ตอนที่แล้วตอนที่ : 4 ตำราสีดำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ : 6 สมบัติล้ำค่า

ตอนที่ : 5 กระดูกทองคำ


ความหมายของอักขระจำนวน 32 คำง่ายต่อการเข้าใจ ซึ่งเป็นธรรมดาที่หยางไค่จะเข้าใจความหมายของมัน

แต่ตำราสีดำมีประวัติความเป็นมาที่ไม่ชัดเจน จึงทำให้หยางไค่มีความหวาดกลัวต่อมัน ถ้าหากมันเป็นหลุมพรางบางอย่างล่ะ ? เมื่อครุ่นคิดถึงอันตรายที่อาจจะมาถึง หยางไค่จึงหัวเราะเยาะตนเอง ณ ตอนนี้ตัวเขาเองเป็นเพียงศิษย์ฝึกหัดแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว แล้วใครล่ะจะยอมเสียสละเวลาฝึกยุทธ์มากลั่นแกล้งเขาเช่นนี้ ?

 

แต่จากความหมายของอักขระที่อยู่บรรทัดสุดท้าย การที่หมอนหินสีดำแปรเปลี่ยนเป็นตำราสีดำมีส่วนเกี่ยวข้องกับความฝันของเขาในคืนนี้

กว่า 1 ปีที่ที่เขาหนุนหมอนหินสีดำ หมอนหินสีดำไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย แต่หลังจากความฝันในคืนนี้ และจากจิตใจที่สามัญซึ่งเชื่อมต่อกับตำราสีดำเล่มนี้ซึ่งเป็นความเกี่ยวข้องที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้

เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของตนเอง จึงทำให้หมอนหินสีดำมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

เป็นเพราะตัวเขาที่นำไปสู่การถือกำเนิดของตำราสีดำเล่มนี้ ตำราสีดำเล่มนี้ก่อกำเนิดขึ้นมาจากตัวของเขา ! ดังนั้นตัวเขาจึงเป็นเจ้าของตำราสีดำเล่มนี้

เมื่อความคิดนี้ก่อกำเนิดขึ้นมา หยางไค่ไม่ลังเลและไม่รีรอ เขารีบเปิดตำราสีดำเล่มนี้อีกครั้ง ในตำราสีดำกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าต้องใช้โลหิตเป็นผู้นำ หยางไค่จึงถือเอาความคิดนี้เป็นหลัก เขาได้ยื่นมือออกมาและกัดที่นิ้วมืออย่างรุนแรง ซึ่งทำให้โลหิตของเขาหยดลงไปยังหน้าแรกของตำราสีดำทันที

โลหิตของหยางไค่ไหลหยดลงไปอย่างต่อเนื่อง เริ่มแรกยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง จากระยะเวลาที่ผ่านไปอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดตำราสีดำเริ่มเปล่งประกายแสงสว่างสีดำออกมาอีกครั้ง เดิมทีหยางไค่เองมีร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิม ในวันนี้เขายังได้รับบาดเจ็บจากการท้าประลอง จึงทำให้เขารู้สึกปวดศีรษะดวงตาเริ่มพล่ามั่ว ร่างกายเริ่มโอนเอนอย่างเห็นได้ชัด

แต่หยางไค่ขบฟันแน่นและยังคงอดทนให้โลหิตของเขาไหลหยดลงไปในตำราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้แสงสว่างสีดำที่ประกายออกมาเริ่มกลายเป็นแสงสว่างที่สว่างและสดใส

จากความพยายามที่อดทนต่อความเจ็บปวด หยางไค่ไม่ได้หมดสติล้มลงกับพื้น ซึ่งทำให้ตำราสีดำเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจน แสงสว่างสีดำที่เปล่งประกายออกมาได้มลายหายไป แต่ศูนย์กลางของตำราสีดำกลับปรากฏกระแสน้ำวนขนาดเล็กออกมา

ต่อจากนั้น แสงสว่างสีทองไดเปล่งประกายออกมาจากกระแสน้ำวน หยางไค่พยายามที่จะถือครองสติของตนเองให้ตื่นตัว และจ้องมองไปยังการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำวนที่อยู่ด้านหน้าอย่างตั้งใจ

ภายในกระแสน้ำวน เงาสีดำค่อยๆประกายออกมา ตามมาด้วยวัตถุสีทองที่ผุดขึ้นมากจากกระแสน้ำวนอย่างช้าๆ

หยางไค่ตื่นตะลึง ตำราสีดำเล่มนี้มีของวิเศษซุกซ่อนอยู่จริงด้วย !! แม้ว่าในขณะที่เขาหยดเลือดลงสู่ตำราสีดำตัวเขาเองจะคาดหวังบางสิ่งบางอย่าง แต่เขาไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเป็นจริงดั่งที่เขาคาดไว้

ณ ตอนนี้ อักขระจำนวน 32 คำที่อยู่ตรงหน้าแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามันไม่ใช่เรื่องหลอกลวง

ใช้โลหิตเป็นผู้นำ หลอมรวมร่างกายรวมเป็นหนึ่ง !!

แท้จริงแล้วเป็นร่างกายอะไรกันแน่ !! ? ใบหน้าของหยางไค่ซีดเซียวแต่ก็เต็มไปด้วยการรอคอยและความคาดหวัง

หลังจากนั้น เงาของวัตถุได้เลือนหายไป วัตถุสีทองได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของหยางไค่อย่างชัดเจน เมื่อหยางไค่มองเห็นวัตถุสีทองชิ้นนั้น เขากลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าเขาจะร่ำรวยมั่นคั่งเพียงใด แต่ก็ไม่คิดว่าวัตถุที่มีร่างกายสีทองจะมีลักษณะเช่นนี้

สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเป็นโครงกระดูกสีทองที่มีความสูงประมาณ 30 ซม. แสงสว่างสีทองที่ประกายออกมาครั้งแรกนั้นเป็นกะโหลกศีรษะของโครงกระดูกนี้ โครงกระดูกสีทองนั้นซุกซ่อนอยู่ในตำราสีดำเล่มนี้ ด้วยลักษณะท่านั่งขัดสมาธิ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าโครงกระดูกนี้กำลังนั่งสมาธิ โครงกระดูกทุกชิ้นของเขาต่างทอประกายแสงสว่างที่งดงามออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้กระท่อมเล็กๆ ของหยางไค่กลายเป็นกระท่อมที่มีแสงทองอร่าม

กระแสน้ำวนนี่อยู่ในตำราสีดำได้มลายหายไปอย่างช้าๆ และนิ่งสงบในที่สุด

หยางไค่มองไปยังโครงกระดูกสีทองที่มีลักษณะแปลกประหลาด แต่ในเวลานั้นเขาไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรต่อไป ในตำรากล่าวไว้เพียงว่า หลอมรวมร่างกายรวมเป็นหนึ่ง แต่ไม่ได้กล่าววิธีการหลอมรวมร่างกายว่ามีวิธีการอย่างไร

จ้องมองครั้งแล้วครั้งเล่า หยางไค่รู้สึกว่ามีอะไรที่ผิดปกติ เพราะโครงกระดูกสีทองตรงหน้าไร้ซึ่งดวงตา แต่หยางไค่รู้สึกว่ามันกำลังจ้องมองมายังตัวเขา และเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันไม่มีปาก แต่ทำไมหยางไค่จึงรู้สึกว่ามันกำลังหัวเราะเยาะต่อความอ่อนแอของเขา

เมื่อมีความรู้สึกนี้เกิดขึ้น หยางไค่รู้สึกเคืองโกรธ และเดินไปหยิบโครงกระดูกสีทองนั้นทันที

เป็นเพียงโครงกระดูกสีทองเล็กๆ ยังกล้าที่จะหยิงผยองเช่นนี้ !!

ในขณะที่เขากำลังเคลื่อนไหว โครงกระดูกสีทองได้พุ่งบินไปหาเขาทันที และพุ่งบินผ่านฝ่ามือของเขาและผนึกฝังตัวอยู่บนหน้าอกของหยางไค่

นี้เป็นฉากสยองขวัญที่น่าหวาดกลัวสำหรับเขา โครงกระดูกสีทองได้พุ่งปะทะบนหน้าอกของเขาและเปล่งแสงสีทองประกาย โครงกระดูกสีทองได้แปรเปลี่ยนเป็นแสงสีทอง และพุ่งเจาะเข้าไปที่แขนขาทั้ง 4 และหลอมรวมเข้าไปในร่างกายของหยางไค่ทันที

ทันใดนั้น ตามมาด้วยความเจ็บปวดทั่วร่างกาย ความเจ็บปวดเช่นนี้ไม่ได้เป็นความเจ็บปวดธรรมดาสามัญทั่วไป แต่เป็นความเจ็บปวดจากกระดูกที่กำลังบิดไปมาอย่างรุนแรง หยางไค่ส่งออกความเจ็บปวดทางลมหายใจและล้มลงกับพื้นพร้อมกับร่างกายที่งอตัวบิดไปมาด้วยความเจ็บปวดอย่างทุรนทุราย

เสมือนว่ากระดูกทั่งร่างกายของเขากำลังถูกบดขยี้จนแตกสลายในทันที หยางไค่ไม่สามารถแม้แต่จะยกมือของตนเองขึ้นมา ความรู้สึกที่ผิดปกตินี้ ถ้าหากมันไม่ใช่ภาพลวงตา หยางไค่มองเห็นกระดูกของตนเองแตกสลายจนหมดสิ้น แต่ในขณะที่กระดูกของเขาแตกสลายได้มีแสงสว่างสีทองห่อหุ้มไว้และสร้างกระดูกสีทองแทนทีกระดูกที่แตกสลายไป แต่ความเร็วในการสร้างกระดูกใหม่นั้นช้ากว่ากระดูกที่แตกสลายไป ทันทีที่สร้างกระดูกใหม่สำเร็จ กระดูกส่วนอื่นจะถูกบดขยี้จนแตกสลายอีกครั้ง

กระดูกของมนุษย์ห่อหุ้มหุ้มด้วยไขกระดูก ไขกระดูกนั้นมีเส้นประสาทที่เชื่อมไปยังระบบประสาท แม้แต่การสัมผัสกระดูกเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้น ตอนนี้ หยางไค่จึงได้รับควาทุกข์ทรมาณจากการบดขยี้กระดูกทั่วร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง

ร่างกายของเขาไม่ได้มีส่วนใดส่วนหนึ่งของกระดูกแตกสลาย แต่เป็นกระดูกทั่วร่างกายของเขาที่แตกสลายไปทั้งหมด !!

ถ้าเป็นบุคคลอื่น แม้ว่าระดับของเขาจะเหนือกว่าหยางไค่ถึง 100 เท่า ก็อาจจะทนความเจ็บปวดนี้ไม่ได้จนหมดสติไป แต่ว่าหยางไค่ไม่เป็นเช่นนั้น ความรู้สึกที่เจ็บปวดทำให้เขาสามารถถือครองสติอย่างแจ่มชัด เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เขาได้รับความเจ็บปวดที่มากกว่าเดิมถึง 1,000 เท่า

เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดดังออกไปนอกกระท่อม ทำให้ศิษย์แห่งหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวที่กำลังเดินเล่นต่างตกใจกับเสียงร้องที่โหยหวนและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

ภายใต้ความเจ็บปวด หยางไค่รู้สึกว่าตนเองได้รับการแจ้งเตือนที่เชื่อมต่อทางจิตวิญญานจากโครงกระดูกสีทองนี้ : “ทำลายจิตใต้สำนึกของหยางไ ค่ ครอบครองร่างกายของเขา !!”

หยางไค่ไม่เห็นด้วย ? แต่ไม่สามารถที่จะต่อต้าน แต่เขาพยายามรักษาจิตใต้สำนึกของเขาให้มีสติ เขาจะไม่ปล่อยให้โครงกระดูกสีทองยึดครองร่างกายของเขา โครงกระดูกสีทองต่างไม่ยอมเช่นกัน มันได้บดขยี้ทำลายกระดูกของหยางไค่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเจ็บปวดให้แก่เส้นประสาทของเขา เพื่อทำให้เขาหมดสติไร้ซึ่งจิตสำนึกที่จะต่อต้านต่อไป

หนึ่งคือโครงกระดูกสีทองที่แข็งแกร่ง อีกหนึ่งคือจิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อ ใครชนะใครปราชัย ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถมองเห็นผลตัดสิน

หยางไค่รู้ดี ครั้งนี้เป็นวินาทีแห่งความเป็นความตายที่แท้จริง ซึ่งแตกต่างจากการท้าประลองจากศิษย์คนอื่นๆ ถ้าหากเขาไม่สามารถอดทนต่อไป ในโลกนี้จะไม่มีคนเช่นหยางไค่อีกต่อไป ดังนั้นเขาต้องอดทนต่อความเจ็บปวดนี้ต่อไป แม้ว่าจะเจ็บปวดจนมิอาจทนได้ก็ต้องอดทนต่อไปให้ได้

จิตใต้สำนึกหยางไค่ การทำลายจากโครงกระดูกสีทอง ทั้งสองได้ต่อสู้ซึ่งกันและกัน สมรภูมิรบคือร่างกายของหยางไค่ เจ้ายึดร่างกายของข้า ข้าไม่มีวันยอม ทั้งสองต่างอดทนและไม่ยอมแพ้ซึ่งกันและกัน

เมื่อเวลาผ่านไป หยางไค่รู้สึกว่าอาการเจ็บปวดจากการถูกบดขยี้กระดูกจนแหลกสลายค่อยๆ หายไปช้าๆ ร่างกายของเขายังได้รับการเพิ่มพลังจิตวิญญานและเต็มไปด้วยพลังแห่งการต่อสู้

มันไม่น่าแปลกใจ หลังจากที่โครงกระดูกสีทองมลายเข้าไปในร่างกายของหยางไค่ กระดูกของหยางไค่ถูกบดขยี้และถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนที่ทั่วร่างกาย จากการถูกทำลายและสร้างขึ้นมาใหม่ของกระดูกทำให้ร่างกายของหยางไค่หลอมรวมเป็นหนึ่งกับโครงกระดูกสีทอง กระดูกของหยางไค่มีความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอำนาจพลังของโครงกระดูกสีทองเริ่มลดลงเรื่อยๆ และมลายหายไปในที่สุด ความเจ็บปวดจึงลดลงอย่างมาก เมื่อรอโครงกระดูกสีทองหลอมรวมเข้าในร่างกายของหยางไค่จนสำเร็จ ทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้จบลง

ผู้ที่ได้รับชัยชนะคือหยางไค่ จากความเจ็บปวดที่ไม่สามารถทนได้กลายเป็นความเจ็บปวดที่สามารถอดทนต่อมันได้ จากนั้นจึงแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่จักจี๊ จากนั้นจึงแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ความรู้สึกเช่นนี้เสมือนการใช้ยาผสานร่างกายของเขา ทำให้ร่างกายได้รับความเจ็บปวดและกลายเป็นความรู้สึกที่ผ่อนคลายในที่สุด

เมื่อรู้สึกได้ว่าโครงกระดูกสีทองยังมีการต่อต้าน ทำให้หยางไค่เคืองโกรธและกล่าวด่าทอ ทำให้ความรู้สึกที่ต่อต้านถูกรัศมีพลังในร่างงกายของตนเองกดทับเข้าไป

ในที่สุดร่างกายของหยางไค่จึงสงบลง

หยางไค่ได้ยินเสียงถอนหายใจที่ดังอยู่ข้างหู เสียงถอนหายที่เต็มไปด้วยความปลอบโยนความเชื่อมั่น และมีสุ้มเสียงแห่งความบรรเทาจากภาระที่หนักหน่วง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด