ตอนที่แล้วตอนที่ 31 - จับไว้ให้แน่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 33 - มาโซคิสม์

ตอนที่ 32 - ชื่อเสียงของเอ้อเจี่ย 


ตอนที่ 32 - ชื่อเสียงของเอ้อเจี่ย

 

ทันทีที่สือเหล่ยกลับมาที่หอพัก จางโม่และคนอื่นๆก็รุมล้อมเขา

"ก้อนหิน แล้วแล็ปท็อปนายล่ะ?" จางโม่ถามด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นสือเหล่ยกลับมามือเปล่า

สือเหล่ยได้วิ่งวุ่นมาตลอดทั้งวันและแสนจะเหนื่อยล้า ทั้งเมื่อคืนเขายังนอนไม่หลับอีกด้วย ทำให้เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะให้ความสำคัญกับพวกเขา เขาล้มตัวลงบนเตียงและในที่สุดก็รู้สึกว่าร่างกายกลับมาเป็นของเขาเองอีกครั้ง

"ฉันถามนายอยู่นะ แล็ปท็อปของนายอยู่ไหน?" ซื่อหมิงปาหมอนไปที่เขา

สือเหล่ยโยนหมอนลงบนพื้นและพูดด้วยความรำคาญ "ฉันเอามันให้คนอื่นไปแล้ว!"

“อะไรวะเนี้ย? นายให้แล็ปท็อปนั่นกับคนอื่น? นายน่าจะให้พวกเราเล่นมันก่อนสักหน่อยนะ?” ลั่วอี้ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

"มันเป็นแล็ปท็อปของฉัน ฉันสามารถเอาให้ใครก็ได้ที่ฉันอยากให้ ถ้าฉันปล่อยให้พวกนายเล่นสักสองสามวัน ผู้คนจะมองว่ามันเป็นของมือสองได้ แล้วฉันจะให้มันทั้งแบบนั้นได้ยังไง?"

"นายเอาให้ใคร? ตามความคิดของลูกเศรษฐี การเอาแล็ปท็อปราคา 80,000 หยวนให้คนอื่นคงเป็นเรื่องธรรมดาๆ" ซื่อหมิงถอนหายใจ

"ผู้ชายหรือผู้หญิง? ฉันคาดเดาผู้หญิง มิฉะนั้นพ่อรูปหล่อบ้านรวยและตัวสูงของพวกเรา...... เอ่อ ไม่สิ ไม่สูง และไม่หล่อ แต่รวยแน่นอน! มันเป็นเด็กสาวใช่มั้ย? " ลั่วอี้พูด

ซื่อหมิงสำทับทันที "เห็นได้ชัดว่ามันต้องเป็นผู้หญิง นายจำเป็นต้องถามเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? เอาแล็ปท็อปราคา 80,000 หยวนให้กับผู้ชายงั้นเหรอ? เว้นเสียแต่ว่าจะมีความผิดปกติกับรสนิยมทางเพศของก้อนหินเท่านั้นแหละ"

แต่จางโม่กลับขมวดคิ้วและถามว่า "ก้อนหิน นายกลับไปก่อนเมื่อพวกเราไปที่บาร์เมื่อคืน แต่นายดันกลับมาช้ากว่าพวกเรา ไม่มีทาง อย่าบอกนะว่านายพบกับผู้หญิงที่บาร์และให้มันกับเธอ?"

ซื่อหมิงและลั่วอี้ตะโกนพร้อมๆกัน "ก้อนหิน อย่าโดนหลอก! แน่นอน นายสามารถเล่นกับสาวๆในบาร์ได้และนายไม่ได้สนใจเรื่องเงิน แต่การกินดื่มก็เพียงพอแล้ว นายให้แล็ปท็อปราคา 80,000 หยวนไปแบบนั้นได้ยังไง?"

สือเหล่ยรำคาญและตะโกนเสียงดัง "ไม่ ไม่ ไม่! เป็นเด็กผู้หญิง แต่ไม่เป็นไร เธอเป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันกับฉันและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบาร์ พวกนายหยุดเสียงดังได้ไหม? พวกนายให้ฉันนอนหน่อยได้ไหม?"

ทั้งสามคนมองหน้ากันและพยักหน้าพร้อมๆกัน ก่อนจะพูดออกมา "แฟน คู่รักที่ไร้เดียงสา คิกคิก ไม่มีอะไรนอกจากนี้ที่เราจะพูดได้อีกแล้ว ก้อนหิน เมื่อไหร่ที่นายจะพาเธอมาเจอพวกเรา?"

"ไปตายซะ ฉันจะนอน"

"ไม่ๆ นายต้องอธิบายให้ชัดเจน ทุกคนในหอพักของเราเป็นโสด มหาวิทยาลัยกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ไม่มีใครในพวกเราที่มีแฟน ในที่สุดตอนนี้นายก็กำลังมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น นายต้องเล่าให้พวกเราฟัง" ทั้งสามคนเอะอะ

สือเหล่ยคลุมหัวด้วยผ้าห่ม แต่เขาไม่สามารถต้านทานพวกเขาที่ร่วมมือกันได้ เขานั่งลงอย่างหมดหนทางและพูดออกมา "ถ้าพวกนายปล่อยให้ฉันนอนซักสองชั่วโมง ฉันจะเลี้ยงมื้อเย็น!"

ทั้งสามคนหันมาสบสายตากันอีกครั้งและปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา พวกเขาเปิดปากประสานเสียงพร้อมๆกัน "ไปที่บาร์หลังจากข้าวเย็น และต่อจากเมื่อคืน!"

สือเหล่ยต้องการแค่การนอน นอกจากนี้หลังจากขายแล็ปท็อป เขาได้ให้เงินซุนอี้อี้ไปแค่ 60,000 หยวนและเขายังเหลือเงินมากกว่า 10,000 หยวน ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก

"ได้ ฉันขอร้องพวกนายล่ะ ปล่อยให้ฉันได้นอนสักหน่อย!"

ในที่สุดทั้งสามคนได้ออกไปและสือเหล่ยก็ได้หลับ

เมื่อเขาตื่นขึ้นมา มันก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว สือเหล่ยมองไปที่เวลาและรู้สึกประหลาดใจที่จางโม่และคนอื่นๆไม่ปลุกเขา

"มันทุ่มนึงแล้ว ทำไมพวกนายไม่ปลุกฉัน?"

"นายหลับลึกเกินไปดังนั้นพวกเราจึงไม่อยากปลุกนาย พวกเราไม่ได้สนใจเรื่องอาหารเย็นจริงๆและมันยังเร็วเกินไปที่จะไปที่บาร์ในตอนนี้ "

สือเหล่ยสบถออกมาและชูนิ้วกลางให้พวกเขา

ชายโสดทั้งสี่ออกจากหอพักไปด้วยกันและสุ่มเลือกอาหารที่อยู่ใกล้ๆกับประตูมหาวิทยาลัย จางโม่และคนอื่นๆสนใจที่จะไปบาร์เกินกว่าที่จะกินมื้อเย็นและพวกเขาไม่ได้คิดจะขูดรีดสือเหล่ยด้วยอาหาร พวกเขาสั่งแค่ไก่ผัดและก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น หลังจากนั้น พวกเขาก็ทำเอะอะโวยวายกันซะยกใหญ่ขณะที่กำลังไปที่บาร์

มันเป็นบาร์เดียวกันกับเมื่อคืน พนักงานเสิร์ฟดูเหมือนจะคุ้นหน้าพวกเขาเล็กน้อย เขาจำได้ว่าเป็นพวกเขาทั้งสี่จากเมื่อคืน และรีบพาพวกเขาเข้าไปในห้องอีกครั้ง

ไฟจราจรมีสายตาที่เฉียบคมและเห็นสือเหล่ย ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาต่างหวาดกลัวสือเหล่ย ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะมาพูดคุยกับสือเหล่ย แต่เมื่อพวกเขาเห็นสือเหล่ย พวกเขาจึงต้องบังคับตัวเองให้มาดื่มอวยพรสือเหล่ย พวกเขาทำแม้แต่การเรียกพนักงานเสิร์ฟและบอกให้มอบส่วนลด

จางโม่และคนอื่นๆค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น ตอนแรกพวกเขาเห็นชายสามคนที่แต่งตัวฉูดฉาดเดินเข้ามาและคิดว่าจะเกิดการต่อสู้ แต่พวกเขากลับไม่คิดว่าทั้งสามคนต่างเดินเข้ามาเพื่อดื่มอวยพรสือเหล่ยและมอบส่วนลดให้

สือเหล่ยทำได้เพียงแค่สร้างเรื่องขึ้นมาเท่านั้น "พวกนายคิดว่าคนอื่นๆเขาจะตาบอดเหมือนพวกนายงั้นหรือ? พวกเราอยู่ในหอพักเดียวกันมาเป็นเวลาสามปีแล้วและไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นลูกเศรษฐีแม้แต่น้อยเลย นี่เป็นเพราะการคงอยู่ของฉันมันเจิดจ้ามากเกินไปและมันไม่สามารถหลบซ่อนได้อีกแล้ว ฉันไม่สามารถควบคุมมันได้ แต่การดำรงอยู่เฉกเช่นจักรพรรดิของฉันได้เอ่อล้นออกมาและแม้แต่พวกอันธพาลเองก็รับใช้อยู่ใต้ฝ่าเท้าของฉัน ...... "

ด้วยเหตุนี้ จางโม่และคนอื่นๆจึงได้ตอบสนองออกมาด้วยนิ้วกลางในมือทั้งสามของพวกเขา และพูดตัวอักษรภาษาอังกฤษออกมาสี่ตัวพร้อมๆกันเพื่อแสดงถึงความโมโหของพวกเขา [คนแปล : เดาว่า f-u-c-k ]

ดนตรีเป็นจังหวะที่เร็ว ทั้งสามคนได้พบกับเป้าหมายของพวกเขาแล้วและไม่ว่าพวกเขาจะอ้วนหรือผอม สะโพกของพวกเขาก็ล้วนแกว่งไปมาเมื่อพวกเขาขยับเข้าไปในฟลอร์เต้นรำเพื่อจู่โจมหญิงสาว สือเหล่ยมองไปที่จางโม่ผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม เมื่อคิดว่าถึงเขาจะเหนื่อยหลังจากออกเสต็ปไปได้ไม่กี่ท่า แต่เขาก็ยังคงเป็นคนที่มีสไตล์การเต้นอันโดดเด่น

ขณะที่สือเหล่ยกำลังดื่มไวน์และกินผลไม้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาได้เห็นเงาที่ดูคุ้นเคยเฉกเช่นเดียวกับเมื่อคืนนี้

ในขณะที่เขามีประสบการณ์ในการวิ่งขึ้นไปด้านบน แต่ไม่สามารถหาคนๆนั้นเจอและได้พบกับซุนอี้อี้ เขารู้ว่าวันนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะไล่ตามในเวลานี้

หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ สือเหล่ยได้โบกมือไปทางไฟสีแดงผู้ซึ่งกำลังดื่มและสูบบุหรี่อยู่ในเวลาเดียวกัน

ไฟสีแดงตกใจเมื่อเขาเห็น เขาจ้องมองไปที่สือเหล่ยด้วยความไม่เชื่อ และชี้มาที่ตัวเอง ความหมายก็คือ คุณเรียกฉันงั้นเหรอ?

สือเหล่ยพยักหน้า ไฟสีแดงลังเลอยู่พักหนึ่งแต่ก็เดินเข้าไป

"พี่ชาย มีเรื่องอะไร?" ไฟสีแดงถามอย่างสุภาพ

สือเหล่ยหยิบบุหรี่บนโต๊ะและยื่นให้เขา ด้วยความรู้สึกยกยอ ไฟสีแดงรับมาและกล่าวว่า "เป็นบุหรี่ที่ดี ซองนึงมีราคาถึง 110 หยวน!"

สือเหล่ยโยนบุหรี่ทั้งซองให้เขาและพูดออกมา "ฉันต้องการถามอะไรบางอย่างจากนาย!"

ไฟสีแดงจุดบุหรี่ ทุบหน้าอกของเขา และพูด "ถามฉันมาได้เลย ฉันสัญญาว่าจะบอกทุกๆสิ่งที่ฉันรู้ คุณถูกใจหญิงสาวคนไหนงั้นหรือ? ฉันสามารถเรียกเธอมาให้คุณได้? "

"มันเกี่ยวกับผู้หญิงจริงๆ คนที่เพิ่งเดินขึ้นไปชั้นบน มีไฮไลท์ของหลายๆสีบนผมของเธอ ประมาณ..... อืมม สูงพอๆกับนาย แต่เป็นหญิงสาวรูปร่างผอมบาง ฉันเห็นเธอเมื่อคืนนี้ด้วยเช่นกัน เธอควรจะมาที่นี่บ่อยๆ ...... "

ไฟสีแดงนึกพร้อมกับขมวดคิ้ว จากนั้นก็ตบต้นขาของเขาและกล่าวว่า "พี่ชาย คนที่คุณกำลังพูดถึงคือเอ้อเจี่ยใช่ไหม?!"

สือเหล่ยเกือบจะล้มลง มันเป็นของเธอจริงๆ และเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แค่ใช่ชื่อ 'เอ้อเจี่ย' ใน WeChat แต่กลับใช้ชื่อนี้ภายนอกด้วย

"ใช่แล้ว เป็นเธอ"

“มีอะไรงั้นเหรอ? พี่ชายสนใจเธอหรือ? ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับผู้หญิงคนนั้น ครั้งสุดท้าย ฉันมีพี่ชายที่ตกหลุมรักเธอ แต่เธอได้เตะเขาเข้าที่ไข่และเกือบจะทำให้เขาพิการเลย แม้ว่าจะพัวพันถึงตำรวจ แต่ครอบครัวของเธอมีสำนักงานกฎหมายและใกล้ชิดกับตำรวจ ในท้ายที่สุด พี่ชายคนนั้นก็เกือบจะเป็นขันทีและถูกคุมขังอยู่ในความดูแลของตำรวจเป็นเวลา 15 วันสำหรับการล่วงละเมิดในที่สาธารณะ”

สือเหล่ยตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้และคิดว่าจางเหล่ยเหล่ยเป็นเด็กที่แปลก แม้ว่าเธอจะค่อนข้างดื้อรั้น แต่อย่างน้อยเธอก็สามารถแยกแยะสิ่งที่เธอทำได้และสิ่งที่เธอไม่สามารถทำได้

"ฉันรู้จักเธอ" สือเหล่ยอธิบายและยังคงถามต่อ "ถ้าให้ถูกต้องคือฉันรู้จักครอบครัวของเธอ ฉันเห็นเธอเมื่อวานนี้ และคิดว่าฉันคิดไปเองซะอีก แต่ฉันก็ได้พบกับน้องสาวของฉัน เธอมักจะนั่งอยู่บนชั้นสองเป็นประจำเลยงั้นหรือ? "

"เอ้อเจี่ยรวยมาก ถึงแม้ว่าจะไม่เหมือนกับผู้หญิงเหล่านั้น ... ... " ไฟสีแดงชี้ไปที่เด็กผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าที่เปิดเผยเป็นนัยว่าเขากำลังดูถูกพวกเธอ "เธอยินดีที่จะเลี้ยงคนอื่นๆและเธอก็ตั้งกลุ่มขึ้นมากับบรรดาพี่สาวของเธอ ฉันอยากจะเข้าไปร่วมสนุก แต่เธอปฏิเสธฉัน เพราะเธอบอกว่าฉันมันน่าเกลียด! "

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด