ตอนที่แล้วบทที่ 58 พรั่นพรึง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 60 การรู้แจ้ง

บทที่ 59 กระบี่ วารี ผีดิบ


 

จั่วม่อดูหมองคล้ำงงงัน ภาพในม้วนหยกสร้างความสะท้านสะเทือนแก่มันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

สองสามวันต่อมา มันจะผวาตื่นกลางวิกาล ภาพสยดสยองกระหายเลือดประดุจฝันร้ายที่รุมเร้าทรมานอยู่รอบกาย

ในท้องทุ่งปราณ จั่วม่อนั่งเหม่อลอย จิตใจกลวงเปล่า สีหน้าท่าทีย่ำแย่จนเกือบน่าสังเวช มองไปยังหญ้าปราณกับสมุนไพรปราณที่กำลังเติบโตงอกงาม มันจู่ๆ ก็รู้สึกว่าชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ไฉนเป็นเช่นนี้?

มันถามตัวเอง

ทันใดนั้นมันหวนนึกถึงความฝันประหลาดที่ก่อกวนมันมาตลอดสองปี นึกถึงสุ้มเสียงที่ค่อนข้างคุ้นเคยในความฝันนั้น โดยไม่ได้ตั้งใจ มันอดไม่ได้ต้องเปรียบเทียบฝันร้ายในสองคืนมานี้กับความฝันที่เกิดซ้ำซากต่อเนื่องมาโดยตลอด เทียบกับฝันร้ายที่ท่วมท้นไปด้วยคาวโลหิตในสองสามคืนนี้ ความฝันที่มันคุ้นชินไม่มีเลือดสักหยด แต่เมื่อใดที่มันผวาตื่นขึ้นมา มันราวกับถูกยกขึ้นจากน้ำ ชุ่มโชกไปทั้งร่าง

เห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่ความฝันน่าสยดสยองที่เปื้อนเลือด แต่มักทำให้มันวิตกจริตอยู่เสมอ ทั้งยังหวาดผวา ถูกต้องแล้ว หวาดผวา เมื่อมันตื่นขึ้นมาไม่เพียงเหงื่อท่วมกาย ตลอดทั้งร่างยังแข็งทื่อเกร็งแน่น มันไม่ทราบว่าขณะที่กำลังฝัน ร่างกายของมันหลับใหลไปด้วยหรือไม่ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันหวาดกลัว แต่ก็ไม่เคยล่วงรู้ว่าหวาดกลัวสิ่งใดกันแน่

ความฝันนั้นยังเป็นเหตุผลให้มันแสวงหาพลังอำนาจ มันเชื่อว่าต้องมีบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังความฝันนี้

ประโยคที่ว่า ‘แม้ว่าจะต้องตาย ท่านก็ไม่อาจลืม’ มันคือบัดซบมารดามันอันใด!

ฉับพลันนั้น ซากศพไร้ศีรษะกับโลหิตท่วมเหมืองกลายเป็นน่ากลัวน้อยลงในสายตาของจั่วม่อ ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลกลใด แต่ความฝันซ้ำซากที่ไม่เคยมีฉากน่าสยดสยองนั้น กลับทำให้มันหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าภาพเหตุการณ์ที่ท่วมไปด้วยโลหิตเหล่านั้นเสียอีก

นี่ข้ากำลังทำบ้าอะไร?

จั่วม่อคล้ายตื่นขึ้นมาในฉับพลัน สะบัดมือตบหน้าตัวเองอย่างหนักหน่วง

ไฉนหวาดหวั่นกับแค่เพียงภาพเหตุการณ์เล็กน้อยนั่น? เพื่อการค้นหาคำตอบไม่ใช่ว่ากระทั่งชีวิตตัวเองมันก็ยังนำออกมาวางเดิมพันหรอกหรือ?

ในโลกนี้ ยังจะมีสิ่งใดน่ากลัวไปกว่าการฝันเหมือนเดิมซ้ำซากอยู่ทุกวันคืน? ในโลกนี้ ยังจะมีสิ่งใดเลวร้ายไปกว่า การที่ทราบกระจ่างว่าท่านมีสิ่งสำคัญที่ไม่อาจลืมเลือน แต่ท่านกลับจดจำไม่ได้? แล้วยังจะมีสิ่งใดน่าหวาดหวั่นไปกว่าโฉมหน้าถูกเปลี่ยน ความทรงจำถูกลบทิ้ง แต่ตัวท่านยังคงอยู่รอดปลอดภัยดี?

สายตาอันเลื่อนลอยของจั่วม่อค่อยๆ จดจ่อรวมตัว สองตาของมันกลับคืนสู่ความกระจ่าง สดใสเป็นประกาย

มันมัวหวาดกลัวบ้าบออันใด?

ต่อให้เลวร้ายที่สุดก็ไม่ใช่แค่ชีวิตเดียวของมันนี่เองหรอกหรือ?

จั่วม่อบอกกับตัวเองในใจ หากต้องการติดตามเสาะหาคำตอบ ในอนาคตมันก็จะต้องเผชิญกับผู้คนนับไม่ถ้วนที่อันตรายกว่านี้ ทรงพลังอำนาจมากกว่านี้ หากกระทั่งระดับการต่อสู้เพียงเท่านี้ยังไม่มีปัญญาข้ามผ่าน ยังจะมีหน้าเอาสิ่งใดไปค้นหาคำตอบ?

หลงลืมแล้วหรือไร เจ้าคนที่เปลี่ยนโฉมหน้ามัน ลบความทรงจำมัน เป็นบุคคลอันร้ายกาจถึงขั้นที่ซือฟู่ของมันยังต้องหวาดหวั่น!

จั่วม่อลุกขึ้นยืน หลังจากคิดตกแล้ว จิตใจกลับกลายเป็นกระจ่างแจ้ง โดยไม่ทันรู้ตัว สภาพจิตใจและพลังบำเพ็ญเพียรรุดหน้าไปก้าวใหญ่ บรรลุความเข้าใจบางประการ การบำเพ็ญเพียรก็คือการมีหัวใจอันแน่วแน่มั่นคงไม่คลอนแคลนนั่นเอง!

กระชับกระบี่ผลึกน้ำแข็งในมืออีกครั้ง เริ่มต้นฝึกปรืออีกหน ไม่สับสน ไม่ลังเล จั่วม่อเพียงแค่ต้องฝึกหนักขึ้นกว่าเดิม มันต้องการชดเชยเวลาที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ในสองสามวันมานี้

ในช่วงสองเดือนต่อมา จั่วม่อไม่ได้ออกจากหุบเขาแม้แต่ก้าวเดียว เห็นว่าเหลืออีกเพียงหนึ่งเดือนจะถึงการทดสอบของสำนัก มันยังคงไม่พบเงื่อนงำเจตจำนงกระบี่ของเคล็ดกระบี่เพลิงธารา

สองหมื่นหนึ่ง!

ถึงยามนี้เพลงกระบี่ของมันรุดหน้าถึงขั้นเหนือธรรมดา จั่วม่อถึงกับสงสัยว่าแม้แต่ผู้อาวุโสที่คิดค้นเคล็ดกระบี่นี้ขึ้นมา ยังไม่แตกฉานในกระบวนท่าเท่ากับมัน ทั้งเจ็ดกระบวนท่าถูกมันแก้ไขปรับปรุงทั้งสิ้นสิบสองครั้ง การฝึกปรืออย่างไม่หยุดยั้งทำให้มันล่วงรู้ทุกรายละเอียดในทุกกระบวนท่าราวกับหลังมือตน ทุกจุดที่แก้ไขปรับปรุง เป็นจุดที่มันคิดว่าจะทำให้เพลงกระบี่สอดคล้องกับวิถีธรรมชาติและทรงพลังมากยิ่งขึ้น

แม้ว่ามันจะไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ยังคงลงมือแก้ไขปรับปรุง กับการปรับปรุงทั้งสิบสองครั้ง มันทั้งระมัดระวังและรอบคอบถึงที่สุด แต่ละจุดที่แก้ไขล้วนทุ่มเทความพยายามอย่างมหาศาล และทดลองฝึกฝนซ้ำไปซ้ำมาเพื่อพิสูจน์ยืนยันผลลัพธ์ในท้ายที่สุด

จนกระทั่งเพลงกระบี่นี้ไม่สามารถปรับปรุงได้อีกต่อไป

ครั้นเมื่อจั่วม่อตระหนักได้ว่าเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียวก่อนจะถึงการทดสอบของสำนัก

มันตกลงใจลงมือกระทำสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม

มีแม่น้ำสายใหญ่สายหนึ่งอยู่ด้านล่างเทือกเขาสุญตา หอคัมภีร์ใจอำมหิตสร้างอยู่บนหน้าผาเหนือแม่น้ำสายนี้เอง แม่น้ำนี้ไม่อาจกล่าวได้ว่ากว้างขวาง แต่ไหลเชี่ยวยิ่ง ชาวบ้านเรียกกันว่าแม่น้ำตั่งเทียน(แม่น้ำสะเทือนฟ้า)

จั่วม่อมาถึงริมฝั่ง ก้มมองสายน้ำเชี่ยวกราก มันกัดฟันแน่น มือกระชับกระบี่ผลึกน้ำแข็ง กระโดดลงไปในแม่น้ำ

ทันทีที่จมลงไปในแม่น้ำ จั่วม่อรู้สึกว่ารอบด้านเงียบงันลง สายน้ำไหลเร็วรี่จนเกือบกระแทกมันล้มหงาย มันบังคับตัวเองให้แน่วนิ่งมั่นคง แล้วเริ่มต้นร่ายรำกระบวนท่าเคล็ดกระบี่เพลิงธาราใต้สายวารี

นี่เป็นแนวทางที่มันคิดไว้

เมื่อจั่วม่อไม่ทราบจะทำอย่างไรดี มันพลันหวนนึกถึงสิ่งที่ผูเยาเคยกล่าวไว้ ผูเยาบอกว่าให้มันลองหาแม่น้ำสักแห่งและดูว่าน้ำที่แท้เป็นเช่นไร แต่ต่อมาเพราะสิ่งที่มันพบเห็นในทะเลแห่งจิตสำนึกน่าแตกตื่นเกินไป จึงหลงลืมคำพูดของผูเยาไปเสียสนิท เพิ่งจะมานึกออกเมื่อวานนี้เอง ที่ผ่านมามันก็เคยฝึกปรือกระบวนท่าดรรชนีในน้ำด้วยเช่นกัน ทำให้วิชาดรรชนีของมันรุดหน้า เปลี่ยนเป็นรวดเร็วยากหาผู้ใดเทียบเทียม

อันที่จริงมันอยากไปยังน้ำตกมหึมาที่ศิษย์พี่เหวยเสิ้งบันทึกไว้มากกว่า แต่น่าเสียดายที่ไม่มีเวลามากพอ

เมื่อไร้หนทางเลือก มันได้แต่เลือกแม่น้ำตั่งเทียนที่ด้านล่างเทือกเขาเป็นสถานที่ฝึกปรือ

แม่น้ำตั่งเทียน แม้ว่าจะไม่กว้างขวางใหญ่โตเท่าน้ำตกมหึมา แต่กระแสน้ำเชี่ยวกรากไม่น้อย และเนื่องจากในแม่น้ำเต็มไปด้วยแท่นหินและแท่งหินระเกะระกะ ก่อเกิดกระแสน้ำวนและคลื่นลับนับไม่ถ้วนอยู่ใต้พื้นน้ำ หากประมาทสักเล็กน้อย ก็อาจถูกซัดปลิวลอยลิ่วไปตามลำน้ำได้อย่างง่ายดาย จั่วม่อโคจรเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อกำเนิด เมื่อเทียบกับผู้คนทั่วไปการหายใจของมันพิเศษเฉพาะยิ่ง ทั้งยังช่วยให้มันสามารถอยู่ใต้น้ำได้เป็นระยะเวลายาวนาน

หากมิใช่ผู้ที่ฝึกปรือเวทวิชาเฉพาะเช่นเคล็ดควบคุมวารี ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจอยู่ใต้น้ำได้นาน แน่นอนว่าหากมียุทธภัณฑ์เวทจำพวกไข่มุกอุทกธารก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

จั่วม่อเคยทะลวงผ่านลมหายใจแรกในสระน้ำเย็นเยือก ดังนั้นไม่หวาดกลัวสายธารแม่น้ำใด แต่กระแสน้ำเชี่ยวกรากให้ความรู้สึกแตกต่างจากสระเย็นอันเงียบสงบอย่างสิ้นเชิง

สระน้ำเย็นในหุบเขาหมอกเย็นเยือกประหนึ่งหลุมลึกไร้ก้นบึ้งแห่งหนึ่ง เมื่อจมลงไปก็คล้ายกับเข้าสู่โลกอันเงียบงันใบหนึ่ง ทุกอย่างถูกปิดกั้นไว้ด้านนอก ปราศจากกระแสน้ำ ไม่มีวังน้ำวน ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งหนาวเหน็บมากเท่าไร ก็ยิ่งเงียบงันมากเท่านั้น

ส่วนแม่น้ำตั่งเทียน พอกระโดดลงมา จั่วม่อรู้สึกว่ามาจากโลกที่เสียงดังเข้าไปยังโลกที่เสียงดังยิ่งกว่า สายน้ำปะทะโขดหินแตกเป็นฟองฟู่กระเซ็นซ่าน เชี่ยวกรากจนไม่อาจหยั่งวัด เต็มไปด้วยวังน้ำวนทั่วท้องน้ำ ดึงดูดทุกสิ่งจมลงสู่ใต้กระแสธารา มันราวกับม้าป่าหลุดจากบังเหียน ทั้งดุดันและคลุ้มคลั่ง ปราศความสงบราบเรียบแห่งสายน้ำอย่างสิ้นเชิง ส่งเสียงคำรามกึกก้องตลอดเวลา พลุ่งพล่านปั่นป่วนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

จั่วม่อรู้สึกตึงเครียดในทันที ในที่สุดก็พบปัญหา

สิ่งที่เรียกว่าบังคับใช้กระบี่ หมายถึงการใช้เส้นใยจิตวิญญาณเพื่อควบคุมกระบี่บิน กระบี่เล่มหนึ่งเมื่อถูกประทับรอยวิญญาณสำเร็จ จะจดจำรอยประทับวิญญาณพิเศษเฉพาะของเจ้าของกระบี่ และเจ้าของกระบี่เพียงแค่ระดมเส้นใยวิญญาณก็จะควบคุมกระบี่บินได้ พวกมันยังไม่ต้องกังวลว่ากระบี่ของตนจะถูกควบคุมโดยบุคคลอื่นอีกด้วย

แต่ใต้สายธารในแม่น้ำ การใช้เส้นใยวิญญาณควบคุมกระบี่กลายเป็นยากเย็นแสนเข็ญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการโคจรพลังปราณพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย

ในขั้นแรกไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสงบจิตใจ เนื่องจากกระแสเชี่ยวกรากใต้น้ำ สายน้ำไหลเร็วรี่รุนแรง ไม่ว่าท่านจะควบคุมร่างกายใต้น้ำได้ดีเพียงใด ยังคงรู้สึกราวกับถูกมือนับไม่ถ้วนผลักดันฉีกทึ้ง ผลกระทบของแรงกระทำจากภายนอกนี้ทำให้ผู้ฝึกตนไขว้เขวได้อย่างง่ายดาย และไม่ว่าความผันผวนเล็กน้อยเท่าใดในพลังปราณ จะสร้างความปั่นป่วนอันใหญ่หลวงให้แก่การควบคุมกระบี่บิน

กระบวนท่ากระบี่ซึ่งสอดประสานอย่างราบรื่นไร้รอยต่อที่มันคุ้นเคยบนบก แต่ภายใต้แม่น้ำตั่งเทียนแห่งนี้ ไม่สามารถใช้ออกได้สำเร็จแม้แต่กระบวนท่าเดียว!

จั่วม่ออดไม่ได้ต้องดวงตาเป็นประกาย สิ่งที่มันหวาดกลัวคือไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อไป ประหนึ่งคนที่ต้องการขุดถนนอุโมงค์ผ่านภูเขา สิ่งที่มันหวั่นเกรงมากที่สุดคือไม่ทราบจะขุดไปทิศทางใด ทั้งไม่ทราบว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งใด และหากมันทราบว่าตนอยู่ที่ใดและควรไปทางไหน ต่อให้มีภูเขาทั้งลูกขวางกั้น จั่วม่อก็หาได้หวาดเกรงไม่

มันรู้สึกว่าได้ค้นพบวิถีทางที่ถูกต้อง เริ่มร่ายกระบวนท่าเคล็ดกระบี่เพลิงธาราอย่างเชื่อมั่นเต็มที่

เคล็ดกระบี่เพลิงธาราเป็นเพลงกระบี่ธาตุน้ำวิชาหนึ่ง ยามเมื่อใช้ออกบนพื้นดิน มันจะมีกลิ่นอายของไอน้ำเลือนราง แต่เมื่ออยู่ใต้น้ำ พลังของเคล็ดกระบี่เพลิงธาราพุ่งพรวดขึ้นอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่จำเป็นต้องใช้พลังปราณมากนัก ก็ปรากฏเงากระบี่น้ำไร้รูปหลายเล่มกระจายว่ายเวียนในสายน้ำ จั่วม่อรู้สึกเหมือนมันเป็นทารกที่ถือขวานยักษ์ผู้หนึ่ง ควบคุมไม่ไหว มีแต่ความผิดพลาดเลินเล่อ หากไม่แรงมากเกินไป ก็พุ่งไปผิดทิศผิดทาง  เมื่อรวมกับการโจมตีของกระแสน้ำในแม่น้ำ และถูกวังน้ำวนคลื่นใต้น้ำคอยแทรกแซงรบกวน เพลงกระบี่ของมันก็ดูขัดตาจนเกือบจะน่าเอนจอนาถทีเดียว

แต่จั่วม่อไม่ท้อถอย มันเริ่มฝึกฝนเคล็ดกระบี่เพลิงธาราทีละกระบวนท่าอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ผ่านไปสองสามวัน สิ่งที่จั่วม่อรู้สึกลึกซึ้งมากที่สุด กลับไม่ใช่กระบวนท่ากระบี่ แต่เป็นกลวิธีประทับรอยวิญญาณของเคล็ดกระบี่เพลิงธารา

กลวิธีประทับรอยวิญญาณของเคล็ดกระบี่เพลิงธาราลงในกระบี่ เป็นการหล่อเลี้ยงแก่นสารน้ำหนึ่งหยดไว้ในกระบี่บิน หยดแก่นสารน้ำนี้สามารถตอบสนองต่อเพลงกระบี่เพลิงธารา ไม่เพียงช่วยในการควบคุมบังคับใช้ แต่ยังช่วยเพิ่มพลังของเพลงกระบี่อีกด้วย

ความชุ่มชื้นในแผ่นดินจะอุดมสมบูรณ์เท่ากับในแม่น้ำได้อย่างไร? จั่วม่อฝึกปรือเพลงกระบี่อยู่ในลานบ้านเป็นเวลานาน แต่ปริมาณแก่นสารน้ำที่สั่งสมไว้กลับน้อยกว่าที่ได้รับมาในช่วงสองสามวันนี้มาก ก่อนหน้านี้ผลึกแก่นสารน้ำในกระบี่ผลึกน้ำแข็งมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว แต่เวลานี้เพิ่มขนาดขึ้นจนเท่ากับเมล็ดถั่วเหลือง

และรูปลักษณ์ของหยดแก่นสารน้ำในกระบี่ผลึกน้ำแข็งยังแตกต่างไปจากเดิมตั้งแต่หัวใจหลัก หยดแก่นสารน้ำก่อนหน้านี้ก่อตัวขึ้นจากมวลน้ำในหุบเขา ซึ่งเต็มไปด้วยหญ้าปราณและสมุนไพรปราณนานาชนิด อันมีผลต่อความชื้นภายในหุบเขา ดังนั้นหยดแก่นสารน้ำเดิมทั้งอ่อนโยนและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่หยดแก่นสารน้ำที่เพิ่มขนาดขึ้นมานี้ถูกสร้างขึ้นจากแก่นสารของแม่น้ำตั่งเทียน จึงยังคงคุณลักษณะบางประการของแม่น้ำตั่งเทียนเอาไว้ ลักษณะอันอ่อนโยนอันตรธานหายไป กลับกลายเป็นเร่งเร้ารุนแรง

การเปลี่ยนแปลงนี้มีทั้งดีและไม่ดี ส่วนที่ดีคือแข็งแกร่งทรงพลังขึ้นกว่าเดิมมาก ส่วนที่ไม่ดีก็คือการควบคุมบังคับใช้ยิ่งยากกว่าเดิม

ลองทบทวนดูแล้ว จั่วม่อยังคงรู้สึกว่าไม่เลวเลย หยดแก่นสารน้ำใหญ่โตขึ้น ทรงพลังมากขึ้น ส่วนในด้านความบริสุทธิ์ยังต้องอาศัยการขัดเกลาอย่างช้าๆ

เป็นเวลาเจ็ดวันติดต่อกัน จั่วม่อมานะบากบั่นฝึกฝนกระบี่อยู่ใต้น้ำเกือบจะตลอดเวลา มันย่อมสามารถอยู่ใต้น้ำได้เป็นเวลานาน แต่เนื่องจากความจริงที่ว่าการใช้พลังปราณใต้น้ำยังสิ้นเปลืองกว่าใช้พลังปราณบนพื้นดินหลายเท่า หลังจากฝึกปรือช่วงระยะเวลาหนึ่ง มันจะต้องนั่งเข้าฌานเพื่อฟื้นฟูพลังปราณ

แต่แม่น้ำตั่งเทียนห่างไกลจากห้องศิลาของมันไม่น้อย อีกทั้งการเทียวไปเทียวกลับยิ่งจะสะดุดตาผู้คนมากเกินไป จั่วม่อจึงตกลงใจนั่งเข้าฌานใต้น้ำเสียเลย

จั่วม่อไม่เคยทดลองนั่งเข้าฌานในแม่น้ำมาก่อน อย่าว่าแต่แม่น้ำอันเกรี้ยวกราดถึงเพียงนี้

หลายต่อหลายครั้งที่มันทำไม่สำเร็จ และหลังจากล้มเหลวอีกหลายสิบหน ในที่สุดค่อยสัมผัสประตูแห่งเคล็ดลับและเริ่มเข้าฌานใต้น้ำได้ดั่งใจ มันยังไม่ทราบว่าภายใต้สภาวะพิเศษเฉพาะในน้ำนี้เอง มีส่วนช่วยเอื้อประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิดของมัน โดยไม่รู้สึกตัว เคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิดทะลวงผ่านไปยังขั้นลมหายใจที่สอง

เวลาเดียวกัน ภายในทะเลแห่งจิตสำนึก ดวงดาวอีกหนึ่งดวงปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน แต่ดาวดวงที่สองนี้ทั้งหมองหม่นและไร้สีสัน ยังห่างไกลจากความสว่างไสวสุกสกาวของดาวดวงแรกอีกมากนัก

 

อ่านตอนใหม่ก่อนใครที่นี่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด