ตอนที่แล้วบทที่ 59 กระบี่ วารี ผีดิบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 61 ความคิดเพื่ออนาคต

บทที่ 60 การรู้แจ้ง


 

แม่น้ำอันเกรี้ยวกราดส่งเสียงคำรามกึกก้องดุจฟ้าคำรณ ก่อเกิดฟองขาวราวหิมะเป็นแผ่นผืนกว้างใหญ่ บางครั้งบางครากิ่งไม้ใบไม้ที่ร่วงลงมาในน้ำจะถูกดึงจมลงไป และหายวับไปในชั่วกะพริบตาเดียว

ใต้ผิวน้ำซึ่งคำรามไม่สิ้นสุด จั่วม่อเปลือยท่อนบน สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง เบื้องหน้ามัน กระบี่น้ำหลายสิบเล่มตัดไขว้ถักประสานเป็นตาข่ายผืนหนึ่ง เมื่อกุ้งปลาหลุดเข้าไปในขอบเขตของตาข่ายกระบี่ พวกมันล้วนถูกสังหารโดยปราศจากรอยแผลแม้แต่รอยเดียว

จั่วม่อไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้หลับนอน ไม่เคยหยุดร่ายกระบี่อย่างบ้าคลั่ง

สามหมื่นสามพันหกร้อย!

กระบี่ผลึกน้ำแข็งราวกับมัจฉาอันปราดเปรียวตัวหนึ่ง แหวกว่ายเริงร่าอย่างอิสระเสรีในสายน้ำ รวดเร็วดุจสายฟ้า กระทั่งปลาซึ่งเป็นที่ยกย่องในด้านความเร็วยังต้องอับอายต่อหน้ามัน

จั่วม่อหยุดมือ

แม้ว่ามันเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส จิตใจอ่อนระโหยแทบจะถึงขีดจำกัด แต่มันไม่ยอมย่อหย่อนแม้แต่น้อย ในดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนล้า แต่พยายามถ่างตาไว้สุดชีวิต ราวกับเกรงว่าดวงตาของมันจะหลับลงไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจจากความเหนื่อยหนัก

มันทราบว่ายามนี้มันมาถึงทางตันอีกครั้ง เคล็ดกระบี่เพลิงธาราเจ็ดกระบวนท่า หกท่าแรกมันไม่มีเรื่องราวใด ปัญหาอยู่ที่กระบวนท่าที่เจ็ด

หกกระบวนท่าแรกนั้นในท่วงท่าแฝงเร้นไว้ด้วยการไหลของน้ำ หรือการหมุนวนของของวังน้ำวน ล้วนลอกเลียนเอกลักษณ์ของสายนที แต่ละท่วงท่าเต็มไปด้วยคุณลักษณะอันพิเศษเฉพาะ จั่วม่อสามารถเข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็น แต่กระบวนท่าที่เจ็ดกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จนกระทั่งถึงตอนนี้จั่วม่อยังไม่อาจสัมผัสได้เลย เดิมทีตอนอยู่บนแผ่นดิน มันเคยรู้สึกว่ากระบวนท่าที่เจ็ดนี้มันแตกฉานถึงที่สุด แต่พอลงมาอยู่ใต้น้ำกลับพบว่าไม่ถูกต้อง

นามของกระบวนท่าที่เจ็ดนี้น่ากลัวอยู่บ้าง มันเรียกว่า [เพลิงธาราผลาญฟ้า] จั่วม่อรู้สึกว่าหากเปลี่ยนเป็น [ไฟหลีผลาญฟ้า] เสียยังจะพอเข้าใจได้ง่ายกว่า แต่เพลิงธารานี่มันอันใด ในเมื่อมันเป็นน้ำ ไฉนจะสามารถเผาผลาญฟ้าสวรรค์ได้?

กระบวนท่านี้เมื่อใช้ออกจะสร้างความเสียหายทั้งสองฝ่าย จำเป็นต้องสละพลังปราณทั้งหมดประจุลงในกระบี่บิน ใช้ปราณเร่งเร้าหยดแก่นสารน้ำที่อยู่ภายในกระบี่ ก่อเกิดเงาปราณกระบี่ย้อนทวนกระแส จู่โจมใส่ศัตรู

กระบวนท่านี้มีปัญหายากลำบากอยู่หลายแห่ง ดังเช่นการประจุพลังปราณทั้งหมดอัดรวดเดียวลงไปในกระบี่ นี่เท่ากับเป็นการทดสอบความสามารถในการควบคุมพลังปราณของคนผู้หนึ่งเลยทีเดียว หรืออย่างเช่นการเร่งเร้าหยดแก่นสารน้ำในกระบี่บิน จั่วม่อไม่กล้าผลีผลามทดลองดู กว่าจะก่อกำเนิดหยดแก่นสารน้ำขึ้นมาได้สักหยดยากลำบากไม่น้อย  หากต้องระเบิดมันทิ้งเพื่อทดสอบกระบวนท่า จั่วม่อไม่เพียงแต่ต้องรวบรวมก่อกำเนิดหยดแก่นสารน้ำใหม่อีกหน แต่กระทั่งค่ายกลเวทที่สลักไว้ภายในกระบี่ผลึกน้ำแข็งอาจได้รับความเสียหายไปด้วย

และสิ่งที่จั่วม่อรู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผลที่สุด ก็คือเงาปราณกระบี่ที่จะก่อเกิดในกระบวนท่าสุดท้ายนี้เอง

เงาปราณของหกกระบวนท่าก่อนหน้านี้ มีไหลริน มีคดโค้ง มีหมุนวน แต่เฉพาะกระบวนท่าสุดท้ายนี้ จั่วม่อไม่อาจเข้าใจได้ ย้อนทวนกระแสน้ำ! สายน้ำจะไหลย้อนทวนกระแสได้อย่างไร?

เคล็ดกระบี่เพลิงธาราลอกเลียนลักษณะของสายน้ำ จั่วม่อพอจะเข้าใจลักษณะของน้ำว่าอันใดคือเพลิงธารา แต่ท้ายที่สุดแล้ว เพลิงธาราก็ยังคงเป็นน้ำอยู่วันยันค่ำ ตราบเท่าที่มันยังคงเป็นน้ำ จะมีน้ำที่ไหลจากที่ต่ำขึ้นไปยังที่สูงด้วยหรือ? จะทำอย่างไรให้น้ำไหลย้อนทวนกระแสขึ้นไปได้?

แต่จะอย่างไรเคล็ดกระบี่เพลิงธาราจำต้องมีกระบวนท่านี้ ทั้งยังเป็นกระบวนท่าสุดท้ายที่เรียกได้ว่าเป็นท่าไม้ตาย

เมื่อยามที่จั่วม่อฝึกฝนอยู่บนแผ่นดิน มันไม่ทันได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ เวลานั้นหยดแก่นสารน้ำในกระบี่ทั้งเบาสบาย ทั้งปลอดโปร่ง มันแทบจะไม่สามารถรู้สึกอะไรเวลาที่กระบี่โบยบินฟาดฟัน แต่เมื่อฝึกฝีมือในน้ำ ถูกแรงดันน้ำกดทับอย่างหนักหน่วง เป็นเหตุให้กระบี่กลายเป็นหนักอึ้ง ปัญหาที่เดิมไม่สามารถมองเห็นได้ก็โดดเด่นขึ้นมาทันที

ไม่ว่าจั่วม่อจะมุมานะบากบั่นสักเพียงใด มันก็ไม่สามารถสำเร็จเพลงกระบี่กระบวนท่าสุดท้ายได้!

บ่อยครั้งที่พอออกกระบวนท่าไปได้ครึ่งทาง จั่วม่อจะรู้สึกว่าพลังกระบี่จู่ๆ ก็สะดุดติดขัด ไม่สามารถรุดหน้าต่อไปได้ พอดีกับที่มันไม่กล้าเร่งเร้าพลังเพื่อระเบิดหยดแก่นสารน้ำ กระบวนท่าที่เจ็ดจึงยิ่งยากเย็นขึ้นไปอีก และเมื่อยากที่จะฝึกปรือถึงเพียงนี้ จั่วม่อจึงยังติดขัดอยู่กับกระบวนท่าสุดท้ายนี้เอง

เมื่อไม่มีทางเลือก มันจึงได้แต่ฝึกปรือหกกระบวนท่าแรกต่อไป ยิ่งฝึกฝนก็ยิ่งแตกฉานหกกระบวนท่ามากขึ้น ความรู้สึกในน้ำของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกถึง‘ลักษณะของน้ำ’ก็ยิ่งกระจ่างชัดเจนมากขึ้น หกกระบวนท่าแรกกลับกลายเป็นกลมกลืนลื่นไหลกว่าเดิม จั่วม่อค่อยๆ บรรลุความเข้าใจบางประการ ความรู้สึกนี้พิสดารน่าอัศจรรย์เหนือคาดคิด มันราวกับมองผ่านหน้าต่างกระดาษบางๆ สามารถมองเห็นผู้คนที่อยู่ภายนอกห้อง แต่ไม่ว่าจะเพียรพยายามสักเท่าใด ยังคงไม่อาจเจาะแผ่นกระดาษบางๆ นั้นให้เป็นรู เพื่อมองโลกภายนอกให้ชัดตาได้

จั่วม่อตระหนักดี ยิ่งตื่นรู้มากเท่าใด ยิ่งไม่สมควรเร่งรีบมากเท่านั้น นี่เป็นสัญญาณของการรุดหน้า

แต่เมื่อมองไปยังเวลาที่เลื่อนผ่านไปราวติดปีกบิน ยิ่งใกล้เวลาทดสอบของสำนักเข้าไปทุกที จั่วม่ออดตื่นตระหนกไม่ได้

จั่วม่อรู้ขีดความสามารถของตนดี อย่าได้เห็นว่าหกกระบวนท่าแรกของมันช่ำชองชำนาญถึงขีดสุด แต่คิดใช้หกกระบวนท่านี้เอาชัยศิษย์พี่หลัวหลี นั่นก็เป็นเพียงความเพ้อฝันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพลงกระบี่  พลังบำเพ็ญเพียร หรือประสบการณ์ต่อสู้ พวกมันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ทั้งยังแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว จั่วม่อล้าหลังอีกฝ่ายไม่ถึงหมื่นหลี่ก็ต้องแปดพันหลี่เข้าไปแล้ว! มีเพียงวิธีเดียวที่พอจะมีโอกาสเอาชัยศิษย์พี่หลัวหลี นั่นคือต้องบรรลุความเข้าใจเจตจำนงกระบี่ของเคล็ดกระบี่เพลิงธารา

เพราะมันทราบว่าศิษย์พี่หลัวหลียังไม่บรรลุถึงเจตจำนงกระบี่ นี่เป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่มันสามารถฉกฉวย!

นี่ยังเป็นจุดเดียวที่มันเหนือล้ำกว่าหลัวหลี มันเคยบรรลุเจตจำนงกระบี่แล้ว!

และนี่เป็นข้อได้เปรียบเดียวที่มันทุ่มเดิมพันด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง!

เจตจำนงกระบี่ มันยากจะอธิบาย เป็นภาพมายา ไม่มีตัวตน แต่กลับกลายเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายที่จั่วม่อจะต้องพึ่งพา หากมันไม่สามารถบรรลุถึงเจตจำนงกระบี่เพลิงธารา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาล้วนเสียเปล่า มันจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

มันจำเป็นต้องสำเร็จกระบวนท่าสุดท้ายจริงๆ ?

จั่วม่ออดลังเลไม่ได้ เหลืออีกเพียงเจ็ดวันเท่านั้นจะถึงการทดสอบของสำนัก หากมันทดลองระเบิดหยดแก่นสารน้ำเพื่อฝึกปรือในยามนี้ แล้วเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา มันก็ไม่เหลือเวลาพอจะแก้ไขแล้ว

เวลาเพียงเจ็ดวัน จั่วม่อไม่แน่ใจว่ายังทันก่อกำเนิดหยดแก่นสารน้ำได้อีกหยดหนึ่งหรือไม่

แต่ไม่นาน จั่วม่อกลับกลายเป็นดื้อรั้นขึ้นมา หากมันไม่สามารถบรรลุเจตจำนงกระบี่เพลิงธาราก่อนจะถึงการทดสอบของสำนัก เช่นนั้นก็ย่อมไม่มีความหวังเอาชัยศิษย์พี่หลัวหลี มีเพียงผลลัพธ์เดียวสำหรับมัน พ่ายแพ้

เสี่ยงแล้วล้มเหลว ก็คือพ่ายแพ้ ไม่เสี่ยงก็ยังคงพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน ยังกังวลหาอะไร?

จั่วม่อขบกรามแน่น จะอย่างไรเท้าเปล่าไม่กลัวใส่รองเท้า หากมันพ่ายแพ้จริงๆ ย่อมไม่มีอันใดจะกล่าว มันเมื่อฝีมือสู้ผู้อื่นไม่ได้ก็แค่จ่ายแต้มคุณูปการออกไปเท่านั้น แต่ยังดีกว่าที่ได้มีความกล้าหาญทดลองดูและยอมรับความพ่ายแพ้! จะอย่างไรก็เท้าเปล่าจะไปกลัวอันใดหากต้องใส่รองเท้า

เรื่องราวล่วงเลยมาถึงขั้นนี้ อารมณ์ขุ่นข้องที่มีต่อหลัวหลีกลายเป็นไม่สลักสำคัญอันใด นี่เป็นเพียงอุปสรรคด่านหนึ่ง มีไว้ให้มันทดสอบตัวเองเสียมากกว่า

และมันเลือกที่จะลองเดิมพันดูสักครา!

จั่วม่อไม่ได้เริ่มทดสอบกระบวนท่าสุดท้ายในทันที แต่นั่งเข้าฌานเพื่อฟื้นฟูพลังปราณ มันตกลงใจทดลองกระบวนท่าในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

สามชั่วยามให้หลัง จั่วม่อลืมตาขึ้น ประกายวาบขึ้นในส่วนลึกของนัยน์ตา สงบงันและมั่นคง มันไม่ทราบว่าเป็นเพราะมันบรรลุการตัดสินใจขั้นเด็ดขาดหรือไม่ แต่ผลลัพธ์ของการนั่งเข้าฌานในเวลานี้ยอดเยี่ยมไม่น้อย ไม่เพียงแต่พลังปราณฟื้นคืนมาเต็มเปี่ยม แต่กระทั่งความเหน็ดเหนื่อยตรากตรำในช่วงหลายวันมานี้ ยังถูกกวาดหายไปหมดสิ้น

แช่มชื่นคึกคัก กลับคืนสู่สภาพที่ดีที่สุด จั่วม่อเหยียดตัวตรงแน่ว คราวนี้มันไม่ใช้จิตสำนึกควบคุมกระบี่อีก แต่ถือกระชับกระบี่ผลึกน้ำแข็งไว้ในมือ

กระบี่ผลึกน้ำแข็งเย็นเยือกอยู่ในมือ ราวกับเกาะกุมแท่งน้ำแข็งไว้แท่งหนึ่ง กระแสความเย็นฉ่ำนี้แผ่ซ่านจากมือเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว จั่วม่อรู้สึกจิตใจกระจ่างแจ้งอย่างเห็นได้ชัด ที่แท้กระบี่เล่มนี้มีความสามารถเช่นนี้ด้วย! จั่วม่ออดเสียใจอยู่บ้างไม่ได้ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ให้ความสนใจตรวจสอบกระบี่เล่มนี้มากกว่านี้

แต่ในไม่ช้ามันก็สงบจิตใจ เยือกเย็นลง ปัญหาเหล่านี้เอาไว้ค่อยทดลองดูในภายหลัง

จั่วม่อหลับตาลง มือกระชับกระบี่มั่น จิตใจจดจ่อเป็นหนึ่งเดียว สองเท้าลอยไม่ติดพื้น ยืนตัวตรงอยู่ในน้ำ กระแสน้ำอันเกรี้ยวกราดไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายมัน สายน้ำคล้ายหลบหลีกออกไปสองฟากข้าง มันราวกับท่อนไม้ปักตรงแน่วอยู่กลางลำน้ำเชี่ยวกราก นิ่งสงบ ไม่ไหวติง แปลกพิสดารอย่างบอกไม่ถูก

หวนระลึกถึงทุกกระบี่ที่ฟาดฟันออกไป ทุกรายละเอียดของการฝึกปรือที่ผ่านมา ดื่มด่ำกับความรู้สึกยามสายน้ำพลิ้วผ่านด้านข้างร่างกาย หยั่งซึ้งไปถึงหยดแก่นสารน้ำภายในกระบี่บิน จั่วม่อจิตใจผ่อนคลายลงช้าๆ

เมื่อทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกความคำนึง ทุกความทรงจำ ทุกความรู้สึก หลอมรวมเข้าด้วยกัน ในศีรษะของจั่วม่อราวกับเส้นประสาทบางเส้น จู่ๆ ก็ถูกดึงโดยมือที่มองไม่เห็นข้างหนึ่ง

จั่วม่อทันใดนั้นก็เปิดตาพรึบ!

“เพลิงหลี!”

เสียงต่ำลึกดุจสายฟ้าคำรณดังก้องออกมาจากอกของมัน แม่น้ำอันดุดันหยุดไหลอย่างกะทันหัน

ปราศจากกระแสน้ำไหล ไร้วังน้ำวน มวลน้ำรอบกายจั่วม่อเหมือนจะหยุดนิ่งลงในฉับพลันทันใด ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย

เวลานี้เอง กระบี่ผลึกน้ำแข็งในมือจั่วม่อพลันกรีดวาดขึ้นช้าๆ

ท่วงท่าของจั่วม่อดูลำบากยากเย็นอย่างน่าประหลาด หน้าผากปรากฏเส้นเอ็นเขียวปูดโปน สองตาถลึงกว้างคล้ายมีโทสะ ผมตั้งชี้ชัน กระบี่ผลึกน้ำแข็งในมือประหนึ่งหนักหน่วงนับพันจิน แม้จะกรีดยกขึ้นสักเล็กน้อยกลับกลายเป็นยากลำบากถึงที่สุด

แต่สิ่งที่จั่วม่อมองเห็น กลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อพลังปราณในร่างมันถาโถมเข้าสู่กระบี่ผลึกน้ำแข็งดุจสายน้ำไหลบ่า หยดแก่นสารน้ำกลายเป็นปั่นป่วน แล้วระเบิดออกทันที!

ตูม!

จั่วม่อสะท้านใจวูบ!

มันคล้ายว่าเห็นชัดด้วยดวงตาของตน หยดแก่นสารน้ำขนาดเมล็ดถั่วเหลืองระเบิดกระจัดกระจายเป็นละอองน้ำเหลือคณานับราวกับหมอกกลุ่มหนึ่ง!

ทันใดนั้น จั่วม่อหวนระลึกถึงสิ่งที่มันเคยพบเห็นในทะเลแห่งจิตสำนึก ลูกไฟยักษ์สีแดงฉานลอยอยู่กลางเวหา แล้วระเบิดอย่างฉับพลัน ไม่ต่างอันใดกับเหตุการณ์ยามนี้!

บังคับใช้น้ำเสมือนไฟ!

ประโยคที่มันไม่เคยเข้าใจเลย ยามนี้ประหนึ่งสายฟ้าฟาดใส่ ทะลวงเข้าไปในดวงวิญญาณของมัน

ฉับพลันนั้นมันก็พลันรู้แจ้ง กระดาษขาวบางบนหน้าต่างที่คอยปิดกั้นมันไว้ตลอดมา เวลานี้ถูกฉีกออกอย่างนุ่มนวล โลกใหม่ใบหนึ่งล่องลอยอยู่เบื้องหน้ามัน

ในสายตามัน เหล่าละอองน้ำที่ก่อเกิดสายหมอกแปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิง เพลิงไฟนี้ไม่ใช่เปลวไฟสีแดงดำในทะเลแห่งจิตสำนึกของมัน แต่เป็นเพลิงธาราโปร่งใส บานสะพรั่งและโปร่งใส เปลวไฟประกอบขึ้นจากน้ำ พวกมันกระโดดโลดเต้นเบาๆ ใสกระจ่าง ไร้สีสัน ไม่มีความป่าเถื่อนเย้ายวนเหมือนไฟสีแดงเข้มในทะเลแห่งจิตสำนึก เปลวเพลิงธารากระจ่างใสนี้ลุกลามอย่างสงบเงียบ ราวกับเหล่ากุลสตรีสูงศักดิ์ในหอห้องของพวกนาง เพลิงธาราเหล่านี้ปกคลุมกระบี่ผลึกน้ำแข็งไว้ตลอดทั้งเล่ม

จั่วม่อยกกระบี่ผลึกน้ำแข็งขึ้นสูงอย่างแช่มช้า มวลน้ำมหาศาลรอบข้างหมุนคว้างอย่างเกรี้ยวกราด ไหลบ่าไปรวมตัวยังกระบี่ผลึกน้ำแข็ง ดูคล้ายก่อเกิดเป็น ‘เพลิงไฟ’ ขนาดมหึมา!

เมื่อเพลิงธาราอันพิสดารล้ำก่อกำเนิดขึ้น มือที่สั่นสะท้านและอ่อนล้าของจั่วม่อ จู่ๆ ก็กลับกลายแน่วนิ่งมั่นคงเหนือธรรมดา!

พลังกระบี่ดูเหมือนจะสูญเสียความเคร่งขรึมของมันไป ทันใดนั้นก็เร่งทะยานขึ้น!

บูม!

กระบี่ผลึกน้ำแข็งเล่มน้อยหอบเอาเปลวไฟไร้ที่สิ้นสุดซึ่งประกอบด้วยมวลน้ำในแม่น้ำทะลวงขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างดุดัน!

 

ในเวลาเดียวกัน บนภูเขาสุญตา ซินหยานเปิดตาขึ้นอย่างฉับพลัน ร่างวาบประกาย หายวับไปจากจุดที่มันนั่งเข้าฌาน แล้วปรากฏขึ้นบนหน้าผาข้างหอคัมภีร์!

มันจ้องมองอย่างงงงวยไปยังแม่น้ำตั่งเทียนที่ด้านล่าง

เห็นเพลิงไฟขนาดยักษ์ลุกโชน คล้ายก่อกำเนิดขึ้นจากกระแสน้ำ คำรามกึกก้อง พุ่งย้อนทวนฟ้าสวรรค์ แม่น้ำเพลิงธาราที่ยังไม่บริสุทธิ์ ยามนี้มันเต้นเร่าราวกับไฟ เผาผลาญและระเบิดอย่างรุนแรง!

เป็นผู้ใดฝึกกระบี่?

สามารถก่อรูปเจตจำนงกระบี่ได้ถึงขั้นนี้ ฝีมือไม่เลวจริงๆ !  และเจตจำนงกระบี่พิเศษเฉพาะเช่นนี้มันไม่เคยพบเห็นมาก่อน มันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เพลิงธาราขนาดยักษ์ที่ไม่เหมือนใครสายนี้ ถูกผูกรั้งไว้ด้วยเจตจำนงกระบี่นับไม่ถ้วนจากการระเบิดน้ำอย่างรุนแรง!

ทันใดนั้น ซินหยานจู่ๆ ก็นึกถึงเคล็ดวิชากระบี่เล่มหนึ่งในหอคัมภีร์ สีหน้าถึงกับแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง

นี่มัน...เป็นศิษย์ของสำนักเราหรอกหรือ?

ในช่วงเวลาที่มันหยุดชะงักลังเลนี่เอง เพลิงธารามหึมาที่กำลังพุ่งขึ้น ก็พลันระเบิดสนั่นหวั่นไหวในทันที!

ใต้ก้นแม่น้ำ จั่วม่อจ้องมองเพลิงธาราอันตระการตาบนฟากฟ้า มันอยากหัวร่อ แต่พลังปราณทั่วร่างใช้ไปจนเกลี้ยงฉาด สองตาทันใดนั้นก็กลายเป็นเลื่อนลอย ตูม! เพลิงธาราระเบิดกลางนภา มวลน้ำหลายพันจินเทพรวดลงมาในรวดเดียว จั่วม่อไม่ทันจะหาที่ยึดตัวเองไว้  ก็ถูกคลื่นน้ำโถมทับ กวาดซัดหายวับไปในชั่วพริบตา!

 

กลุ่มถึงตอนที่ 90 แล้ว คลิก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด