ตอนที่แล้วทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 27
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 29

ทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 28


ตอนที่ 28

ณ ห้องผู้อำนวยการ

“ถ้างั้นฉันส่งใบรายชื่อตามนี้นะ” อู๋ติ้งหวาเอาใบรายชื่อวางไว้บนโต๊ะผู้อำนวยการ

“จันเจี๋ยเฉิง หลี่กวงเย่า เว่ยอี้ฝาน หยางเจินอี้ หลี่ม่ายเค่อ…” เย่อวี้เฉิง อ่านชื่อในใบรายชื่อ “อืม ก็ตามนี้เถอะ”

“เออใช่ ยังมีเรื่องชุดกีฬาบาส เวลาที่พวกเขาแข่งขัน คงจะไม่ให้ใส่เสื้อตัวเลขไปตลอดสินะ” อู๋ติ้งหวาถือโอกาสนี้ เรียกร้องแทนนักกีฬา

“สบายใจได้ พอดีมีครูคนใหม่ ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ลงเรียนสำรองวิชาออกแบบ ฉันจะให้เขาช่วยออกแบบให้” เย่อวี้เฉิงถาม “ถ้าฉันจำไม่ผิด อีกสามอาทิตย์จะเริ่มแข่งขันบาสเกตบอลลีกซี?”

“ใช่ ฉะนั้นวันนี้ตอนบ่ายก็จะแฟกซ์ใบรายชื่อไป ไม่อย่างนั้นก็จะสมัครไม่ทันแล้ว”

“อืม” เย่อวี้เฉิง ครุ่นคิดสักพัก “ทีมบาสเกตบอล มีอะไรที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษไหม?”

“โดยปกติ มาตรฐานของลีกซี ก็เหมือนกับที่ฉันเคยพูดไว้ มีหลี่กวงเย่ากับเว่ยอี้ฝานก็พอแล้ว นอกจากนี้ ครั้งที่แล้วที่แข่งบาสเกตบอลกระชับมิตรกับตงไถ ฉันสังเกตเห็นว่าเว่ยอี้ฝานกับหยางเจินอี้สองคนนี้เข้าขากันได้ดีมาก แม้แต่กับตงไถเองก็เกือบแย่”

“ตอนแรกฉันก็นึกไม่ถึงว่า พวกเขาสองคนจะเข้าขากันได้ขนาดนี้ เกินความคาดหมายจริงๆ แม้แต่ไมค์ ที่ไม่เคยเล่นบาส ก็ยังบล็อกตงไถได้ตั้งสองลูก”

อู๋ติ้งหวายิ้มไม่หุบ “ความเร็วในการสปริงตัวกระโดดของเขา และก็มีมือที่ยาว ทำให้คนตะลึงจริงๆ น่าเสียดายระยะเวลาในการเล่นบาสเกตบอลสั้นเกินไป หากให้เวลาเขามากกว่านี้ เขามีโอกาสที่กลายเป็นคอร์นเนอร์แมนที่น่ากลัวคนหนึ่ง”

“ยังมีจันเจี๋ยเฉิง คนที่ตอนแรกนายดึงดันจะลากเข้ามาร่วมทีมให้ได้ ฉันไม่ได้เห็นการส่งบอลที่ยอดเยี่ยมอย่างนั้นมานานแล้ว หากไม่ใช่เพราะผู้เล่นตัวสำรองอ่อนแอเกินไป รับลูกแอสซิสของเขาไม่ได้ คะแนนของกวงเป่ย คงจะได้หลายคะแนน” ถึงแม้ว่าเมื่อวานจะถูกตงไถขยี้จนเละ แต่พอนึกถึงผลงานของจันเจี๋ยเฉิง ใบหน้าของเย่อวี้เฉิงก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ตอนนั้นที่เลือกเขา ฉันก็เหนื่อยอยู่พักหนึ่ง ความแข็งแรงทางด้านร่างกายของเขา เหมือนนายในตอนนั้น ไม่ได้แย่อย่างธรรมดาทั่วไป หากฉันเดาไม่ผิด เขาต้องสูบบุหรี่หนักมาก ไม่อย่างนั้น ความแข็งแกร่งคงไม่แย่ขนาดนี้”

เย่อวี้เฉิงทำเสียงกระแอมอยู่หลายครั้ง เพื่อแก้เขิน “ไอ้ความแข็งแกร่งนี้ หลังจากเลิกบุหรี่ ไม่นานก็ฝึกความแข็งแกร่งได้ ปีนั้นฉันก็ทำแบบนี้”

“ก็ใช่นะสิ ก็เพราะว่ามีนายเป็นตัวอย่างแบบนี้ ดังนั้นฉันเลยตัดสินใจเลือกเขา” อู่ติ้งหวายักคิ้วหลายครั้งให้เย่อวี้เฉิง

“ปีนั้นเพราะว่านาย ไอ้อันธพาล เวลาฉันวิ่ง ตามก้นฉันมาตลอดเลย!” เย่อวี้เฉิงหัวเราะ แล้วก็ด่า นึกย้อนกลับไปยังภาพในอดีตที่อยู่ในหัวอย่างรวดเร็ว

“ฉันหวังดีกับแก ไม่อย่างนั้นปีนั้น แกก็มีแต่ช่วงเวลาโง่เง่าในอดีตเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะฉันช่วย แล้วจะมี ‘ตัวป้องกัน’ ที่มีชื่อเพราะอย่างนี้เหรอ”

“งั้น ฉันต้องขอบคุณแก ถึงจะถูก”

“ทุกคนสนิทกันอย่างนั้น แกพูดอย่างนี้ เกรงใจเกินไปแล้ว”

เย่อวี้เฉิงมองอู๋ติ้งหวา “จริงๆ แล้ว ฉันมีเรื่องสงสัย ทำไมนายพูดจาฉะฉานแบบนี้กับฉันคนเดียว เมื่อก่อน ตอนที่อยู่ต่อหน้าโค้ชสองคนของตงไถ กับประธานหยางเสียงอิง เงียบ ไม่พูดอะไรเลย?”

“จิรงๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกแปลกใจมาก”

สองคนหลังจากเถียงกันอยู่พักหนึ่ง ก็กลับมาคุยเรื่องสำคัญ “เออ ฉันคิดว่าจะใช้ช่วงเวลาศึกษาอิสระ ให้ผู้เล่นฝึกซ้อม ถ้าเริ่มตอนหกโมงเย็น ก็จะมีเวลาสองชั่วโมงในการฝึกซ้อม แต่น่าเสียดาย สนามกีฬาไม่มีอุปกรณ์ให้ความสว่าง เวลาการฝึกซ้อมไม่พอแน่นอน เพราะไม่สามารถฝึกซ้อมตอนหลังเลิกเรียนได้”

“อืม เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจะคิดหาวิธีเอง” เย่อวี้เฉิงพูด

“ยังมีอีก ฉันต้องการผู้ช่วยโค้ชหนึ่งคน”

เย่อวี้เฉิงมองสายตาของอู๋ติ้งหวา เผยรอยยิ้มแปลกๆ ออกมา “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่ แกอยากให้หลี่หมิงเจิ้งเข้ามาช่วยล่ะสิ”

อู๋ติ้งหวาก็ยิ้ม “แล้วแกไม่คิดเหรอ?”

 

เลิกเรียนคาบที่สอง หลังจากหยางซิ่นเจ๋อมอบหมายการบ้านให้นักเรียนแล้ว เขาที่รู้สึกคอแห้ง ก็กลับมาที่ห้องพักครู พอได้นั่งเก้าอี้อันแสนสบายที่เอามาเอง ก็รีบดื่มชาเย็นอย่างสบายอกสบายใจ เปิดโน้ตบุ๊ก ในขณะที่กำลังจะเปิดยูทูป ฟังเพลงเพื่อพักผ่อน ทันใดนั้น เฉินเพ่ยอี๋ที่ไม่ได้คุยกับเขามาสักพักใหญ่ ก็มาสะกิดไหล่เขา พูดด้วยเสียงเย็นชา “เลขาของผู้อำนวยการโทรมา บอกว่าผู้อำนวยการต้องการพบคุณเดี๋ยวนี้”

“เดี๋ยวนี้? แต่ว่าผมมีสอนคาบต่อไปนะ” หยางซิ่นเจ๋อบ่น แต่ว่าเฉินเพ่ยอี๋ก็ไม่ได้สนใจ

มองดูเฉินเพ่ยอี๋ หยางซิ่นเจ๋อไม่มีทางเลี่ยง คิดในใจ “แปลกจริง ฉันไปหาเรื่องหล่อนตรงไหนกันแน่ ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ที่ลึกลับซับซ้อนเสียจริง…”

หยางซิ่นเจ๋อดื่มชาจนหมดรวดเดียว แล้วเดินออกไปจากห้องพักครู ตลอดทางครุ่นคิดว่าผู้อำนวยการต้องการพบด่วนด้วยเรื่องอะไรกันนะ?  เป็นเพราะว่าเขาเป็นที่ป๊อบปูล่าในหมู่นักเรียน ทำให้ครูคนอื่นอิจฉาตาร้อน เลยให้เขาลดกลิ่นอายความป๊อบปูล่าที่สวรรค์สร้างมาของเขาลงเหรอ?

ขณะที่หยางซิ่นเจ๋อในหัวเต็มไปด้วยความหลงตัวเองจนจินตนาการไม่ได้ เขาก็มาถึงห้องเลขา เลขาบอกให้เขาขึ้นไปที่ชั้นสองแล้วเคาะประตูได้เลย หยางซิ่นเจ๋อเดินขึ้นไปห้องผู้อำนวยการที่ชั้นสอง เขาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ท่องคำพูดที่คิดไว้ในใจ ตอนที่กำลังเดินมา สูดหายใจเข้าลึก ยื่นมือไปเคาะประตู

“เชิญ เข้ามา” เสียงของเย่อวี้เฉินดังออกมา

“ผู้อำนวยการ ต้องการพบผม?” หลังจากหยางซิ่นเจ๋อเปิดประตู ก็ถามตรงๆ

“อืม ประวัติของคุณเขียนว่า ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เรียนสำรองวิชาออกแบบ ไม่ง่ายเลยสินะ” เย่อวี้เฉิงลดแว่นลงมาที่สันจมูก ยิ้มกริ่มมองหยางซิ่นเจ๋อ

หยางซิ่นเจ๋อได้กลิ่นแปลกๆ จากรอยยิ้มของเย่อวี้เฉิน “จริงๆ แล้ว ที่พูดว่าเรียนสำรองวิชาออกแบบก็ไม่ค่อยจะถูกสักเท่าไหร่ครับ แค่เข้าไปนั่งฟังบรรยายเท่านั้น ผู้อำนวยการก็รู้ สาขาออกแบบมีผู้หญิงสวยๆ เยอะ ดังนั้น…”

ผู้อำนวยการหัวเราะแหะๆ “ผมจำได้ ตอนที่สัมภาษณ์ คุณบอกว่า คุณมีพรสวรรค์ด้านการออกแบบ แม้กระทั่งอาจารย์สาขาออกแบบยังบอกให้คุณย้ายไปเรียนสาขาออกแบบไม่ใช่เหรอ?”

“ผู้อำนวยการครับ ผมต้องขอบอกว่า ความจำในช่วงอายุของคุณนี้ ช่างสุดยอดจริงๆ” หยางซิ่นเจ๋อถอนหายใจ

“ครูหยาง ไม่อยากจะพูดว่า ทักษะในการพูดเหน็บแนมคนของคุณช่างสูงเสียจริง” เย่อวี้เฉิงมองหยางซิ่นเจ๋อ “ไม่ต้องใช้สายตาสงสัยมองผม ผมดูท่าทางเหมือนจะทำร้ายคนเหรอ?”

“เหมือนครับ” หยางซิ่นเจ๋อพูดโดยไม่คิด

“เกี่ยวกับคะแนนประเมินการสอนของคุณปีนี้ ผมคิดว่า…”

“ผู้อำนายการครับ คุณบอกวัตถุประสงค์ที่เรียกผมมาจะดีกว่าครับ?” พอได้ยินผู้อำนวยการพูดเรื่องการสอบประเมิน หยางซิ่นเจ๋อรีบเปลี่ยนเรื่องพูด

“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ อีกสามอาทิตย์การแข่งขันบาสเกตบอลลีกซีก็จะเริ่มแล้ว เพราะว่าคุณมีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบ ผมเลยอยากจะให้คุณช่วยออกแบบชุดกีฬาบาส”

“อืม การแข่งขันเมื่อวานนี้ ผมก็ได้ดู ให้นักบาสใส่เสื้อตัวเลขทับจริงๆ แล้ว มันดูขายหน้านิดหน่อยครับ”

“สรุปคุณตกลงช่วยใช่ไหม?”

“ผมตอบปฏิเสธ ได้ไหมครับ?”

“ได้สิ ถ้างั้นเกี่ยวกับคะแนนประเมินการสอนของปีนี้….”

“ผู้อำนวยการครับ จริงๆ แล้วสำหรับผม เรื่องการออกแบบชุดกีฬาบาสให้นักเรียนเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจและมีเกียรติ เรื่องนี้ให้ผมทำเถอะ!” หยางซิ่นเจ๋อตบที่อกเพื่อรับประกัน

“งั้นก็ขอบคุณ คุณมาก เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ ที่โรงเรียนมีครูที่กระตือรือร้นอย่างคุณ” เย่อวี้เฉิงยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน ตบไหล่ของหยางซิ่นเจ๋อ

“ผู้อำนวยการครับ ผมรับผิดชอบสอนอยู่หลายห้องเรียน ปกติ เลิกงานกลับบ้านไปแล้ว นอกจากต้องแก้ไขการบ้านของพวกเขา เตรียมข้อสอบ สอนพิเศษ แล้วยังต้องจัดการเรื่องโทรศัพท์ ‘ความเป็นห่วง’ ของผู้ปกครองหลายคน ลำบากจริงๆ แล้วผู้อำนวยการก็รู้ว่าการออกแบบมันคือการสร้างสรรค์งานศิลปะ ต้องใช้เวลาและพื้นที่…”

ผู้อำนวยการทำมือปฏิเสธ พูดกับหยางซิ่นเจ๋อ “เอาล่ะ คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่ พูดออกมาตรงๆ”

หยางซิ่นเจ๋อทำเสียงเอ่ออ่า “ผู้อำนวยการพูดเร็วทำเร็วจริงๆ ถ้างั้นผมก็พูดตรงๆ เลยละกัน การออกแบบคือเรื่องที่เปลืองแรงเอามากๆ อยากให้ ผู้อำนวยการพิจารณา ให้รางวัลผมเล็กๆ น้อยๆ ก็พอแล้วครับ…” หยางซิ่นเจ๋อใช้สายตาอย่างมีความหวังมองผู้อำนวยการ

“มีสิ เมื่อตะกี้คุณก็พูดแล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องการออกแบบชุดกีฬาบาสแทนโรงเรียนเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจและมีเกียรติ ความรู้สึกของความสำเร็จนี้ มีค่ายิ่งกว่าวัตถุ เงินทองเสียอีก น่าจะเป็นรางวัลที่ดีที่สุดนะ”

“จริงๆ แล้วผม…”

เย่อวี้เฉิงไม่เปิดโอกาสให้หยางซิ่นเจ๋อพูด “เอาล่ะ เรื่องนี้ก็รบกวนคุณด้วยละกัน เออใช่ การออกแบบสีของชุดกีฬาบาส ขอให้ดูตราโรงเรียนประกอบนะ”

“ผู้อำนวยการครับ…”

ผู้อำนวยการดันหยางซิ่นเจ๋อไปถึงด้านนอกประตู ห้ามไม่ให้หยางซิ่นเจ๋อพูดต่อ เสียงออดดังขึ้น เขสจึงต้องรีบกลับห้องเรียนไปสอน

 

หยางซิ่นเจ๋อถอนหายใจ เดินกลับไปที่ห้องพักครู ทรุดตัวลงที่เก้าอี้ บ่น “ผู้อำนวยการผีดิบ หลอกลวงกันชัดๆ”

เฉินเพ่ยอี๋ที่ยังไม่มีสอนในคาบนี้ เห็นหยางซิ่นเจ๋อกลับมา ก็ไม่ได้ถามเขา เกี่ยวกับเรื่องที่ผู้อำนวยการเรียกเขาไปพบทำไม แค่มองหยางซิ่นเจ๋อแวบหนึ่ง แล้วก็รีบก้มหน้าแก้ข้อสอบต่อ แต่ว่าเฉินเพ่ยอี๋ไม่ต้องถาม เพราะหยางซิ่นเจ๋อบ่นไม่หยุด ทำให้เฉินเพ่ยอี๋รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“ปีนั้นก็แค่อยากจะรู้จักสาวๆ ในสาขาออกแบบเท่านั้นเอง แล้วสุดท้ายจีบสาวก็ไม่ติด ทำไมฉันต้องเขียนเรื่องนี้ลงในประวัติด้วยนะ! ยังมีผู้อำนวยการผีดิบนั่นอีก เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ ยังจำได้อีก ถือว่าเขาความจำดี โอเค ผมยอมละ ก็แค่ออกแบบชุดกีฬาบาสเอง ทำไมต้องให้ผมยุ่งยากด้วยนะ!” หยางซิ่นเจ๋อหยิบข้อสอบกับกระดาษเปล่า แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินออกไปทางห้องที่ต้องเข้าสอน

หยางซิ่นเจ๋อเข้าไปในห้องเรียนชั้นม.4/5 ยืนประกาศอยู่บนโพเดียม “เอาล่ะ ขอแจ้งข่าวดีและข่าวร้ายให้พวกเธอฟัง ข่าวร้ายก็คือวันนี้ครูจะสอบย่อย อย่าเพิ่งบ่น ยังมีข่าวดี ข้อสอบชุดนี้เป็นแบบปรนัย แล้วครูก็รู้ว่าวันนี้ครูเข้าสอนช้า เวลาที่พวกเธอทำข้อสอบให้เสร็จต้องไม่พอแน่นอน ดังนั้นคะแนนสอบของทุกคนนับเพิ่มจากยี่สิบคะแนน” ตอนที่หยางซิ่นเจ๋อพูดถึงประโยคสุดท้าย นักเรียนชั้นม.4/5 ก็เผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลายออกมา โดยเฉพาะหลี่กวงเย่า

เพราะว่าหลี่กวงเย่าทำสถิติคะแนนสอบได้ศูนย์คะแนนเป็นคนแรก ตอนนั้นวิชาที่สอบคือเคมี

หลังจากแจกข้อสอบแล้ว หยางซิ่นเจ๋อหยิบกระดาษเปล่าออกมา ดึงดินสอที่วางอยู่บนโต๊ะออกมา เริ่มวาดด้านหน้าของชุดกีฬาบาส ที่ด้านหลังของเสื้อวาดเบอร์ยี่สิบสี่

เมื่อวานตอนที่เขาไปดูการแข่งขันบาสเกตบอลที่สนาม เขาถูกเบอร์เสื้อที่หลี่กวงเย่าใส่ดึงดูด เขาดูออกว่า แม้แต่ผู้เล่นของตงไถที่ยืนอยู่ในสนามก็ไม่สามารถบดบังรัศมีที่ส่องประกายออกมาของหลี่กวงเย่าได้

ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม สายตาจะเต็มไปด้วยความมั่นใจ หลังจากชู้ตลงแล้ว ก็แสดงท่าทีลำพองใจ ยั่วยุโค้ชของฝ่ายตรงข้าม ทันทีที่เขาได้บอล ก็ทำให้บรรยากาศในสนามเปลี่ยนไป….

หยางซิ่นเจ๋อก็ดูการแข่งขันบาสเกตบอลมัธยมปลาย แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยมีนักเรียนมัธยมปลายคนไหนทำให้เขารู้สึกอารมณ์พุ่งพล่านอย่างนี้ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ เขาเห็นหลี่กวงเย่าที่วิ่งอย่างรวดเร็วในสนาม

หยางซิ่นเจ๋อนึกถึงลักษณะกับสีของตราโรงเรียนกวงเป่ย แล้วก็มองดูชุดกีฬาบาสที่อยู่ในกระดาษ ครู่เดียวก็เกิดแรงบันดาลใจขึ้น

หยางซิ่นเจ๋อแสดงฝีมือการวาดรูปที่สั่งสมมาจากการไปนั่งฟังการบรรยายที่สาขาออกแบบ ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยออกมา เอาโลโก้กับแพทเทินและชุดกีฬาที่วาดเสร็จแล้วมาประกอบกัน

“โอเค นักเรียนที่นั่งหลังสุดเก็บข้อสอบคืนมา”

 

หยางซิ่นเจ๋อที่กลับมาที่โต๊ะทำงาน เอาข้อสอบวิชาเคมีวางไว้ที่มุมโต๊ะ เปิดโน้ตบุ๊ก หลังจากเข้าเวปไซต์ค้นหาดีไซน์ชุดกีฬาบาสของทีมเอ็นบีเอกับทีมลีกยุโรป ก็หยิบแบบที่ตัวเองวาดออกมา แล้วเติมลายเส้นที่เรียบลงไป

เฉินเพ่ยอี๋ที่กำลังจะไปสอนห้องม.4/5 ขณะที่เดินผ่านหยางซิ่นเจ๋อ บังเอิญเห็นแบบที่วางอยู่บนโต๊ะหยางซิ่นเจ๋อ ตาเบิกกว้าง แสดงสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อออกมา หล่อนคิดไม่ถึงว่า หยางซิ่นเจ๋อที่ดูเหมือนจะติงต๊อง คาดไม่ถึงว่าใช้แค่กระดาษเปล่าเอสี่กับ

ดินสอหนึ่งแท่ง ก็สามารถวาดแบบที่ประณีตแบบนั้นออกมาได้ ท่าทางที่จริงจังของเขา กับตอนที่เขาพร่ำบ่นผู้อำนวยการไม่หยุด ไม่สามารถเอามาคิดเชื่อมโยงกันได้

มองดูหยางซิ่นเจ๋อ ความคิดของเฉินเพ่ยอี๋ก็นึกหวนกลับไปช่วงเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัย ในตอนนั้นแฟนของเธอยังไม่ได้จากเธอไป เธอในตอนนั้นยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุด เธอในตอนนั้น ชอบดูท่าทางของแฟนที่หลังจากชนะการแข่งขัน เผยรอยยิ้มที่ขี้เล่นให้กับเธอ

รอยยิ้มที่ขี้เล่นนั้น กับท่าทางที่บ้าระห่ำของเขา เวลาที่รุกคู่ต่อสู้ในสนามช่างแตกต่างกันเสียจริง เธอก็ชอบความรู้สึกที่ขัดแย้งเช่นนั้นของเขา เพราะว่าในสายตาของเธอ การแสดงออกที่รุนแรงของเขา แสดงถึงความมั่นใจและความหล่อเหลา ส่วนรอยยิ้มที่ขี้เล่นคือความน่ารักของเธอ

เธอชอบดูเขาแข่งบาส ชอบดูตอนที่เขาท่าทางจริงจัง ชอบเสริฟน้ำให้ เช็ดเหงื่อให้เขาหลังจากแข่งเสร็จ   ชอบมองกลุ่มงี่เง่าที่แอบชอบเขา ที่แสดงความหึงหวงและไม่พอใจออกมา

ความทรงจำที่ผ่านมา ยังคงอยู่ในใจของเฉินเพ่ยอี๋ ทำให้เธอมองเห็นภาพเบลอโดยไม่รู้ตัว มองเห็นเงาคนที่อยู่ข้างหน้า ที่กำลังเดินมาหาเธอ รูปร่างที่สูงใหญ่นั้น ทำให้เธอเรียกหา “เสี่ยวเสียง…” ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

แต่เสียงของคนๆ นั้น กับเสียงของเสี่ยวเสียงต่างกันโดยสิ้นเชิง “ครูเฉิน คุณโอเคไหมครับ?” เห็นเฉินเพ่ยอี๋ขอบตาแดงๆ หยางซิ่นเจ๋อจึงถามด้วยความเป็นห่วง

ถึงตอนนี้เฉินเพ่ยอี๋ ตกใจที่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่คนที่ตัวเองคิดถึง แต่กลับเป็นหยางซิ่นเจ๋อที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย

คาดไม่ถึงว่าตัวเองจะเผยด้านที่อ่อนแอต่อหน้าหยางซิ่นเจ๋อ เฉินเพ่ยอี๋พูดด้วยความโมโห “ฉันไม่ได้เป็นอะไร ถึงจะมีก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!” พูดจบ รีบก้าวขาเดินหายไป ต่อหน้าหยางเจ๋อซิ่นอย่างรวดเร็ว

ถูกเฉินเพ่ยอี๋โมโหใส่อย่างแปลกๆ หยางซิ่นเจ๋อเกาหัว ไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้หล่อนไม่พอใจอีก “ประจำเดือนมาหรือเปล่า ทำไมถึงได้โมโหขนาดนั้น? แล้วที่พูดว่า เสี่ยวเสียง เมื่อตะกี้ เป็นใครกันนะ” หยางซิ่นเจ๋อคิดไม่ออกจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ก็เลิกคิด แล้วกลับไปออกแบบชุดกีฬาบาสต่อให้เสร็จ

 

อู๋ติ้งหวาที่เพิ่งจะส่งแฟกซ์ใบรายชื่อนักกีฬาไปที่สมาพันธ์ลีกซี แล้วก็เข้าอินเตอร์เน็ตเช็คดูอีกรอบว่ามีรายการไหนตกหล่นหรือไม่ แล้วเห็นพาดหัวเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง บนเวป ทำให้เขาตาโต แทบจะโดดจากเก้าอี้ ดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง รีบเดินไปทางห้องผู้อำนวยการอย่างเร็ว

อู๋ติ้งหวาใช้แรงเคาะประตูห้องผู้อำนวยการ ตะโกน “ไอ้กุ๊ยเย่ ตายหรือยัง? ถ้ายังไม่ตายก็รีบมาเปิดประตู!”

เย่อวี้เฉิงพูดอย่างอารมณ์เสีย “ประตูไม่ได้ล็อค” มองอู๋ติ้งหวาเดินเข้ามาด้วยท่าทางตื่นเต้น มาพร้อมกับสีหน้าที่ตื่นเต้น จึงถาม “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงยิ้มอย่างมีความสุขอย่างนี้ ถูกรางวัลมาเหรอ?”

อู๋ติ้งหวาเดินมาที่ด้านหน้าโต๊ะอย่างรวดเร็ว สองมือวางบนโต๊ะ มองเย่อวี้เฉิง “ข่าวล่าสุด โรงเรียนมัธยมปลายซินซิงประกาศยุบทีมบาสเกตบอล ถอนตัวจากการแข่งขันลีกเอ เปลี่ยนไปเป็นมัธยมปลายที่เน้นการเข้าสอบมหาวิทยาลัยอย่างเดียว”

พอได้ยินคำพูดของอู๋ติ้งหวา เย่อวี้เฉิงก็แทบจะกระโดดจากเก้าอี้ “จริงเหรอ?”

“จริงสิ” อู๋ติ้งหวาพยักหน้าอย่างตื่นเต้น

“การแข่งขันลีกเอขาดไปหนึ่งทีม หากฉันจำไม่ผิด ในสถานการณ์แบบนี้ ต้องให้แชมป์ลีกบีเข้ามาเสริม?” เย่อวี้เฉิงตื่นเต้นจน

ตัวสั่น

“ถูกต้อง!”

“ดังนั้นขอเพียงแค่ปีนี้พวกเราได้แชมป์ลีกบี ก็สามารถเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์ลีกเอในกลางเดือนมกราคมปีหน้าได้แล้ว!” เย่อวี้เฉิงกำมือทั้งสองข้าง สายตาเป็นประกาย “เยี่ยมเลย ฉันนึกว่าต้องใช้เวลานาน นึกไม่ถึงว่าจะมีโอกาสเร็วขนาดนี้!”

………………………………………………………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด