ตอนที่แล้วตอนที่ : 3 ชายหนุ่มผู้พ่ายแพ้ 147 ครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ : 5 กระดูกทองคำ

ตอนที่ : 4 ตำราสีดำ


หลังจากที่หยางไค่ชำระล้างกายจนสะอาด หยางไค่หยิบขวดยาสมานโลหิตขึ้นมา และเปิดฝาสูดดมกลิ่นของมันเล็กน้อย เขาพบว่าตัวยาสมานโลหิตมีกลิ่นหอมสดชื่น ไม่เพียงทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา ยังสามารถทำให้อาการมึนงงนั้นหมดไป

 

หยางไค่เปิดขวดยาและพยายามละเลงแต้มยาไปยังบาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ทันใดนั้น เขาได้เคลื่อนไหวไปยังด้านนอกและตักน้ำมา 1 ขันด้วยความเร่งรีบ จากนั้นจึงนำมือที่มียาสมานโลหิตติดอยู่แช่ลงในขันน้ำเพื่อเจือจางยาสมานโลหิต แล้วสังเกตอย่างละเอียดชั่วครู่ ก่อนที่จะใช้น้ำที่เจือจางยาสมานโลหิตรักษาบาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บของเขา

(TLN- ชีวิตของคนยากจน . ช่างรันทดยิ่งนัก .. T_T)

ยาสมานโลหิตสามารถรักษาบาดแผลภายนอกได้อย่างดีเยี่ยม แต่หลังจากที่มันถูกเจือจางลง ประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ของมันต่างลดลงเช่นเดียวกัน แต่หยางไค่มียาสมานโลหิตนี้เพียงขวดเดียว เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะใช้อย่างประหยัด

หลังจากที่ใช้ยาสมานโลหิตที่เจือจางจนหมด บาดแผลของหยางไค่ต่างได้รับการจัดการจนเสร็จสิ้น แต่เขายังมีข้อสงสัยบางอย่าง กลิ่นของยาสมานโลหิตไม่เหมือนครั้งแรกที่เขาสูดดม ไม่เพียงไร้ซึ่งกลิ่นหอม แต่ค่อนข้างจะมีกลิ่นฉุนและกลิ่นที่แสบร้อน

หลังจากที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย หยางไค่ได้หยิบมันเทศสีดำออกมาจากเตาและเริ่มกินมันอย่างหิวโหย เมื่อกินมันเทศจนหมด หยางไค่เดินไปยังเตียงของเขา ล้มตัวลงนอนและผล็อยหลับไปในไม่ช้า

รอยแตกและรูหลุมบนหลังคากระท่อมขนาดเล็กทำให้แสงที่อยู่บนท้องฟ้าส่องกระทบเข้าในกระท่อมซึ่งทำให้กระท่อมภายในของหยางไค่สว่างมากขึ้น ภายในกระท่อมตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเพียงเตียงเล็กๆเพียง 1 อัน ไม่มีแม้แต่โต๊ะเก้าอี้ และเตียงของเขาก็ปูด้วยผ้าคลุมเตียงหนังกวางเพียงผืนเดียวเท่านั้น แม้แต่หมอนที่เขาหนุนยังทำมาจากก้อนหินสีดำขนาดใหญ่ ทั้งหมดนี้เป็นทรัพย์สินทั้งหมดของหยางไค่

ผ้าคลุมเตียงหนังกวางหยางไค่ได้มากจากการล่าสัตว์ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยล่ากวางตัวหนึ่งและชำแหละหนังของมันออกมา แม้ว่าผ้าคลุมเตียงหนังกวางอาจจะไม่หนามากแต่มันก็ยังให้ความอบอุ่น ก้อนหินสีดำที่เขานำมาหนุน เขาเก็บมาจากหุบเขาพายุทะมึนระหว่างที่เขาออกจากหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวเพื่อล่าสัตว์

ก้อนหินสีดำมีลักษณะตรงยาวประมาณ1 ฟุต และหนา 3 นิ้ว มันมองดูเหมือนเป็นก้อนหิน แต่เมื่อสัมผัสมันกลับไม่ใช่ความรู้สึกของก้อนหิน และไม่มีน้ำหนักที่มากมายเช่นก้อนหิน หยางไค่เองไม่ทราบว่ามันคืออะไร แต่เก็บมันกลับมาด้วย

ใช้เป็นหมอนก็ไม่เลว หยางไค่เองก็ไม่เคยสนใจหรือตรวจสอบมันตั้งแต่เก็บเข้ามา

หมอนหินสีดำนี้ หยางไค่ใช้มันเป็นหมอนหนุนในเวลานอนเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ซึ่งหยางไค่เองไม่รู้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ผิดแปลกหรือไม่ เพระทุกครั้งที่หยางไค่หนุนมันก่อนนอน หยางไค่จะรู้สึกหลับสบายอย่างไม่น่าเชื่อ

ในความฝัน หยางไค่ฝันถึงเรื่องราวเหตุการณ์การต่อสู้ในวันนี้ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาถูกโจวติงจวน ทำร้ายทุบตีจนลอยกระเด็นออกไป และทุกๆครั้งเขาจะยืนหยัดลุกขึ้นมาด้วยด้วยจิตใจที่ไม่ย่อท้อและอดทนอย่างแข็งขัน ซึ่งทำให้โลหิตที่ไหลเวียนอยู่ในหน้าอกพุ่งแล่นอย่างบ้าคลั่ง

จากความฝันที่ต่อเนื่อง โลหิตที่ไหลเวียนอยู่ในหน้าอกได้พุ่งกระฉูดรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าที่หลับไหลของหยางไค่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขามีความอดทนที่เด็ดเดี่ยว ภายใจจิตใจเต็มไปด้วยเป้าหมายที่ไม่มีวันยอมแพ้ แม้ว่าต้องเผชิญกับหุบเขาคมดาบ หรือ ทะเลเปลวเพลิง เขาจะไม่หวาดกลัวและก้าวไปข้างหน้าด้วยจิตใจที่แรงกล้าของเขา

หยางไค่ที่หลับใหลไม่รับรู้ว่าหมอนสีดำที่เขากำลังหนุน พลันประกายแสงสว่างไปทั่วบริเวณ ด้วยความผันผวนในจิตใจและโลหิตที่ไหลเวียนอย่างรุนแรง ทำให้แสงสว่างส่องสว่างมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

ในความฝัน หยางไค่เผชิญกับเช้าวันใหม่ด้วยความโหดร้าย เขาถูกโจวติงจวนทำร้ายทุบตีซ้ำมาซ้ำไปจนล้มลงไปที่พื้น ในในระหว่างที่เขาลุกขึ้นยืนหยัดจากพื้นครั้งที่ 700 ภายในจิตใจของเขารู้สึกปวดร้าวจากโลหิตที่ไหลเวียนปะทะอย่างไม่หยุดหย่อน ทันใดนั้นมันได้ปะทุระเบิดดอกมา ทำให้ร่างกายของเขาพุ่งไปด้านหน้า และเขาได้โจมตีโจวติงจวนอย่างรุนแรง ทำให้โจวติงจวนล้มลงไปที่พื้น แต่ร่างกายที่ล้มลงที่พื้นนั้นเลือนรางอย่างมาก จนในที่สุดมันได้แปรเปลี่ยนเป็นร่างกายของเขาโดยไม่คาดคิด

ณ ตอนนี้ จิตใจของหยางไค่สงบลง แต่ไม่ใช่เพราะเขาสามารถเอาชนะโจวติงจวนในความฝัน แต่เป็นเพราะเขาสามารถเอาชนะจิตใจของตนเอง สามารถเอาชนะความกลัวที่อยู่ภายในใจ

ความรู้สึกอบอุ่นค่อยๆ แผ่ซ่านออกมา เสมือนว่าเรื่องทุกสิ่งอย่างในโลกใบนี้ และ ผู้คนทุกคนต่างยอมศิริโรราบต่อเขา

ในความเป็นจริง หมอนหินสีดำที่หยางไค่กำลังหนุนได้ประกายแสงสว่างสีดำออกมาอย่างรุนแรง ภายใต้แสงสว่างสีดำที่เปล่งประกายมันได้ประกายอยู่กลางอากาศอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่แสงสว่างนั้นจะพุ่งเข้าไปที่หน้าผากของหยาไค่และมลายหายไปในทันที

ในเวลาเดียวกัน สถานที่เดียวกัน กลิ่นอายแห่งสถานที่เก่าแก่โบราณได้แผ่รัศมีไปทั่ว ซึ่งกลิ่นอายของมันมีลักษณะที่แข็งแกร่งหนักแน่นเฉกเช่นคลื่นมหาสมุทรที่รุนแรง

หยางไค่เบิกตาโพล่งอย่างรุนแรง ร่างกายของเขาเปียกชุ่มด้วยเหงื่อที่ไหลอย่างไม่หยุดยั้ง จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง

เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากกลิ่นอายที่กดทับอย่างรุนแรง

เมื่ออาการหวาดกลัวของเขาสงบลง หยางไค่เริ่มหัวเราะอย่างมีความสุข เป็นเรื่องที่น่าตลกสิ้นดี เมื่อตัวเขาเองหวาดกลัวกลัวต่อความฝันของตนเอง เขาใช้สองมือถูใบหน้า และมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด เขาผล็อยหลับไปถึง 2 ชั่วยาม ความฝันแค่เรื่องเดียวของเขากินเวลาไปถึง 2 ชั่วยาม

เขารีบลุกขึ้นและพับผ้าห่มหนังกวางอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงจัดระเบียบตำแหน่งของหมอนหินสีดำ ในขณะที่เขากำลังจะเดินลงมาจากเตียง เขาขมวดคิ้วอย่างรุนแรง และหันหลังกลับไปมองยังหมอนหินสีดำ

ความรู้สึกนี้…………มันไม่เหมือนความรู้สึกที่เคยผ่านมา

ภายใต้ข้อสงสัย หยางไค่ยื่นมือออกไปและหยิบหมอนหินสีดำขึ้นมาและเขาพบว่าหมอนหินสีดำมีลักษณะที่ไม่เหมือนเดิม เพราะน้ำหนักของหมอนหินสีดำลดลงอย่างมาก

น่าแปลกอย่างมาก ทำไมก้อนหินสีดำจู่ๆ กลับมีน้ำหนักที่เบาลง? หยางไค่จึงขว้างหมอนหินออกไป ซึ่งการขว้างครั้งนี้กลับมีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้น

มันเป็นเหมือนตำราสีดำเล่มหนาที่กำลังลอยอยู่ในกลางอากาศ และมีบางหน้าที่กำลังหลุดกระจัดกระจายออกจากตำรา หยางไค่เบิกตาโพล่งด้วยความตื่นตะลึงและวิ่งไปจับหน้าที่หลุดลอยอย่างมึนงง

ปัก !! เสียงดังจากหมอนหินสีดำกระทบกับพื้นหยางไค่ไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็นและไม่กล้าที่จะมองไป เพราะหมอนหินสีดำแปรเปลี่ยนเป็นตำราสีดำอย่างน่าฉงน

มันไม่ใช่ก้อนหินหรือไง ? จู่ๆ ทำไมจึงแปรเปลี่ยนเป็นตำราล่ะ ?

หมอนหินสีดำถูกหยางไค่หนุนมายาวนานกว่า 1 ปี มันมีลักษณะอย่างไรหยางไค่นั้นทราบอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพบว่ามันจะกลายเป็นตำราเล่มหนึ่งไปได้ มันช่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน !!

เป็นเวลาเนิ่นนานที่หยางไค่นิ่งงันด้วยความงุนงง จากนั้นหยางไค่จึงก้มลงไปไปเก็บตำราสีดำเล่มนั้นขึ้นมา เมื่อมือของเขาสัมผัสกับตำราสีดำ ทันใดนั้น จิตใจที่สามัญของหยางไค่บังเกิดความรู้สึกที่เชื่อมต่อกับมันทันที

เมื่อเปิดอ่านตำราสีดำอย่างละเอียด หยางไค่ต้องยอมรับว่าหมอนหินสำที่เขาหนุนมาตลอดแท้จริงแล้วมันเป็นตำราสีดำเล่มหนา เล่มหนึ่ง แต่สิ่งที่น่าฉงนใจคือตำราสีดำเล่มนี้ไร้ซึ่งอักขระที่บันทึกไว้ นอกจากนั้นกระดาษของตำราเล่มนี้ยังมีลักษณะที่พิเศษ แม้ว่าหยางไค่จะใช้มือฉีกมัน ก็ไม่สามารถที่จะฉีกให้มันขาดได้

มันเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เขาเป็นเจ้าของมันและหนุนมันมากกว่า 1 ปี แต่กลับเพิ่งค้นพบว่าแท้จริงแล้วมันเป็นตำราสีดำเล่มหนาเล่มหนึ่ง

แต่หนังสือที่ไร้ซึ่งอักขระเช่นนี้จะมีประโยชน์อย่างไร ? หยางไค่เปิดหนังสือและตรวจสอบมันอย่างถี่ถ้วน และค้นพบว่ามันไม่มีอะไรแม้แต่น้อย

มันน่าพิศวงอย่างมาก หยางไค่เปิดไปที่หน้าแรกอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองจ้องมองไปยังหน้าหนังสือที่ว่างเปล่า

จากความพยายามของเขาที่ตรวจสอบตำราสีดำครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดหยางไค่ค้นพบว่าตำราสีดำที่อยู่ตรงหน้าของเขามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ในขณะที่จ้องมองมันอย่างตั้งใจ กลิ่นอายแห่งความแข็งแกร่งหนักแน่นเฉกเช่นคลื่นมหาสมุทรได้ปรากฏอีกครั้ง ซึ่งทำให้ตำราสีดำเล่มหนาปรากฏซึ่งอักขระสีทองอย่างต่อเนื่อง

“ใช้โลหิตเป็นผู้นำ หลอมรวมร่างกายรวมเป็นหนึ่ง เทพยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นอมตะนิรันดร์”

กลิ่นอายที่รุนแรงนี้ได้เจาะเข้าไปในจิตวิญญาณของหยางไค่ หยางไค่ปิดตำราสีดำอย่างรวดเร็ว แขนขาของเขาสั่นอย่างบ้าคลั่ง เขาจึงลุกขึ้นมาแล้วสูดหายใจอย่างรุนแรง ในที่สุดจึงสามารถสงบจิตใจที่ว้าวุ่นของเขาลงได้

ตำราสีดำเล่มนี้มีความลับอะไรซุกซ่อนอยู่ภายใน ? หยางไค่นั้นไม่ทราบ แต่สิ่งที่เขาทราบคือ หมอนหินสีดำที่เขาเก็บมาจากหุบเขาทมึน ต้องมีประวัติความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หยางไค่จึงเปิดตำราสีดำเล่มนี้อีกครั้ง การเปิดหนังสือครั้งนี้ เขามองเห็นตัวหนังสือที่ปรากฏอยู่เมื่อสักครู่อย่างชัดเจน

แท้จริงแล้ว ………..มันไม่ใช่ความฝัน

อักขระอื่นๆ ต่างปรากฏออกมาอย่างช้าๆ

“ร่างกายรวมเป็นหนึ่ง จักรพรรดิผู้แข็งแกร่ง จิตวิญญาณไม่ย่อท้อ จะบรรลุทุกสิ่งอย่าง”

อักขระแปดบรรทัด สามสิบสองคำจำนวน 1 หน้า ให้ความรู้สึกเสมือนขึ้นสู่สวรรค์และลงสู่พื้นโลก และถ้อยคำเหล่านี้ยังให้ความรู้สึกที่น่าเคารพ เสมือนว่าตัวหนังสือเหล่านั้นถูกครอบครองด้วยจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด