ตอนที่แล้วDND.90 - อัจฉริยะในตำนาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.92 - ราชันย์เทพชุดม่วง

DND.91 - การต่อสู้แห่งจุดสูงสุด


หลิวกวงพุ่งไปเผชิญหน้ากับซือหยูอย่างเย็นชา

รังสีเย็นชาปกคลุมแววตาหลิวกวง เขากำหมัดแน่น...มีแสงแปลบปลาบอ่อนๆที่หมัดนั้น

“จงจากไปอย่างสงบและรับรู้ว่าตายด้วยน้ำมือข้า!”

ความโกรธและจิตสังหารจากหลิวกวงปรากฏอย่างชัดเจน

ฟิ้ว--

หลิวกวงจู่โจม แสงในมือของเขาสว่างออกเป็นเส้นโค้ง!

ฟิ้ว--

เมื่อการโจมตีของหลิวกวงเริ่มขึ้น ราชันย์ทั้งสองก็พุ่งออกมาจากโถง เขาทั้งสองยืนอยู่หน้าซือหยูและหลิวกวง การต่อสู้ของพวกเขาหยุดลงทันที

“หากพวกเจ้าสองคนอยากจะสู้กันนัก...เราก็จะเริ่มการต่อสู้แห่งศตวรรษเดี๋ยวนี้”

ซือร่งถอนหายใจ

ลี่กวงพยักหน้ายินยอม

“เรารอเวลานี้มานับร้อยปี ในที่สุดมันก็เริ่มขึ้นแล้ว”

เหล่าคนจากหุบเขาเฟิงหวงตามผู้นำออกมายังธรณีหวงห้าม

ธรณีหวงห้ามนั้นไม่เป็นที่คุ้นเคยแก่พวกที่มาจากวิหารเช่นเดียวกับคนในหุบเขาเฟิงหวง

หมอกล้อมรอบธรณีหวงห้าม ทำให้มันมองเห็นยาก

ลี่กวงและซือร่งยืนข้างกันในหมอก พวกเขารู้สึกลำบากใจ

พวกเขามองหน้ากันและปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา!

“เปิดได้!”

พลังศักดิ์สิทธิ์ของทั้งคู่หลอมรวมกันปรากฏเป็นกระบี่ยักษ์ตัดผ่านเบิกทางสายหมอก เส้นทางปรากฏปรากฏไปยังดินแดนแห้งแล้ง

“พวกเจ้าทุกคนรีบเข้าไปเร็ว!”

ลี่กวงเค้นเสียง

ห้าศิษย์สวรรค์จากวิหารและทั้งสิบจากเฟิงหวงเข้าไปพร้อมกัน

“หลอมรวม!”

ทั้งสองหยุดใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าพวกเขาซีดเผือด เพียงการใช้พลังนี้ก็ทำให้ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองเหนื่อยอ่อน หมอกนั่นยากที่จะแยกจากกันอย่างไม่สมเหตุสมผล

“ตามข้อตกลง พวกเรามิอาจเข้าไปได้ พวกเราทำได้เพียงรอคอยผลที่นี่”

ลี่กวงพูดอย่างแผ่วเบา ตัวตนของราชันย์มิอาจเข้าไปแทรกแทรงการประลองได้ และเพื่อความยุติธรรม พวกเขาทั้งสองก็มิอาจเข้าไปสังเกตการต่อสู้ได้เช่นกัน

ซือร่งกระโดดขึ้นศิลาก้อนใหญ่และนั่งไขว้ขาบนนั้น

“ห้าอันดับแรกจะต้องเป็นของเฟิงหวง”

“จนกว่าจะสู้จบ...เร็วไปหากเจ้าจะกล่าวเช่นนี้”

ลี่กวงส่ายหัวเบาๆอย่างมั่นใจ

แต่ในใจของเขากำลังหวังจ้าวกวงว่าจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง

เหล่าศิษย์เข้าไปยังธรณีศักดิ์สิทธิ์เป็นกลุ่ม ทุกคนนั้นตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น พวกเขามิได้อยู่บนลานประลองแต่เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า มันคือซากตำหนักโบราณที่พังทลาย…

ราวกับสุสานเก่าแก่ในฝันที่พังทลาย

ทุกสิ่งในระยะสามสิบลี้ถูกทำลาย ราวกับดินแดนนี้เคยรุ่งเรือง...แต่ถูกทำลายในชั่วข้ามคืน

ที่นี่คือสนามรบของพวกเขา!

พวกเขาเริ่มการต่อสู้แห่งศตวรรษในดินแดนรกร้างนี้ ประวัติศาสตร์กว่าหมื่นปีหลับใหลอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา

การต่อสู้ครั้งนี้ตัดสินชะตาว่าพวกเขาจะเป็นมดปลวกหรือมังกร

ที่ศูนย์กลาง...หุ่นเชิดทมิฬปรากฏตัวขึ้น

เอี๊ยด--

เสียงเฟืองบดขยี้กันดังมาจากในหุ่นเชิด

“ข้าคือผู้ตัดสินการต่อสู้แห่งศตวรรษ พวกเจ้าต้องทำตามคำสั่งของข้า”

หุ่นเชิดทมิฬมีกลไกเปล่งเสียง รังสีความน่ากลัวแผ่ปกคลุมทั่วพื้นที่

ทุกคนตกใจแต่ก็ต้องทำตามหุ่นเชิดและรวมกันตรงใจกลางดินแดนรกร้าง

“การสังหารถือว่าต้องห้ามในการต่อสู้ หากฝ่าฝืนกฎนี้พวกเจ้าจะต้องตาย”

หุ่นเชิดพูดอย่างเย็นชา

“พวกเจ้าจะสู้บนลานประลอง ผู้แพ้จะถูกเอาออกจากการประลองและส่งออกไปนอกธรณีหวงห้าม”

ทุกคนมิได้ตื่นใจ กฎนี้มิต่างจากเดิมเท่าใดนัก

หุ่นเชิดทมิฬมองไปยังกลุ่มคนก่อนจะเพ่งไปยังระดับห้าจากเฟิงหวง...เป็นสตรีที่ท่าทางเฉยเมย

นางอยู่ในระดับเก้าขั้นกลาง แต่พลังของนางนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าระดับเก้าขั้นกลางห้าคนจากเฟิงหวง

“เจ้าเริ่มก่อน! รอบแรกจะเป็นการประลองเพื่อหาห้าลำดับแรก พวกเจ้าจะประลองกับใครก็ได้ที่นี่ ผู้แพ้จะถูกตัดออกไปจนกว่าจะเหลือห้าคน”

นางผู้นั้นพยักหน้า นางมองไปยังศิษย์สวรรค์ทั้งห้าจากวิหาร นางแสยะยิ้ม

“พวกเจ้ากล้าเข้ามาต่อสู้นี้เพราะพลังงั้นรึ? แค่ข้าคนเดี๋ยวก็กำจัดพวกเจ้าได้ทั้งหมดแล้ว!”

หลิวกวงมองผ่านซือหยู

“ทิ้งซือหยูไว้คนสุดท้าย”

“ตามประสงค์ ศิษย์พี่หลิวกวง”

นางเคารพหลิวกวงมาก

นางมองซือหยูอย่างเวทนา

“ข้าจะเก็บเจ้าไว้คนสุดท้ายตามที่ศิษย์พี่หลิวกวงขอ อย่าลืมขอบคุณเขาซะล่ะ”

ฟึ่บ--

นางบินอยู่บนศูนย์กลางดินแดนรกร้าง

“จดจำนามข้า เจิ่นหลิงจากหุบเขาเฟิงหวงผู้นี้จะกำจัดพวกเจ้าทุกคนจากวิหาร”

นางยิ้มเยาะ

นางมองไปยังศิษย์สวรรค์ลำดับสี่จากวิหาร หวางอัน เขามีระดับสูงกว่าหลิวคุน เขามีกล้ามเนื้อกำยำราวกับสัตว์ป่า

หวางอันก้าวมาข้างหน้า กล้ามเนื้อของเขาสั่นสะเทือนพื้น

“เริ่มได้”

หุ่นเชิดทมิฬประกาศอย่างไร้อารมณ์

หวางอัน

“ย่างพยัคฆ์มังกรทะยาน!”

กระดูกในร่างกายหวางอันสงเสียงแตกหัก

พลังงานอันแข็งแกร่งในเส้นโลหิตส่งตรงมายังผิวหนัง หากมองจากไกลๆจะดูเหมือนว่าร่างหวางอันเกิดจากโลหิตแดงชาด เขาเดินเยี่ยงพยัคฆ์แต่มีความเร็วราวกับมังกร ทุกย่างก้าวของเขาสั่นสะเทือนหัวใจของคนรอบข้าง

ฟึ่บ--

เจิ่นหลิงยิ้ม นางประกบนิ้วเข้าด้วยกัน

“กระบี่กรีดเมฆา!”

ครืน--

นิ้วของนางมีพลังของนักรบไร้เทียมทานนับสิบ! ราวกับว่าท้องนภาจะถล่มเพราะพลังของนางที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัว ความดุร้ายเกรี้ยวกราดจากกระบี่ของนางกดขี่ทุกคนที่เผชิญหน้า

ครืน---

อ๊าก--

แม้จะมีร่างกายอันแข็งแกร่ง แต่หวางอันก็เกิดแผลรูใหญ่ที่ไหล่

เขากระเด็นลอยด้วยเสียงอันน่าเวทนา...เขาพ่ายแพ้ทันทีจากการเจ็บหนัก!

ร่างของหวางอันถูกล้อมโดยหมอกและนำพาเขาออกไปจากธรณีหวงห้าม

ด้านนอกธรณีหวงห้าม ราชันย์ลืมตาขึ้นและมองอย่างประหลาดใจ

ศิษย์สวรรค์คนแรกถูกกำจัดออกมาแล้วงั้นรึ?

“จ้าวกวง ข้าหวังกับเจ้าอยู่นะ!”

ราชันย์เริ่มกังวล

ลึกในธรณีหวงห้าม การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป เจิ่นหลิงยิ้มเยาะและชี้ไปยังฝูงชน

“พวกเจ้า ใครก็ตามที่อยู่ลำดับสาม จงก้าวมาข้างหน้า!”

ร่างอันบอบบางของหวางจิงบินลอยมาด้านหนห้า หวางจิงแกร่งกว่าหวางอันเล็กน้อย แต่ทั้งจ้าวกวงและเฉินเหลียงสีหน้าหม่นหมอง เจิ่นหลิงชนะในกระบวนท่าเดียว หวางจิงจะทนพลังนั่นได้ไหมนะ?

หวางจิงใช้นิ้วตั้งท่า นางกำลังจะใช้วิชากรงเล็บ

“กรงเล็บจ้าววิหคไหมสวรรค์!”

ฟึ่บ--

เสียงสายฟ้ากระทบกันดังห้าครั้ง ปรากฏเป็นกรงเล็บคมกริบ ราวกับราชันย์วิหคที่กำลังต่อสู้อยู่บนสวรรค์และทะยานลงมาฉีกผืนดิน

ทั้งความเร็วและพลังนั่น….วิชาบ่มเพาะระดับสวรรค์ขั้นสูง!

“ดีนี่!”

เจิ่นหลิงหัวเราะ

“กระบี่กรีดเมฆา!”

ครืน ปั้ง--

นิ้วกระบี่ของนางปะทะกับกรงเล็บทำให้เกิดคลื่นเสียงรุนแรง

โครม--

หวางจิงถอยหลังสิบก้าว ในปากของนางเต็มไปด้วยโลหิต นางตกตะลึง

ตอนนั้นหวางจิงจึงได้เข้าใจพลังที่นางเจอ

“วิชาบ่มเพาะระดับเทพขั้นต้น!”

มีเพียงจ้าวกวงที่มีวิชาระดับเทพในวิหาร แต่ในหุบเขาเฟิงหวงนี้แม้แต่อันดับห้าก็มีมัน!

หุบเขาเฟิงหวงแกร่งเกินไปแล้ว!

“ข้าบอกแล้วว่าข้าคนเดียวก็จัดการพวกเจ้าได้ทุกคน!”

เจิ่นหลิงหัวเราะ

ปั้ง--

พวกนางต่อสู้กันอีกยี่สิบกระบวนท่าก่อนที่หวางจิงจะพ่าย หมอกแสงนำพานางออกไปด้านนอก

เจิ่นหลิงชนะสองคนอย่างต่อเนื่อง

“ลำดับสอง ก้าวเข้ามา!”

นางเยาะเย้ย

จ้าวกวงและเฉินเหลียงรู้สึกอัปยศอยู่ภายใน!

ลำดับห้ามีพลังพอที่จะกำจัดศิษย์สวรรค์ทุกคน! นี่มันเกินไปแล้ว!

ซือหยูยืนอย่างเงียบเชียบ เส้นผมของเขาปลิวไปตามแรงปะทะ

“เหตุใดมิประลองกับข้าก่อนล่ะ?”

เขาถามอย่างเย็นชา

เฉินเหลียงมองซือหยูและก้าวออกไปข้างหน้า

“ข้ายังอยู่ตรงนี้ เจ้าจะเป็นต้องต่อสู้ด้วยงั้นรึ? ฮื่ม...เจ้ามองศัตรูอย่างเห็นใจแล้วเอาตัวรอดให้นานที่สุดไปซะดีกว่า!”

เฉินเหลียงมองเจิ่นหลิงอย่างเย็นชา

“ความหยาบคายของเจ้ามาได้เพียงเท่านี้ นี่เป็นเวลาที่ข้าจะต้องกำจัดหุบเขาเฟิงหวง!”

“แส้วารีสิงขร!”

เฉินเหลียงปลดแส้หนังทมิฬที่ใช้คู่กับวิชาออกมาทันที

ครืน--

แส้นั้นกระหน่ำไปยังอากาศ อากาศถูกเฉือนแตกสลาย มันมีเวลายาวนานก่อนที่เสียงจะตามมาจากการกระหน่ำนั้น...มันช่างยอดเยี่ยม!

“กระบี่กรีดเมฆา!”

เจิ่นหลิงสีหน้าหม่นหมอง

ครืน ปั้ง--

อ๊า--

เจิ่นหลิงร้องอย่างน่าสงสาร นางกระเด็นถอยหลง นิ้วของนางเต็มไปด้วยโลหิต แส้ได้ทำลายเกราะพลังปราณของนางและเกือบจะทำลายนิ้วของนาง!

“เจ้ายังทนกระบวนท่าเดียวมิได้เลย ก็แค่คนโง่ที่ริอ่านจองหอง!”

เฉินเหลียงก่นด่าเจิ่นหลิง

เจิ่นหลิงทั้งอัปยศและโกรธเกรี้ยว นางมั่นใจเกินไปและดูหมิ่นวิหาร

แต่เจิ่นหลิงก็ยังมีไพ่ตาย

“กระบี่ร้าวนภา!”

เจิ่นหลิงดึงกระบี่ที่เอวออกมา

กระบี่ของนางปะทุแสงออกมา มันราวกับอสรพิษที่เลื้อยไปมา

“เจ้าประเมินตนสูงไปแล้ว!”

เฉินเหลียงหัวเราะ เขาฟาดแส้ออกไป!

แต่กระบี่เงินนั้นพริ้วไหวราวกับอสรพิษ มันพันเข้ากับแส้

กระบี่ไหลไปตามแส้!

อ๊าก---

เฉินเหลียงรู้สึกว่าข้อมือถูกกัดโดยอสรพิษร้าย มันเจ็บปวดแสนสาหัส เขาเผลอปล่อยแส้ทิ้งไปโดยไม่รู้ตัวและปล่อยให้กระบี่ฟันผ่านสะบักไหล่ของเขา

ฉั่วะ--

สะบักไหล่ของเฉินเหลียงเกิดแผลยาว โลหิตกระฉูดไปทุกทิศทาง เขากระเด็นลอยออกไปและพ่ายแพ้

ด้านนอกธรณีหวงห้าม ลี่กวงยืนขึ้นทันที เขาประหลาดใจมาก

“แพ้สามครั้งติดกันงั้นรึ!!”

ตั้งแต่ระดับสี่ถึงระดับสองพ่ายแพ้เพราะคนคนเดียว!

ด้านในธรณีหวงห้าม เจิ่นหลิงกำลังหายใจหอย นางเหนื่อยอย่างเห็นได้จัด

เฉินเหลียงรับมือยากกว่าที่นางคาด แล้วจ้าวกวงจะแกร่งเพียงใดกัน?

ขณะที่เจิ่นหลิงกำลังรวบรวมความกล้าและเตรียมจะประลองกับจ้าวกวง หลิวกวงก็ถอนหายใจ

“เจ้ามิใช่คู่แข่งของเขา ประลองกับซือหยูซะ จงมอบบทเรียนอันโหดร้ายให้กับมัน”

เจิ่นหลิงหัวเราะ

“ตามประสงค์ศิษย์พี่!”

นางมองไปยังซือหยู

“เจ้ามาไกลเกินเอื้อมนัก เซี่ยนเอ๋อคือสตรีของศิษย์พี่หลิวกวง มิใช่เจ้า...ข้าจะทำให้เจ้าตาสว่างเอง!”

เจิ่นหลิงยั่วยุ

“ซือหยู มาข้างหน้า”

ซือหยูสุขุมและก้าวไปข้างหน้าอย่างสงบนิ้งสู่ใจกลางดินแดนรกร้าง

“ลืมตาซะ!”

เจิ่นหลิงคำราม

ซือหยูส่ายหัว

“เจ้ามิคู่ควรให้ข้าลืมตา”

เขาตอบอย่างเรียบเฉย

“ปลิ้นปล้อน! ข้าจะใช้กระบี่ข้าหั่นดวงตาเจ้าจนเปิดให้เห็นโลกใบนี้!”

“กระบี่กรีดเมฆา!”

กระบี่ในมือนางมีแสงประกายออกมา เฉินเหลียงพ่ายด้วยกระบี่นี้

แต่ซือหยูยังคงยืนมือไพล่หลัง เขาไม่คิดจะขยับจนกระบี่นั้นเกือบถึงใบหน้าของเขา

แกร๊ก--

เสียงแตกดังไปทั่ว กำแพงแก้วใสปรากฏออกมาจากที่ใดมิอาจทราบได้ กระบี่นั้นทะลวงไม่เข้า

เจิ่นหลิงหน้าถอดสี

“นั่นมันอะไรกัน?”

“หากใจปรารถนา ทุกสิ่งก็เป็นน้ำแข็ง”

ซือหยูพูดอย่างเฉยเมย เขาหลับตา เส้นผมสีเงินของเขาปลิวไปตามแรงลม

ครืน--

เส้นผมสีเงินร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นเข็มน้ำแข็งนับไม่ถ้วน!

อ๊ากก---

พลั่ก--

เส้นผมเยือกแข็งนั้นแข็งแกร่งและเย็นจัด มันกระหน่ำใส่ร่างของเจิ่นหลิง เส้นผมเยือกแข็งเฉือนชุดคลุมของนางหลายต่อหลายครั้ง...พลังนั้นตรงดิ่งผลักนางถอยไปด้านหลัง นางกระอักเลือดออกมาและพ่ายแพ้!

ภายใต้การนำพาจากหมอกแสง เจิ่นหลิงสูงส่งออกไปด้านนอก

เซียนหุบเขาค่อยๆลืมตาอย่างสงบเงียบ

เฉินเหลียงเห็นเจิ่นหลิงที่เจ็บหนักและหัวเราะ

“เจ้าจะยังกล้าปากดีอยู่ไหม! เห็นพลังของศิษย์พี่จ้าวรึยัง?”

เฉิยเหลียงคิดถึงซือหยูด้วยความอิจฉา

“ซือหยูโชคดีนัก ได้รับความเย็นใจจากคนที่แย่งสตรีเขาาไป! คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!?”

เจิ่นหลิงขมขื่น นางเดินไปหาเซียนหุบเขา

“ท่านอาจารย์ ข้ามันใช้ไม่ได้ ข้าแพ้ซือหยู”

นางรายงาน

“เขางั้นรึ? กี่กระบวนท่า?”

เซียนหุบเขาถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

“หนึ่งกระบวนท่า!”

เจิ่นหลิงหน้าแดง ถ้าพูดตามตรง ซือหยูแทบจะไม่ได้ใช้กระบวนท่าด้วยซ้ำ นางพ่ายแพ้ต่อเส้นผมที่ลอยไปมาของซือหยู!

เซียนหุบเขาประหวาดใจ เขาชนะเจิ่นหลิงได้ในกระบวนท่าเดียวงั้นรึ?

เฉินเหลียงมิอาจเชื่อ

“จะ...จะเป็นมันได้ยังไง? กระบวนท่าเดียวงั้นเรอะ?”

เฉินเหลียงหน้าถอดสี เขาก้มหัวอย่างละอายใจอยู่กับหวางจิงและหวางอัน

ธรณีหวงห้ามเงียบกริบ

ซือหยูชนะเจิ่นหลิงได้โดยไม่ขยับตัวด้วยซ้ำ! ศิษย์จากหุบเขาเฟิงหวงต่างตกตะลึง! ซือหยูที่ทุกคนดูถูกแกร่งถึงเพียงนี้เชียวรึ?

“ซือหยูชนะ! ต่อไปเป็นคราวเจ้าท้าประลอง!”

หุ่นเชิดทมิฬประกาศ

ซือหยูยืนนิ่งเงียบ เส้นผมสีเงินปลิวไสว เขายังคงหลับตาและตรวจสอบว่ามีใครเหลืออยู่บ้าง วิหารในตอนนี้ยังมีเขาและจ้าวกวง หุบเขาเฟิงหวงที่ไม่มีเจิ่นหลิงนั้นเหลือคนอีกเก้าคน

“หุบเขาเฟิงหวงยังมีคนอยู่มากเกินไป”

ซือหยูถอนหายใจ

“เซี่ยนเอ๋อกำลังรอข้าอยู่ ข้าขอโทษ...แต่ข้าต้องกำจัดพวกเจ้าให้เร็วที่สุด”

ทุกคนจากหุบเขาเฟิงหวงโกรธเกรี้ยว

“หยาบคายนัก! เจ้าคิดจะประลองกับพวกเราสองคนพร้อมกันงั้นรึ?”

“สองคนอะไรกัน? มิใช่!”

ซือหยูส่ายหัว

“งั้นก็จงหุบปากที่พูดไม่เข้าเรื่องไปซะ! แม้แต่พวกเราก็ไม่กล้าจะประลองกับสองคนพร้อมกัน!”

เหล่าศิษย์จากเฟิงหวงก่นด่าซือหยู

แต่เพียงประโยคเดียวจากซือหยูก็ทำให้ที่นั่นตกอยู่ในความเงียบกริบ

“พวกเจ้าผิดแล้ว ข้ามิได้จะต่อสู้กับสองคนในคราเดียว แต่ข้าจะประลองกับพวกเจ้าหกคนในคราเดียวต่างหาก! หากเป็นเช่นนี้ การประลองหาห้าลำดับแรกจะได้จบลงเสียที”

ซือหยูที่พูดอย่างเรียบเฉยทำให้ทุกคนในดินแดนรกร้างนี้ตกตะลึง!

คนทั้งสิบเอ็ดคนที่นี่จะเหลือห้าคน หากมีหกคนที่แพ้ออกไป

ถ้าเป็นเช่นนั้น การต่อสู้รอบแรกจะจบลง

“ทุกคนยกเว้นสามลำดับแรกแห่งหุบเขาเฟิงหวง ก้าวเข้ามา!”

ซือหยูยืนมือไพล่หลัง ผมสีเงินและชุดสีม่วงขับส่งให้เขาดูเหมือนผู้ปกครองในครั้งโบราณ!

บุรุษเพียงผู้เดียวปะทะกับหกคน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด