ตอนที่แล้วตอนที่ 137 ข้ามั่นใจ (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 139 ยืมมีดคนอื่น (FREE)

ตอนที่ 138 ความงดงามที่ทำให้โลกตกตะลึง (FREE)


แต่แล้วความคิดนั้นก็หายออกไปจากหัวใจเขาอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเขาก็รู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมา คนยากจนจากหมู่บ้านเล็กๆที่ไม่เคยแม้แต่เข้าไปในหอแห่งเต๋า ทำได้แค่เป็นจุดสูงสุดของการทดสอบกฎแห่งเต๋าระดับเมืองหลวง

ถึงแม้ว่าเขาจะนำหน้าคนอื่นอยู่หลายก้าวก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับ ฉือ กูเหยียน ซึ่งเป็น "ร่างสถิตของเต๋าสวรรค์"

 

คำสัญญานี้ ...

เขาจึงไม่ต้องกังวลอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะในอีกสองปี สัญญานี้จะเป็นโมฆะอย่างแน่นอน

ฉือ เฮา คิดแบบนี้ เหล่านักปราชญ์และเจ้าหน้าที่จากเมืองหลวงทั้ง 5 ต่างก็คิดเช่นเดียวกัน แสงของกองไฟจะเปรียบกับแสงของดวงจันทร์ได้อย่างไร?

"เขาพูดว่าเขามั่นใจ?"

"ความเชื่อมั่นของเขา ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจยิ่งนัก อย่าบอกข้านะว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น?"

"ไร้สาระจริงๆ! คนที่อยู่ในระดับผนวกดารา จะเอาชนะ ฉือ กูเหยียน ซึ่งเป็น ร่างสถิตของเต๋าสวรรค์ ทั้งยังอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูงสุดภายในระยะเวลาแค่ 2 ปี ได้อย่างไรกัน? "

ผู้คนในงานต่างก็ไม่ได้สนใจ ฟาง เจิ้งจือ เช่นเดียวกับ ฉือ เฮา  แต่เมื่อได้ยินที่เขาพูด พวกเขาก็รู้สึกรังเกียจในทันที

 

จู่ๆ ฉือ กูเหยียน ที่นั่งเงียบก็พูดขึ้นว่า

"ถ้าเจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้ ก็ถือว่าเจ้าเชื่อมั่นในคำสัญญา งั้นโปรดเปิดผ้าปิดหน้าข้าอออกเถิด! "

เสียงของ ฉือ กูเหยียน ไม่ได้ดังมาก แต่มันก็ทำให้เสียงหัวเราะที่ดังอย่างต่อเนื่องนั้นหยุดลงในทันที

ทุกคนรู้สึกราวถูกฟ้าผ่าลงที่หัว ฉือ เฮา ท่านหญิงฉือ เจ้าหน้าที่และเหล่านักปราชญ์ต่างตกอยู่ในความตกใจอีกครั้ง

พวกที่พูดออกมาก่อนหน้านี้ได้แต่มองแล้วอ้าปากแข็งค้าง

เพราะว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่า ฉือ กูเหยียน จะเชื่อในคำพูดของเจ้านั่น!

นอกจากนี้นางยังให้ ฟาง เจิ้งจือ เปิดผ้าคลุมหน้าออก!!

มันเป็นไปไม่ได้!?

 

ทุกๆคนต่างรู้สึกว่า ฉือ กูเหยียน ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่อง ฟาง เจิ้งจือ เลย แม้ว่าจะไม่มีคำสัญญานั้นก็ตาม เพราะมันเป็นคำสัญญาที่ไม่อาจเป็นจริงได้

แม้ว่านางต้องให้เกียรติกับคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับ ฟาง เจิ้งจือ ก็ตาม แต่หลังจากอีก 2 ปี คำสัญญานั้นจะเป็นโมฆะอย่างแน่นอน

ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวอะไรเลย

ฉือ กูเหยียน คิดไม่ได้หรือยังไงกัน?

นี้เป็นไปไม่ได้ ...

แต่มันเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเลยสำหรับ ฉือ กูเหยียน เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครรู้เลยว่า นางออกมาจากศาลาเต๋าสวรรค์ทำไม

อย่าบอกข้านะว่าในหัวใจของนาง....เชื่อในคำสัญญานั้น? หรือว่านางเชื่อว่า ฟาง เจิ้งจือ จะสามารถเอาชนะนางได้จริงๆ?

ทุกคนได้หยุดความคิดของพวกเขาอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีใครเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้

แต่...

จะให้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นยังไงกัน

 

"กูเหยียน ... เรื่องนี้ ... "

"ท่านพ่อ ข้าได้ตัดสินใจแล้ว!" ฉือ กูเหยียน มองไปที่ ฉือ เฮา แล้วพูดแทรกขึ้น จากนั้นก็มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยดวงตาที่เป็นประกาย แววตาของนางบอก ฟาง เจิ้งจือ ว่านางอนุญาติให้เขาทำได้

ฟาง เจิ้งจือ เริ่มงุนงงเล็กน้อย

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

สมองของ ฉือ กูเหยียน ถูกฟ้าผ่ามางั้นหรือ?

หรือกะหล่ำปลีลูกใหญ่ไปขึ้นในสมองของนาง? ตามจริงแล้ว ฟาง เจิ้งจือ คิดว่ามันก็พอแล้วที่ ฉือ กูเหยียน พูดถึงคำสัญญา เรื่องอื่นมันไม่จำเป็น

เพราะว่า…

แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าตัวเขาเองจะทำตามสัญญาได้

 

ทำไมนางถึงทำแบบนี้?

นางต้องการอะไร?

อย่าบอกข้านะว่ามันเป็นกับดักให้ข้าเดินเข้าไปเหยียบอีก? ฟาง เจิ้งจือ เริ่มลังเล เขาไม่เข้าใจจริงๆว่า ฉือ กูเหยียน จะได้อะไรจากการทำเช่นนี้

"ข้าไม่ต้องการให้คู่หมั้นของข้าต้องอับอาย แม้ว่ามันจะเป็นแค่ฉากหน้า แต่ข้าก็ไม่สามารถทนได้ " เมื่อ ฉือ กูเหยียน เห็นว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีการเคลื่อนไหว นางจึงเข้าไปกระซิบที่ข้างหูด้วยเสียงที่นุ่มนวล

"คู่หมั้น? อับอายขายหน้า?" ฟาง เจิ้งจือ ถอยหลังไปเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท่าทางที่จริงจังของ ฉือ กูเหยียน เหตุผลของ ฉือ กูเหยียน นั้นก็แค่เหตุผลง่ายๆ แต่มันก็เป็นเหตุผลที่ซื่อตรงกว่าเหตุผลอื่นใด

 

"อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่กล้า?" ฉือ กูเหยียน เห็นว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ขยับ ความเยาะเย้ยปรากฎออกมาเพียงชั่ววูบ และหายไปทันที

"ข้าทำไม่ได้งั้นรึ?!" ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าโดนดูถูก

แม้เขาจะรู็ดีว่า ฉือ กูเหยียน ยั่วยุเขา แต่เขาก็จะทำโดยไม่ลังเล

 

ฉือ กูเหยียน ไม่ขยับเขยื้อน  นอกจากนี้นางก็ไม่ได้มีท่าทีต่อต้านแต่อย่างใด นางลุกขึ้นยืน เพื่อให้ ฟาง เจิ้งจือ เปิดผ้าคลุมหน้าออกได้ถนัด

ผ้าคลุมหน้าอยู่ในมือของ ฟาง เจิ้งจือ

จากนั้น ...

โลกทั้งใบส่องสว่างโดยพลัน

เพราะใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าของเขานั้น ช่างเปล่งประกายยิ่งนัก ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่านางสวยมาก ตั้งแต่ตอนเด็ก เขาไม่สังเกตุเลยว่านางจะเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงที่งดงามได้เช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นความงามที่ชวนให้ตกตะลึง

ขนของดวงตาทั้งสองข้างนั้นยาวสลวย ควบคู่กับดวงตาที่ส่องประกายราวกับดวงดาว ผิวของนางขาวบริสุทธิ์ และเปล่งประกายแวววาว ริมฝีปากสีชมพูที่อ่อนนุ่มราาวกับกลีบดอกไม้

ภายในใจของ ฟาง เจิ้งจือ พูดได้เพียงคำเดียว

นางเป็นนางฟ้าชัดๆ!

แม้ว่าหน้าของ ฉือ กูเหยียน ในปัจจุบันจะดูเหมือนเด็ก แต่กลับแสดงอารมณ์ที่ยิ่งใหญ่ออกมา

หาก วู่ จวี้เอ๋อ เป็นตัวแแทนของความลุ่มหลง หยุน ชิงวู คือการรวมกันระหว่างความงดงามและความเย่อหยิ่ง แต่ ฉือ กูเหยียน เป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดท่ามกลางภาพวาดนับล้าน

 

อากาศในงานเฉลิมฉลองเหมือนถูกแช่แข็ง เมื่อนักปราชญ์ทั้งหลายมองไปยังใบหน้าของ ฉือ กูเหยียน ที่ถูกเปิดเผยออกมา

เหมือนมีแสงอ่อนๆส่องออกมา...

ความงามนี้เพียงพอที่จะทำให้น้ำแข็งละลายลง เหมือนพระอาทิตย์อันร้อนแรง ที่สองไปยังจิตใจของผู้คน มันเป็นสิ่งที่ใครก็ยากจะต้านทาน

"ก็ทั่วๆไปอะ... " ฟาง เจิ้งจือ เปิดปาก ไม่ว่านางจะสวยขนาดไหน? แต่นางก็ไม่ใช่สเปกเขาอยู่ดี

"ดูเหมือนว่าเจ้าจะตาบอดนะ!" ตอบกลับไปอย่างไม่สุภาพ ยามที่นางเปิดปากออก ราวกับปลดปล่อยลมหายใจอันหอมหวานออกมา

กลิ่นหอมที่ทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเป็นดอกไม้อันสวยงาม

"ข้าตาบอด?!" ฟาง เจิ้งจือ ต้องการจะโต้กลับ แต่ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ เพราะเขารู้สึกคุ้นเคยกับ ฉือ กูเหยียน มาก

เหมือนเคยเห็นนางมาก่อที่ไหนสักแห่ง?

8 ปีที่แล้ว?

แต่ตอนนั้นนางยังเด็กอยู่ ตอนนี้เองหน้าตาของนางก็เปลี่ยนไปแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าเคยเห็นนางมาก่อน ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยกับนาง?

 

ในขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ คิด ทุกคนที่อยู่ในงานกลับตกตะลึง  เพราะ ฉือ กูเหยียน ให้ ฟาง เจิ้งจือ เปิดผ้าปิดหน้าได้?

มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ?

ที่สำคัญที่สุดคือ…

ทำไมการสนทนาของพวกเขาราวกับการหยอกล้อกันของคู่รัก?

ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?

ในขณะเดียวกัน ฉือ เฮา เองก็มองไปที่ ท่านหญิงฉือ ความสับสนที่เห็นได้ชัดในดวงตาของทั้งสองคน ไม่มีใครรู้ว่า ฉือ กูเหยียน คิดอะไรอยู่

งั้นข้าขอเชิญเพื่อนมานั่งด้วยได้หรือไม่?" ฟาง เจิ้งจือ เลิกคิดว่าทำไมจึงรู้สึกคุ้นเคยกับ ฉือ กูเหยียน  เพราะเขาเห็น เหยียน ซิว กำลังเบิกตากว้างจ้องมาที่เขาอยู่

ในครั้งนี้ เหยียน ซิว ไม่สามารถรักษาความสงบนิ่งไว้ได้ เพราะเหตุการณ์ในตอนนี้กระทันกันเกินไป

เขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันท่วงที...

 

"แน่นอน! ตอนนี้เจ้าก็เหมือนเป็นนายของที่นี่ครึ่งหนึ่ง! " ฉือ กูเหยียน ตอบโดยไม่ใส่ใจ

อย่างที่นางบอก ไม่ว่ายังไงก็ตามตอนนี้ เขาถือเป็นลูกเขยของกองตรวจการศักดิสิทธิ์ ไม่มีใครกล้าทำตัวหยาบคายใส่เขาในงานนี้แน่นอน

"เพื่อนของข้าก็เหมือนเพื่อนของเจ้า นั่งด้วยกันไหม?"

"ใช่"

ฉือ กูเหยียน พยักหน้า จากนั้นเธอก็เดินไปด้านข้าง ฟาง เจิ้งจือ ก่อนจะค่อยๆคล้องแขนเขา ด้วยท่าทีอันสงบ

ทั้งสองเดินไปหา เหยียน ซิว

ทั้งสองไม่ได้เดินเร็วมาก แต่ทุกก้าวของพวกเขาล้วนได้ยินอย่างชัดเจน เพราะตอนนี้ทั้งโลกตกอยู่ในความเงียบสงัด

ไม่มีใครพูดอะไรออกมา บางคนแทบลืมหายใจ

เพราะฉากด้านหน้าตอนนี้ เกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก จนสมองแทบไม่สั่งการ

ถ้ามีคนพูดว่า ฟาง เจิ้งจือ จับมือ ฉือ กูเหยียน นั้นทำให้ผู้คนอ้าปากค้างแล้วละก็

ตอนนี้ ...

การที่ ฉือ กูเหยียน เอามือไปคล้องแขน ฟาง เจิ้งจือ มันเหมือนกับคนเอามือมาตบหน้าพวกเขา

เหมือน ฉือ กูเหยียน ต้องการบอกทุกคนให้รู้ว่าทั้งสองคนนั้นเป็นคู่รักกันจริง

ในกองตรวจการศักดิสิทธิ์

ฟาง เจิ้งจือ ก็เหมือนเป็นนายใหญ่คนหนึ่ง สถานะและตำแหน่งของเขาเป็นสิ่งที่คนทั่วๆไปไม่สามารถเทียบได้

 

ลู่ ยู่เฉิน เองยังยืนอยู่บนเส้นทางเดิน เตรียมจะทำการแสดงรำดาบ แต่ทันใดนั้น ดาบของเขาก็ร่วงลงกับพื้น

"แกร้ง!" ดาบตกลงมาบนพื้น

ปากอ้าค้าง

เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อ เพราะฉากที่เกิดขึ้นนั้น เขาเห็นเต็มทั้งสองทาง และทั้งคู่ก็เดินมาทางเขา ...

ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ...

 

เพจหลัก : Double gate TH

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด