ตอนที่แล้วDND.88 - ปราบทวิกระบวนท่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.90 - อัจฉริยะในตำนาน

DND.89 - การต่อสู้แห่งศตวรรษ


ทันใดนั้นวายุหิมะก็ก่อตัวขึ้น

ราวกับว่ามันถูกเรียกมาโดยเจ้านายของมัน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะที่ร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง คลื่นแล้วคลื่นเล่าแช่แข็งไปทั้งนภาและธรณี

ชางเฟยหยุนตัวแข็งทื่อและรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอันลึกลับ

“หยุดพยายามหลอกข้าด้วยวิชาเจ้าได้แล้ว!”

ชางเฟยหยุนคำรามอย่างเหยียดหยาม

“หมัดฝังเขาวารี!”

แต่เขาก็แผลงพลังหมัดออกมาไม่ได้ เหล่าเกล็ดหิมะได้กลายเป็นศรน้ำแข็งนับไม่ถ้วน! มันมีอยู่ทุกที่...ไม่มีสิ่งใดที่ศรน้ำแข็งนี้เจาะทะลวงไม่ได้

ชางเฟยหยุนป้องกันตัวเองไม่ทัน!

อ๊าก--

เขาร้องเสียงดัง เขาถูกศรน้ำแข็งนับไม่ถ้วนเสียบทะลุร่างในทันที

โลหิตสดๆไหลอาบทั้งร่าง โลหิตกระจายไปทุกทิศทางและแข็งตัวเป็นเข็มโลหิตเยือกแข็งที่ร่วงหล่นสู่ลานประลอง

“หลิวผกากระจ่าง….”

เมื่อเจอกับสถานการณ์ล่อแหลม ชางเฟยหยุนตัดสินใจใช้ฎีกาสวรรค์ออกมา เขาคิดเพียงว่าหากร่างของเขาเบาขึ้น เขาจะรอดพ้นจากศรน้ำแข็งไปได้

แต่...เขาก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ฎีกาสวรรค์

แกร๊ก---

เกล็ดน้ำแข็งที่กระจายไปทั่วท้องนภาแตกเสียงดัง มันกลายเป็นประกายหยดไหลลงทะลุร่างกายของชางเฟยหยุน

หยดน้ำอันเยือกเย็นเจาะทะลุกระดูกจนถึงดวงวิญญาณ!

มันทะลวงร่างชางเฟยหยุนเร็วเกินกว่าตาจะมองเห็นได้...จากนั้นหยดน้ำเหล่านั้นก็เริ่มเยือกแข็ง

ในพริบตา...ชางเฟยหยุนได้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง

เขายืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น...อยู่ในท่าที่เตรียมจะใช้ฎีกาสวรรค์แต่ไม่ได้เกิดผลใดเลย

ซือหยูค่อยๆลดดัชนีลง เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม เขาไม่ได้ขยับเท้าแม้แต่หุนเดียว

“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว...”

ซือหยูถอนหายใจเบาๆและเอามือไพล่หลัง ผมสีเงินของเขาร่ายรำไปตามวายุหิมะ ตัวตนพิเศษที่ดูราวกับเป็นเทพและผมสีเงิน...เขายืนอยู่อย่างเปล่งประกายท่ามกลางความเงียบกริบ

ชางเฟยหยุน...มิได้มีโอกาสโจมตีด้วยซ้ำ!

ไม่ว่าจะะเป็นหมัดฝังเขาวารีหรือหลิวผกากระจ่าง...มันถูกปัดป้องไปหมดด้วยการยกนิ้วเพียงนิ้วเดียวของซือหยู...เขาไม่มีโอกาสจะได้ใช้ฏีกาสวรรค์ด้วยซ้ำ!

ความเงียบดำเนินต่อไป...ก่อนที่เหล่าคนรอบข้างจะอ้าปากค้าง

ใบหน้าหลิวคุนสั่นกลัว หัวใจเต้นแรง!

เขาคิดมาตลอดว่าซือหยูเป็นแค่คนหยาบคาย...แต่เมื่อได้เห็นการต่อสู้ด้วยตาตัวเองแล้วก็เห็นได้ชัดว่าซือหยูเพียงแค่พูดความจริงออกมาเท่านั้น!

ชางเฟยหยุนที่ชนะเขาในสองกระบวนท่าไม่มีโอกาสจะจู่โจมซือหยูได้เลย! เขามิใช่ศัตรูของซือหยูแม้แต่น้อย!

ในตอนนั้นหลิวคุนก็เริ่มมันใจ เขาเริ่มให้ความเคารพนับถือซือหยู

ซือหยูมิใช่คนหยาบช้า...เขาเพียงแค่ตระหนักในสิ่งที่พวกเขาปฏิเสธจะเชื่อมั่น

ศิษย์สวรรค์สามลำดับแรกยืนอยู่ใกล้กัน

“ศิษย์น้องหวางจิง จากการประเมินของเจ้า เจ้าคิดว่าซือหยูเทียบกับเจ้าได้หรือไม่?”

เฉินเหลียงลำดับสองมองไปยังซือหยู

ดวงตาหวางจิงเต็มไปด้วยความกดดันและมองซือหยูอย่างจริงจังก่อนจะส่ายหัวอย่างเชื่องช้า

“เขาแกร่งกว่าข้า”

“ศิษย์น้อง...เจ้ามิต้องถ่อมตัว พลังของเขานับว่าผ่านเท่านั้น...เขามิอาจทำอะไรเจ้าได้”

เฉินเหลียงตอบ

นั่นจะจริงรึ? หวางจิงส่ายหัวของนางเงียบๆ หากซือหยูมีพลังเพียงเท่าที่เห็น นางก็อาจจะพอสู้กับซือหยูได้ แต่ถ้าหากซือหยูยังซ่อนเร้นพลังไว้อีกล่ะ?

จ้าวกวงยังคงสุขุมเยือกเย็น ไม่ว่าจะที่ไหนเวลาใด เขาจะใจเย็นและมั่งคงอยู่เสมอราวกับเสาศิลา เขาประเมินซือหยูเบาๆ

“นับว่าผ่าน”

เฉินเหลียงแอบตกใจ แม้เขาจะยังไม่มั่นใจ แต่การประเมินจากจ้าวกวงว่า ‘ผ่าน’ นั้นน่าจะเป็นการประเมินพลังซือหยูสูงเกินไป

แกร๊ก--

ตู้ม--

รูปปั้นน้ำแข็งระเบิดเป็นชิ้นๆ ปลดปล่อยชางเฟยหยุน

ทั้งร่างของเขาแข็งทื่อด้วยความเย็นสุดขั้ว ราวกับว่าถูกโยนไปในธารน้ำแข็ง ร่างกายเขาสั่นอย่างคุมไม่อยู่ แต่เป็นหัวใจของเขาที่สั่นกลัวที่สุด!

พลังซือหยูน่ากลัวยิ่งนัก!

แม้จะบอกได้ว่าซือหยูยืมพลังจากสภาพอากาศมาใช้ แต่ใครจะยืนยันได้ว่าซือหยูมิได้มีพลังอื่นซ่อนเร้นเอาไว้อีก?

เมื่อคิดถึงถ้อยคำหยาบคายที่เขาพูดใส่ซือหยู...ถึงขั้นประกาศว่าจะต่อให้ซือหยูสามกระบวนท่า...ชางเฟยหยุนละอายใจยิ่งนัก!

ชางเฟยหยุนปิดหน้าและลงไปจากลานประลองด้วยความอับอาย

เหล่าศิษย์สวรรค์ต่างภูมิใจเป็นที่สุด!

ไม่ว่าจะแกร่งเพียงใด หากอยู่ต่อหน้าซือหยู...มันก็ทำไม่ได้แม้แต่ละปล่อยพลัง!

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ--

ศิษย์สวรรค์ทั้งห้ามองไปทางซือหยู

ชางเฟยหยุนชนะหลินคุนในทันที แต่ซือหยูก็บดขยี้ชางเฟยหยุนได้เพียงดีชนีเดียว

ซือหยูจึงมาแทนที่หลิวคุนได้อย่างไร้ข้อโต้แย้ง เขากลายเป็นศิษย์สวรรค์ลำดับห้า! หากใครที่ต้องการติดตามราชันย์ศักดิ์สิทธิ์...ก็ต้องก้าวข้ามซือหยูไปเสียก่อน!

แต่ติดอยู่สิ่งเดียว...เมื่อได้เห็นพลังของซือหยูด้วยตัวเอง...แม้แต่ศิษย์สวรรค์ทั้งห้าก็มิกล้าพอจะประลองกับซือหยู

หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ท้ายสุดพวกเขาก็ล้มเลิกความตั้งใจ

สำหรับหลิวคุน พวกเขาอาจจะกล้าท้าประลองด้วย แต่ซือหยูนั่นเป็นดั่งนภาอันสูงส่ง...ลึกลับและน่ากลัว

หลายคนต่างถอนหายใจ ซือหยูที่เคยมีพลังระดับห้าขั้นกลาง...เขาได้กลายเป็นศิษย์สวรรค์ที่แกร่งที่สุดห้าลำดับแรกจริงๆ!

“ราชันย์...ตามสัญญา หากข้าได้เป็นศิษย์สวรรค์ ท่านจะถอนพลังศักดิ์สิทธิ์คืนจากร่างจิงหยู”

ซือหยูหันไปหาราชันย์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมั่นคง

นั่นคือสัญญาที่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ให้ไว้กับซือหยู

ในหนึ่งเดือน หากซือหยูมิได้เป็นศิษย์สวรรค์ เซี่ยจิงหยูจะต้องตายเพื่อเป็นคำเตือนแก่ผู้อื่น

แต่คาดไม่ถึงที่ราชันย์ตอบกลับอย่างเย็นชา

“ไม่”

คนรอบข้างต่างเงียบกริบ

ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์...ถอนคำพูด!

ทุกคนสับสนว่าเหตุใดราชันย์ศักดิ์สิทธิ์จึงอยากจะสังหารเซี่ยจิงหยูขนาดนี้!

พลังงานศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ในร่างเซี่ยจิงหยูเป็นเวลาหนึ่งเดือน...และมันกำลังจะระเบิดออกมา!

ซือหยูตัวแข็งทื่อ

“ราชันย์...เจ้าอยากจะให้ข้าโจมตีเจ้างั้นรึ?”

ใบหน้าเหน็ดเหนื่อยของราชันย์สุขุมตามเคยและก้าวมาข้างหน้า เขามองไปยังท้องนภาที่เต็มไปด้วยหิมะ

“ศิษย์สวรรค์ทั้งห้าให้ติดตามข้า วิหารนี้...ล่มสลายแล้ว”

เขาไม่สนใจคำถามของซือหยูเลย

และตอนนั้น ร่างของเซี่ยจิงหยูเริ่มสั่น มันแสดงท่าทางว่าเริ่มจะระเบิดอย่างรุนแรง

อ๊า--

เซี่ยจิงหยูอ้าปากและร่างอันบอบบางของนางก็สั่นสะเทือนพร้อมกับใบหน้าที่บ่งบอกความเจ็บปวดแสนสาหัส

ฟึ่บ--

ซือหยูบินไปทางลานประลอง เขากอดเซี่ยจิงหยูไว้ในอ้อมแขนและมองราชันย์ศักดิ์สิทธิ์อย่างเย็นชา

“ราชันย์..เจ้านี่มัน..”

“ไม่ใช่นะ!”

เซี่ยจิงหยูยื่นมืออันงดงามราวหยกของนางปิดปากซือหยู

“เจ้าเข้าใจราชันย์ผิดไปแล้ว”

เซี่ยจิงหยูมองไปยังราชันย์และพูดด้วยความสง่างาม

“พลังศักดิ์สิทธิ์นั้นแท้จริงแล้วช่วยในการบ่มเพาะพลัง ราชันย์นั้นให้ของขวัญแก่เจ้า”

ทุกคนตกตะลึงกับคำที่ทะลุผ่านหู!

ที่ซือหยูพูดว่า ‘มีคนกำลังรอข้าอยู่’ ในครั้งนั้นทำให้ราชันย์คล้อยตาม

ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์แสร้งโกรธในตอนที่ใส่พลังศักดิ์สิทธิ์ในตัวเซี่ยจิงหยู แท้จริงแล้วก็เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ซือหยูตั้งใจฝึกอย่างหนักในเดือนสุดท้ายของวิหาร

นั่นคือรางวัลแก่ซือหยูผู้กล้ายืนหยัดต่อหน้าเขา พลังศักดิ์สิทธิ์นั้นมิได้มีไว้เพื่อระเบิดกายของเซี่ยจิงหยูตั้งแต่แรก ตอนมาที่มันอยู่ในร่างเซี่ยจิงหยูก็เพื่อช่วยในการระเบิดพลังบ่มเพาะอย่างมหาศาล!

ความหวังดีของราชันย์ส่งไปถึงจิตใจของทุกคน

ซือหยูประสายมือคำนับด้วยความรู้สึกผิด

“ขอบคุณท่านราชันย์...ที่มอบพรแก่ข้า”

ราชันย์ที่เดินอยู่ข้างหน้าพูดอย่างเย็นชา

“มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว!”

หลังจากที่สำเร็จพลังเซี่ยจิงหยูก็หยุดนิ่ง ซือหยูย่อตัวลงและพูดกับนางอย่างอ่อนโยน

“ข้าจะแบกเจ้าเอง”

เซี่ยจิงหยูหน้าแดงอย่างเขินอาย นางขบริมฝีปากอย่างแผ่วเบา นางรู้สึกกังวลกับเหล่าสายตาที่จับจ้อง

แต่อย่างไร หลังจากที่นางได้ผ่านความโศกเศร้าเมื่อสูญเสียซือหยูและได้เขาคืนมาอีกครั้ง หัวใจของนางก็ซื่อตรงต่อความรู้สึกภายในมากขึ้น นางมิอาจปฏิเสธซือหยูที่ได้กลายเป็นคนที่มิอาจมีใครมาทดแทนได้ในดวงใจ

เซี่ยจิงหยูที่หน้าแดงปีนขึ้นหลังซือหยูและวางศีรษะลงบนไหล่ของเขาและหลับตาด้วยความเขินอาย...นางไม่อยากจะสบตาใครในตอนนี้เลย

เทียบกับซือหยูแล้ว จิตใจของเขากระจ่างชัด เซี่ยจิงหยูคือผู้มีพระคุณ ดังนั้นเขาจึงมิได้คิดมิดีมิงามกับนาง

ราชันย์ขมวดคิ้ว

“ข้าจะพาศิษย์สวรรค์ห้าคนไปด้วยเท่านั้น เซี่ยจิงหยูมิได้ไปด้วย”

เซี่ยจิงหยูนิ่งงันก่อนจะกระซิบอย่างแผ่วเบา

“พี่หยู ปล่อยข้าลงเถอะ”

หลังการจากลาครั้งนี้ พวกเขาจะห่างกันคนละโลก...นางอาจจะได้เจอซือหยูครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย

หัวใจของนางเจ็บปวดอย่างมิอาจทนได้

“นางจะต้องไปด้วย”

ซือหยูหยิบสร้อยหยกที่รูปทรงวิหคเพลิง นั่นคือของที่ผู้อาวุโสฉินให้เขาก่อนที่จะจากกัน หากมีสร้อยหยกนี้ในมือ...ก็จะเข้าสู่หุบเขาเฟิงหวงได้

ราชันย์ตัวสั่นเล็กน้อย แต่เขาก็ยอมรับ

“ตกลง...นางจะได้ไปด้วย”

เซี่ยจิงหยูยินดีมาก นางกอดคอซือหยูและกระซิบอย่างแผ่วเบา

“ขอบคุณนะ...พี่หยู”

ซือหยูที่ได้กลิ่นหอมหวานบริเวณแก้ม...ยิ้ม

หลงเสี่ยวยี่มองเซี่ยจิงหยูจากไกลๆ

“จิงหยู ข้าอวยพรให้เจ้าพบกับความสุข”

ก่อนพวกเขาจะเดินทาง ราชันย์เข้าไปยังป่าอสูร ครึ่งวันผ่านมาก็มีโอสถวิญญาณระดับสวรรค์กว่าร้อยขวดในมือเขา

“ฉิวชางเจี้ยน...เอาไปแจกจ่ายซะ ทุกคนจะได้หนึ่งขวด และจากนี้เป็นต้นไป...วิหารจักต้องล่มสลาย”

ราชันย์เตรียมการครั้งสุดท้าย

เพชรฆาตทุกคนที่เร้นกายอยู่ในป่าอสูรถูกสังหารโดยราชันย์ศักดิ์สิทธิ์โดยใช้เวลาแค่ครึ่งวันเท่านั้น หากราชันย์ศักดิ์สิทธิ์มิได้จัดการเรื่องนี้ก็อาจจะมีปัญหาในอนาคตได้

ซือหยูตกใจกับพลังของราชันย์ ป่าอสูรนั้นกว้างใหญ่และมีเพชรฆาตที่หลักแหลมมากมายที่ปรับตัวและหลบซ่อนอยู่ข้างใน แต่เพียงแค่ครี่งวันทั้งหมดก็ถูกกำจัด พลังของเขาไปถึงระดับคล้ายเทพแล้ว...หากดูจากคำอธิบายในบันทึกโบราณ

“หากพวกเจ้าอยากจะอยู่ในวิหารเพื่อฝึกฝน ข้าก็มิได้ห้าม...แต่พวกเจ้าจะต้องไม่กล่าวถึงนามข้าอีก”

ราชันย์ประกาศอย่างเย็นชา

“ท่านอาจารย์!”

ศิษย์สวรรค์ทั้งห้าโค้งคำนับพร้อมกันทั้งน้ำตา

วิหารล่มสลายลง...เช่นนี้

ก่อนที่จะเดินทางออกจากวิหาร ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์หันไปมองวิหารจากระยะไกล เขาเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา ดวงตาเขาแฝงความไม่เต็มใจ

ไม่นานความไม่เต็มใจนั้นก็แทนที่ด้วยความเด็ดเดี่ยว

“ท่านราชันย์ ทำไมเราต้องไปหุบเขาเฟิงหวงด้วยล่ะ?”

ซือหยูถามด้วยความสับสน

จ้าวกวงปราดตามองซือหยูอย่างเย็นชา

“ศิษย์น้องซือ! เจ้ากล้าสงสัยในตัวราชันย์ได้ยังไงกัน?”

ในฐานะของศิษย์สวรรค์ เหตุใดจะต้องตั้งคำถามกับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์

“พวกเจ้าทุกคนต้องรู้อยู่แล้ว”

ราชันย์ยื่นมือและพูดอย่างเย็นชา

“เหตุที่ข้าก่อตั้งวิหารมาร้อยปีก็เพิ่มรวบรวมเหล่าอัจฉริยะ...เช่นเดียวกับหุบเขาเฟิงหวง”

ราชันย์บอกความลับกับทุกคน

“พวกเราสองคนที่เป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ได้สร้างข้อตกลงกับว่าเราจะบ่มเพาะเหล่าอัจฉริยะขึ้นมาหนึ่งกลุ่ม หลังจากร้อยปี เราจะพบกันอีกครั้งและต่อสู้กัน”

ราชันย์พูดต่อ

“หลังจากร้อยปี มีกลุ่มอัจฉริยะนับไม่ถ้วนที่เข้ามาและะออกไป...ข้าต้องฟูมฟักผู้ที่แกร่งที่สุดที่มี...ซึ่งก็คือพวกเจ้า”

“เช่นเดียวกับหุบเขาเฟิงหวง เขาใช้เวลาหลายปีพยายามฟูมฟักเหล่าอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด”

ซือหยูตกใจ หุบเขาเฟิงหวงกับวิหารตั้งข้อตกลงว่าจะต้องต่อสู้กันหลังจากร้อยปีงั้นรึ?

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวิหารจึงต้องสร้างสำนักและจัดงานประชุมศักดิ์สิทธิ์จากทั้งเก้าแคว้น นั่นก็เพื่อกรองและคัดเลือกอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดเพื่อเตรียมการต่อสู้แห่งศตวรรษ!

แต่ยังมีข้อสงสัยอีกข้อ...นั่นคือเหตุใดที่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์กับเซียนหุบเขาเฟิงหวงจะต้องต่อสู้กันในครั้งนี้?

ราชันย์มิได้กล่าวถึงในข้อนี้...และซือหยูก็มิกล้าจะถามต่อ

“การต่อสู้นี้พวกเจ้าจะต้องอยู่ในอันดับสูงสุด นี่เป็นโอกาสเดียวในชีวิตพวกเจ้าที่จะได้เป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์!”

อะไรกัน? ทุกคนตกตะลึง!

โอกาสเดียวในการได้เป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ?

ทั้งทวีปเฉินยี่แห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าโลกสิบเท่า ทุกศตวรรษที่ผ่านมา ทั้งทวีปยังมิได้เห็นการกำเนิดขึ้นของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์คนที่สาม การสร้างราชันย์ศักดิ์สิทธิ์นั้นจะต้องยากลำบากไม่ผิดแน่

“ทรัพยากรในทวีปเฉินยี่นั้นมีจำกัด มิอาจสร้างราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ การต่อสู้แห่งศตวรรษนี้จะตัดสินชะตาของพวกเจ้านับจากนี้”

ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจ

“จะใช่ชีวิตเยี่ยงมนุษย์และถูกปฏิบัติเฉกเช่นมดปลวก...หรือเป็นมัจฉาที่กระโจนข้ามประตูมังกร...เพื่อเข้าไปยังโลกใบใหม่ที่พวกเจ้าไม่รู้จัก ทั้งหมดจะถูกตัดสินในการต่อสู้แห่งศตวรรษ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด