ตอนที่แล้วตอนที่ 36 - ฝันร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 38 - สัญญาทาส

ตอนที่ 37 - ความสัมพันธ์ ≠ การแต่งงาน


ตอนที่ 37 - ความสัมพันธ์ ≠ การแต่งงาน

 

เมื่อก่อนความประทับใจของสือเหล่ยที่มีต่อจางเหมยเหมยก็เหมือนกับสาวสวยที่แต่งงานแล้ว และเป็นผู้หญิงที่มีประสบการณ์รวมทั้งความสามารถ

แต่ด้วยคำอธิบายของจางเหลียงเหลียงในวันนี้ ภาพลักษณ์ของจางเหลียงเหลียงในจิตใจของสือเหล่ยก็ได้เปลี่ยนไป

ก่อนหน้านี้จางเหมยเหมยเหมือนกับเป็นทั้งพ่อและแม่ แต่ในตอนนี้ ภาพนั้นได้ค่อยๆเปลี่ยนไป

ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถ แต่เธอไม่เคยเรียนรู้เลยว่าการเป็นแม่นั้นเป็นอย่างไร

คำอธิบายของจางเหลียงเหลียงเห็นได้ชัดว่าไม่ได้พูดเกินจริง แต่สือเหล่ยเชื่อว่าจางเหมยเหมยไม่รู้จริงๆว่าภาพลักษณ์ของแม่นั้นเป็นอย่างไร สือเหล่ยสามารถจินตนาการได้ว่าจางเหมยเหมยก็อาจจะขาดความอบอุ่นในครอบครัวและความสนใจจากพ่อแม่ของเธอเช่นกัน

เขาถาม "คุณตาคุณยายของเธอเป็นเหมือนกับแม่ของไหม?"

จางเหลียงเหลียงส่ายหัวและพูดออกมา "ฉันไม่เคยเจอพวกท่านมาก่อน ฉันได้ยินจากแม่ว่าพวกเขาเป็นนักธรณีวิทยา เธอไม่ได้เจอพวกเขาบ่อยนักตั้งแต่เธอยังเด็ก เพราะเธอโตมากับคุณยายของเธอ คุณตาคุณยายของฉันน่าจะไปสำรวจอยู่ที่แอฟริกาเมื่อเธอยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมและไม่เคยกลับมา แม่ของฉันดูเหมือนจะไม่มีความสุขที่กล่าวถึงพวกเขา ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ถามอะไรอีก "

สือเหล่ยคิดว่ามันเป็นไปตามที่คาดไว้ บุคลิกของทุกๆคนมักจะมีความเกี่ยวเนื่องกับสภาพแวดล้อมตั้งแต่ยังเด็กของพวกเขา จางเหมยเหมยไม่รู้วิธีการปรับตัวเข้ากับคนอื่นเนื่องจากสถานการณ์ในครอบครัวของเธอและกลายเป็นเช่นนี้ เธอเชื่อว่าลูกสาวของเธอจะมีชีวิตอยู่ได้เช่นเดียวกับเธอในอดีต

เดิมที สือเหล่ยต้องการจะคุยกับจางเหมยเหมยให้บ่อยขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ แต่ตอนนี้เขาคิดว่าปัญหาของจางเหมยเหมยนัั้นรุนแรงกว่าของจางเหลียงเหลียง

"อิ่มแล้วงั้นเหรอ? ถ้าเธออิ่มแล้วฉันจะพาเธอกลับบ้าน" สือเหล่ยวางถ้วยและตะเกียบลง

"ฉันจะกลับไปทำอะไรได้? แม้ว่าฉันจะกลับไป ฉันก็ต้องอยู่ตามลำพัง คุณลุง แล้วคุณจะกลับไปทำอะไรที่ห้องงั้นเหรอ? "

น้ำเสียงของจางเหลียงเหลียงดังเช่นเดิม คนที่อยู่บนโต๊ะหันมามองพวกเขาอีกครั้ง และสือเหล่ยอยากที่จะลุกขึ้นมาตีจางเหลียงเหลียงจริงๆเพื่อให้เขาสามารถแบกเธอกลับไปแบบหมดสติได้

"ยังไงมันก็เป็นบ้านของเธอ ดังนั้นเธอควรจะอยู่ด้วยตัวเองได้ หยุดพูดมากได้แล้ว เร็วเข้า ฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันอยากจะกลับหอพักและนอนหลับซะที!"

"ถ้างั้นทำไมไม่พาฉันไปเล่นที่หอพักของคุณล่ะ?!" จางเหลียงเหลียงพูดออกมา

"หอพักของฉันมีผู้ชายสี่คนและมีถุงเท้ามากกว่าสิบคู่วางอยู่ เธอแน่ใจงั้นเหรอว่าอยากจะไป?"

จางเหลียงเหลียง "...... "

สือเหล่ยยืนขึ้นและตบไปที่หลังหัวของเธอ และพูดออกมาอย่างเข้มงวด "กลับบ้าน!"

เมื่อรู้สึกไม่พอใจ จางเหลียงเหลียงจึงได้เบ้ปากของเธอ และหันกลับไปหลังจากก้าวไปไม่กี่ก้าว สือเหล่ยทนดูมันไม่ได้อีก เขาเตะไปที่ก้นเธอเบาๆและในที่สุดเธอก็เดินกลับไปตามปกติ

สือเหล่ยเดินไปส่งจางเหลียงเหลียงถึงหน้าบ้านของเธอและทำท่าทำทางให้เธอเดินเข้าไปเอง แต่จางเหลียงเหลียงกอดแขนของเขาไว้และขอร้องให้สือเหล่ยเข้าไปกับเธอ ซึ่งมันทำให้สือเหล่ยหัวเสียออกมา

หลังจากที่ดึงมือของเธอออกจากอ้อมแขนของเขา สือเหล่ยจึงพูดว่า "เธอเป็นเด็กผู้หญิงต้องสงวนตัวมากกว่านี้ ผู้ชายและผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันกลางดึกต้องระวัง อย่าปล่อยฟืนไว้ใกล้กับไฟและทำให้มันเผาผลาญตัวเธอเอง"

จางเหลียงเหลียงไม่สนใจอะไร เธอพูดออกมาด้วยตาเงๆ "ฉันจะต้องสงวนตัวไปเพื่ออะไร? ชีวิตไม่ได้ยาวนาน คุณต้องกล้าที่จะรักและกล้าที่จะเกลียด คุณตรงกับรสนิยมของฉันพอดี คุณลุง ฉันแค่ชอบคุณ คุณลุงล่ะคิดยังไงกับมัน? ฉันรู้ว่าคุณกำลังจะบอกว่าฉันเป็นเด็ก แต่คุณก็ไม่ได้แก่ไปกว่าฉันนัก ช่องว่างอายุของเราเป็นเรื่องปกติธรรมดา ฉันแค่อยากจะอยู่ในความสัมพันธ์กับคุณ อย่าบอกฉันนะว่าคุณกำลังคิดที่จะแต่งงานและมีลูก? นี่มันเป็นเรื่องของอนาคต ความสัมพันธ์ก็คือความสัมพันธ์ มันแตกต่างไปจากการแต่งงานและมีลูก ใครบอกว่าคุณว่าการแต่งงานเป็นเป้าหมายเมื่อคุณมีความสัมพันธ์กัน?"

สือเหล่ยตะลึงงัน มันอาจจะกล่าวได้ว่าคนที่เกิดในยุค 00's มีความคิดที่แตกต่างกันจริงๆ.......

ไม่สิ เด็กคนนี้เกิดในปีอะไรกัน? มันน่าจะเป็น 1999 แล้วเธอก็เหมือนกับสือเหล่ยที่เกิดมาในยุค 90's

ช่องว่างของอายุเพียงแค่ 6 ปี แต่ความแตกต่างระหว่างความคิดของพวกเขาล่ะ? ต่อหน้าจางเหลียงเหลียง สือเหล่ยรู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นคนแก่และล้าสมัย

ประเด็นสำคัญคือสือเหล่ยคิดจริงๆว่าปัญหาของจางเหลียงเหลียงเป็นเหตุผลให้เธอทำแบบนี้ จะมีสักกี่คนที่ก้าวเข้าสู่การแต่งงานตั้งแต่ความสัมพันธ์ครั้งแรกของพวกเขา? และพวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันไปจนพวกเขาตายได้งั้นเหรอ? ถ้าเป็นไปตามมาตรฐานนี้ เกือบ 99% ของความสัมพันธ์ในโลกจะไม่เท่ากับแต่งงาน

ไม่ ไม่ เขากำลังหลงทางโดยเด็กผู้หญิงคนนี้ ผลลัพธ์อาจไม่ใช่การแต่งงาน แต่พวกเขาไม่สามารถล้อเล่นต่อกันได้ตั้งแต่เริ่มต้น

เฮ้ นั่นก็ไม่ถูกเช่นกัน อะไรคือความสัมพันธ์และการแต่งงาน นี่มันคืออะไร? ใครจะบ้าไปมีความสัมพันธ์กับคนงี่เง่าแบบนี้? ถ้าเขาคิดจะมีความสัมพันธ์จริงๆ ใครบางคนอย่างซุนอี้อี้ดูน่าจะเหมาะสมกว่าจริงไหม?

เมื่อคิดถึงซุนอี้อี้ หัวใจของสือเหล่ยก็เริ่มอบอุ่นขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด เด็กผู้หญิงคนนั้น เขาไม่รู้ว่าเธอนอนหลับหรือยัง

"คุณลุง คุณคิดว่ายังไง? บ้า คุณไม่ได้กำลังคิดไม่ดีกับฉันใช่ไหม? " จางเหลียงเหลียงผลักสือเหล่ยและแสดงออกถึงความไม่ชอบ

สือเหล่ยกรอกตาของเขาด้วยความโกรธและตบไปที่หลังของจางเหลียงเหลียง ก่อนจะสบถออกมา "ทำไมเธอถึงพูดจาไร้สาระแบบนี้? รีบไปเร็วเข้า ไอ้เด็กตัวกระเปี๊ยก ไม่มีนม ไม่มีก้น รักเธอกับตูดฉันสิ เงียบไปเลย!"

จางเหลียงเหลียงเบ้ปากของเธอและขึงตาด้วยความแค้น "คุณลุง คุณใจร้ายแบบนี้ได้ยังไงฮะ?"

"เธอมันเด็กบ้า!" สือเหล่ยตะโกนด้วยเสียงแปลกๆ เขาหันกลับและวิ่งออกไป และหายตัวไปในความมืดในพริบตา

จางเหลียงเหลียงหัวเราะและตะโกนไปทางเขา "คุณลุง ช้าก่อน! ฉันจะไปมหาวิทยาลัยของคุณและเล่นกับคุณในวันพรุ่งนี้!"

"พรุ่งนี้ฉันจะไม่ไปมหาวิทยาลัย ฉันจะไปดูหนังกับแฟนของฉัน!" สือเหล่ยจากเธอไปด้วยประโยคนี้และวิ่งเร็วยิ่งขึ้น

จางเหลียงเหลียงเอียงหัวของเธอและพูดกับตัวเอง "เขามีแฟนแล้ว? หืมม คนที่ยอดเยี่ยมแบบเขา และในสถานที่อย่างมหาวิทยาลัย มันคงจะแปลกๆถ้าไม่มีสาวไหนมาชอบเขา โอ้ดี ฉันจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของฉันเป็นแบบที่เขาชอบซะก่อน แล้วฉันจะถามว่าเขาคิดจะเปลี่ยนใจจากแฟนของเขาไหม ถ้าเขาไม่เปลี่ยนใจ ฉันจะถามเขาว่าเขาคิดจะมีแฟนเพิ่มไหม มันไม่น่ามีปัญหาอะไรที่เขาจะมีแฟนอีกคน ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถปฏิเสธเด็กสาวแบบนี้ได้ จริงไหม?"

จางเหลียงเหลียงเดินเข้าไปข้างในและเธอรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับตัวเองและมีชีวิตชีวาขึ้นมาด้วยเช่นกัน ราวกับว่าสือเหล่ยได้ยินคำพูดของเธอ เขาสะดุดในขณะที่เขาวิ่ง และล้มลงกับพื้นพร้อมกับรอยเลือดที่ไหลผ่านผิวหนังบนฝ่ามือของเขา

……

ในตอนเช้าขณะที่เขายังครึ่งหลับครึ่งตื่น โทรศัพท์ของสือเหล่ยก็ดังขึ้น เขาไม่ได้ตรวจดูว่าเป็นใครและเลือกที่จะรับสาย

“ใครหน่ะ? ไม่รู้เหรอว่าคุณกำลังรบกวนการนอนของใครบางคนอยู่? ถ้าคุณมีอะไรที่จะพูดก็พูดมันออกมาซะ ฉันจะได้กลับไปนอนต่อ” สือเหล่ยค่อนข้างโมโห เมื่อถึงเวลาที่เขากลับมาที่หอพัก มันก็เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่คำพูดของจางเหลียงเหลียงยังดังก้องอยู่ในหัวของเขา และเขาเกือบจะตายด้วยเด็กน้อยคนนั้นอยู่แล้ว กว่าเขาจะหลับมันก็เกือบจะเช้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขายังนอนไม่พอและมันก็น่ารำคาญมากที่มีคนโทรมาหาเขาในเวลานี้

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เสียงนั้นค่อนข้างเขินอาย "พี่หิน งั้น....... ขอโทษนะ ฉันไม่รู้ว่าพี่กำลังนอนอยู่......"

หลังจากได้ยินเสียงน้ัน สือเหล่ยก็ตื่นขึ้นมาทันที มันเป็นซุนอี้อี้

เขาลุกขึ้นนั่งอย่างฉับพลันและมองไปที่โทรศัพท์ มันเป็นเธอจริงๆ

"โอ้ อี้อี้เหรอ ไม่เป็นไรๆ ฉันกำลังจะลุกพอดี เมื่อคืนฉันกลับมาดึกไปสักหน่อย ทำไมเธอถึงโทรหาฉันเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับคุณป้า?"

ซุนอี้อี้รีบพูดออกมา "ไม่ ไม่ แม่ไม่เป็นอะไร วันนี้เธอไปโรงพยาบาลและหมอก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและบอกกับแม่ตามที่เราบอกไว้ หมอบอกว่าสถานการณ์ของเธอดูดีขึ้นหลังจากการสังเกต และพวกเขาก็สามารถผ่าตัดได้ในวันถัดไป"

"ประเสริฐ”

"พี่หิน ฉันอยู่ที่โรงเรียนของพี่ แต่ฉันไม่รู้ว่าพี่อยู่ที่ไหน....."

"ฮะ? เธออยู่ไหน? รอฉันก่อน ฉันจะไปหาเธอตอนนี้เลย! " สือเหล่ยรีบใส่เสื้อผ้าของเขา

 

**ขออนุญาตเปลี่ยนสรรพนามที่อี้อี้เรียกสือเหล่ยใหม่นะครับ จากคุณเป็นพี่ น่าจะเข้ากว่า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด