ตอนที่แล้วบทที่ 6 : ออร่าคนจน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 : กับดักสัตว์

บทที่ 7 : โอเครๆ ฉันจะให้เงินเพิ่ม เพราะงั้นได้โปรดหยุดกินทีเถอะ


บทที่ 7: โอเครๆ ฉันจะให้เงินเพิ่ม เพราะงั้นได้โปรดหยุดกินทีเถอะ  

 

ผู้แปล : แปลนิยายกากๆ

ปรับสำนวน : ไม่ได้ปรับ

ตรวจคำผิด : ไม่ได้ตรวจ

 

หลังจากรู้ว่ามอเตอร์ของเก้าอีนวดเสีย ทั้งสองพยายามซ่อมแต่ก็ไม่สำเร็จ พวกเขาทำได้เพียงยอมรับว่ามันพังแล้วจริง ๆ

"ไอ้เวรเอ่ย! คนพวกนั้นหลอกฉัน ถ้ามันยังมีสภาพดีอยู่ พวกเขาคงไม่ปล่อยให้มันหลุดออกมาประมูลแบบนี้" ฮันส์พูดอย่างเสียอารม

"นั้นหมายความว่าของนี้ไร้ค่า?" หลี่ หู่ถาม

ฮันส์จะส่ายหัว ก่อนตอบ "ไม่หรอก แต่เราต้องลดราคาลงประมาณครึ่งหนึ่ง ตอนแรกฉันคิดว่าคงจะขายมันได้สักประมาน 10,000 ดอลลาร์ แต่ตอนนี้มันคงขายได้แค่ 5-6 พัน"เท่านั้น

"ฉันจำได้ว่านายบอกว่าเจ้านี่มีราคา 20,000 ไม่ใช่เหรอ?"

"ถูก แต่เมื่อเอาไปขายต่อมันจะขายได้แค่ครึ่งหนึ่งของราคาเท่านั้น "

เมื่อได้ยินว่ามันขายได้แค่ครึ่งหนึ่ง หลี่ หู่ก็เงียบไปสักพักและคิดหาวิธี

"ทำไมไม่ลองเอารถฟอร์ดของนายไปจำนองดูล่ะ รถกระบะของนายที่เอาไปจำนองตอนนั้นได้ราคาตั้ง 2,500 เหรียญ"

ฟอร์ด F-150 เป็นหนึ่งในรถยอดนิยมในอเมริกา ราคาขายเริ่มต้นคือ 26,000 ดอลลาร์ หลี่ หู่ คิดว่าน่าจะได้เงินจำนองอย่างน้อย10,000 ดอลลาร์

"ก่อนอื่น" ฮันส์กล่าว "รถของฉันใช้วิ่งเกิน 20,000 ไมล์แล้วเพราะงั้นราคาของมันจะลดลงอย่างมากนั้นคือข้อแรก ส่วนข้อสองฉันจะไม่จำนองมัน"

"แล้วเราจะไปหาเงินได้จากไหน?"

"นายมีเพื่อนที่ใจดีให้ยืมเงินหรือเปล่า"

"ฉันก็มีแค่ฮันนาห์คนเดียวเท่านั้นแหละ" หลี่ หู่ตอบแล้วมองไปที่ฮันส์

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ฮันส์ก็มองหน้าหลี่ หู่ "คนนี้ไม่ได้!  งั้นฉันคงต้องขายเก้าอีนวดนี้ในสถาพพังๆนี่แล้วละ มันอาจจะทำเงินได้ไม่มากแต่ก็น่าจะพอเลี้ยงได้บ้าง "

หลี่ หู่ค่อนข้างรู้สึกดีและไม่ได้โต้แย้งอะไร เพราะคำพูดของฮันส์ ได้แสดงถึงจุดยืนที่ปกป้องน้องสาวของตัวเอง ถ้าชายตรงหน้าพยายามโน้มน้าวให้หลี่ หู่ยืมเงินจากน้องสาวตัวเอง นี่คงเป็นครั้งเดียวที่หลี่ หู่จะร่วมมือกับเขา เขาไม่อยากคบกันคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์จนไม่สนใจอะไร

ตกค่ำหลี่หู่ก็ไปนอนในห้องนอน ในขณะที่ฮันส์นอนหลับอยู่บนเก้าอี้นวด

เมื่อฮันนาห์กลับมาจากที่ทำงาน เธอก็ตกใจกับสิ่งที่เธอเห็น "พระเจ้าช่วย! พี่ได้เก้าอี้นวดนี้มาจากไหน?"

"ฝากบอกพระเจ้าของเธอด้วยว่าพี่ ชายของเธออยากได้เบียร์สักขวด?" ฮันส์พูดขึ้นในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น

"ไม่มีเบียร์ แต่มีนมเปรี้ยว" ฮันนาห์ตอบขณะที่เธอจ้องไปที่เขา

เช้าวันต่อมา ฮันนาห์ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าให้พวกเขาทั้งคู่ หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จพวกเขาก็ไปทางประตูและทิ้งฮันนาห์ไว้ที่บ้านเพื่อให้เธอได้พักผ่อน

"เอาล่ะ เราต้องไปขายที่ไหน?" หลี่ หู่ ถาม

ฮันส์ตอบพร้อมกับตบหน้าอก"ปล่อยให้ฉัน บิ๊กฟ็อกคนนี้จัดการเอง ฉันรู้จักคนมากมาย!"

เขาโอ้อวด ก่อนจะเติดต่อบริษัทรถบรรทุกที่ใช้บริการเมื่อวานและขนเก้าอี้ไปที่ร้านขายของมือสอง

ในอเมริกา ตลาดของมือสองได้ถูกพัฒนาขึ้น รถยนต์มือสอง,เครื่องคอมพิวเตอร์รึแม้แต่เสื้อผ้า ทั้งหมดสามารถหาได้ในร้านขายของมือสอง นอกจากนี้ร้านค้าเหล่านี้ไม่เพียงแต่ขายสินค้าเท่านั้น พวกเขายังรับชื้อของอีกด้วย

เมื่อมาถึง ตาลุงเจ้าของร้านก็ยิ้มขึ้นหลังจากเห็นฮันส์ "เฮ้บิ๊กฟ็อกซ์เพื่อนรัก ฉันคิดว่านายไปลอสแอนเจลิสแล้วนิแล้วทำไมถึงยังอยู่ที่นี่อีก?"

"ฉันไปลอสแอนเจลิสเพื่อขยายธุระกิจ อีกอย่างฉันก็มีรากเง่าอยู่ที่แฟลกสแตนส์" ฮันส์ กล่าว

"นายมานี่ ไม่ได้มายืมเงินใช่มั้ย?"

"แน่นอนว่าไม่!"

ฮันส์พูดด้วยน้ำเสียงโอ้อวด "ฉันมาที่นี่เพื่อหากำไรให้นายและฉันไม่ได้โม้ ดูสิว่าฉันมีอะไร!" เขาเปิดด้านหลังรถบรรทุกและเผยให้เห็นเก้าอี้นวด

เมื่อตาลุงเจ้าของร้านเห็นเก้าอี้นวดที่หรูหรา ตาของเขาก็เป็นประกาย"สุดยอด! เก้าอี้นวดอเนกประสงค์ของแคสโรว์ นี่เป็นรุ่นสอง ใช่มั้ย? พวกนายโชคดีจริงๆ"

"รุ่นสอง? มันพิเศษยังไง ลุงเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ" ฮันส์รู้สึกทึ่ง

ลุงเควินพยักหน้า "ได้ ฉันจะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับความเป็นมาของเก้าอี้ตัวนี้ มันเป็นที่รู้จักกันดีว่า เก้าอี้ราคาแพงตัวแรกถูกออกแบบในปีพ. ศ. 2499 เทคโนโลยีได้เข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตและออกสู่ตลาดครั้งแรกในทศวรรษ 1970

"แคสโรว์เขาเป็นคนพัฒนาสิ่งประดิษฐ์นี้ ไม่นานก็ประสบความสำเร็จและปล่อยเข้าสู่ตลาดด้วยรูปแบบของเก้าอี้นวดไฟฟ้า

"ในปีพศ. 2551 แคสโรว์ได้เพิ่มเทคโนโลยีไมโครคอนโทรลเลอร์เพื่อพัฒนาเป็นเก้าอี้นวดที่ทันสมัย "

หลังจากเจ้าของอธิบายเกี่ยวกับเทคโนโลยี ฮันส์และหลี่ หู่ก็ขนเก้าอี้ลงจากรถ  "เก้าอี้นวดรุ่นนี้ยังมีบลูทูธและจอ LED"

"ถ้าเทียบกับรุ่นแรก รุ่นที่สองย่อมมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าอยู่แล้ว "

ลุงเควินลองเปิดเครื่องดู แล้วมองไปที่จอแสดงผล LED ก่อนจะพูดขึ้นว่า "น่าเสียดาย! มอเตอร์ของเก้าอี้นี้เสีย"

"มันไม่เลวร้ายเท่าไหร่หรอก แค่มอเตอร์มีปัญหานิดหน่อย" ฮันส์รีบพูดขึ้น "ลุงฉันคิดว่ามันสามารถซ่อมได้"

"แน่นอนมันซ่อมมันได้ แต่ราคาคงจะสูงไม่ใช่เล่น"

ฮันส์ถาม"ลุงจะซื้อมันใช่ไหม"

ลุงเควินพยักหน้าและพูดว่า "ใช่ ถ้ามันยังดีอยู่ ฉันคงให้ราคา 10,000 ได้ แต่ตอนนี้มอเตอร์มันเสีย อืม... ประมาณ 5,000"

"ไม่เอาน่า ลุงเควินอย่ามาโกหกกันเลย ฉันคิดว่าอย่างน้อยก็ต้อง 8,000?"

"หื้ม? 8,000? พูดใหม่สิ่ ฉันแก่แล้วหูไม่ค่อยดี "

"8,000 เหรียญ.. "

"ฉันคงให้มากกว่านั้นไม่ได้"

"ฉันจะยอมถอยให้ 7,500 เหรียญ ,ถ้าลุงซ่อมเก้านี้ได้ ลุงขายมันได้เกิน 7,500 อยู่แล้ว!"

"นายจะไม่เห็นแก่มิตรภาพของเราหน่อยรึไง 6,000 เหรียญ"

"เอาล่ะ มันใกล้จะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ฉันจะขายเก้าอี้นี้ให้ 7,000 แต่ลุงต้องเลี้ยงมื้อกลางวันฉัน เอาเป็นบาร์บีคิวเนื้อแกะดีไหม! "

"6,500 และนายอยากกินบาบิคิวเนื้อแกะได้เท่าที่ต้องการเลย"

ฮันส์มองไปทางหลี่ หู่และถามว่า "เพื่อน นายคิดว่าไง?"

หลี่หู่ไม่ได้พูดอะไรในการต่อรองนี้ เขานึกกลับไปที่เห็นชาวนาในประเทศจีนถกเถียงกันเรื่องราคากับแม่บ้าน คำถามของฮันส์ได้ลากหลี่ หู่กลับสู่ความเป็นจริง เขาพยักหน้าและตอบว่า"ฉันไม่ได้คัดคาดอะไร "

หลังจากที่ขนเก้าอี้นวดเข้าไปในร้านแล้ว ลุงเควินก็นำเงินมาให้พวกเขา ก่อนจะไปสนามหลังบ้านและตั้งเตาบาร์บีคิว

"บาร์บีคิวเนื้อแกะของเควินมีชื่อเสียงมากในแฟลกแสนฟฟ์ เนื้อแกะทั้งหมดมาจากฟาร์มของเขาทั้งนั้น เพราะงั้นกินให้เต็มที่เลย" ฮันส์บอกกับหลี่ หู่

"ไม่ต้องห่วง"

 

คนอเมริกันส่วนใหญ่ชอบทำบาร์บีคิวเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้บ้านเกือบทุกหลังจะมีเตาย่างเอาไว้

 

เสียงสับเนื้อแกะและกลิ่นหอมที่ดูน่าอร่อยทำให้หลี่หู่ ถึงกลับน้ำลายไหล

เนื้อแกะจานแรกพร้อมแล้ว ฮันส์หยิบไปครึ่งหนึ่ง ขณะที่หลี่หู่กินส่วนที่เหลือ

หลังจากกินเสร็จ เนื้อแกะจานที่สองก็พร้อมแล้ว ฮันส์กินไปนิดเดียว และปล่อยให้หลี่หู่จัดการส่วนที่เหลือ

เนื้อแกะจานที่สามถูกเสริฟไปที่โต๊ะ จานนี้ฮันส์ไม่ได้แตะอะไร

หลังจากเนื้อแกะจานที่สี่ถูกหลี่หู่จัดการจนเกลี้ยง  หน้าผากของลุงเควินก็เต็มไปด้วยเหงื่อ"เฮ้พวก!ถ้าฉันให้อีก200 เหรียญ พวกนายจะหยุดกินได้ไหม?"

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด