าเปลี่ยนเรื่อง”

เย่อวี้เฉิงก็เลยต้องใช้อีกวิธี “ครูหยาง เมื่อวานคุณได้ดูพวกเราแข่งบาสเกตบอลกระชับมิตรกับมัธยมปลายตงไถไหม?”

หยางซิ่นเจ๋อพยักหน้า “ได้ดูครับ”

“ผมเชื่อว่าคุณพบว่าพวกเรากวงเป่ย พละกำลังตอนนี้ ถึงแม้จะไม่แข็งแกร่ง แต่กลับเป็นทีมที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์”

“เรื่องนี้ผมเห็นด้วย”

“ครูหยาง อย่างเช้าวันนี้ โค้ชอู๋แจ้งข่าวดีกับผม ก็คือโรงเรียนมัธยมปลายซินซิงประกาศยุบทีมบาสเกตบอล ตัดสินใจเปลี่ยนไปเป็นมัธยมปลายที่เน้นการเข้าสอบมหาวิทยาลัยอย่างเดียว”

“จากนั้นล่ะครับ?”

“โรงเรียนมัธยมปลายซินซิงมีสองทีม แบ่งเป็นทีมลีกเอกับทีมลีกบี ซินซิงยุบทีมแล้ว ก็หมายความว่า ปีนี้กวงเป่ยมีความหวังจากการแข่งขันลีกซี แล้วก็ขยับเลื่อนขั้นไปถึงการแข่งขันลีกเอ”

หยางซิ่นเจ๋อยังไม่ค่อยเข้าใจว่า เย่อวี้เฉิงจะบอกอะไร “แล้วยังไงครับ?”

“คุณคิดดูสิ โรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ยจากที่ไม่มีทีมบาสเกตบอล จนมีทีม จากทีมเล็กๆ ที่ไม่มีชื่อเสียง ได้ขึ้นไปยืนบนเวทีการแข่งขันลีกเอ ชุดกีฬาบาสที่ใส่ ก็คือการออกแบบของคุณเอง แค่คิดก็ทำให้ซาบซึ้งใจแล้ว!”

“อืม ซาบซึ้งใจมาก แล้วยังไงต่อครับ?”

“ครูหยาง ปฏิกิริยาของคุณทั้งเย็นชา ทั้งตอบแบบขอไปทีอย่างนี้ ทำให้จิตใจของผมห่อเหี่ยวนะ”

“ผู้อำนวยการ พฤติกรรมของคุณที่เอาเปรียบผม ซึ่งเป็นครูที่เพิ่งเข้าใหม่อย่างนี้ถึงจะทำให้ผมจิตใจห่อเหี่ยวนะ” หยางซิ่นเจ๋อสีหน้าโมโห จ้องเย่อวี้เฉิง แต่ก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าดีใจทันที เขาเปลี่ยนอารมณ์ก่อนและหลังอย่างรวดเร็ว ทำให้เย่อวี้เฉิงเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองกำลังดูการแสดงเปลี่ยนหน้ากากของเสฉวน

“แต่ว่า ผมก็ไม่ใช่คนที่สื่อสารด้วยยากนะ ขอเพียงแค่ผู้อำนวยการรับปากข้อเสนอเรื่องหนึ่ง ผมรับประกัน เรื่องชุดกีฬาบาส จะนำเสนอออกมาในแบบมืออาชีพ”

“ข้อเสนออะไร คุณลองพูดมาก่อน” ครั้งนี้เย่อวี้เฉิงได้กลิ่นบางอย่างที่ผิดปกติ

“ผมอยากทำหน้าที่ผู้ช่วยโค้ช”

พอได้ฟังข้อเสนอนี้ เย่อวี้เฉิงเอนหลังพิงเก้าอี้ สองมือประสานกัน สายตามองไปที่หยางซิ่นเจ๋อ “ก่อนที่ผมจะให้คำตอบ ในข้อเสนอของคุณ ผมอยากถามคุณก่อน ว่าทำไม?”

หยางซิ่นเจ๋อตอบ “เมื่อวานตอนที่ผมดูแข่งบาส รู้สึกถึงความกระตือรือร้นของทีม แม้ว่าจะถูกตงไถเล่นงานเสียจนหมดท่า แต่ว่าการเล่นของกวงเป่ยกลับมีความกระตือรือร้นกว่าตงไถ โดยเฉพาะหลี่กวงเย่า เมื่อเขาได้บอล บรรยากาศทั้งสนามเปลี่ยนไปทันที ไม่ว่าจะเป็นทักษะการเล่นหรือเสน่ห์ส่วนตัว ก็ไม่สามารถที่จะไม่สนใจเขาได้ ผู้เล่นที่ทำให้คนไม่อาจละสายตาได้ ผมเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แล้วนอกจากเขาแล้ว ผู้เล่นคนอื่นๆ ของกวงเป่ยก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่าง สำหรับทีมที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างนี้ ผมไม่อยากเป็นแค่ผู้ชมข้างสนาม แต่อยากจะมีส่วนร่วม”

เย่อวี้เฉิงพยักหน้า “ครูหยาง หากเวลาปกติคุณจริงจังได้ครึ่งหนึ่งเหมือนที่พูดเมื่อครู่นี้ ผมคิดว่า ต่อไปคุณคงไม่ต้องกลุ้มใจเรื่องคะแนนประเมินการสอน ส่วนเรื่องผู้ช่วยโค้ช ผมกับหัวหน้าโค้ชจริงๆ แล้วเคยปรึกษาเรื่องนี้กันแล้ว แต่ว่าในใจของผมมีคนที่เหมาะสมไว้แล้ว แต่ว่าคนคนนั้นอาจจะไม่ยอมเป็นผู้ช่วยโค้ช แต่อย่าเพิ่งด่วนดีใจ ก่อนที่จะตัดสินใจในเรื่องนี้ ผมยังไม่สามารถรับปากอะไรคุณได้”

“ครับ ผมเข้าใจ งั้นผมจะรอฟังข่าวจากผู้อำนวยการ”

“อย่าตั้งความหวังไว้สูงเกินไปนะ แล้วเรื่องการเบิกจ่าย อย่าลืมออกใบเสร็จหรือใบกำกับภาษี ถึงตอนนั้นก็มาทำเรื่องขอเบิก อย่าซื่อบื้อจ่ายเองล่ะ”

“ผู้อำนวยการ เรื่องนี้คุณวางใจได้ เกี่ยวกับเรื่องเงิน ผมมีใจแต่ไม่มีเงินครับ” หยางซิ่นเจ๋อหัวเราะลั่น

 

อู๋ติ้งหวาใช้เวลาช่วงทำความสะอาดยี่สิบนาทีในตอนบ่าย รวมตัวผู้เล่นในทีมทั้งหมด เพื่อประกาศเรื่องส่งรายชื่อสมัครเข้าร่วมแข่งขันเรียบร้อยแล้ว และหลังจากพูดเรื่องเกี่ยวกับการฝึกซ้อมเสร็จแล้ว ก็ปล่อยให้ทุกคนแยกย้าย

ผู้เล่นบาสเกตบอลแต่ละคนกลับห้องเรียนของตัวเองด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้นระคนตึงเครียด ทว่ากลับมีอยู่หนึ่งคนที่สีหน้าบกบ่องถึงความเศร้าและหดหู่

หลี่กวงเย่ากับไมค์เดินมาด้วยกัน มองดูเซี่ยหย่าซูเดินอยู่ข้างหน้าคนเดียว เขารีบเดินตามไป มือขวาโอบไหล่เซี่ยหย่าซู ทำให้เซี่ยหย่าซูตกใจจนสะดุ้ง “นายทำอะไร!”

หลี่กวงเย่ามองไปด้านหน้า “เพื่อนร่วมทีม มีเรื่องไม่สบายใจเหรอ?”

พอได้ยิน ‘เพื่อนร่วมทีม’ สามคำนี้ แม้เซี่ยหย่าซูจะพยายามควบคุมตัวเองอย่างไร ก็ยังซ่อนสีหน้าที่ผิดหวังไม่ได้ “ไม่มีอะไร”

“ไม่มีนะสิ ถึงจะเรียกว่าแปลก ฉันไม่ต้องมอง ก็รู้ว่าตอนนี้เธอรู้สึกแย่” หลี่กวงเย่าโอบบ่าเซี่ยหย่าซูแน่น “ไม่ว่าจะอย่างไร เธอคือเพื่อนร่วมทีมของพวกเรา”

พอได้ยินประโยคนี้ ทำให้เซี่ยหย่าซู ที่เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในรายชื่อสมัครเข้าร่วมแข่งขันบาสเกตบอล ในที่สุดก็อดไม่ได้ น้ำตาไหลออกมา ถึงอย่างไรก็ตาม เซี่ยหย่าซูยังคงเข้มแข็งที่จะร้องไห้ไม่ให้มีเสียงออกมา

รู้สึกได้ถึงความสั่นเทาของเซี่ยหย่าซู หลี่กวงเย่าตบไหล่ของหล่อน “เธอรู้ไหม ถึงเธอจะไม่สามารถลงสนามแข่งขันร่วมกับพวกเราได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอไม่ได้อยู่ในทีม”

“ฉัน…ฉันก็…อยากจะ…แข่งขัน” เซี่ยหย่าซูร้องไห้สะอื้น หล่อนชอบบาสเกตบอลมาก แต่เป็นเพราะเพศ ที่ทำให้หล่อนไม่สามารถยืนอยู่ในสนามประลองฝีมือกับคู่ต่อสู้ด้วยความห้าวหาญ สวมเสื้อต่อสู้อย่างภาคภูมิใจได้

หลี่กวงเย่าพูดต่อ “ในสนามบาส ฉันเป็นผู้นำของทุกคน เพราะว่าฉันแข็งแกร่งที่สุด แต่ในสนามบาส นอกจากทักษะการเล่นแล้ว ยังมีอีกเรื่อง ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันว่าชนะหรือแพ้นั้นก็คือขวัญกำลังใจของ ‘สมาชิกในทีม’ ในประวัติศาสตร์เอ็นบีเอ มีตัวอย่างทีมที่อ่อนแอเอาชนะทีมแข็งแกร่งที่ไม่สามารถจะยกตัวอย่างขึ้นมาพูดได้หมด แม้การต่อสู้ในรอบตัดเชือก ก็เคยมีตำนาน ตำนานเก๋าอันดับที่8[1] เกิดขึ้นมาแล้ว

“ทีมบาสเกตบอลของพวกเราเพิ่งจะตั้งขึ้น ในแต่ละด้านก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง แม้แต่ทีมที่แข็งแกร่ง อาจจะแพ้เพราะหมดกำลังใจ หากเป็นกวงเป่ยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หากเราเสียกำลังใจให้ฝ่ายตรงข้าม ทุกๆ ด้านจะล้มเอาง่ายๆ ถึงตอนนั้น ฉันก็ต้องการให้เธอรับหน้าที่ด้านผู้นำทางจิตวิญญาณ ตะโกนเชียร์ ให้กำลังใจพวกเราอยู่นอกสนาม ทำให้พวกเรารู้ว่าพวกเราไม่ได้ยืนโดดเดี่ยวอยู่ในสนาม”

“อย่าคิดว่าเป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณเป็นเรื่องง่าย คนที่ได้รับความไว้วางใจจากทุกคน จึงจะสามารถทำหน้าที่นี้ได้ ฉันชอบเธอที่มีใจรักบาสเกตบอล แล้วก็การชู้ตบาสของเธอ ยิ่งชื่มชมการต่อสู้ของเธอ นอกจากเธอแล้ว ฉันยังนึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครที่เหมาะสมที่จะมาทำหน้าที่ผู้นำทางจิตวิญญาณของทีมได้”

เซี่ยหย่าซูเช็ดน้ำตาบนในหน้า สูดน้ำมูก เงยหน้า ขอบตาแดงก่ำ มองใบหน้าที่จริงจังของหลี่กวงเย่า หลุดขำออกมา “หลี่กวงเย่า มีคนเคยบอกนายไหมว่า นายเป็นคนที่ปลอบคน ไม่เป็นเอาซะเลย?”

หลี่กวงเย่าปล่อยมือจากไหล่เซี่ยหย่าซู เกาหัว แสดงความเก้อเขิน “ไม่มี”

เซี่ยหย่าซูเป่าลมจากปาก “วางใจเถอะ ฉันไม่ได้อ่อนแอ อย่างที่นายคิดไว้ขนาดนั้น อีกอย่าง อยากให้ผู้หญิงคนหนึ่งเชียร์พวกนาย มันจะหน้าด้านไปซักหน่อยนะ”

หลี่กวงเย่ามองเซี่ยหย่าซู “ฮ่า ฮ่า ฮ่า สบายใจได้ ถึงตอนนั้น ไม่แน่เธออาจจะเชียร์ ทีมคู่แข่ง ก็เป็นได้”

“จะเป็นไปได้ไง”

หลี่กวงเย่าเผยรอยยิ้มแห่งความเชื่อมั่นในตัวเองออกมา “จะเป็นไปได้ไงเหรอ ตอนที่เธอเห็นว่า ไม่มีใครสามารถสกัดกั้นฉันได้ เธอจะเริ่มรู้สึกว่า พวกเขาช่างน่าสงสาร แล้วก็อดไม่ได้ อยากจะเชียร์พวกเขา”

เซี่ยหย่าซูกรอกตา “หลี่กวงเย่า นายจะหลงตัวเองเกินไปแล้วนะ

หลี่กวงเย่าหัวเราะลั่น “เพื่อนร่วมทีมเก่าของฉัน บอกว่าฉันเป็นพวกไอ้บ้าหลงตัวเอง” ถึงตอนนี้เสียงออดก็ยังขึ้น หลี่กวงเย่ากวักมือเรียกไมค์ที่อยู่เดินอยู่ด้านหลัง แล้วตบไหล่ของเซี่ยหย่าซู “เอาล่ะ ฉันต้องกลับไปเข้าเรียนแล้ว ไปก่อนนะ บาย”

“อื้อ” เซี่ยหย่าซูพยักหน้า พูดกับหลี่กวงเย่าด้วยเสียงเบา “ขอบคุณ”

เพราะว่าถูกรบกวนด้วยเสียงออด หลี่กวงเย่าจึงไม่ได้ยินที่เซี่ยหย่าซูพูด “ฮะ เธอพูดอะไร?”

“ไม่มีอะไร ฉันก็ต้องกลับเข้าห้องเรียนเหมือนกัน บาย!” เซี่ยหย่าซูพูดเสียงดัง

“อื้อ บ๊ายบาย” หลี่กวงเย่าโบกมือ

ไมค์หันกลับไปมองดูให้แน่ใจว่าเซี่ยหย่าซู เดินไปคนละทางกับกับพวกเขาแล้ว จึงพูด “พ่อบอกว่า แต๊ะอั๋งผู้หญิงเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรทำ”

“เมื่อตะกี้ฉันแต๊ะอั๋งหล่อนตรงไหน สายตาข้างไหนของนายเห็นว่าฉันแต๊ะอั๋งหล่อน?”

ไมค์กะพริบตาซ้าย “ข้างนี้” แล้วก็กะพริบตาข้างขวา “ยังมีข้างนี้อีก”

หลี่กวงเย่าขำ ที่ถูกไมค์ล้อเลียน “ไมค์ เมื่อตะกี้นายเห็นท่าทางของเซี่ยหย่าซูไหม รู้สึกว่ามันแย่ไหม?” ไมค์พยักหน้า

“นายรู้สึกว่าเซี่ยหย่าซูใช่เพื่อนร่วมทีมของพวกเราไหม แม้ว่าหล่อนจะไม่ได้อยู่ในรายชื่อเข้าแข่งขันลีกมัธยมปลาย?”

ไมค์พยักหน้าอีกครั้ง

“ดังนั้น เมื่อเห็นเพื่อนร่วมทีมเสียใจ ฉันในฐานะกัปตันทีม ต้องหาวิธีปลอบหล่อนให้รู้สึกดีแน่นอน กัปตันทีมนอกจากสั่งการทุกคนในสนามแล้ว เวลาปกติก็ต้องเอาใจใส่เพื่อนร่วมทีมด้วย”

“ทำไม?”

“เพราะว่ากัปตันทีมหนึ่งคน ต้องมั่นใจว่าสภาพจิตใจของเพื่อนร่วมทีม มีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นในการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้

ในสนาม ไม่เกรงกลัวคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจ แค่กลัวเพื่อนร่วมทีมที่อ่อนแอ แม้ว่าฉันแข็งแกร่งจนแทบไม่น่าเชื่อ แต่ว่าบาสเกตบอลเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม ฉันยังต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทีมจึงจะสามารถเอาชนะการแข่งขันได้ แต่หากในสนามบาส มีเพียงคนใดคนหนึ่งสภาพจิตใจไม่ดี ก็อาจจะเป็นภาระของทั้งทีมได้”

ไมค์พูดอย่างกลัวๆ “ดัง..ดังนั้นเมื่อวานนี้ฉันก็เป็นภาระของทุกคน?”

หลี่กวงเย่าหัวเราะ “ถ้าพูดในด้านฝีมือการเล่นบาสแล้ว มันก็ใช่ แต่ว่าการบล็อกสองลูกนั้นของนาย ทำให้ขวัญกำลังใจของทีมเพิ่มขึ้น สิ่งนี้ พวกเราคนอื่นๆ ทำไม่ได้ ความพยายามของนาย มันมีผลกระทบต่อคนอื่น ผู้ชมข้างสนามก็ตื้นตันด้วย จุดนี้ นายเก่งกว่าคนอื่นเป็นไหนๆ”

ไมค์ยิ้มอย่างขวยเขิน “จริงเหรอ?”

“จริงสิ” หลี่กวงเย่ากำหมัดขวา ชกเบาๆ ที่หน้าอกของไมค์ “เชื่อมั่นในตัวเอง นายมีข้อดีหลายอย่าง มือนายยาว ความเร็วการสปริงตัวของนาย การตัดสินใจในเวลาที่จะบล็อก สิ่งที่ฉันทำได้ นายทำไม่ได้ แต่ว่าสิ่งที่นายทำได้ ฉันก็ทำไม่ได้ อย่าดูถูกตัวเองมากเกินไป แม้ว่านายจะไม่สามารถซัพพอร์ตด้านทำคะแนน แต่ว่านายต้องบอกตัวเอง ไม่เป็นไร ฉันทำคะแนนไม่ได้ แต่การรีบาวน์ของฉัน ก็แย่งได้เยอะกว่าคนอื่น การบล็อกของฉันก็คือ บล็อกจนไม่ว่าผู้เล่นคนไหนก็ไม่กล้าตัดเข้าเขตโทษ!”

มองสายตาของหลี่กวงเย่าที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิม ไมค์อดไม่ได้ที่จะนึกภาพตัวเองป้องกันเขตโทษในสนาม เลือดร้อนในทรวงอกโหมซัดสาด พยักหน้าอย่างหนักแน่น “อื้อ!”

เฉินเพ่ยอี้ที่เพิ่งจะทำธุระเสร็จจากสำนักงานวิชาการ เห็นภาพเหตุการณ์นี้ในระยะไกล พอดี มองดูไมค์เวลาอยู่ต่อหน้าหล่อน ขี้อาย เหมือนจะหลบซ่อนอะไรไว้ แต่อยู่ต่อหน้าหลี่กวงเย่า กลับหัวเราะ สนุกสนาน หล่อนมีความสับสนอยู่ภายในใจ

“เสี่ยวเสียง เธอบอกว่า บาสเกตบอลคือภาษาอย่างหนึ่ง สามารถทำให้ภาษาของหัวใจเปิดออก ฉันมีนักเรียนคนหนึ่ง เพราะว่ามีลักษณะค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นฉันใช้เวลาและความอดทนที่ต้องให้อภัยเขา เอาใจใส่เขา แต่ว่าเขาเวลาอยู่ต่อหน้าฉันก็ยังคงกลัว แล้วในชั้นเรียน ก็คิดถึงแต่เรื่องเล่นบาสเกตบอลตลอดทั้งวัน นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ผลงานวิชาอื่นแย่กว่าเพื่อนร่วมชั้นมาก กลับทำให้เขาเผยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาเหมือนเด็กผู้ชายออกมา หัวเราะเสียงดังออกมาอย่างไม่เกรงกลัว”

“เสี่ยวเสียง อาจจะเหมือนกับที่เธอพูด บาสเกตบอลอาจจะมีเสน่ห์บางอย่างที่มองไม่เห็น...”

เฉินเพ่ยอี๋ที่คิดฟุ้งซ่าน เดินก้มหน้าผ่านระเบียงไป กลับไม่ระวัง ชนกับคนเข้า ข้อสอบในมือกับหนังสือเรียนหล่นลงพื้นหมด

“เป็นอะไรไหม!” หยางซิ่นเจ๋อรีบนั่งยองๆ ช่วยเฉินเพ่ยอี๋เก็บข้อสอบกับหนังสือเรียนที่ตกอยู่ที่พื้น

“โอ้มายก้อด ทำไมเป็นคุณอีกแล้ว!” เจอหยางซิ่นเจ๋อ ถึงแม้ว่าเป็นความผิดของหล่อนเอง แต่ความโกรธยังลุกเป็นไฟอยู่ในท้อง

“อ้ะ เป็นผมอีกแล้ว คืออะไร?” หยางซิ่นเจ๋อเงยหน้ามองเฉินเพ่ยอี๋อย่างไม่เข้าใจ

“ฉันเก็บเองได้” เฉินเพ่ยอี๋แย่งข้อสอบจากมือหยางซิ่นเจ๋อ นั่งยองๆ เก็บข้อสอบกับหนังสือเรียนที่ตกอยู่ที่พื้น

หยางซิ่นเจ๋อทนรับความโกรธของเฉินเพ่ยอี๋ด้วยความประหลาดใจ แต่กลับไม่โกรธเคืองเลยสักนิด แต่เอ่ยปากด้วยความเป็นห่วง “ครูเฉินครับ ช่วงนี้อารมณ์ของคุณไม่ค่อยจะคงที่ ดูหน้าซีดมาก คุณไม่เป็นอะไรจริงเหรอ?”

“ไม่มีอะไร ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง” เฉินเพ่ยอี๋หอบข้อสอบกับหนังสือเรียน รีบเดินไปทางห้องพักครู

“อืม ที่แท้ผู้หญิง เวลาที่สิ่งนั้นมา เอาใจยากอย่างนี้เอง ต้องจำไว้”

-------------------------------------------------------------------------------

[1] ในการแข่งขันชิงแชมป์เอ็นบีเอ หลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันทั้ง 82ทีม 8ทีมที่มีอัตราชนะเยอะที่สุดของสายตะวันออกกับสายตะวันตกสามารถเข้าไปแข่งขันในรอบเพลย์ออฟ โดยเรียงอันดับจากผลการแข่งขันที่ 1 ถึง 8 ในแต่ละสายให้ที่ 1 แข่งกับที่ 8 ความแข็งแกร่งของที่1กับที่8แตกต่างกันมาก ดังนั้นเมื่อที่8 เอาชนะที่1ได้ มักจะสร้างความฮือฮาขึ้นมา ไต้หวันเรียกเหตุการณ์นี้ว่า Old eight legend ตำนานเก๋าอันดับที่8

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด