ตอนที่แล้วตอนที่ 023 – ฝึกพิเศษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 025 – บึงหยกทะเลไผ่

ตอนที่ 024 – [อัสนีบาตสังหาร]!


ตอนที่ 024 – [อัสนีบาตสังหาร]!

 

ชีวิตภายในเหมืองหินเป็นไปอย่างเรียบง่ายและบรรลุตามเป้าหมาย ถังเทียนแปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เขาได้เรียนรู้จากคนอื่นเกี่ยวกับกล้ามเนื้อบนร่างเปลือยเปล่าของเขา กล้ามเนื้อมีความเงางามราวกับพวกมันบรรจุพลังจนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ถังเทียนมุ่งความสนใจไปยังรังสีหมัดของเขาก่อนที่จะทุบลงบนหินอย่างแรง

ด้วยการทุบก้อนหินก็เป็นรอยแตกละเอียดกระจายออกไป

หมัดของถังเทียนราวกับพิรุณโปรยปรายทุบลงบนก้อนหินอย่างต่อเนื่อง รอยแตกบนก้อนหินก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น รอยแตกละเอียดก็ปรากฏ ด้วยการทุบของเขาก้อนหินก็แปรเปลี่ยนเป็นกองหินบด

ถังเทียนคัดกองหินบดที่ใหญ่กว่าเกาลัดและโยนออกไปด้านข้าง

หมัดจุลวินาศของเขายังอ่อนแอและห่างไกลจากพลังหมัดของพี่ใหญ่สือโถวอย่างมาก เขาจำต้องใช้ออกหลายหมัดก่อนที่เขาจะสามารถบดหินได้ นอกจากนั้น หินที่เขาบดทำลายก็มีขนาดไม่เท่ากัน

หมัดจุลวินาศของสือโถวสามารถบดทำลายหินได้ขนาดเหมือนกัน นั่นคือมาตรฐานสูงสุดอย่างแท้จริง

ถังเทียนเลื่อมใสเขาพลางทำให้มีแรงกระตุ้น

หมัดจุลวินาศนั้นทรงพลังมากกว่าหมัดอัสนีบาต วิชาหมัดจุลวินาศระดับสามบรรจุไปด้วยวิชาการกระตุ้นปราณแท้จริง ในขณะที่วิชาหมัดอัสนีบาตระดับสองมีเพียงการแสดงออกถึงพื้นฐาน

ด้วยการใช้ปราณแท้จริงในชั่วพริบตาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการทำลาย เป็นเช่นเดียวกับที่เรียกว่า ‘วินาศ’

หมัดจุลวินาศนั้นเรียบง่ายธรรมดา เพียงแต่มิได้หมายความว่าพลังของมันอ่อนแอ หมัดจุลวินาศคล้ายดั่งเช่นฝ่ามือทรายเหล็กของเฉินหยวน มุ่งมั่นไปยังพลังมากกว่าความแม่นยำ มันมีความสามารถในการทำลายอย่างน่าอัศจรรย์

เมื่อยามฝึกหมัดจุลวินาศสำเร็จอย่างลึกซึ้ง มันอาจจะสามารถทำการจู่โจมระยะไกลได้

ถังเทียนมิเคยคาดคิดว่าตำราปราณกระเรียนจะสามารถเข้ากันได้ดีกับหมัดจุลวินาศนี้

เมื่อยามกายากระเรียนกระตุ้นหมัดจุลวินาศ ปราศแท้จริงก็สั่นไปด้วยรังสีของเส้นสายคมดาบ รอยแตกบนก้อนหินที่เกิดจากหมัดจุลวินาศของถังเทียนก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ด้วยหมัดจุลวินาศธรรมดา โดยปกติรอยแตกจะไม่สม่ำเสมอ แต่รอยแตกจากหมัดถังเทียนทำให้หินดูราบเรียบและละเอียดราวกับพวกมันถูกหั่นโดยดาบ

ถังเทียนแก้ไขหมัดจุลวินาศอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็มิได้ยอมแพ้กับหมัดอัสนีบาต

การฝึกทั้งหมดของหมัดอัสนีบาตสำเร็จ ณ เบื้องหลังประตูดารากางเขนใต้

ปราศจากการพักผ่อน ถังเทียนก้าวไปยังประตูอีกคราและเริ่มฝึกฝน

หลังจากที่เขาสำเร็จหมัดอัสนีบาตถึง 200,000 หมัดแล้ว มันก็มิได้เป็นเรื่องยากสำหรับเขา เพียงแต่มันน่าเบื่อและเหนื่อยมาก

ทุกวัฏจักรแห่งความเพียรมีสิบวัน ในช่วงเวลาสิบวันนั้น เขามิได้พูดคุยกับผู้ใดเลย เขากระทำเพียงชกหมัดออกครั้งแล้วครั้งเล่า แม้กระทั่งช่วงเวลาพัก เป็นสองสามวันสุดท้ายของการฝึก เขาก็หมดเรี่ยวแรงทั้งกายและใจ

ถังเทียนส่งออกหมัดได้อย่างรวดเร็ว หมัดสลายหายไปกลางอากาศและปรากฏออกมาด้วยไร้สัญญาณใด มันมิอาจคาดเดาได้เลย

ในช่วงเวลาสองสามวัน เขาใช้หมัดจุลวินาศทั้งวันเพื่อบดทำลายหิน ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงความก้าวหน้า โดยเฉพาะพลังแขนของเขา พวกมันแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ หมัดจุลวินาศแลดูเรียบง่ายและธรรมดา หมัดอัสนีบาตของถังเทียนค่อยมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

รวดเร็วและรุนแรง พวกมันต่างมีความแตกต่างคนละรูปแบบกัน แต่มันก็เข้าคู่กันอย่างดี

เหงื่อของเขาไหลหยดย้อยขณะที่เหนื่อยหอบอย่างหนักระหว่างแรงลมที่ก่อเกิดโดยหมัด ตัวเลขด้านหลังประตูเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

399,999

400,000!

เสียงหอบใจดังซ้ำๆ และหมัดอัสนีบาตอันรวดเร็วก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ภายในความเงียบสงบ เสียงลึกลับก็ดังก้องขึ้นมาทันที แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเสียงของอากาศ มันก็สามารถที่จะปล่อยพลังลึกลับดั่งคมมีด

ภายในดวงตาของถังเทียนปราศจากอารมรณ์และเงียบงันก็ปรากฏร่องรอยของความเยือกเย็นราวกับเขากลายเป็นอสูรกายกำลังรวบรวมพลัง

เสียงหายใจหยุดทันที

ร่างถังเทียนหายไปดั่งอสูร

หมัดสีเงินชุดแรกก็ปลดปล่อยออกมาราวกับลำแสงที่โชติของอัสนีบาต อากาศรอบๆถูกฉีกกระฉาก

ราวกับอัสนีบาต ปลดปล่อยแสงสว่างจ้า ฉับพลันนั้นก็สว่างไปทั่วทิศทาง ปราณอันทรงพลังถูกปลดปล่อย ดูราวกับพลังที่มิมีสิ่งใดสามารถต้านทานมันได้ มันง่ายดายนักที่จะทำให้ผู้คนหวาดหวั่น

อัสนีบาตสีเงิน ระเบิดอย่างรุนแรงรอบๆอากาศ ก่อเกิดเป็นหมอกควัน

ตูม!

ปราณแท้จริงของถังเทียนก็หมดไปในทันที และดวงตาของเขาดูเหนื่อยล้า คลื่นพลังปราณพัดตรงมายังเขา ในชั่วพริบตามันก็มาอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว

“อ้า อ๊า อ๊า…”

เขามิทันได้เตรียมตัวและมันก็เหวี่ยงเขาไปขึ้นในอากาศโดยคลื่นพลังปราณ ปัง เขาปลิวลอยเข้าไปในกำแพงหมอกอีกด้านหนึ่งก่อนที่กระเด็นลงมาบนพื้น

ถังเทียนเหยียดหลังของเขาพลางนอนลงบนพื้น เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงไม่มีพลังเหลือภายในร่างของเขา และมิสามารถจะขยับได้สักนิ้วหนึ่ง เขาเพียงแค่นอนอยู่ตรงนั้น มองอย่างว่างเปล่าบนเพดาน เหงื่อของเขายังคงหลั่งไหล และอย่างรวดเร็วมันก็ท่วมภายใต้ตัวเขา

ในที่สุดข้าก็สำเร็จแล้ว...

กระบวนท่าสังหารหมัดอัสนีบาต [อัสนีบาตสังหาร]!

เขาเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก เปลือกตากลายเป็นหนักอึ้ง และเขาก็ผล่อยหลับไปในทันที

มันเป็นคราแรกที่เขาหลับเบื้องหลังประตูกางเขนดาราใต้

ยามเมื่อถังเทียนนอนหลับอยู่ เขาไม่ได้สังเกตุถึงยามเมื่อเขาใช้ออก [อัสนีบาตสังหาร] ยันต์สีทองขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นบนประตูกางเขน บนยันต์ถังเทียนใช้ออกด้วยหมัดที่รุนแรง ด้านล่างของขาเขาปรากฏคำสองคำ หมัดอัสนีบาต!

หลังจากที่มิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ถังเทียนก็ค่อยๆตื่นขึ้นมา ยามเมื่อเขามองไปยังประตูกางเขน เขาก็สะดุ้งด้วยความตระหนก ช่วงเวลาแห่งความเพียรกำลังจะสิ้นสุดลง!

เขามิสามารถที่จะคลานขึ้นมาทันเวลา มีเพียงสายตาพร่ามัวไปชั่วขณะก่อนที่จะกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

“พื้นฐานถัง เร็วเข้า ถึงเวลาทำงานแล้ว!” ประตูไม้พุพังต่อหน้าเสียงดังของอาโม่หลี่มิได้ช่วยอะไรเลย

“ข้ามาแล้ว ข้ามาแล้ว!” ถังเทียนรีบเร่งคลานขึ้นมา รีบร้อนล้างหน้าล้างตาของเขาพลางรีบเร่งไปยังประตู

ชีวิตประจำวันของเขาก็เริ่มขึ้นอีกวัน

ทุกๆวันเขาอยู่อย่างมีชีวิตชีวา

ถังเทียนค่อยๆรู้สึกและเข้าใจในกฏของประตูกางเขนดาราใต้มากยิ่งขึ้น มิว่ามันจะเป็นเจตนาของกลุ่มดารากางเขนใต้หรือไม่ ประตูกางเขนและตัวเลข ‘10’ เชื่อมโยงกันอย่างแปกประหลาด ประตูกางเขนจะเปิดทุกๆสิบวันและทุกคราที่เปิดออกมันก็จะมีเวลานานถึงสิบวัน ถ้าความเข้าใจของเขาถูกต้องในช่วงเวลาแห่งความเพียร หลังจากนั้นช่วงเวลาแห่งความเพียรครั้งต่อไปเปิด ถังเทียนคงจะสามารถที่จะมั่นใจและยืนยันมันได้

เมื่อเสร็จสิ้นวัฏจักรแห่งความเพียรแล้ว ถังเทียนต้องการใช้เวลาฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ในช่วงเวลาสิบวันนั้น มันช่างเป็นความบังเอิญยิ่งนัก เมื่อสิบวันในช่วงเวลาแห่งความเพียรเป็นเช่นเดียวกับขีดจำกัดของถังเทียน

เนื่องจากวัฏจักแห่งความเพียรนี้ หมัดจุลวินาศของถังเทียนดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ที่ดีขึ้นอย่างยิ่งแล้วก็คงจะเป็นตำราปราณกระเรียน เส้นสายกายากระเรียนของถังเทียนแปรเปลี่ยนเป็นชัดเจนยิ่งขึ้น และเหล่าเส้นชีพจรก็เพิ่มขนาดเป็นสองเท่ายามเมื่อเขากระตุ้นใช้ออกกายากระเรียน

กายากระเรียนขยายตัวขึ้นถึงสองครา และถังเทียนค้นพบอีกประการว่าการชำระล้างปราณแท้จริงของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

การชำระล้างปราณแท้จริงโคจรไปตามกำแพงของบ่อตันเถียนที่สาม ค่อยๆเกาะเป็นกลุ่มก้อนก่อเกิดเป็นกำแพง

ปริมาณความจุของบ่อตันเถียนที่สามารถก็แปรเปลี่ยนเป็นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

ฉากยามค่ำคืนที่วิเศษ ทุกคนต่างรวมตัวกันเพื่อย่างเนื้อและร่ำสุรา งานในเหมืองหินช่างเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายและยากแค้น ค่ำคืนนี้เป็นโอกาสที่หายากสำหรับพวกเขาได้พักผ่อนและผ่อนคลาย

หลังจากได้คุ้นเคยกับพวกเขา ถังเทียนและอาโม่หลี่ก็รับรู้ได้ว่าเหล่าบุรุษกล้ามโตที่พวกเขาคล้ายดุร้ายแต่ในความเป็นจริง พวกเขาต่างซื่อตรงและเป็นมิตร พวกเขาทั้งสองต่างปราศจากความอายที่จะร่วมสังสรรค์พวกเขา ด้วยบุคลิกภาพด้านความสัมพันธ์ของพวกเขา พวกเขากลายเป็นพวกเดียวกันกับเหล่าบุรุษกล้ามโตอย่างรวดเร็ว

กองไฟสาดส่องไปบนใบหน้าของทุกคน สว่างไสวและสลายหายไป

“พี่ใหญ่สือ ท่านทำอันใดในก่อนหน้านี้กัน?” ถังเทียนถามอย่างอยากรู้

สือโถวหัวร่อ “ข้ารับจ้างส่งของ”

“เป็นไปไม่ได้! ท่านทรงพลังขนาดนี้เนี้ยนะ พี่ใหญ่สือ!” ถังเทียนมองอย่างไม่เชื่อ ในสายตาของถังเทียน ความสามารถของพี่ใหญ่สือช่างน่าประทับใจเป็นอย่างมาก

เขาสงสัยว่าพี่ใหญ่สืออย่างน้อยก็อยู่ในขั้นสี่ของปราณแท้จริง แม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นห้า เขาก็จะไม่สงสัยเลย ภายในเมืองเมฆาดารางานธรรมดาเพียงต้องการขั้นสอง และขั้นสามสามารถที่จะหางานที่ดีได้ ยามเมื่อถึงขั้นสี่ของปราณแท้จริง โอ้ ตามที่เห็นเมืองเมฆาดารา ก็มีเพียงหัวหน้ากองกำลังที่อยู่ในขั้นสี่

นอกเหนือจากเขา มีผู้เชี่ยวชาญไม่กี่คนที่อยู่ในขั้นสี่และเหนือกว่านั้น และพวกเขาติดอันดับสูงในสถาบันของพวกเขา ภายในเมืองเมฆาดารา เหล่าศิษย์ที่อยู่ในขั้นสี่ จะถูกดูแลอย่างดีมากกว่าเหล่าอาจารย์ซะอีก เหล่าอาจารย์ที่อยู่ในขั้นสี่ภายในเมืองเมฆาดารานั้นช่างน่าสงสาร ไม่เพียงแค่เมืองเมฆาดาราแต่ทั่วทั้งดาราอู่อันนี้ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน

เหล่าผู้คนที่อยู่ในขั้นสี่ของปราณแท้จริง พวกเขาทั้งหมดจะเลือกไปยังสถานที่ที่ใหญ่เพื่อหารายได้ สำหรับเหล่าศิษย์ที่อายุเยาว์ผู้ซึ่งบรรลุไปถึงขั้นสี่ พวกเขาจะไม่อยู่ในสถานที่เล็กๆแห่งนี้ไปตลอดชีวิต ถ้าหากพวกเขามิกล้าเผชิญออกไป พวกเขาก็จะมองหากลุ่มดาราใหญ่ๆเพื่อเข้าไปยังวิทยาลัยที่ดีเพื่อศึกษาต่อ

เหล่าผู้คนที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าขั้นห้า ถังเทียนมิเคยพบเห็นมาก่อน

พี่ใหญ่สือโถวและที่เหลือต่างแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างล้นหลาม ถังเทียนมั่นใจว่าถ้าเฉินหยวนพบพี่ใหญ่สือโถวในวันหน้า เขาคงมิอาจรับมือได้ครบสิบกระบวนท่า

อาโม่หลี่เมามายจนมิอาจเดินตรงได้ เขาดูหยาบคายและแข็งแกร่งเข้าได้ดีกับบุรุษมีกล้ามเหล่านี้ พลังร่างกายอันบ้าคลั่งของถังเทียนคล้ายดูน้อยนิดและอ่อนแอในที่นี้

พี่ใหญ่สือโถวหัวร่อ “พลังปราณอันน้อยนิดของข้าเคยยอดเยี่ยม แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ตาเฒ่าเว่ยเยี่ยมยอดในยุคของเขา แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว”

“ตาเฒ่าเว่ยทรงพลังมากในอดีตใช่รึไม่?” ความสนใจของถังเทียนถูกดึงดูดขึ้นทันที

“เอ่อ เขาทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง” สือโถวแสดงออกเต็มไปด้วยอารมณ์สะเทือนใจ “เพียงแต่หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บ และนั่นทำให้เขาบาดเจ็บยิ่งขึ้นจนแก่ชราลงและเขาก็หยุดลง ผู้คนเช่นพวกเราปราศจากความสามารถแล้ว เมื่อยามที่รุ่งเรืองห้าสิบปีในอดีต ก็จะตกต่ำลง”

ถังเทียนไม่เชื่อ “ไม่มีทาง พี่ใหญ่สือโถวพวกท่านทั้งหมดต่างแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ข้ารู้ว่าต่อให้ท่านอายุแปดสิบ ท่านยังคงสังหารกระทิงได้เพียงหมัดเดียว!”

“ฮ่า ฮ่า!” สือโถวหัวร่ออย่างดัง กระดกเหล้าองุ่นอย่างรุนแรง ปรากฏความมึนเมาในสายตาเขา “ข้าขอให้คำกล่าวของเจ้าเป็นจริง เสี่ยวเทียน โอ้ใช่แล้ว เสี่ยวเทียนเจ้าคิดอย่างไรกันถึงได้จะเดินไปบนเส้นทางของผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด”

“ตาเฒ่าเว่ยกล่าวกับข้า เขากล่าวว่าข้านั้นดุร้ายและป่าเถื่อน เหมาะสมกับการเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด และเขายังกล่าวว่าผู้หญิงของข้าจะหลงรักในผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด…” ถังเทียนเกาหัวของเขา

สือโถวสำลักเหล้าองุ่นของเขาพลางสีหน้าเขาก็แดงขึ้น

“อย่าบอกนะว่าตาเฒ่าหลอกหลวงข้า?” ถังเทียนเบิกตากว้าง

ใบหน้าของสือโถวแดงขึ้นเรื่อยๆ เป็นเวลานานก่อนที่เขาจะลูบพุงของเขาพลางนั่งตัวตรง ด้วยการแสดงออกที่จริงจัง “ข้ากล้าสาบานได้เลยว่าตาเฒ่าเว่ยไม่ได้หลอกลวงเจ้า”

“ฮึ ถ้าหากเขากล้าที่จะหลอกลวงข้า เขาได้ตายแน่แล้ว!” ถังเทียนกล่าวอย่างดุดัน

สือโถวเก็บงำรอยยิ้มของเขาพลางกล่าวอย่างจริงจัง “เพียงแต่มันเป็นเรื่องยากลำบากที่กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด ไม่สิ มันยากลำบากอย่างยิ่งยวด”

ถังเทียนส่ายหน้าพลางเห็นด้วยอย่างจริงจัง “ข้ามิเกรงกลัว ตราบเท่าที่ข้าสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ ข้าก็มิเกรงกลัวกับการทรมานจากความยากลำบาก เนื่องเพราะข้าได้สัญญากับเฉียนฮุ่ยไว้แล้วว่า ข้าจะไปพบนางที่ภูเขากลุ่มดาราอมตะ พวกเราก็จะเดินไปบนเส้นทางสวรรค์ด้วยกัน”

การแสดงออกของสือโถวแข็งขันอย่างรวดเร็ว เขาถอนหายใจพลางวางถ้วยเหล้าองุ่นลง “เสี่ยวเทียน ข้ามิได้คัดค้านอันใด หากเจ้าต้องการไปยังภูเขากลุ่มดาราอมตะ เพียงแต่ถ้าเจ้าต้องการเดินทางไปยังเส้นทางสวรรค์แล้วล่ะก็ ข้าแนะนำว่าเจ้าควรจะบรรลุอย่างน้อยขั้นห้าของปราณแท้จริง”

“ขั้นห้า?” ถังเทียนตกใจอยู่ชั่วครู่ แต่เขาก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “เอ่อ ข้าจะจดจำมันไว้”

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด