ตอนที่แล้วตอนที่ 138 ความงดงามที่ทำให้โลกตกตะลึง (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 140 เข้าไปยังหอสมบัติสวรรค์ (FREE)

ตอนที่ 139 ยืมมีดคนอื่น (FREE)


“นายน้อยลู่ การแสดงรำดาบของเจ้านั่นแย่เหลือเกิน!” ฟาง เจิ้งจือ มองไปยังดาบที่วางไว้บนพื้น พลางถอนหายใจอย่างหนักหน่วงออกมา ใบหน้าของเขาปรากฎความผิดหวัง

“ใช่แย่จริงๆ!” ฉือ กูเหยียน เองก็ส่ายหัว

 

ลู่ ยู่เฉิน กลืนน้ำลาย เขาต้องการจะอธิบาย แต่จะให้อธิบายอะไรละ บอกว่าเขาเองก็รำดาบไม่เป็น? ฆ่าตัวตายชัดๆ

ในตอนนั้นเอง ฉือ กูเหยียน ก็จับมือ ฟาง เจิ้งจือ และผ่านไป

พวกเขาทั้งคู่...

ไม่ได้แลตามามอง ลู่ ยู่เฉิน เลยด้วยซ้ำ

 

“นั่งด้วยกันไหม?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ เหยียน ซิว

เหยียน ซิว เองก็มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความสับสน มองไปที่ ฉือ กูเหยียน ที่ยืนอยู่ข้างๆ ฟาง เจิ้งจือ จากนั้นท่าทีอันเย็นชาก็ปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าเขาอีกครั้ง

“ได้” เหยียน ซิว ไม่ปฏิเสธ

 

“วันนี้ข้า ฉือ กูเหยียน ได้ดูแลนายน้อยเหยียน ไม่สมเกียรติ ได้โปรดช่วยเรียนท่านปู่เหยียนที ว่าข้าขออภัย!” ฉือ กูเหยียน โค้งตัวให้ เหยียน ซิว เพื่อแสดงการขอโทษ

“อย่าพูดเช่นนั้นเลย!” เหยียน ซิว เองก็โค้งตัวเช่นเดียวกับ ฉือ กูเหยียน

 

เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ได้ยินบทสนา เขาสงสัยทำไมทั้งคู่เอาแต่พูดถึงปู่ของ เหยียน ซิว? แต่มันเป็นเรื่องครอบครัวของ เหยียน ซิว ถ้าเขาไม่คิดจะพูด ฟาง เจิ้งจือ คงไม่ไปเสนอหน้าถาม

พวกเขาทั้ง 2 คนเดินไปด้วยกัน ฉือ กูเหยียน เอามือไปคล้องแขน ฟาง เจิ้งจือ พวกเขาทั้งสามคนนั้นเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกัน

เมื่อทั้ง 3 คน ไปถึงที่นั่งหลัก เหยียน ซิว ก็โค้งคำนับ ฉือ เฮา อีกครั้ง

“ข้าขอแสดงความเคารพต่อท่านราชัน!”

“ฮ่าฮ่า เหยียน ซิว ไม่ต้องเกรงใจ เชิญนั่งได้เลย!” แทนที่เขาจะไม่พอใจที่ ฟาง เจิ้งจือ เชิญ เหยียน ซิว มานั่ง แต่เขากับสุภาพกับ เหยียน ซิว เป็นอย่างมาก

จากนั้น ในที่สุดงานเฉลิมฉลองกองตรวจการก็เริ่มขึ้น

...

 

“โครม!”

ไม่ไกลมาก ภายในห้องที่ตกแต่งอย่างงดงาม แก้วคริสตัลสีขาว ถูกเควี้ยงลงกับพื้น แตกเป็นเศษเล็กเศษน้อย

มันเป็นถ้วยชาที่มีค่ามาก ถูกผลิตขึ้นมาจากผู้เชี่ยวชาญ ราคาของมันสามารถใช้เลี้ยงครอบครัวได้มากกว่า 10 ปี

แต่คนที่ขว้างมันลงพื้นนั้น ดูจะไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย เอาเท้าเหยียบซ้ำ จนมันกลายเป็นผุยผง…

 

“ฆ่า!” เสียงอันเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งถูกเปล่งออกมาจากเด็กหนุ่มอายุประมาณ 24 ปี

“ราชาต้วน ท่านจะทำอย่างนั้นไม่ได้!” ผู้อาวุโสที่สวมชุดสีขาวยืนอยู่ข้างๆเด็กหนุ่มส่ายหัวเบาๆ และพยายามหยุดเขาอย่างรวดเร็ว

“ทำไม? มันก็เป็นแค่เด็กจากหมู่บ้านจนๆ ข้ารอคอยอยูที่นี่มาหลายวัน แต่ ฉือ กูเหยียน ไม่คิดสนใจที่จะมาเจอข้าแม้แต่น้อย และตอนนี้ยังมีเรื่องสัญญา 10 ปี นั่นโผล่มาอีก!” ร่างกายของราชันต้วนสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธมาก

“คนที่วางแผนทำสิ่งอันยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ! ราชาต้วนได้โปรดใจเย็นลงก่อน!” ผู้อาวุโสพยายามโน้มน้าว

ราชันต้วนไม่ได้พูดอะไร เขาเองยังควบคุมความโกรธในร่างกายไม่ได้

 

“ราชาต้วน คิดให้ดี ตอนนี้ท่านเป็นถึงองค์ชายที่อาจจะได้สืบทอดบรรลังค์ ถ้า ฉือ กูเหยียน รู้ว่าท่านเป็นคนฆ่า ฟาง เจิ้งจือ ต่อให้จะทำลายสัญญานั้นทิ้งลงได้ แต่ ฉือ กูเหยียน เองคงไม่พอใจท่านมากเป็นแน่!”

“เจ้าหมายความว่า?”

“ให้รอดูเงียบๆ!”

“ไม่ ถ้าข้าไม่เห็นฉากนี้ด้วยตัวเองคงไม่เป็นไร แต่วันนี้ข้าเห็นมันกับตา ข้าจะยอมรับมันได้ยังไง?”

“เห้อ...ถ้าท่านต้องการใช้กำลังจัดการ คงมีความเสี่ยงบ้างไม่มาก ก็น้อย” ผู้อาวุโสเหวิน รู้สึกลำบากใจกับสถานการณ์ปัจจุบัน มองไปยังที่นั่งหลักไม่ไกล พลางส่ายหัว

 

“ตอนที่ข้าเลือกเส้นทางนี้ ข้าได้เตรียมใจไว้แล้ว ข้าจะไม่กล้ารับความเสี่ยงได้ยังไง? ผู้อาวุโส เหวินได้โปรดบอกความคิดของท่านมา?”

“ฆ่าโดยยืมมีดคนอื่น!”

“มีดคนอื่น?! ใครกัน? และข้าจะยืมมันได้ยังไง?”

“ใครที่เกลียดเขามากที่สุด เราก็จะยืมคนนั้น! ราชาต้วน โปรดดู!” ผู้อาวุโสเหวินชี้ไปยังที่หนึ่งในงาน

ตรงนั้น มีคนกำลังเต้นรำอยู่กลางอากาศ ในมือถือดาบ อีกด้านถือแก้วสีเงิน ใบหน้าแสดงความขนขื่นออกมา…

 

อาหารในงานไม่ได้เลิศหรูนัก แต่มันเป็นอาหารที่มีรสชาติของการสู้รบของกองทหารเลือดเหล็ก

อาหารจานหลักคือเนื้อแพะสีขาวต้มกับไวน์ที่เดือดกำลังดี ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่ในสนามรบอีกครั้ง

ฟาง เจิ้งจือ เองค่อนข้างคุ้นเคยกับอาหารในงาน เพราะฟาง เจิ้งจือ นั้นกินอาหารบนเขามาแล้วมากมาย แต่ เหยียน ซิว นั้นกลับประหลาดใจเป็นอย่างมาก

เรื่องนี้ยิ่งทำให้ ฟาง เจิ้งจือ รู้เรื่องราวของ เหยียน ซิว มากยิ่งขึ้น

 

หลังจากงานเลี้ยงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ บรรยากาศของงานก็กลับมาเป็นปกติ ฉือ เฮา เองก็แผ่รังสีของแม่ทัพออกมา เทไวน์ใส่แก้วในมือเรื่อยๆราวกับเทน้ำเปล่า...

แสดงให้เห็นบุคคลิกของคนที่ผ่านสนามรบมาครั้งไม่ถ้วน

เมื่องานเฉลิมฉลองนั้นจบลง ฟาง เจิ้งจือ เหยียน ซิว และคนอีกเล็กน้อย ยังคงพักอยู่ที่กองตรวจการศักดิสิทธิ์

เพราะพรุ่งนี้ตอนเช้า พวกเขาจะต้องเข้าไปในหอสมบัติสวรรค์

...

 

ดวงจันทร์ยามค่ำคืนเป็นรูปร่างราวกับคันธนูที่โค้งงอ ภายในกองตรวจการศักดิสิทธิ์เงาของต้นไม้พริ้วไหวไปตามสายลมเบาๆ กลิ่นของดอกไม้ลอยอบอวลในอากาศ ในศาลากองตรวจการศักดิสิทธิ์มีร่างอันงดงามทั้งสองร่างอยู่

เย่เอ๋อ ยืนอยู่ริมศาลาสวมชุดกระโปรงยาวสีเขียว มองไปยัง ฉือ กูเหยียน ที่นั่งเล่นกู่เจิงอยู่ด้านหน้านาง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสงสัย

นางไม่เข้าใจว่าคุณหนูนั้นคิดอะไรอยู่

 

“คุณหนู..”

“เจ้าต้องการจะถามว่า ทำไมข้าจึงทำแบบนั้น?” ฉือ กูเหยียน หยุดบรรเลงเพลง

“ใช่ เจ้าสา...นายน้อยฟาง เขาเหมาะสมกับท่านตรงไหน?” เย่เอ๋อพูดออกมาด้วยหน้าตาไม่เป็นสุขเท่าไรนัก

“เรื่องนี้ เขาเหมาะสมกับข้าไหมนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ทุกคนล้วนเท่าเทียม แต่...เหตุการณ์วันนี้ นั้นเกินกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้นัก!”

“อย่าบอกข้านะว่าแม้แต่คุณหนูยังไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น?” เย่เอ๋อ เผยความตกใจออกมา ตั้งแต่นางติดตาม ฉือ กูเหยียน มาไม่เคยมีครั้งไหนที่เกิดเรื่องเหนือความคาดการณ์ของ ฉือ กูเหยียน มาก่อน

 

“จริงๆแล้ว เหตุผลที่ข้าลงมาจากศาลาเต๋าสวรรค์เพื่อจะยืนยันความคิดในใจของข้า” ฉือ กูเหยียน ไม่ได้ตอบนาง แต่ยังพูดต่อไป

“ความคิดในใจท่าน?”

“ใช่ความคิดนี้รบกวนใจข้ามากว่า 1ปี ข้าเองก็รู้มันยากที่จะทำให้กระจ่าง เพราะเจ้าสารเลวนั่นใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาไปวันๆ...ข้าจึงลองเสี่ยงโชคกับการทดสอบกฎแห่งเต๋า?”

“อย่าบอกนะว่าเรื่องที่ท่านคิด เกี่ยวข้องกับนายน้อยฟาง?” นางถามออกมาด้วยความสับสน

 

“อาจจะบอกว่ามันเกี่ยวกับเขาก็ได้! แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด! ผู้ชนะบนทำเนียบมังกรทั้งสองจะทำให้โลกนั้นตื่นตะลึง และนำพาความสงบสุขมาสู่โลก! คำทำนายศักดิสิทธิ์นี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่ใครๆเห็น ยิ่งไปกว่านั้น คำทำนายนี้ก็ไม่ได้ระบุเวลาอย่างชัดเจน 2 ปีข้างน่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับโลกใบนี้เป็นแน่...แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ข้าทำได้แต่บังคับเขา ข้าพยายามเตรียมการทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้ ถ้าข้าคิดผิด ข้าจะปล่อยเขาไปให้เขาใช้ชีวิตเช่นชาวบ้านคนธรรมดา!”

“คำทำนายเกี่ยวกับตัวคุณหนูไม่ใช่หรือ? มันจะเกี่ยวข้องกับ ฟาง เจิ้งจือ ได้ยังไงกัน? ยิ่งไปกว่านั้นทำไมคุณหนูถึงบอกว่าเรื่องนี้เหนือกว่าที่คุณหนูคาการณ์ไว้?”

“เวลานั้นยังไม่มาถึง ใครก็บอกไม่ได้ แน่นอนว่าข้าเองก็ทำได้เพียงคาดเดาในตอนนี้ แต่ข้าก็ต้องกดดัน ฟาง เจิ้งจือ เล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะฉลาดกว่าที่ข้าคิดไว้! ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีความเย่อยิ่งไม่ยอมแพ้ข้าง่ายๆ...ครั้งนี้ข้าจึงแพ้เขาอีกครั้ง!”

 

“คุณหนูแพ้เขาอีกครั้ง?! อย่าบอกนะว่าคุณหนูแพ้เขาจริงๆเมื่อ 8 ปีที่แล้ว?”

“ข้าแพ้ตอนสู้1-1กับเขา และแพ้กลอุบายของเขาอีกครั้ง มันเป็นเรื่องที่ข้าปกปิดไว้ตลอด!”

เมื่อ เย่เอ๋อได้ยิน นางเองก็ยังสับสน นางไม่เคยรู้เรื่องที่ ฉือ กูเหยียน พูดมาก่อนเลย

 

“แต่ต่อให้เป็น 8 ปีที่แล้ว ด้วยความสามารถของ ฟาง เจิ้งจือ ไม่น่าเทียบกับคุณหนูได้...คุณหนูจะแพ้ได้ยังไงกัน?”

“ใช่...ข้าแพ้ได้ยังไง?” ฉือ กูเหยียน ค่อยๆยกหัวขึ้นมองดวงจันทร์บนท้องฟ้า

 

“ข้าเชื่อว่าเขาต้องตกใจมากแน่ พรุ่งนี้ในหอสมบัติสวรรค์!”

 

มือของ ฉือ กูเหยียน บรรเลงกู่เจิ้งอีกครั้ง

ทันใดนั้นลำธารเล็กๆที่อยู่รอบๆก็สั่นไหว โลกทั้งใบเหมือนอยู่ในวังวนของเพลงที่นางบรรเลง

เย่เอ๋อ ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป ได้แต่ยืนเงียบๆอยู่ข้างๆ ความสับสนบนใบหน้านางได้หายไป ที่เหลืออยู่มีแต่ความสงบเงียบ

....

 

เพจหลัก : Double gate TH

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด