ตอนที่แล้วบทที่ 27 : ให้ข้าลองหน่อยซิ!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29 : พลังใจ ที่ไม่ย่อท้อ!!

บทที่ 28 : แล้วเจ้าเรียนรู้วิชาใดมาบ้าง!!


หลินฟ่านเดินขึ้นเวทีไปท่ามกลางความตกตะลึงของหยินโม่เฉิน เมื่ออยู่บนเวทีหลินฟ่านก็ยืนตัวตรงเชิดหน้าเชิดตาอกผายไหล่ผึ่งเอวตึงหน้าตั้ง หันมองไปรอบๆอย่างปลื้มปิติ ‘อ่า ความรู้สึกตอนมีคนเกือบหมื่นจ้องมาที่เราคนเดียวนี่ช่างฟินดีแท้! ถึงว่าว่าทำไมพวกดารา ถึงชอบออกมาโชว์ตัวกันนัก รู้สึกแบบนี้นี่เอง’

เหล่าศิษย์เขตนอกที่เห็นว่ามีผู้กล้าของศิษย์เขตนอกด้วยกันเดินขึ้นไปบนเวทีพวกมันต่างยกมือขึ้นมาชูนิ้วโป้งราวกับจะบอกว่า ยอดเยี่ยม! กล้าหาญยิ่งนัก! แต่เมื่อพวกมันสังเกตชัดๆว่าคนที่อยู่บนเวทีเป็นใคร ความตื่นเต้นที่แสดงออกก่อนนี้พลันมลายหายไป เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวในทันที

'ปีศาจทลายพวงสวรรค์ ... '

ชื่อปีศาจทลายพวงสวรรค์ นี้นับว่าเป็นฝันร้ายของเหล่าศิษย์เขตนอกหลายต่อหลายคน เหล่าศิษย์ที่เคยถูกจู่โจมทำลายพวงสวรรค์ทุกคนเมื่อได้ยินชื่อนี้ถึงกับหวาดกลัวจนเกือบล้มทั้งยืน เพียงแค่ได้ยินเสียงเอ่ยนามนี้พวกมันจะรีบหุบขาลงสองมือกุมไข่ในพริบตา

ศิษย์เขตนอกคนหนึ่งที่อยู่นอกเวทีที่กำลังมองมาบนเวที ตอนนี้สายตาของมันพลันฉายแววอำมหิตออกมาอย่างรุนแรง ราวกับว่าแค้นจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลกเดียวกัน

..เมื่อหานลู่เห็นหลินฟ่านขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีในใจของมันก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ในนิกายปีศาจแห่งนี้หานลู่ไม่เคยโกรธเกลียดและแค้นเคืองใครเท่ากับหลินฟ่านมาก่อน หลินฟ่านผู้นี้ทำลายแผนการของเขาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ความโกรธแค้นที่สุมไว้ในอกแทบจะทะลักออกมาอยู่รอมร่อ

แต่สำหรับหานลู่ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการล้างแค้น ตอนนี้มันต้องการเร่งระดับการบ่มเพาะของตัวเองให้สูงที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ ตอนนี้สิ่งที่หานลู่ต้องการมากที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด คือ เวลา

ตอนนั้นด้วยความบังเอิญหานลู่ได้ค้นพบว่า การใส่เม็ดยาเพิ่มลมปราณลงใน หยาดน้ำค้างเทพเจ้า สามารถเร่งการฝึกฝนได้รวดเร็วกว่าเดิมอย่างมาก ด้วยการค้นพบที่น่าตื่นตะลึงนี้ทำให้หานลู่รีบเก็บสะสมเม็ดยาเพิ่มลมปราณเป็นจำนวนมากเพื่อนำมาผสมกับหยาดน้ำค้างเทพเจ้า เขาเลยมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ระดับมนุษย์ขั้นที่ 5 ในเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้...หากเพียงแค่วันนั้นหลินฟ่านไม่ทำให้ฤทธิ์ยาเสื่อมลงป่านนี้มันอยู่ระดับมนุษย์ขั้นที่ 6 ไปแล้ว

ด้วยความช่วยเหลือจากหยาดน้ำค้างเทพเจ้าและเม็ดยาเพิ่มลมปราณอีกไม่เกินเดือน ระดับของหานลู่จะเข้าสู่ระดับมนุษย์ขั้นที่ 6 อย่างแน่นอน และอีกราวๆครึ่งปีหลังจากนี้มันจะเข้าถึงระดับก่อเกิดและกลายเป็นศิษย์สายในอย่างภาคภูมิ

ในขณะเดียวกันหลินฟ่านที่ยืนอยู่บนเวทีก็หันมองไปยังศิษย์สายในทั้งสองก่อนที่มันจะประสานมือทำการคารวะอย่างสุภาพ ก่อนที่จะกล่าวออกมา "ข้าศิษย์นิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์เขตนอกมีนามว่าหลินฟ่าน ข้าขอรับการชี้แนะจากศิษย์พี่ทั้งสอง"

เมื่อหลินฟ่านมองหน้าทั้งสองชัดๆแล้วเขาก็นึกในใจไปว่า ‘สงสัยพวกที่มีระดับการบ่มเพาะสูงๆนี่ท่าทางจะเป็นพวกลูกคุณหนูไม่ก็ชนชั้นสูงหมดเลยสินะ?’

เหล่าศิษย์สายในทั้งสองและก็ทั้งหมดที่ยืนอยู่ห่างๆ ทุกคนต่างมีหน้าตาหล่อเหล่าคิ้วเข้มราวกับคมดาบจมูกโด่งสันแววตาคมดั่งกระบี่ ส่วนสตรีก็งดงามราวเทพธิดา กล่าวง่ายๆพวกมันล้วนหน้าตาดีทั้งสิ้น ... ต่อให้เป็นยุคสมัยใหม่บนโลกที่เขาจากมา คนพวกนี้ก็นับได้ว่าหล่อสวยระดับดาราทั้งนั้น

"ระดับการบ่มเพาะของเจ้าคืออะไร ... " ศิษย์สายในคนหนึ่งเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทว่าภายในใจของมันกลับสงสัยเป็นอย่างมาก ‘ข้ามิอยากจะเชื่อว่าข้าจะไม่สามารถดูระดับการบ่มเพาะของมันออกเช่นนี้’

"ศิษย์พี่ที่เคารพ ตัวข้านั้นอยู่ในระดับครึ่งก้าวก่อเกิด" หลินฟ่านรู้ว่าตั้งแต่ที่เขามีระบบเทพวิชา คนอื่นๆจะไม่สามารถมองระดับการบ่มเพาะของเขาออกได้ แต่หลินฟ่านนั้นไม่คิดที่จะทำตัวเป็นหมูกินเสือหรืออะไรทำนองนั้นแบบเมิ่งหยางกวน เขาเลยเปิดเผยระดับการบ่มเพาะของเขาออกมาตรงๆโดยไม่ได้จะปิดบังอะไร

หยินโม่เฉินที่อยู่ในกลุ่มฝูงชน กลับตื่นตะลึงเมื่อได้ยินคำกล่าวของหลินฟ่าน

'เป็นไปได้เช่นไร? ศิษย์น้องหลินอยู่ในระดับครึ่งก้าวก่อเกิด? เรื่องเช่นนี้... เรื่องเช่นนี้ ...'

ส่วนหานลู่ที่ได้ยินก็พลันแตกตื่นด้วยเช่นกัน เข้าไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหลินฟ่านจะอยู่ห่างจากระดับก่อเกิดเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น ทำไมความแตกต่างระหว่างมันกับเขาถึงมากขนาดนี้

แต่เมื่อหานลู่สงบใจเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า ‘ไอบัดซบนั่นต้องเป็นบุตรหลานจากครอบครัวระดับสูงเป็นแน่ถึงมีระดับบ่มเพาะสูงถึงขนาดนี้ ท่าทางมันคงได้รับการเลี้ยงดูมาด้วยโอสถระดับสูงจำนวนมาก เหอะ’

หลังจากหาข้ออ้างให้ตัวเองได้แล้วหานลู่ก็ระงับอารมณ์ตื่นตระหนกของเขาลง ตราบใดที่เขามีขวดหยกศักดิ์สิทธิ์กับหยาดน้ำค้างเทพเจ้า สักวันเขาจะเหยียบย่ำหลินฟ่านให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา

"เฮอะ ระดับมนุษย์ก็คือระดับมนุษย์ บนโลกใบนี้มิมีคำว่า ครึ่งก้าวใดๆทั้งสิ้น หากเจ้ายังไม่ตัดผ่านไปยังระดับก่อเกิด ก็นับว่าเจ้ายังเป็นแค่ระดับมนุษย์เท่านั้น เจ้าไม่สามารถใช้คำว่า ครึ่งก้าวก่อเกิดได้ คำพูดนั้นไว้สำหรับพวกสามัญชนเพ้อฝันเพียงเท่านั้น "หยูเฟิงกล่าวออกมาเรียบๆพร้อมรอยยิ้ม สำหรับศิษย์เขตนอกในสายตาของเขาพวกมันก็ไร้ค่าไม่ต่างอะไรกับอากาศธาตุ

ทุกๆปีหยูเฟิงจะลงมือกำราบเหล่าศิษย์พวกนี้เพื่อลดความโอหังของพวกมัน สำหรับหยูเฟิงศิษย์เขตนอกพวกนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากกบในกะลา แค่มีระดับสูงขึ้นมานิดหน่อยก็คิดว่าตนนั้นเก่งกล้าสามารถยิ่งใหญ่แล้ว เขาชอบนักพวกคนประเภทนี้ เวลาที่ดับความฝันและความหวังของพวกมัน สีหน้าของพวกมันช่างบรรเทิงใจเขาเป็นอย่างมาก

ส่วนหลินฟ่านเมื่อได้ฟังก็ไม่รู้จะทำยังไง ‘ไม่มีแม่เอ็งสิไอกร๊วก ถ้ามีมาจูบตูดข้าไหมล่ะชิบหาย ระบบเทพวิชาจากพระเจ้ามันบอกข้ามาแบบนี้นิหว่า เอ็งเจ๋งกว่าระบบเทพวิชารึก็ไม่ใช่ เสร่อทำเป็นรู้มาก เดะพ่อเหนี่ยวให้เยี่ยวแตกเลย’ แต่หลินฟ่านก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาตามที่คิดใบหน้าของเขายังยิ้มแย้มอารมณ์ดี เขาไม่คิดจะทำอะไรก้าวร้าวออกมาอยู่แล้ว ไม่งั้นการที่เขาอุตส่าห์ขึ้นมาบนเวทีนี้มันก็ไม่มีความหมายสิ เขาอุตส่าห์ตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะมาเอา EXP จากการระเบิดไข่พวกศิษย์ระดับก่อเกิด เกิดวู่วามโวยวายตอนนี้พวกมันรุมสกรัมเขาไม่ตายหยังเขียดหรอกรึไง

ท่ามกลางสายตาของทุกคนอีกไม่นานพวกมันก็จะรู้พิษสงของ "กายปีศาจนิรันดร์" ของเขารับรองว่าพวกมันต้องตะลึงอย่างแน่นอน ถึงแม้ตอนนี้การเลื่อนระดับกายปีศาจนิรันดร์จะยากจนเกินกว่าที่เขาจะทำได้ในนิกายเขตนอกแล้ว แต่วิชาลิงขโมยลูกท้อนั้นยังพอเก็บค่า EXP ได้บ้าง และถ้าวันนี้เขาสามารถใช้ลิงขโมยลูกท้อไอพวกก่อเกิดระดับ 7 พวกนี้ ค่า EXP จะพุ่งกระฉูดขนาดไหนล่ะ?

หลินฟ่านคิดก็ส่วนคิดพูดก็ส่วนพูด เขามองไปด้านหน้าก่อนที่จะยิ้มออกมา พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างสุภาพว่า "อ่า หลังจากที่ได้ฟังคำกล่าวสั่งสอนของศิษย์พี่ ข้าก็คิดว่ามันน่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ นับว่าท่านได้ช่วยผู้น้องเปิดหูเปิดตาแล้ว ขออภัยคำกล่าวโอหังของข้าก่อนหน้านี้ด้วย" หลินฟ่านกล่าวจบก็ประสานมือคารวะ

"เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว" หยูเฟิงที่ได้ฟังก็พยักหน้าพึงพอใจ ไอเด็กตรงหน้ามันช่างว่านอนสอนง่ายดี มีค่าพอให้เขาส่งเสริม

"เอาล่ะ เช่นนั้นเมื่อเจ้ามีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ระดับมนุษย์ขั้นที่ 9 เพื่อมิให้เจ้าคิดว่าตัวข้านั้นเอาเปรียบเจ้า ข้าก็จะปรับระดับการบ่มเพาะของข้าเพื่อให้เท่าเทียมกันกับเจ้าด้วย ระดับของเจ้าก็นับว่าสูงแสดงว่าเจ้าย่อมอยู่ในนิกายเขตนอกแห่งนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เช่นนั้นเจ้าลองใช้วิชา หมัดปีศาจ 7 ทำร้าย โจมตีข้าดู ข้าจะได้กล่าวชี้แนะว่าการฝึกฝนของเจ้านั้นลึกซึ้งถึงเพียงไหนแล้ว" หยูเฟิงกล่าวออกมาช้าๆ

ในหมู่ศิษย์สายในด้วยกันนั้น หยูเฟิงก็นับได้ว่าเป็นศิษย์สายในที่มีระดับการเพาะปลูกสูงมากคนหนึ่ง จนถือได้ว่าเป็นศิษย์อัจฉริยะในเขตใน แต่นี่ยังไม่ได้ทำให้เขาพิเศษเท่ากับการที่เขามีความสามารถในการรับรู้ขั้นสูง เขาสามารถรู้ได้ว่าการฝึกฝนในวิชาของผู้บ่มเพาะคนอื่นว่าอยู่ในระดับไหน เพราะเขาเข้าใจวิชาระดับต่ำจนถึงแก่นแท้หมดแล้ว

วิชา หมัดปีศาจ 7 ทำร้าย นั้นเป็นวิชาระดับต่ำที่นับได้ว่ายอดเยี่ยมที่สุดในนิกายเขตนอก เหล่าศิษย์ระดับแนวหน้าทุกคนของนิกายเขตนอกล้วนแล้วแต่ฝึกฝนวิชานี้ทั้งสิ้น แน่นอนหยูเฟิงก็ฝึกฝนวิชานี้จนแตกฉานเช่นกันในยามที่มันยังเป็นศิษย์เขตนอก

"หืม เหตุใดเจ้าไม่ลงมือเล่า?" เมื่อเห็นว่าหลินฟ่านยังยืนนิ่งไม่ลงมือจู่โจม มันก็สงสัยเล็กน้อย

"เอ่อ...ขอโทษด้วยศิษย์พี่ แต่ข้าไม่รู้จักวิชานั้น เลยไม่รู้จะลงมือยังไง แหะๆ" หลินฟ่านกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้

"เจ้าก็เป็นศิษย์นิกายปีศาจเขตนอก แต่เจ้ากลับไม่รู้จักวิชานี้เช่นนั้นหรือ?" หยูเฟิงตะลึงเล็กน้อยมันมองไปยังหลินฟ่านด้วยสายตาคาดไม่ถึง แล้ววิชา กระบี่มารพฤกษาพัวพัน เล่า เจ้าได้เรียนรู้มาหรือไม่?"

หลินฟ่านที่ยืนฟังอยู่ก็เกาหัวแกรกๆ พร้อมกล่าวออกมาอย่างเขินอาย "แหะๆ วิชานั้นข้าก็ไม่รู้เช่นกันศิษย์พี่"

สิ้นคำกล่าวหลินฟ่าน เหล่าศิษย์ทั้งหมดต่างระเบิดเสียงหัวเราะออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบเห็นเหตุการณ์น่าขำอะไรแบบนี้ ทั้งสองวิชาที่ศิษย์พี่หยูเฟิงกล่าวถึงนั้น นับว่าเป็นวิชาระดับต่ำที่ยอดเยี่ยมที่สุดและเหมาะสมมากสำหรับการบ่มเพาะในระดับต่ำๆ

เหล่าศิษย์ในนิกายเขตนอกแม้ว่าจะมีผู้ที่ไม่ได้ร่ำเรียนทั้งสองวิชาพร้อมกัน แต่ทว่าทุกคนล้วนแล้วแต่ร่ำเรียนวิชาใดวิชาหนึ่งตามที่กล่าวมา ราวกับว่าวิชาทั้งสองนั้นเป็นพื้นฐานของนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ไปเสียแล้ว แล้วการที่หลินฟ่านนั้นโง่งมจนไม่รู้จักทั้งสองวิชาเรื่องนี้จะให้พวกมันกลั้นหัวเราะได้อย่างไร

หยูเฟิงที่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ตอนนี้มันมองไปยังหลินฟ่านด้วยความรำคาญใจ "เช่นนั้น เจ้าเรียนรู้วิชาใดมาบ้าง?" หยูเฟิงเริ่มหมดความหวังที่จะส่งเสริมตัวโง่งมผู้นี้แล้ว นอกจากสองวิชานี้แล้วที่เหลือก็เป็นแค่วิชาระดับต่ำที่ไม่มีค่าควรฝึกฝน แล้วมันจะเลือกวิชาอะไรมาให้เขาชี้แนะ?

เมื่อเห็นหยูเฟิงกล่าวถามด้วยความไม่พอใจ หลินฟ่านก็ไม่รู้จะตอบยังไง จะให้เขาตอบว่า [ตัวข้านั้นเชี่ยวชาญ วิชาลิงขโมยลูกท้ออย่างยิ่ง ศิษย์พี่โปรดยื่นกล่องดวงใจของท่านมาลองทดสอบดูสิ แล้วโปรดชี้แนะข้าด้วย!!] เขาก็ละอายเกินกว่าจะพูดออกมา

"เอาล่ะๆ พอแล้วเจ้าไม่ต้องพูดอันใดแล้ว ข้าลงมือเลยแล้วกัน" หยูเฟิงไม่คิดจะพูดอะไรให้เสียเวลาอีกต่อไป

"เชิญท่าน ศิษย์พี่" หลินฟ่านพยักหน้า หลังจากที่หลินฟ่านพยักหน้าหยูเฟิงก็ลงมือทันที

“ศิษย์น้องรับมือ 9 สวรรค์ทลายเทพ” สิ้นคำกล่าวของหยูเฟิง ลมมหาศาลก็พัดกระแทกหลินฟ่านจากด้านหลัง ตัวมันปลิวลอยไปทางหยูเฟิงอย่างควบคุมไม่ได้

หยูเฟิงส่ายหัวให้กับการทรงตัวของหลินฟ่าน ‘ไอเด็กผู้นี้แม้แต่การควบคุมสมดุลร่างกายยังอ่อนด้อยยิ่งนัก’ เขาเตรียมที่จะใช้ดัชนีจี้จุดสกัดหลินฟ่านเพื่อจบการประลองชี้แนะ แต่เมื่อหลินฟ่านลอยมาใกล้ตัวเขา เขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่าง

"ลิงขโมยลูกท้อ!!" หลินฟ่านที่ถูกดูดให้ลอยตัวไปหาหยูเฟิง กล่าวออกมา

"ฮึ่ม!!" หยูเฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อย ‘วิชาสั่วๆ!’ เขาค่อนข้างผิดหวังกับการโต้ตอบง่ายๆเช่นนี้

แต่ทันใดนั้นเอง หยูเฟิงพลันรู้สึกแปลกประหลาด การเคลื่อนไหวของฝ่ามือหลินฟ่านที่ดูไร้ชั้นเชิงนั้น เขากลับไม่สามารถคำนวณวิถีการจู่โจมและสามารถสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของมันได้ ฝ่ามือที่พุ่งมาของหลินฟ่านลึกล้ำราวกับฝ่ามือของพระยูไลที่ไร้หนทางสกัดกั้น

'เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? นี่มันวิชาฝ่ามืออันใดกันแน่'

ถึงแม้หยูเฟิงจะจำกัดการบ่มเพาะของเขาไว้ที่ระดับมนุษย์ขั้นที่ 9 แต่ทว่าร่างกายและการเคลื่อนไหวของเขานั้น ยังอยู่ในระดับก่อเกิดขั้นที่ 7 เขาพลันใช้วิชาการเคลื่อนไหวพุ่งหลบหลีกออกมาทันที แต่ราวกับฝันร้ายวิชาการเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์แบบของเขาเมื่อใช้ออก เขากลับไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะหลบฝ่ามือนั้นได้...โลกใบนี้มีวิชาฝ่ามือร้ายกาจถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กระบวนท่าที่แลดูธรรมดาสามัญถูกใช้ออกโดยผู้บ่มเพาะระดับมนุษย์ กลับสามารถทำให้ระดับก่อเกิดขั้นที่ 7 ของเขาไร้หนทางสกัดกั้นและหลบหนี

“เป็นไปไม่ได้ !!” หยูเฟิงตะโกนออกมาหลังจากพยายามเคลื่อนกายหลบฝ่ามือ แต่มันไม่สามารถหลบได้พ้น

"9 สวรรค์ทวนทิศ" ทันใดนั้นกลิ่นอายของหยูเฟิงก็ปะทุขึ้นมันซัดฝ่ามือออกมาอย่างรวดเร็วราวกับสายอัสนีบาตสวนฝ่ามือของหลินฟ่าน จนบรรลุถึงหน้าอกหลินฟ่านในชั่วพริบตา

หลินฟ่านที่กำลังจะลงมือประสบผล กลับสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกบางอย่างบริเวณหน้าอกของเขา มันส่งร่างของเขาปลิวกระเด็นย้อนหลังไป ถึงแม้ความเจ็บปวดที่ได้รับจะไม่มากมายเท่าไหร่ก็ตามแต่ก็นับว่าหนักหน่วงกว่าการลงมือของศิษย์นิกายเขตนอกไปไกลโข

'ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดี 'กายปีศาจนิรันดร์' EXP +6,000'

หลินฟ่านปัดหน้าอกของเขาเล็กน้อยราวกับไม่รู้สึกอะไร วิชา "9 สวรรค์ทวนทิศ" นั่นคืออะไรกัน? เห็นๆอยู่ว่าหยูเฟิงไม่สามารถหลบวิชา "ลิงขโมยลูกท้อ" ของเขาได้ แต่พริบตานั้นอยู่ๆร่างกายของหยูเฟิงพลันเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าฟาดส่งฝ่ามือมาจู่โจมที่กลางอกของเขาได้ทันท่วงที ทำให้ฝ่ามือของเขาเอื้อมไปไม่ถึงพวงสวรรค์

หลินฟ่านสำนึกขึ้นมาได้ทันที ‘ดูเหมือนวิชาต่างๆจะมีประโยชน์มากจริงๆ หลังจากที่เราเพิ่มระดับวิชาลิงถือลูกท้อจนมันพัฒนาไปอีกขั้นได้สำเร็จ สงสัยต้องไปหาวิชาอื่นๆมาฝึกให้มากเข้าไว้บ้างซะแล้ว’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด