ตอนที่แล้วDND.89 - การต่อสู้แห่งศตวรรษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.91 - การต่อสู้แห่งจุดสูงสุด

DND.90 - อัจฉริยะในตำนาน


จ้าวกวง เฉินเหลียง และหวางจิง สามศิษย์สวรรค์ที่แกร่งที่สุดตัวสั่นเทิ้มด้วยใจสู้

“การต่อสู้นี้จะเป็นของข้า จ้าวกวงผู้นี้จะเป็นราชาแห่งศตวรรษ!”

จ้าวกวงที่มักจะเงียบขรึมและอดทนมักจะไม่พูดเช่นนี้!

ตลอดระยะเวลาร้อยปี การต่อสู้สูงสุดแห่งทวีปจะตัดสินชะตาของพวกเขา ว่าจะอยู่อย่างมดปลวก หรือมังกรที่ทะยานเก้านภา

เฉินเหลียงกับหวางจิงไม่คิดจะยอมแพ้เช่นกัน ทั้งคู่ตาเป็นประกาย

ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูตื่นเต้นมิต่างกัน

มดปลวกหรือมังกร...นี่เป็นโอกาสหายากที่จะเปลี่ยนพวกเขาไปทั้งชีวิต...มันคือการต่อสู้แห่งศตวรรษครั้งนี้!

“ข้าก็อยากจะชิงชัยกับฟ้าดินเช่นกัน!”

ดวงตาพริ้มแน่นของซือหยูลืมออก แสงเปล่งประกายอ่อนๆปรากฏออกมา!

ในดินแดนแห่งนี้ หากมิได้ควบคุมสิ่งใด...ก็จะมิได้อะไรเลย

ซือหยูมาจากพื้นหลังที่แร้นแค้นและได้พบความเจ็บปวดจากการถูกพรากคนรัก เขายังได้พบกับความโชคร้ายที่ครอบครัวถูกสังหารและยังต้องแยกจากกับเซี่ยนเอ๋อ

ทุกสิ่งเกิดขึ้นก็เพราะว่าเขาไร้ซึ่งพลัง...คนอ่อนแอที่ไร้พลังนั้นมิอาจอยู่เหนือชะตาตน ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้ยักย้ายชะตาได้ตามใจ!

จ้าวกวงส่ายหัว

“หากยังมีจ้าวกวงผู้นี้ เจ้าก็ทำได้แค่เงยหน้ามองเท่านั้น!”

“เรื่องนี้ค่อยไปตัดสินกันตอนการต่อสู้จะดีกว่า!”

ซือหยูตอกกลับ!

จ้าวกวงส่ายหัวอย่างเย็นชา

“รู้จักที่ต่ำที่สูงซะบ้าง!”

การต่อสู้แห่งศตวรรษได้ปลุกเร้าจิตวิญญาณและความเป็นศัตรูกับทุกคน!

ใครกันที่จะได้รับเกียรติเป็นราชาแห่งทวีป...ราชาแห่งศตวรรษ…

...

หนึ่งเดือนต่อมา ในที่ที่ไม่ค่อยมีผู้คนในแคว้นเฟิงหวง...มีหุบเขาที่ล้อมด้วยเมฆา...เต็มไปด้วยรังสีแห่งความสูงส่ง ร่างบอบบางกำลังฝึกหนักอยู่ที่ลานฝึก ร่างของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ

นางเผชิญหน้ากับคนอ่อนเยาว์น่าหลงใหลอายุประมาณยี่สิบปี ที่มีรอยยิ้มยินดีบนใบหน้า

“ศิษย์น้องเซี่ยนเอ๋อ พลังบ่มเพาะเจ้าเพิ่มขึ้นเร็วจนวิชาบ่มเพาะของเจ้าตามไม่ทัน พลังเจ้าจึงยังน้อย...เทียบได้กับระดับแปดขั้นต้นเท่านั้น”

ชายหนุ่มดึงหมัดกลับและหัวเราะเมื่อชี้จุดบกพร่องของเซี่ยนเอ๋อ

เซี่ยนเอ๋อปาดเหงื่อที่หน้าผากพร้อมขมวดคิ้ว

“อีกไม่ช้า ข้าจะตามจนทัน ศิษย์พี่หลิวกวง!”

หลิวกวงนั้นอ่อนโยนและสง่างามอย่างมาก เขายิ้มและมองมาทางฉินเซี่ยนเอ๋อด้วยความรัก

เหล่าผู้อาวุโสที่มองดูการต่อสู้ยิ้มด้วยความโล่งใจ

“เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เซี่ยนเอ๋อที่มีสายเลือดวิหคเพลิงเก้าหางกับโอสถวิญญาณคุณภาพสูงนั้นทำให้นางบ่มเพาะพลังเร็วกว่าที่คิดเสียอีก ตอนนี้นางสำเร็จพลังระดับแปดขั้นสูง แม้พื้นฐานวิชาจะไม่กล้าแกร่งนัก แต่หากฝึกซักเล็กน้อย...มันก็ไร้ซึ่งปัญหา”

“หลิวกวงนั่นมหัศจรรย์เสียยิ่งกว่า พรสวรรค์เช่นนั้นหาคู่เปรียบยากกเหลือเกิน! ด้วยพลัง เขาก้าวข้ามเหล่าผู้อาวุโสไปมาก เขาเป็นรองราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น!”

“มีคนบอกว่าหลิวกวงเคยประลองกับราชันย์มาแล้ว!”

หลิวกวงคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ร้อยปีของหุบเขาเฟิงหวง พลังของเขาเหลือล้ำยิ่งกว่าระดับเก้าขั้นสูง เขาได้เป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วเสียครึ่งส่วน ทั้งทวีปเฉินยี่แห่งนี้ นอกจากราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง...ไม่มีใครสู้เขาได้เลย!

“หึหึ...พวกเจ้ามิคิดว่าหลิวกวงกับเซี่ยนเอ๋อเข้ากันดีงั้นรึ?”

ผู้อาวุโสหลายคนมองพวกเขา หลิวกวงและเซี่ยนเอ๋อยืนข้างกัน หนึ่งคนหล่อเหลาและสง่างาม ส่วนอีกคนคือสตรีที่งดงามปราณีต พวกเขาเหมาะสมกันแน่นอน

“พวกเจ้าทุกคนไม่รู้หรอกรึ...เซียนหุบเขาตัดสินใจไว้แล้ว หลังการต่อสู้แห่งศตวรรษ นางจะหมั้นเซี่ยนเอ๋อกับหลิวกวงแล้วจัดงานวิวาห์ทันที”

“ฮ่าๆ...คู่ครองที่สวรรค์สรรสร้างเช่นนี้...พวกเขายิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกเสียอีก!”

“แต่ก็เถอะ...มีข่าวลือว่าเซี่ยนเอ๋อมีคู่หมั้นอยู่แล้ว”

“คู่หมั้นงั้นรึ? เขาจะต้องได้รับการยอมรับจากหุบเขาเฟิงหวงเสียก่อน หากมิเป็นเช่นนั้น...ใครกันจะสนว่ามันเป็นใคร?”

เหล่าผู้อาวุโสส่ายหัวอย่างเย็นชาและยิ้มให้กับทั้งสองที่กำลังจะเป็นคู่ครองกันในอีกไม่นาน

เสียงระฆังดังขึ้นสามครั้งและทำให้ทุกคนสนใจ

“เซียนหุบเขาเรียกตัวเร่งด่วน! อย่าบอกนะว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์จากเก้าแคว้นมาถึงที่นี่แล้ว?”

ใบหน้าหล่อเหลาและสง่างามของหลิวกวงเผยความเย็นชาออกมา

“ได้ยินจากเฟยหยุนว่าคู่หมั้นของเซี่ยนเอ๋อมากับพวกนั้นด้วย ฮื่ม! มาได้ถูกเวลาเสียจริง!”

ซือหยูและกลุ่มเดินทางไกลโพ้นกว่าจะถึงหุบเขาเฟิงหวง และในตอนนี้พวกเขาก็นั่งอย่างเงียบเชียบอยู่ในโถงประชุมใหญ่

สมาชิกหลักจากหุบเขามาถึงแล้ว

เซียนหุบเขานั้นเป็นสตรีที่อายุมากกว่าร้อยปี ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองมิได้พบกันมาร้อยปีแล้ว...และครั้งนี้พวกเขาก็จ้องมองกันและกัน

“ลี่กวง ผ่านมาร้อยปีแล้วเจ้าดูแก่ลงนะ”

เซียนหุบเขาถอนหายใจ นามที่แท้จริงของราชันย์คือลี่กวง

“หึหึ...ซือร่ง เจ้าก็ไม่เหมือนเดิมมิต่างจากข้า”

ลี่กวงหัวเราะ

ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองถอนหายใจ...เวลามิรีรอผู้ใด

ซือร่งปรายตามองไปยังบุรุษผมเงินสวมชุดสีม่วง...ที่กำลังนั่งหลับตาแน่น

“เจ้าคือซือหยูงั้นรึ?”

ซือร่งถามตรงๆ

เหล่าศิษย์สวรรค์ตกตะลึง เซียนหุบเขารู้สึกซือหยูได้ยังไงกัน?

ซือหยูค่อยๆเงยหน้าและตอบทั้งๆที่ยังหลับตา

“เป็นเช่นนั้น”

ใบหน้าซือร่งยังคงสงบนิ่งและเงียบกริบไปชั่วครู่ก่อนจะพูด

“การหมั้นของเจ้ากับเซี่ยนเอ๋อตั้งแต่วันนี้...ถือว่าเป็นโมฆะ”

แม้เสียงนางจะเยือกเย็น แต่มันก็เต็มไปด้วยอำนาจ นางราวกับเทพที่ทำหน้าที่บัญชาฟ้าดิน

โถงประชุมอันสงบสุขตกอยู่ในความตึงเครียดทันที!

ในการพบปะของเหล่าผู้มาเยือนจากวิหาร...สิ่งแรกที่เซียนหุบเขาเฟิงหวงทำก็คือขอถอนหมั้นซือหยูกับฉินเซี่ยนเอ๋อ

ใบหน้าซือหยูยังคงใจเย็น เขาคิดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว...แต่มิได้คิดว่านางจะโหดร้ายเยือกเย็นถึงเพียงนี้

“ทำไมกัน?”

ซือหยูถามด้วยความใจเย็น

ซือร่งหันกลับไปโดยไม่มองซือหยูและตอบอย่างแข็งทื่อ

“เจ้ามิคู่ควรกับนาง”

มิคู่ควร...ซือหยูมิคู่ควรกับเซี่ยนเอ๋อ

“หึ...การหมั้นของข้ากับเซี่ยนเอ๋อมีพ่อตาดูแล ตะวันจันทราและฟ้าดินต่างเป็นพยานให้แก่พวกข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ออกความเห็น”

ซือหยูโต้กลับ

ซือร่งมองซือหยูด้วยแววตาคมกริบ

“เจ้าหนู...ข้านับถือความกล้าต่อต้านข้า แต่ข้าจะให้เจ้าโอกาสเดียว จงสาบานว่าการหมั้นของเจ้ากับเซี่ยนเอ๋อเป็นโมฆะ...มิเช่นนั้นก็ตายไปซะ!”

ซือหยูค่อยๆยืนขึ้น

“ข้าจะพูดซ้ำครั้งเดียวเท่านั้น...เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสอดแทรก!”

“ตาย!”

ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยจิตสังหาร เพียงพลิกดัชนี คลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งเข้าใส่ซือหยู!

“หึหึ”

เสียงหัวเราะของชายแก่ดังขึ้น

ลี่กวงนั่งอย่างเงียบเชียบ เขารินน้ำชาและจิบชาอย่างสบายใจ

เขาพลิกนิ้วก้อยและโต้กลับพลังศักดิ์สิทธิ์ของซือร่งออกไป

“ซือร่ง เจ้าจะรังแกศิษย์ของข้าต่อหน้าข้างั้นรึ ตั้งใจจะทำให้ข้าดูไม่ดีรึไงกัน?”

ราชันย์ถามอย่างไม่ใส่ใจ

แม้เสียงของเขาจะสุขุม...แต่ยากที่จะปกปิดโทสะ

ไม่ว่าจะด้วยชื่อเสียงของเขาหรือการปกป้องซือหยู เขาต้องปกป้องมันทั้งสองอย่าง

ซือร่งใจเย็นลงและกล่าวขออภัย

“ขอโทษด้วย ข้าทำไปเพราะโทสะ ฟูมฟักศิษย์อวดดีเช่นนี้ได้ก็นับว่าวิหารของเจ้านั้นยอดเยี่ยม”

เมื่อได้ยินถ้อยคำเสียดสีของนางลี่กวงก็หัวเราะ แต่มิได้พูดต่อ เขาได้พบกับความกล้าของซือหยูมาก่อนอยู่แล้ว

“ไม่ว่าศิษย์ข้าจะมีเรื่องอะไรกับเจ้า แต่ตราบใจที่เขาเป็นศิษย์ข้า ข้าก็มิอาจปล่อยให้เจ้ารังแกเขา ข้าจะพูดครั้งเดียว”

ลี่กวงมองซือร่งอย่างเย็นชา

ซือร่งอึดอัดใจ นางรู้นิสัยใจคอของลี่กวงดี และเขาเป็นคนรักษาคำพูด

“ก็ได้! หลักจากการต่อสู้แห่งศตวรรษ เจ้าหนูนั่นจะมิใช่ศิษย์เจ้าอีกต่อไป ถึงเวลานั้นหากเจ้ามายุ่งย่ามอีกครั้ง อย่าโทษที่ข้าลบหลู่ความปรารถนาของเจ้า”

ซือร่งมองซือหยูเป็นดั่งเสี้ยนหนาม หากซือหยูยังมีชีวิตอยู่ นางก็รู้สึกไม่สบายใจ

ลี่กวงถอนหายใจเบาๆและมิได้ขัดนาง

ซือหยูรู้สึกหนาวสั่น เขาจะต้องได้สถานะที่จริงจังในการต่อสู้แห่งศตวรรษนี้หากเขาไม่ต้องการให้ใครมายุ่งเรื่องของเขากับเซี่ยนเอ๋อ

เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าเขาเหมาะสมกับเซี่ยนเอ๋อด้วยพลังความสามารถที่มี!

ฟึ่บ ฟึ่บ--

เหล่าผู้ติดตามเข้ามายังโถงประชุม

“ใครคือซือหยู!”

บุรุษรูปลักษณ์งดงามก้าวเข้ามา น้ำเสียงเย็นชา

ฝั่งหุบเขาเฟิงหวง ทั้งผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์ต่างยืนขึ้นต้อนรับเขาด้วยความเคารพ เกือบจะเทียบเท่าที่พวกเขาทำกับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์!

“เจ้ามีอะไรกับข้างั้นรึ?”

ฟึ่บ--

ราวกับการจ้องมองของเขามีพลังออกมา เส้นผมของซือหยูปลิวไสวไปด้านข้าง

เพียงแค่มองก็เกิดพลังถึงเพียงนี้...ซือหยูตระหนักว่าบุรุษผู้นี้จะต้องมีพลังอันยิ่งใหญ่และซับซ้อน

หลิวกวงมองซอืหยูอย่างเย็นชาและประเมินซือหยู

ผมสีเงิน...ชุดสีม่วง...ดวงตาปิดแน่น เขามีรังสีอันสูงส่งพร้อมกับความลึกลับ

แต่พลังนั้น…

“ยกเลิกการหมั้นของเจ้าซะ เจ้าไม่เหมาะสมกับเซี่ยนเอ๋อ”

หลิวกวงยืนมือไพล่หลังและสั่งซือหยูอย่างเย็นชา

ซือหยูยิ้มถาม

“แล้วยังไง?”

“แล้วข้าจะแต่งงานกับนาง!”

หลิวกวงตอบอย่างสุขุม เขามั่นใจ

“ข้าสมกับนาง และเจ้านั้นไม่เหมาะสม ธรรมดาเพียงเท่านี้”

“ไม่ว่าข้าจะคู่ควรกับนางหรือไม่ประกายใด ก็มิใช่เรื่องที่คนนอกจะต้องเข้ามาสอด หากเจ้าตั้งใจแต่งงานกับงาน...เจ้าเป็นใครถึงจะทำเช่นนั้น?”

ซือหยูถามอย่างไม่ใส่ใจ

หลิวกวงมองซือหยูด้วยแววตาคมกริบ

“จดจำนามข้าไว้ หลิวกวง...คือคนที่จะแต่งงานกับเซี่ยนเอ๋อ! และเจ้า...เจ้ามันก็แค่หนอนโสโครกที่ต้องเจอกับความจริงอันเจ็บปวด!”

เขาตอบอย่างโอหัง

“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิได้สนใจว่าเจ้าจะชื่ออะไร ข้าแค่ถามว่า...เจ้าเป็นใครถึงจะแต่งงานกับเซี่ยนเอ๋อ?”

ซือหยูส่ายหัวเบาๆ

เมื่อได้ยินคำดูหมิ่นของซือหยู หลิวกวงก็มีสีหน้าเยือกเย็นขึ้นมาทันที

“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”

ซือหยูยิ้มเบาๆ

“คนที่อยากให้ข้าตายในอดีตนั้นต่างจากไปแล้ว มีแค่ข้าที่ยังมีชีวิต”

“หึหึหึหึ...”

หลิวกวงหัวเราะอย่างเยือกเย็น ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความเวทนา

“ก่อนที่เจ้าจะพูดมากไปกว่านี้ เจ้าควรจะถามคนอื่นมาก่อนว่าข้าเป็นใคร ความโง่เขลาเบาปัญญาของเจ้านั้นจะทำให้เจ้าเจ็บปวดแน่!”

หลิวกวงคือใครกัน?

นอกจากราชันย์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว...เขาคือคนที่แกร่งที่สุด!

เขาคืออัจฉริยะในตำนานแห่งทวีปในนับร้อยปี อีกเพียงก้าวเดียวเขาจะได้เป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ การทำให้เขาโกรธนั้นมิต่างจากทำให้ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์โกรธเลย ความต่างเดียวคือไม่มีใครจะช่วยซือหยูได้หากเขาทำให้ราชันย์ตัวจริงโกรธ

แต่ในตอนนี้...มีเพียงราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะช่วยเขาจากหลิวกวงได้

หลังพูดจบ หลิวกวงก็ก้าวเข้ามา

“หากข้าประสงค์ให้เจ้าตาย...แม้สวรรค์ก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”

ตู้ม--

หลิวกวงอยู่ห่างสามสิบศอก คลื่นผลึกพลังปราณพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วแสง ไม่มีใครตอบสนองได้ทัน

คนจากวิหารตกตะลึง แต่...มันก็สายไปแล้ว

ซือหยูมิอาจขยับไปไหนได้...อกของเขาถูกเจาะทะลุในจุดที่เขายื่นอยู่

ทุกคนทั้งจากวิหารและหุบเขาเฟิงหวงทึ่งในพลัง

การโจมตีของหลิวกวงนั้นได้ก้าวข้ามผ่านความเป็นผู้ฝึกตนไปแล้ว...มันมีพลังของราชันย์ปะปนอยู่!

อัจฉริยะแห่งทวีป...บุรุษผู้เป็นรองเพียงราชันย์...เขาน่ากลัวมากอย่างที่คิดไว้!

พุฟ--

ทั้งร่างของซือหยูถูกเจาะทะลุ มันกลายเป็นแก้วกระจ่างกระจัดกระจายไปทั่วพร้อมการระเบิดเล็กน้อย

ทุกคนตกใจ...มันไม่มีร่องรอยโลหิตแม้แต่น้อย

กลายเป็นว่านั่นคือภาพติดตาของซือหยู แต่ด้วยความเหมือนจริงนั้น...ทำให้ไม่มีใครสงสัย

ไม่นานพวกเขาก็ได้รับรู้ตัวตนที่ยืนอยู่ตรงประตูโถง เขาคือบุรุษอายุน้อยผมสีเงิน เขายืนมือไพล่หลังและหันหลังให้กับเหล่าผู้คน เขามองไปยังท้องนภา

“เจ้ามิได้พูดว่าอยากจะสู้กับข้าขั้นรึ? เจ้าจะไปโจมตีภาพติดตาอันว่างเปล่านั้นเพื่อสิ่งใด?”

ทุกคนอ้าปากค้าง!

ที่นั่งของเขาห่างจากประตูโถงถึงสามร้อยศอก ซือหยูก้าวไปยังที่นั่นได้เพียงพริบตา!

เขาทำเช่นนั้นได้ยังไง? เขาเป็นคนหรือผีกัน?

หลิวกวงหันไปหาอย่างเยือกเย็น

“ฮื่ม! ความเร็วของเจ้านับว่าผ่าน”

มันเลยคำว่านับว่าผ่านไปไกลแล้ว!

ความเร็วเท่าซือหยูนั้นยากมากที่คนระดับต่ำกว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์จะตามได้ทัน

ซือหยูทำเป็นไม่สนใจคำกล่าวเหล่านั้นและเดินออกจากโถงประชุม

“ฮื่ม! เจ้าคิดจะหนีงั้นเรอะ?”

หลิวกวงเยาะเย้ยถากถาง

ซือหยูส่ายหัว

“มิใช่ ไม่ว่าใครจะมาสอด เจ้าก็ตายอยู่ดี...แต่การตายของเจ้าผู้เดียวก็พอแล้ว...ข้ามิอยากทำอันตรายกับผู้บริสุทธิ์ด้านในนั้น”

คนข้างในโถงประชุมอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง!

พวกเขาคาดไม่ถึงว่าซือหยูจะหยาบคายถึงเพียงนี้!

ซือหยูไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน?

เพียงประโยคเดียวของซือหยู...ที่บอกว่าใจเย็นว่าเขามิต้องการทำร้ายคนบริสุทธิ์...ทำให้ทุกคนตัวสั่น

นัยยะซ่อนเร้นในคำพูดของซือหยูก็คือ...ทั้งโถงประชุมที่เต็มไปด้วยอัจฉริยะตลอดร้อยปี...ก็เป็นอันตรายได้หากซือหยูต่อสู้!

คำพูดเหล่านั้นจะน่าเชื่อถือหากออกมาจากปากของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์

ซือหยูหยาบคายเกินไปแล้ว!

แต่มีเพียงบางคนจากวิหารเท่านั้นที่ขมวดคิ้ว

ในตอนที่เหล่าศิษย์สวรรค์ในวิหารต่างคิดว่าซือหยูนั้นเป็นคนหยาบคายยิ่ง...ซือหยูก็พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาคิดผิดผ่านการต่อสู้ชั้นยอด...ราวกับว่ากำลังพิสูจน์ว่าคำพูดของเขามิใช่ความหยาบคาย...แต่เป็นเรื่องจริง

หรือซือหยูจะพูดจริงในครั้งนี้อีก?

หากเป็นเช่นนั้น...แล้วซือหยูแกร่งเพียงใดกัน?

หลิวกวงหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว

“อวดดีนัก! ข้าจะขอสัมผัสด้วยตนเอง….ว่าเจ้าไปเอาความหยาบคายเช่นนั้นมาจากไหน!”

เขาตะโกน

ฟึ่บ--

หลิวกวงพุ่งออกไป

ซือหยูยืนอยู่ด้านนอกโถงและค่อยๆหันไป

เปลือกตาของเขาสั่นและค่อยๆลืมช้าๆ

เป็นครั้งแรก...ที่ดวงตาลึกลับคู่นั้นลืมขึ้น!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด