บทที่ 29 : พลังใจ ที่ไม่ย่อท้อ!!
"เจ้าใช้วิชาชั่วร้ายอันใดกันแน่?" หยูเฟิงที่ส่งหลินฟ่านกระเด็นไปได้นั้นยังหวาดผวาไม่หาย หากเมื่อครู่เขาตอบสนองไม่ทันการณ์คงพลาดท่าเสียที่ไปแน่แล้ว
"วิชาชั่วร้ายที่ไหนกันเล่าศิษย์พี่? ศิษย์พี่ก็เห็นข้าใช้วิชาออกไปตรงๆไม่ได้ชั่วร้ายอะไร แต่ศิษย์พี่ยอดเยี่ยมนักที่สามารถสกัดการโจมตีของข้าได้ การจู่โจมของท่านยังทำหน้าอกข้าเจ็บอยู่เลยเนี่ย แต่ข้ายังไม่ยอมแพ้หรอกนะ ข้าอยากให้ศิษย์พี่ช่วยชี้แนะวิชาต่างๆของข้าอีก" ลึกๆหลินฟ่านก็ยอมรับว่าวิชาของเขาค่อนข้างต่ำช้าไม่น้อย...ถึงแม้ลิงขโมยลูกท้อจะเป็นวิชาระดับต่ำ แต่เมื่อเข้าใช้มันออกระหว่างการเผชิญหน้ากันก็ถือว่าเป็นการจู่โจมตรงๆ ไม่ได้ชั่วร้ายอะไร
ตอนนี้หลินฟ่านตระหนักได้แล้วว่า วิชา ลิงขโมยลูกท้อของเขาพัฒนามาไกลมากทีเดียว
“เอาล่ะ ศิษย์พี่ท่านรับมือให้ดี นี่คือวิชา 18 ฝ่ามือพิชิตมังกร”หลินฟ่านตั้งท่าล้อเลียนกระบวนท่าหนังดังในตำนานก่อนที่จะพุ่งออกไปจู่โจมหยูเฟิง ...ทางด้านหยูเฟิงก็เตรียมตัวรับมือเต็มที่ เขาย่อตัวลงถ่ายเทน้ำหนักให้ร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุลทั้งรุกและรับ
"ลิงขโมยลูกท้อ"
หยูเฟิงเจอการจู่โจมที่น่าสะพรึงกลัวอีกครั้ง
"9 สวรรค์ทวนทิศ"
ปัง!
หลินฟ่านปลิวกระเด็นกลับไปอีกครั้ง
'ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดี' กายปีศาจนิรันดร์ ' EXP +6,000'
หลินฟ่านลุกขึ้นยืนได้อย่างไม่ลำบากสักเท่าไหร่ เพราะตอนนี้หยูเฟิงได้จำกัดการบ่มเพาะของเขาไว้ที่ระดับมนุษย์ขั้นที่ 9 และการโจมตีนี้มันก็เพิ่มค่า EXP ให้กายปีศาจนิรันดร์แก่เขาเพียง 6,000 เท่านั้น ถ้าเทียบกับจำนวน EXP ของกายปีศาจนิรันดร์ที่ต้องใช้เพื่อเลื่อนระดับถึง 3,000,000 EXP แค่นี้ยังนับว่ายังน้อยนิดนัก ตอนนี้หลินฟ่านต้องฉวยโอกาสดีงามครั้งนี้เอาไว้ให้เต็มเหนี่ยว เขาต้องกอบโกยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ศิษย์พี่น้องชายผู้นี้ติดแหง็กอยู่ในระดับมนุษย์ขั้นที่ 9 มานานหลายวันแล้ว กลับไม่สามารถตัดผ่านไปยังระดับก่อเกิดได้ ศิษย์พี่ท่านจะช่วยยกระดับการบ่มเพาะของท่านให้เป็นระดับก่อเกิดขั้นที่ 3 จะได้หรือไม่ เพื่อให้ข้าได้รู้สึกกดดัน เผื่อข้าจะสามารถตัดผ่านไปยังระดับก่อเกิดได้" หลินฟ่านกล่าวออกมาอย่างตั้งใจ
หยูเฟิงมองไปที่หลินฟ่านอยู่ครู่หนึ่ง การลงมือสองครั้งก่อนหน้านี้ทำให้มันเริ่มหงุดหงิดแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวมันก็หยุดคิดว่าได้โอกาสลงมือสั่งสอนหลินฟ่านเสียที ปัญหาเดียวคือศิษย์พี่หัวหน้าที่นั่งเฝ้าอยู่ไม่รู้จะอนุมัติหรือไม่เพราะตัวมันเองก็ไม่กล้าตัดสินใจทำโดยพละการ
"ศิษย์น้องหากข้าทำเช่นนั้นเกรงว่าอาจมีการบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้นได้" หยูเฟิงกล่าวออกมา
"ศิษย์พี่ พวกเราที่เดินอยู่บนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ การสู้รบหรือการบาดเจ็บล้มตายมันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเราต้องเผชิญกับมันสักวัน ท่านอย่าได้คิดมากอันใด หากข้าพลาดท่าขึ้นมาก็เป็นความอ่อนด้อยของข้าเอง ท่านสบายใจได้" หลินฟ่านกล่าวสัจธรรมในชีวิตออกมาโดยปราศจากความหวาดกลัว
"เช่นนั้นศิษย์น้องจงระวังให้มาก" หยูเฟิงกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม หากมีคนรนหาที่ตายเองเขาก็คงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากน้อมสนองด้วยความยินดี
หลินฟ่านมองไปที่หยูเฟิง 'อย่างที่คิด ไอพวกศิษย์สายในนี่มันจิตใจเหี้ยมกว่าพวกศิษย์สายนอกเยอะ ยุนิดยุหน่อยก็จะฆ่าจะแกงกันแล้ว ต้องให้ได้ยังงี้สิวะ!! พวกอธรรมขนานแท้ แม้งต้องคอยตบเด็กเตะตัดขาชาวบ้านแบบนี้... ต่างกับพวกโลกสวยจากเขตนอกลิบลับยังกับฟ้ากับเหว'
เพราะเมื่อหลังจากเข้าสู่นิกายเขตในแล้ว เหล่าศิษย์สามารถออกไปด้านนอกนิกายได้ และด้วยประสบการณ์จากโลกภายนอกที่พวกมันค้นพบกฎแห่งป่าต่างๆพวกมันย่อมเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี การแข่งขันในนิกายเขตในก็ย่อมดุเดือดกว่าเขตนอกอยู่แล้ว และนอกจากนั้นยามที่ก้าวผ่านไปยังระดับก่อเกิดระดับพลังก็แตกต่างขึ้นจากขั้นมนุษย์ไปไกลโข หากไม่ถึงขั้นก่อเกิดอาจจะเรียกได้ว่ายังไม่เป็นผู้บ่มเพาะที่แท้จริง เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วอุปนิสัยใจคอย่อมเริ่มเปลี่ยนไป หลังย่างเข้าสู่โลกผู้เข้มแข็งคงอยู่ผู้อ่อนแอตกตาย
ที่นิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ไม่อนุญาตให้เหล่าศิษย์ฝึกหัดและศิษย์สายนอกออกไปผจญโลกกว้างนั่นย่อมเป็นเพราะความห่วงใยและความอยากปกป้องเหล่าเด็กน้อยของพวกมัน แต่พอเข้าไปอยู่ในนิกายเขตในได้ ย่อมนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของแกนหลักในการขับเคลื่อนนิกาย เมื่อนั้นเหล่าศิษย์ถึงจะปีกกล้าขาแข็งเพียงพอที่จะไปผจญโลกกว้าง
ตอนนี้ศิษย์สายในที่ดูจะเป็นผู้นำกลุ่มก็มองหลินฟ่านลงและหยูเฟิงมาจากม้าหินหยก เมื่อเห็นระดับพลังของหยูเฟิงเปลี่ยนไป
หลินฟ่านเองก็รับรู้ได้ว่าความแข็งแกร่งของหยูเฟิงเหนือชั้นขึ้นมาอย่างสูง แค่มองระดับพลังของหยูเฟิงตอนนี้หลินฟ่านก็รู้ตัวดีว่า ระดับพลังก่อเกิดขั้นที่ 3 สามารถส่งมันกระเด็นไปได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้เขาจะมี กายปีศาจนิรันดร์ที่คอยปกป้องแต่พลังระดับนี้ ก็สามารถทำให้หลินฟ่านบาดเจ็บหนักได้อย่างแน่นอน
แต่หลินฟ่านก็ไม่ได้หวาดกลัวมากนักเขาประเมินได้ว่าเพียงระดับก่อเกิดขั้นที่ 3 ยังไม่สามารถเอาชีวิตของเขาได้
"ศิษย์พี่รับมือ ฝ่ามือ ยูไลทะลวงชั้นฟ้า ของข้า! นี่เป็นวิชาระดับสวรรค์เลยนะ!! "หลินฟ่านพูดออกมาด้วยเสียงดังลั่นก่อนที่จะกระโดดพุ่งไปหาหยูเฟิงด้วยความเร็วสุดแรงเกิด
"เหลวไหลยิ่งนัก" หยูเฟิงบ่นพึมพำออกมาอย่างล้อเลียน หลินฟ่านที่กำลังลอยตัวพุ่งเข้าไปมองไปยังหยูเฟิงก่อนที่จะคิดว่าครั้งนี้มันคงเจ็บตัวไม่น้อย และก็เป็นตามคาดหยูเฟิงนั้นไม่ได้หลงกลไปตามชื่อท่าของเขา มันรอตั้งรับอย่างมั่นคง หลินฟ่านก็ได้แต่ทุ่มสุดตัววัดดวงเอาว่าการลงมือของมันจะประสบผลสำเร็จหรือไม่
"ศิษย์พี่ ระวัง!! ... " หลินฟ่านกล่าวเตือนออกมาอีกครั้ง
หยูเฟิงกระพริบตาเล็กน้อยเมื่อหลินฟ่านพุ่งเข้ามาใกล้มันเคลื่อนไหวราวสายฟ้าส่งการจู่โจมออกไป ...ทางด้านหลินฟ่านก็พลันรู้สึกราวกับเปลวเพลิงปะทุขึ้นที่กลางอกของมันอย่างรุนแรง ส่งร่างมันปลิวกระเด็นถอยไปรวดเร็วกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
'ติ้ง!!... ขอแสดงความยินดี ' กายปีศาจนิรันดร์ ' EXP +30,000'
"อ๊อค ... " หลินฟ่านกระอักเลือดออกมาเป็นสาย ความแตกต่างระหว่างระดับมนุษย์และขั้นก่อเกิดสูงมากนัก อาการบาดเจ็บครั้งนี้รุนแรงกว่าเมื่อครั้งที่ผ่านมาอย่างมาก
และหลินฟ่านนั้นไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวยามจู่โจมของหยูเฟิงได้แม้แต่น้อย
ระดับขั้นมนุษย์นั้นใช้พลังงานจากเลือดเนื้อ ส่วนขั้นก่อเกิดใช้พลังจากฟ้าดินที่หลอมรวมกับพลังงานที่แท้จริง
และนอกจากนั้นการจู่โจมเมื่อครู่หลินฟ่านยังสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างพุ่งทะลวงเข้ามาในยังเส้นเลือดของเขา แต่พลังงานที่แท้จริงในร่างของหลินฟ่านก็ค่อยๆดูซับพวกมันจนหายไปทีละน้อยไม่นานก็หมดสิ้น
หานลู่ที่ได้เห็นหลินฟ่านถูกซัดกระเด็นกระอักเลือดออกมาราวน้ำพุมันเริงร่าอย่างมาก แต่เมื่อมันเห็นหลินฟ่านลุกขึ้นมาได้มันก็ตกตะลึงจนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
"ศิษย์พี่จู่โจมได้หนักหน่วงมาก ... ข้ามองมันไม่ทันเลยแม้แต่นิดเดียว ...ข้าขอลองอีกครั้ง... " หลินฟ่านถอนหายใจก่อนที่จะค่อยๆพูดออกมา
หยูเฟิงแทบไม่อยากจะเชื่อว่าหลินฟ่านจะทนได้ ถึงแม้การจู่โจมครั้งนี้เขาจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ คนระดับมนุษย์สามารถทานทนได้
หยูเฟิงก้าวก้าวมายังหลินฟ่านด้วยท่าทีดุร้าย มันเกร็งพลังขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะกล่าว "ไม่เลวศิษย์น้อง ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทนได้สักเพียงไหน "
"หมื่นกระบี่รวมหนึ่ง!!"
หลินฟ่านไม่รู้หรอกว่าวิชานี้จริงๆแล้วมันเป็นยังไง มันแค่พูดออกมาเพ้อเจ้อตามชื่อท่าในหนังกำลังภายในที่เคยดูมาก็เท่านั้น แต่ทว่าเหล่าศิษย์สายนอกที่ชมภาพการประลองอยู่นั้นรู้สึกนับถือกับชื่อท่าของมันไม่ได้ พวกมันล้วนแล้วแต่คิดว่า ชื่อวิชาของหลินฟ่านช่างสุดยอดนัก
"หมื่นกระบี่รวมหนึ่ง" เหอะ เหลวไหล? หยูเฟิงรู้ว่าคำพูดของหลินฟ่านนั้นไม่ต่างอะไรกับลมตด มันจึงไม่สนใจอะไรนอกจากเฝ้าระวังฝ่ามือของหลินฟ่านเอาไว้เท่านั้น
ปังงงงง!
หยูเฟิงคว้าจับแขนของหลินฟ่านเอาไว้ก่อนที่จะซัดฝ่ามือเข้ากลางอกอย่างสุดพลังในระดับขั้นก่อเกิดขั้นที่ 3 ...และหลินฟ่านก็ลอยละลิ่วปลิวตามลมอีกครั้ง หลินฟ่านไม่อาจต้านทานหรือสัมผัสการจู่โจมเมื่อครู่ได้แม้แต่น้อย
'ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดี "กายปีศาจนิรันดร์" EXP +40,000'
หลินฟ่านที่ถูกอัดกระเด็นลอยไปถึงแม้จะบาดเจ็บแต่หัวใจเขากลับอิ่มเอมอย่างมาก ตามที่เขาคิดการจู่โจมระดับนี้ไม่ทำให้เขาถึงตาย และต่อจากนี้เขาจะทนรับมันเพื่อเพิ่มขีดจำกัดของร่างกาย เพราะทุกครั้งที่เขาผ่านมันไปได้ การโจมตีจะเบาลงเรื่อยๆ จากวิชากายปีศาจนิรันดร์
"ฮ่า ๆ ศิษย์พี่ช่างแข็งแกร่งยิ่งนักแต่ว่าข้ายังทนได้ ขออีกที... " หลินฟ่านกล่าวออกมาพร้อมกับกระอักเลือดอีกเล็กน้อย....หลังจากนั้นการจู่โจมหนักหน่วงครั้งแล้วครั้งเล่าก็ระดมซัดไปที่หลินฟ่าน ทว่าทุกๆครั้งหลินฟ่านก็ลุกขึ้นมาได้ราวกับเป็นอมตะ
เหล่าศิษย์สายนอกที่ชมดูอยู่ถึงกับขนลุก พวกมันเห็นหลินฟ่านถูกซัดกระเด็นครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ทว่ามันยังลุกขึ้นมาได้ หากเป็นพวกมันถูกแบบนั้นคงตกตายไปตั้งแต่ฝ่ามือแรกแล้ว
หยินโม่เฉินที่อยู่ด้านล่างตอนนี้มันกำลังกังวลอย่างมาก ‘ศิษย์น้องดื้อรั้นเกินไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้เจ้าตกตายขึ้นมาจริงๆจักทำยังไงเล่า
"ศิษย์พี่รับมือ ฝ่ามือเทพสามโลก!"
ปัง!
'ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดี "กายปีศาจนิรันดร์" EXP +40,000'
"ศิษย์พี่รับมือ เพลงหมัดเทพเจ้าดาวเหนือ!"
ปัง!
'ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดี "กายปีศาจนิรันดร์" EXP +40,000'
"ศิษย์พี่รับมือ พลังเคลื่อนย้ายจักรยาน!"
ปัง!
'ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดี "กายปีศาจนิรันดร์" EXP +40,000'
...
ณ จุดๆนี้ทุกคนได้แต่ตกตะลึง พุ่งเข้าไป.. ถูกซัด... ล้ม... ลุก...พุ่งเข้าไป... ราวกับวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดที่ไม่มีวันจบสิ้น หลินฟ่านที่ราวกับตุ๊กตาล้มลุกยืนขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแอลงแม้แต่น้อย
ถึงแม้หลินฟ่านจะถูกซัดลงไปกองสักกี่ครั้งเขากลับลุกขึ้นมาอย่างองกาจ ทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหมดนับถือจิตใจที่มุ่งมั่นของมันอย่างมาก
หยูเฟิงเองก็ไม่สามารถระงับใบหน้าตกตะลึงของมันไว้ได้
ปัง!
หยูเฟิงซัดฝ่ามือออกไปอีกครั้ง ทว่าครานี้หลินฟ่านกลับยืนหยัดอยู่โดยไม่กระเด็นออกไป "ศิษย์พี่ ... " มือของหลินฟ่านจับมือของหยูเฟิงที่อกของมันเอาไว้
"อั่ค" ทันใดนั้นหลินฟ่านก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
"พอเท่านี้เถิด ศิษย์น้อง" หยูเฟิงก็รู้สึกว่าควรยุติได้แล้ว
"ศิษย์พี่ข้าต้องขอบคุณสำหรับการชี้แนะของท่านอย่างยิ่ง หากไม่มีท่านข้าคงไม่ได้สัมผัสถึงพลังฟ้าดินได้ง่ายขนาดนี้ ... อั่ค... ต้องขอบคุณท่านมาก" หลินฟ่านพูดไปพร้อมกับกระอักเลือดไป....วิชาสตอที่เรียนมาจากตัวร้ายในละครถูกสำแดงออกมาอีกครั้ง
"ศิษย์น้องนี่เป็นเม็ดยาเพิ่มโลหิต กินมันเสียมันจักฟื้นฟูโลหิตและรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าได้" แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของหลินฟ่านจะต่ำ แต่เขาก็จู่โจมหลินฟ่านออกไปเต็มกำลังในระดับขั้นก่อเกิดขั้นที่ 3 เป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนแต่มันยังยืนอยู่ได้ นั่นทำให้เขารู้สึกทึ่งกับมันอย่างมาก ทั้งนี้เขายังนับถือพลังใจที่ไม่ย่อท้อ ของมันอย่างยิ่ง
"ศิษย์พี่ ... ข้า ... " หลินฟ่านที่จะกล่าวปฏิเสธเพราะเกรงใจ แต่ทว่ามันต้องเปลี่ยนความคิดในพริบตา
'ติ๊ง!!... ค้นพบยาฟื้นฟูร่างกาย เม็ดยาเพิ่มโลหิต เมื่อรับประทาน EXP +100,000"
"ขอขอบคุณท่านอย่างยิ่ง! ศิษย์พี่" หลินฟ่านรีบพุ่งไปหยิบเม็ดยาในมือของหยูเฟิงก่อนที่จะโยนมันเข้าปากทันที
"ศิษย์น้องจิตใจที่แข็งแกร่งและร่างกายที่ทนทานของเจ้า เมื่อเข้ามาอยู่ในนิกายเขตใน เจ้าน่าจะมีความก้าวหน้ารวดเร็วอย่างยิ่ง เจ้าคงแข็งแกร่งขึ้นอีกไม่น้อยหลังได้เรียนรู้วิชาอื่นๆ" หยูเฟิงกล่าวชื่นชมหลินฟ่านออกมาด้วยใจจริง น้อยครั้งมากที่มันจะกล่าวชมเชยผู้ใดออกมาอย่างจริงใจเช่นนี้
"ศิษย์พี่ ... " หลินฟ่านมองไปที่หยูเฟิงอย่างซึ้งๆ ก่อนที่จะกางแขนออก
หยูเฟิงหยุดมองสักครู่ ก่อนที่จะแย้มยิ้มออกมา "อ่า..หากศิษย์น้องอยากกอดข้า ก็มาเถอะ"
"ศิษย์พี่ ... " หลินฟ่านเรียกเบาๆ
"หืม?"
"ศิษย์พี่หวังว่าข้าจะมีโอกาสได้ตอบแทนท่านในอนาคต" ดวงตาที่ซาบซึ้งของหลินฟ่านค่อยๆเปล่งประกายออกมาโดยที่หยูเฟิงไม่ทันรู้ตัว
"มิได้สำคัญอันใด ... เพียงเม็ดยาเพิ่มโลหิตเท่านั้น เจ้าไปพักฟื้นเถิด ข้าขอตัวก่อน แล้วค่อยพบกันที่เขตใน "หยูเฟิงกล่าว
"ไม่ใช่แบบนั้นพี่" หลินฟ่านส่ายหน้าเล็กน้อย
"แล้วมีอะไรอีกรึ?" หยูเฟิงกล่าวถามด้วยความสงสัย
"ศิษย์พี่ ... "
"หืม? ... " หยูเฟิงถามออกมาด้วยความสงสัย มันมองไปยังหลินฟ่านด้วยแววตาสับสน
"ลิงขโมยลูกท้อ ... "
เสมือนท้องฟ้าวิกฤตแปรปรวนทันใด...
อา...ชีวิตช่างเต็มไปด้วยความปวดร้าว.....