ตอนที่แล้วซัพที่17: ร่างบ้าที่เป็นร่างปกติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปซัพที่19: การปกป้องที่ดีที่สุด คือการสอนให้เขาปกป้องตัวเอง!

ซัพที่18: ลาจากวังทั้งที่ปวดบั้นท้าย


ซัพที่18: ลาจากวังทั้งที่ปวดบั้นท้าย

หลังส่งทุกคนกลับเข้าถ้ำ จินหลงจึงกลับมาถึงวังใกล้รุ่งสาง ก่อนที่เจียงสงจะตื่น เจ้าตัวเล็กไม่เถลไถลไปไหน มุดขึ้นเตียงตัวเองทันทีด้วยความสะลึมสะลือ

หลับได้มีชั่วโมง องค์ชายน้อยก็ต้องถูกปลุกโดยซูเม่ย

“องค์ชาย ตื่นได้แล้วเพคะ นี่ก็สายมากแล้ว” จินหลงยกผ้าห่มคลุมโปง ไม่ยอมลุกจากเตียง

เขาเพิ่งนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ!

“องค์ชายเพคะ ทรงลุกได้แล้ว องค์ชายรองรออยู่ด้านนอกนะเพคะ” แล้วไงล่ะ พี่รองจะรอแล้วไง ข้าไม่ได้เรีย..หะ?

ฟุ่บ!

จินหลงเด้งขึ้นตาเหลือกสุดตัว หันไปมองหน้าซูเม่ยอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

“ใคร..มานะ?” เจ้าตัวแสบกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“องค์ชายรองเพคะ องค์ชายรองทรงมารอพระองค์สักพักแล้ว” จินหลงกระชากผ้าห่มออกแล้วกระโดดลงจากเตียง พุ่งตรงออกจากประตู ทว่าเมื่อจะก้าวออกไปก็ต้องชะงักคิดกับตัวเอง

แล้วเขา..ควรทำท่ายังไงกับพี่รองดีล่ะ? ง้องแง้งใส่พี่รองดีไหม หรือจะตีขรึมดี

จินหลงใช้มือนวดบริเวณดวงตา รู้สึกง่วงนัก ตื่นมาก็เจอแต่เรื่องปวดหัว อยากได้กาแฟสักแก้วจริงๆ..

“เจียงสงกับท่านหมอเมิ่งล่ะ?” จินหลงหันไปถามซูเม่ยที่กำลังจัดเตียง

“คุณชายอู๋ตอนนี้ไปตัดชุดราชองครักษ์อยู่ที่กองพระภูษาเพคะ ส่วนท่านหมอเมิ่งคิดว่ายังคงนอนอยู่เพคะ” จินหลงแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ รีบวิ่งพุ่งไปยังห้องท่านหมอ โชคดีที่ห้องของท่านหมอนั้นอยู่ก่อนห้องรับรอง จึงไม่จำเป็นต้องประจัญหน้ากับพี่รองก่อน

“ทั่นหม๊ออออออ!!!” จินหลงแหกปากลั่นทันทีที่มาถึงห้องของเมิ่งชงหยวน เจ้าตัวที่นอนคว่ำอยู่จึงสะดุ้งตื่นมาคุกเข่าอย่างร้อนรน

“อะไร! อะไรเกิดอะไรขึ้น ใครตาย!” ท่านหมอร้องโวยวาย กอดหมอนแน่น จินหลงเห็นสภาพหัวกระเซิงของท่านหมอก็ได้แต่เบะปาก

บัดนี้ในห้องของท่านหมอเต็มถูกจัดเก็บอย่างเรียบร้อย ไร้ข้าวของเครื่องใช้ มีเพียงสัมภาระเพียงสามห่อ

“ข้าเนี่ยแหละจะตาย ถ้าท่านไม่ตื่นขึ้นมา” จินหลงเดินตึงตังไปกระชากร่างท่านหมอลงจากเตียง

“โอ้ยๆ อย่าดึง อย่าดึงข้า~! มันกระเทือนถึงบั้นท้ายยย” เมิ่งชงหยวนแหกปาก จินหลงหันกลับมามองอย่างไม่เข้าใจ

“ตลกละ เมื่อวานข้ายังเห็นเจ้าปกติดีอยู่เลย” จินหลงย้อน

“ก็นั่นข้ากินยาระงับอาการรร” ท่านหมอร้องโหยหวน ปวดแปล็บบริเวณบั้นท้าย

“งั้นก็กินเข้าไปอีกสิ! ท่านต้องมาช่วยข้าก่อน!” จินหลงยังคงชุดกระชากท่านหมอ

“โอ้ยยย พระองค์ให้ข้าเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหมมม พระองค์เองก็ด้วย ไปเปลี่ยนชุดก๊อนนน” เมิ่งชงหยวนร้องโวยวาย

“ไม่! เจ้าต้องไปกับข้าเดี๋ยวนี้!” จัดหลงชุดกระชากชายเสื้อท่านหมอ

“อ๊าก องค์ชายได้โปรดหยู๊ดดด ข้าไปแล้ว ข้าไปแล๊ววว ข้าจะไปหยิบไม้เท้าแล้ววว” จินหลงยอมปล่อยมือ ท่านหมอจึงรีบเดินกระโหยกกระเหยกไปหยิบไม้เท้าและเสื้อคลุม ก่อนจะพยายามเดินตามองค์ชายน้อยไป

เมื่อเห็นผู้มาเยือน เมิ่งชงหยวนจึงถวายการคำนับ ทว่าองค์ชายรองกลับไม่สนใจ

“ชักช้า” เขาตำหนิน้องชายร่วมสายเลือด จินหลงแกล้งวางมาดก่อนเป็นอันดับแรก

“ต้องขออภัยที่น้องชักช้าไม่ทันใจพี่รอง เป็นเพราะตัวน้องมีธุระมากมายไม่อาจวางมือ จึงทำให้พี่รองที่มาเยือนโดยไม่บอกกล่าวต้องรอนาน” จินหลงเริ่มปะทะฝีปาก เหวินหลงกัดฟัน ไม่คิดว่าจะได้ยินคำยอกย้อนจากน้องคนนี้

“ฮึ อย่างเจ้าจะไปมีธุระอะไร ก็คงกิน นอน เล่นเช่นเคย ไม่อาจรับรู้สิ่งรอบตัว” องค์ชายรองแดกดันกลับ แต่จินหลงไม่สนใจ เดินวางมดไปนั่งเก้าอี้

“แล้วนี่ท่านมีธุระอันใด” เหวินหลงเชิดหน้า

“หากไม่ใช่เสด็จพ่อและเสด็จแม่บอกให้ข้ามาเยี่ยมเยียนเจ้า มีหรือข้าจะมา?” องค์ชายรองชักสีหน้า

ก็กลับไปเซ่!

ท่านหมอเมิ่งที่ยืนดูก็นึกปวดหัว อยากกลับไปนอน เป็นพี่น้องกันเหตุใดต้องมาสร้างสงครามประสาทกันตั้งแต่ยังเล็กเช่นนี้

“เช่นนั้นข้าก็ไม่รั้งท่านไว้ เชิญ” จินหลงนั่งไขว้ขา ผายมือออกไปนอกห้อง สร้างความเดือดดาลให้องค์ชายรอง พระองค์คว้าแก้วชาร้อนบนโต๊ะสาดใส่หน้าจินหลง

“องค์ชาย!!” นางกำนัลและขันทีกรีดร้อง จินหลงนิ่งเฉย ต่างจากทั้งหมอที่รีบเอาแขนเสื้อเช็ดน้ำเหล่านั้นออกไป

“เอาว่านหางจระเข้กับน้ำต้มเกลือมาให้ข้าเร็ว!” เมิ่งชงหยวนรีบสั่ง นางกำนัลกุลีกุจอไปหาของตามนั้น จินหลงเลื่อนแขนท่านหมอลง แผลแค่นี้ไม่สะทกสะท้านแม้สักนิด ทว่าสิ่งที่ทำให้ไม่สบอารมณ์คือพฤติกรรมของพี่ชายตน

ได้! ถ้าท่านเล่นบทเจ้าอารมณ์เช่นนี้ ข้าก็จะเอาบทเอาแต่ใจเข้าสู้

จินหลงเมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเบะปากกรีดร้องแหกปากลั่นสนั่นเรือนรับรอง ทำเอาทุกคนต้องรีบอุดหู มีเพียงเมิ่งชงหยวนที่อยู่ใกล้ลำโพงระยะประชิด ท่านหมอคนสำคัญถึงกับหูดับ วิ้งไปทั่วหัว

“พี่รองใจร้าย! พี่รองนิสัยไม่ดี๊!! พี่ร้องทำไมต้องแกล้งจินโหลงง!” จินหลงแหกปากสุดเสียง ดิ้นพล่านอยู่บนเก้าอี้

“องค์ชาย.. องค์ชายได้โปรดหยุดเถอะพะยะค่ะ” ท่านหมอพยายามรั้งจินหลงอย่างใจเย็น ตอนนี้เขารู้สึกมึนไปทั้งหัวแล้ว!

“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นะจินหลง! แหกปากเป็นสตรีอยู่ได้ เสียศักดิ์ศรียิ่งนัก!” เหวินหลงใช้มือสองข้างอุดหู ตวาดจินหลงเสียงดัง

“ข้าจะร้องเป็นสตรี เป็นบุรุษ เป็นอะไรก็เรื่องของข้า!! กรี๊ดดๆๆ” เจ้าตัวแสบยังไม่ยอมแพ้ ร้องโวยวายไม่หยุด จนองค์ชายรองทนไม่ไหว เดินออกจากห้องด้วยความหงุดหงิด นึกอยากจัดการน้องคนนี้นัก

“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าดูองค์ชายเอง!” เมิ่งชงหยวนรีบไล่นางกำนัลออกไปโดยเร็ว

“แต่..แต่..” พวกนางลังเล

“เออน่าออกไปเถอะ! ข้าจะบ้าตายเพราะเสียงองค์ชายแล้ว!!” เมิ่งชงหยวนไล่ ก่อนจะปิดประตูลง

“โอ้ยยย พอได้แล้วองค์ชาย องค์ชายรองออกไปแล้ววว” ท่านหมอแหกปากลั่น จินหลงจึงหุบปากลง

“แค่กๆ โอย.. เล่นซะเจ็บคอเลย” เจ้าตัวแสบยกชาขึ้นกระดก ก่อนจะเติมเพิ่ม

“ให้ตายเถอะองค์ชาย นี่พระองค์ไปเอาพลังเสียงมาจากไหนกัน” เมิ่งชงหยวนนวดขมับ จินหลงฉีกยิ้ม

“เอ้า ก็เสียงเด็กเล็กๆ น่ะแหลมอยู่แล้วนี่ ข้าก็แค่แหกปากให้สุดเสียงเอง เจ้าเห็นไหม ไล่พี่รองออกไปได้ด้วย” เจ้าตัวแสบยืดอกภาคภูมิใจ จังหวะเดียวกับที่นางกำนัลนำยาและน้ำเกลือมาให้

“เป็นใครก็อยากหนีทั้งนั้นแหละ” เมิ่งชงหยวนถอนหายใจขณะนำยามาทาให้องค์ชาย เมื่อทาเสร็จเขาจึงเดินไปทางประตู

“แล้วนั่นเจ้าไปไหน?” จินหลงถาม

“ไปเก็บของเตรียมย้ายออก”

บ่ายวันนั้น คนในเรือนรับรองล้วนมาส่งท่านหมอหน้าประตูเรือน จินหลงโบกมือหย็อยๆ ส่วนคุณชายอู๋นั้นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ท่านหมอเมิ่งมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเศร้า หวนนึกถึงเรื่องมากมายที่เกิดขึ้นในวังแห่งนี้ แม้จะวุ่นวาย แต่ก็มีความสุขนัก ช่วงเวลานี้คงจะเป็นช่วงเวลาที่เขาโหยหา..

เมิ่งชงหยวนคิดฟุ้งซ่านขณะนั่งเกวียน เพื่อไม่ให้ลืมความรู้สึกเจ็บที่บั้นท้าย ตอนนี้ทหารผู้น้อยกำลังนำเขาไปยังบ้านที่ฮ่องเต้ทรงประทานให้เปิดโรงหมอ เมื่อก้าวลงมา ก็พบบ้านไม้ขนาดใหญ่พอสมควร เหมาะจะอยู่อาศัยและรักษาผู้คน แต่มันกลับดูใหญ่โตเกินกว่าจะอยู่คนเดียว

หลังทหารทั้งสองมาส่งท่านหมอที่บ้านแล้ว พวกเขาจึงกลับไป ให้ท่านหมอได้ใช้เวลาสำรวจบ้านน้อย

“คงเงียบน่าดูเชียว” ท่านหมอยิ้มจางๆ ขณะพยุงตัวด้วยไม้เท้า

“แล้วเจ้าอยากให้วุ่นวายแบบในวังหรือไง?” เสียงคุ้นหูดังขึ้น

“แบบนั้นก็ไม่เลวนักนะ” เมิ่งชงหยวนตอบกลับตามปกติ

“งั้นไว้ข้าจะมาป่วนที่นี่บ่อยๆ แล้วกัน” เสียงนั้นตอบกลับ

“อืม ดีสิ...เอ้ะ?” ท่านหมอหันขวับมายังข้างตัว ก่อนจะตื่นตะลึงเมื่อพบกับร่างเล็กขององค์ชายที่ควรอยู่ในวัง

“เห้ย!! นี่พระองค์มาที่นี่ได้ยังไง!” เมิ่งชงหยวนแหกปากลั่น ในขณะที่จินหลงในชุดชาวบ้านเที่ยวเดินไปเปิดลิ้นชัก สำรวจบริเวณบ้าน

“แน่นอน ว่าข้าต้องหนีออกมาอีกนั่นแหละ” จินหลงยืดอกภูมิใจ

“ท่านบ้าไปแล้วหรือ แล้วนี่คุณชายอู๋ปล่อยท่านออกมาได้ยังไง!” เมิ่งชงหยวนตะลึง ไม่คิดว่าองค์ชายน้องจะหนีรอดจากอู๋เจียงสงมาได้ จำได้ว่าครั้งก่อนๆ นั้นยังถูกคุณชายจับได้อยู่เลยนี่

“หลายวันมานี้เกิดเรื่องมากมาย ข้าเลยไม่ได้หนีออกมา ทำให้เจียงสงประมาทไง ข้าก็เลยอาศัยจังหวะนั้นหนีออกมา” ท่าทางภูมิใจขององค์ชายน้อย ทำให้ท่านหมอเมิ่งนึกสงสารคุณชายอู๋ที่ต้องรับกรรม

เห้อ.. คุณชายอู๋เอ๋ย ป่านนี้ท่านจะวิ่งหาอยู่ส่วนไหนของวังเพื่อหาองค์ชายกันหนอ

“แล้วนี่เจ้าจะปล่อยให้ร้านโล่งๆ เช่นนี้หรือ?” จินหลงเดินสำรวจ สัมภาระของเมิ่งชงหยวนช่างน้อยนัก จนเขาไม่คิดว่าจะสามารถเติมเต็มบ้านหลังนี้ได้

“ถ้าเป็นเรื่องสมุนไพร เห็นว่าฝ่าบาทจะส่งสมุนไพรชุดแรกมาให้ข้าเปิดโรงหมอ ส่วนหลังจากนั้นข้าต้องเป็นคนหาเอง” เมิ่งชงหยวนถอนหายใจ ปกติแล้วเขามักจะหาสมุนไพรจากป่า เลยไม่ได้ติดต่อค้าขายกับใครนัก

“แล้วเจ้าจะหาจากไหน?” ราวกับจินหลงสามารถอ่านความคิดได้ เจ้าตัวเล็กถามออกมา เมิ่งชงหยวนคิดหนัก

หากซื้อจากร้านยาทั่วไป ตัวยาบางตัวก็ไม่ได้คุณภาพตามต้องการ บางร้านยังมีผสมสิ่งแปลกปลอมลงไป

“เห้อ.. คงไม่มีทางเลือกสินะ” ท่านหมอถอนหายใจ

“เดี๋ยว! อย่าตัดจบแบบนี้ เจ้าบอกข้ามาก่อนว่าจะหาจากไหน” จินหลงรีบเอ่ย ท่านหมอจึงก้มมององค์ชายตัวน้อย

“ข้าก็คงส่งจดหมายติดต่อตระกูล ให้ส่งสมุนไพรมากระมัง” เจ้าตัวแสบตาโตกับคำตอบ

“นี่ท่านมีครอบครัวด้วยงั้นหรือ!” เมิ่งชงหยวนหันขวับมาแยกเขี้ยว

“ก็ต้องมีแน่สิ! ข้าเป็นหมอเร่ร่อน ใช่ว่าจะต้องไม่มีครอบครัว ฟังแล้วอย่าหาว่าข้าโม้เลย ตระกูลของข้านั้นเป็นหมอสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน ผู้คนในตระกูลล้วนแต่เป็นหมอที่เก่งกาจ” เมิ่งชงหยวนภาคภูมิใจ

“แล้วทำไมเจ้าถึงมาเร่ร่อนได้ล่ะ” จินหลงจี้ตรงจุด ท่านหมอถอนหายใจ

“จะว่าไงดี ไม่ใช่แค่ข้าหรอกที่เร่ร่อน แต่เป็นแทบทั้งตระกูลเสียมากกว่า พระองค์เคยได้ยินตระกูลฟูไหมล่ะ?”

“ไม่”

จบ... ข้านี่ไปต่อไม่ได้เลยทีนี้!

“องค์ชาย..ในกรณีนี้ท่านควรบอกว่าท่านรู้จักสิ” เมิ่งชงหยวนย่อตัวลงไปจับบ่าองค์ชายน้อยเบาๆ จินหลงหรี่ตา

“รู้จักสิ” ท่านหมอเทวดากลับมาเชิดหน้าภาคภูมิ

“ดังที่ท่านรู้ ตระกูลของข้านั้นโด่งดังมาได้จากการรักษาผู้คนทั่วหล้า แต่เพราะความสามารถของบรรพบุรุษที่สูงจนเกินไป ทำให้เป็นที่หมายปองของหลายแคว้น เมื่อถึงคราวลูกหลานที่ได้รับสูตรยาลับ บรรพบุรุษของข้าจึงสั่งให้ผู้ที่คิดจะเป็นหมอให้ออกเร่ร่อน และใช้ชื่อแซ่ปลอมในการเดินทาง” จินหลงกลอกตา

นี่เขากำลังฟังนิยายเรื่องไหนอีกละเนี่ย!

“อย่าหาว่าข้าโม้เลย แต่ตระกูลข้าตอนนี้ส่วนมากก็ไปประกอบอาชีพอื่น อีกส่วนก็ทำไร่ปลูกสมุนไพร มีแค่ข้ากับญาติเพียงสองคนที่มาเป็นหมอ โชคร้ายที่ญาติสองคนนั้นของข้าเสียชีวิต จึงเหลือเพียงข้าเท่านั้นที่มีสูตรยาลับ” จินหลงเลิกคิ้ว

“แล้วมาบอกข้าจะดีหรือ?” จินหลงถาม เมิ่งชงหยวนจึงโบกมือปัดๆ

“ถ้าเป็นพระองค์ล่ะก็ไม่เป็นไรหรอก เห็นอย่างนี้แต่ถ้าข้าต้องเลือกตามใคร ข้าก็จะเลือกพระองค์” เจ้าตัวแสบมีสีหน้าแปลกประหลาด คล้ายไม่เชื่ออีกฝ่าย

“แต่ในความคิดของข้า ข้าก็ยังไม่เชื่อว่าเจ้าเป็นหมอจริง ในสายตาเจ้ามันก็หมอกำมะลอลวงโลก” ราวกับถูกศรปักเข้ากลางอก เมิ่งชงหยวนแทบกระอักกับวาจาขององค์ชายสี่

“นี่พระองค์อยู่กับข้ามาร่วมครึ่งปีแล้วนะ! เหตุใดจึงไม่เชื่อว่าข้าเป็นหมอจริง!” เมิ่งชงหยวนโวยวาย จินหลงยักไหล่ไม่สนใจ

“ก็ข้าไม่เคยเห็นเจ้ารักษาใครสักคน เห็นแต่แต่งเรื่องหลอกลวงเบื้องสูง” ท่านหมอเมิ่งแยกเขี้ยว นึกอยากจับองค์ชายน้อยมาฉีกเป็นชิ้นๆ

“ตอนที่พระองค์ป่วยเป็นไข้ ข้าเนี่ยแหละที่รักษา!” เมิ่งชงหยวนย้อนความ แต่องค์ชายน้อยกลับไม่สนใจตามเคย

“ก็ข้าจำไม่ได้” ท่านหมอตบหน้าผาก ยอมแพ้กับเรื่องนี้ จินหลงจึงเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วถ้าสูตรยาลับทั้งหมดอยู่กับเจ้า ชีวิตเจ้าจะปลอดภัยเหรอ?” เจ้าตัวแสบถามเข้าประเด็น ท่านหมอเมิ่งยิ้มแหยๆ

“ไม่ปลอดภัยแหงสิ ส่วนนึงที่ข้าเข้าไปอยู่ในวังก็เพราะหนีคนพวกนั้นด้วย แต่ป่านนี้พวกมันคงคิดว่าข้าไปเป็นหมอหลวงแล้ว ฮ่าๆๆ” ท่านหมอหัวเราะชอบใจ แต่จินหลงไม่คิดเช่นนั้น

“เอางี้ไหม? ให้ข้าส่งเด็กในกลุ่มข้ามาช่วยเจ้าเฝ้าร้าน แลกค่าจ้างกับข้าวปลา” จินหลงเสนอ

“เด็กๆ จะไปทำอะไรได้กัน” เมิ่งชงหยวนหัวเราะในลำคอ

“เจ้าอย่าดูถูกไป แม้ความสามารถของพวกเขาในตอนนี้จะยังไม่สูงพอจะเฝ้าระวังตอนกลางคืน หรือต่อสู้ แต่ก็เพียงพอใจปกป้องใครสักคน หรือพาเจ้าหนี” จินหลงโอ้อวด

เด็กเหล่านี้เป็นเด็กที่เขาฝึกมากับมือ มีหรือจะทำไม่ได้

“แล้วระหว่างที่ไม่มีอันตรายล่ะ?” ท่านหมอย้อนถาม

“ท่านก็สอนพวกเขาช่วยงานอย่างอื่นสิ ทำความสะอาดบ้านก็ได้” เมิ่งชงหยวนครุ่นคิด

“ก็ได้ แต่ข้าขอเด็กที่พูดจาด้วยภาษาคนได้ ไม่เอาเด็กแบบท่านนะ” จินหลงแยกเขี้ยว เจ้าหมอคนนี้ชักจะบังอาจขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!

“เด็กแบบข้ามันทำไม!!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด