ตอนที่แล้วตอนที่ 11 -- ม้วนคัมภีร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13 -- ปะทะบอส

ตอนที่ 12 -- การลาก


ตอนที่ 12 -- การลาก

 

เวทย์ที่ผมต้องฝึกไม่ได้มีแต่เวทย์โจมตีเท่านั้น

 

เวทย์แรกคือ “เมจิคแอมพลิฟายเออร์”

 

มันเป็นเวทย์ที่จะเพิ่มพลังและปริมาณการใช้เวทย์ในเวทย์มนต์ถัดไปที่ผมร่ายเป็นสองเท่า

 

แม้ว่าปีศาจส่วนใหญ่จะสามารถแพ้ได้ด้วยพลังปกติของเวทย์มนต์ นี่จึงเป็นเวทย์ที่ผมแทบจะไม่ได้ใช้เลย แต่ตอนนี้ผมต้องฝึกมัน

 

เวทย์ที่สองคือ “สเกาท์สโคป”

 

ผมเพิ่งรู้ถึงสิ่งนี้เมื่่อเห็นคัมภีร์เวทย์ที่บ้านของมิลลี่ ซึ่งดูเหมือนมันจะมีประโยชน์มากถ้าสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

อย่างแรกคือมันสามารถแสดงเลเวลของเวทย์มนต์ได้

 

เวทย์มนต์เรดบอลของผมตอนนี้มีเลเวลเท่ากับ 12, ด้วยแผนที่ผมวางเอาไว้ นี่จะช่วยทำให้การฝึกของผมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

ที่สำคัญกว่านั้น…

 

เมื่อผมมองไปยังมิลลี่และร่ายสเกาท์สโคป

 

มิลลี่ เรย์อาร์ด

 

เลเวล 25

 

เวทย์ [สีแดง] เลเวล : 22/94

 

เวทย์ [สีน้ำเงิน] เลเวล : 32/98

 

เวทย์ [สีเขียว] เลเวล : 19/92

 

เวทย์ [แห่งท้องฟ้า] เลเวล : 12/96

 

เวทย์ [วิญญาณ] เลเวล : 15/85

 

มิลลี่ให้ความสนใจกับเวทย์มนต์สายสีฟ้า ส่วนอย่างอื่นสมดุล

 

โดยเฉพาะสุดยอดเวทย์สีฟ้าของเธอ บลูเกล (วายุคราม) ที่เพิ่มจนถึงระดับ 39 ซึ่งน่ากลัวมาก

 

มันจะต้องเป็นเวทย์โปรดของเธอแน่ๆ

 

เวทย์มนต์สายสีฟ้ามีความสมดุลทั้ง พลังโจมตี, การฟื้นพลัง และเวทย์มนต์เสริม นี่เป็นสายที่ดีในการฝึกฝนเมื่อคุณต้องต่อสู้อยู่คนเดียว

 

การที่สามารถเห็นสถานะปัจจุบันของผู้อื่น เลเวลของเวทย์มนต์ที่คุณรู้จัก และเอกลักษณ์เฉพาะของพวกเขา

 

นี่เป็นของที่อันตรายสุดๆ

 

สามารถรู้ได้ว่านักเวทย์ฝ่ายศัตรูสามารถร่ายเวทย์ใดได้บ้าง เมื่อคุณสามารถเดาความคิดของพวกเขาได้ ก็เหมือนกับมีความตายมารออยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว

 

ผมรู้ว่าเวทย์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยตัวของมันเอง ดังนั้นมันจึงไม่มีทางโต้กลับ

 

เมื่อเพิ่มเลเวลของสเกาท์สโคป ผมก็ได้รับข้อมูลมากกว่าที่ผมเคยรู้

 

ไม่มีความเป็นส่วนตัวสำหรับสิ่งนี้

 

มิลลี่มีค่าพรสวรรค์ที่สูง

 

แต่ก็ยังไม่ใช่อัจฉริยะ

 

สเกาท์สโคปที่ถูกนำไปให้สมาพันธ์ในอนาคตน่าจะมีคุณภาพที่ลดลงจากอันนี้

 

เวทย์นี้จะทำลายโลกถ้ามันเผยแพร่ออกไป

 

ผมไม่ต้องการให้เวทย์มนต์นี้กระจายไปทั่ว แต่ไม่ว่าคัมภีร์เวทย์ที่ถูกนำไปยังสมาพันธ์จะเป็นการตัดสินใจของมิลลี่หรือไม่

 

มันก็สิ้นหวังอยู่ดีใช่ไหมล่ะ?

 

ผมรู้ดีว่ายังไงมันก็กระจายไปทั่วในอนาคตอยู่แล้ว

 

ที่ผมเลือกเวทย์มนต์ทั้งสองนี้เพราะว่าพวกมันเป็นเวทย์ที่สามารถฝึกได้ในระหว่างเรียนเท่านั้น ดังนั้นตอนนี้ผมจึงฝึกขยายเวทย์และสเกาท์สโคปสลับไปมาระหว่างอยู่ในห้องเรียน

 

มิลลี่หันมามองผมด้วยท่าทีแปลกๆ

 

แน่นอนว่าผมไม่สนใจเธอ

 

โอ้ว เลเวลของสเกาท์สโคปเพิ่มขึ้น

 

-หลังเลิกเรียน

 

“เซฟ ไปกันเถอะ!”

 

“ตกลง!”

 

หลังจากขึ้นไปบนดาดฟ้าโรงเรียน ผมก็สามารถเทเลพอร์ตไปยังหินที่ผมมองเห็นได้แต่ไกล

 

มันจะมีประสิทธิภาพดีกว่าถ้าใช้เทเลพอร์ตจากที่สูง

 

คุณสามารถเทเลพอร์ทได้ไกลกว่านั่นคือข้อได้เปรียบ

 

เทเลพอร์ท, เทเลพอร์ท …..

 

พวกเรามาถึงโบสถ์แห่งความเสื่อมที่พวกเราฝึกฝนกันก่อนหน้านี้

 

ตอนนี้มันกลายเป็นพื้นที่ล่าของเรา

 

“เอาล่ะ, ทำตามปกติ!”

 

“เข้าใจแล้ว แล้วเจอกัน”

 

ที่โบสถ์ พวกเราแยกกลุ่มไปยังทิศทางตรงกันข้าม

 

ผมไปและเริ่มดึงซอมบี้ที่อยู่ในฝูง

 

พวกซอมบี้รวมตัวกันเหมือนสัตว์โง่ๆ ซึ่งง่ายต่อการฝึก

ผมยื่นมือไปทางพื้น และร่ายกรีนวอลล์(กำแพงสีเขียว)

 

คลื่นแห่งพลังเวทย์กระจายออกมาจากมือของผม และกำแพงที่ถูกสร้างจากเวทย์ไม้เลื้อยก็เจริญเติบโตขึ้นต่อหน้าผม

 

มันรัดพันเท้าของซอมบี้ทั้งหมด ซึ่งกำลังพยายามขัดขืนเพื่อให้เป็นอิสระ

 

-เวทย์สีเขียว กรีนวอลล์

 

ด้วยรากที่หนายื่นออกจากพื้น มันเป็นเวทย์มนต์ที่สามารถร่ายใส่ศัตรูเป็นวงกว้างได้

 

ในขณะที่มวลซอมบี้ถูกรัดเท้าไว้ พวกมันก็รวมกลุ่มกันราวกับสัตว์ ผมพยายามที่จะดึงซอมบี้ซึ่งอยู่ด้วยกันให้ออกมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่กำแพงสี่เขียวจะหายไป

 

ห่างจาก’จุดหมาย’ไปทางซ้ายนิดหน่อยคือมิลลี่

 

ด้านหลังของเธอคือบางอย่างที่น่าประหลาดใจ

 

นั่นน่าจะเป็นซอมบี้อย่างน้อยร้อยตัว….

 

การใช้กำแพงสีเขียวเต็มกำลัง แม้ว่ามันจะเป็นยากนิดหน่อยที่ผมจะต้องรวมพวกซอมบี้ให้กลายเป็นกลุ่มเดียว

 

อีกฝูงหนึ่งสามารถมองเห็นได้แต่ไกล

 

มันเป็นของมิลลี่…

 

อย่างไรก็ตาม ผมสามารถลากฝูงซอมบี้ไปทางมิลลี่ ในขณะที่เธอเองก็ลากฝูงที่ตามมาหาผม

 

หลังจากนั้นเล็กน้อย…

 

พวกเราค่อยๆรวมกลุ่มกันอย่างช้าๆ เมื่อเราอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ผมกับมิลลี่ก็ได้รวบฝูงซอมบี้เป็นกองขนาดใหญ่และเริ่มร่ายเวทย์ของพวกเรา

 

“ไวท์บอล!”

 

“บลูเกล!”

 

ฝูงซอมบี้ครึ่งหนึ่งถูกปกคลุมด้วยแสงวาบที่เจิดจ้า ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งถูกโยนอยู่ในพายุหมุน…

 

“เอาล่ะ สองร้อยดูเหมือนจะเพียงพอสำหรับตอนนี้”

 

“หุหุ~, ฉันใช้เวทย์ไปเยอะเลย”

 

มันเป็นเรื่องดีที่มีคู่ปรับให้แข่งขัน

 

เมื่อผมมองไปยังเสื้อของมิลลี่ บางทีมันอาจเป็นการโจมตีจากซอมบี้ แต่มันก็เป็นรอยหลุดลุ่ยเล็กน้อย

 

นั่นมันอันตรายนะเธอรู้ไหม…. แม้ว่าพวกอันเดตจะเชื่องช้าก็ตาม

 

“พวกเราต้องตั้งที่พักชั่วคราวอย่างรวดเร็ว ในเมื่อพวกมันจะคืนชีพขึ้นมาเกือบจะทันที”

 

“ค่า, ค่า”

 

เมื่อพระจันทร์เริ่มขึ้น ทั้งผมและมิลลี่ก็เริ่มเข้าฌาณ

 

แม้ว่าแถวนี้จะมีซอมบี้ไม่มาก แต่พวกมันมีอัตราเร็วในการเกิดใหม่ที่เร็ว มันเป็นเพราะซอมบี้ที่มาที่นี่และได้เน่าเปื่อยตายไป ทำให้พวกมันมีโอกาสฟื้นคืนชีพเร็วกว่าทั่วๆไป

 

ผมถล่มพวกซอมบี้ด้วยไวท์บอล

 

หลังจากทำลายพวกมันทั้งหมดด้วยการโจมตีที่รวดเร็วเพียงครั้งเดียว ฝูงซอมบี้ก็โผล่ออกมาจากพื้นดินแทบจะทันที แม้ว่าผมจะใช้แค่ไวท์บอล…. แต่มันก็มีหลายครั้งทำให้พลังเวทย์ของผมลดลงอย่างมาก เมื่อผมส่งแหวนกระดูกงูให้กับมิลลี่ ผมก็เริ่มเข้าฌาณ

 

มิลลี่เองก็ถล่มพวกซอมบี้ที่เกิดใหม่ด้วยไวท์บอลเช่นเดียวกับผม

 

แล้ว… ส่งแหวนกระดูกงูคืนมาให้ผม

 

พวกเราผลัดกันจัดการกับฝูงซอมบี้

 

ผมรู้สึกได้ถึงค่าประสบการณ์มหาศาลที่เพิ่มขึ้น

 

โอะโอ๋ ผมได้หนึ่งเลเวล

 

พวกมอนสเตอร์ที่ถูกจัดการจะสามารถฟื้นฟูร่างกายหลังจากที่ระยะเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง โดยการดูดซับพลังเวทย์จากดันเจี้ยน แล้วคืนชีพตนเอง

 

ด้วยการประยุกต์ใช้ธรรมชาติของซอมบี้ พวกเราสามารถล่าพวกมันทั้งหมดในครั้งเดียวได้ด้วยการใช้เทคนิคที่เรียกว่า ‘การลาก’

 

ซึ่งมันมีประสิทธิภาพอย่างมากในการล่า แต่ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่ เพราะมันอาจจะทำให้ปาร์ตี้ตกอยู่ในภาวะวิกฤติได้หากพวกเขาไม่มีการร่วมมือที่ดี

 

ตราบเท่าที่ยังมีการไหลของพลังเวทย์มากในนี้ และพวกปีศาจยังเกิดใหม่อยู่ตลอด พร้อมกับโจมตีพวกมนุษย์ ที่แห่งนี้ก็ยังถือเป็นดันเจี้นนอยู่

 

ถ้าหากคุณเลือกหนทางที่ยากลำบาก มันก็มีโอกาสที่จะทำให้ตัวคุณเองมีชะตาที่น่าเศร้า

 

หลังจากทำการล่าอย่างต่อเนื่องมาหนึ่งชั่วโมง

 

ซอมบี้ที่มีผ้าคลุมสีแดงก็ปรากฎออกมาท่ามกลางซากที่พวกเรากำจัดไปด้วยไวท์บอล

 

“นี่มันแย่แล้ว! ราชาแห่งความตาย! หนีเร็ว!”

 

“นี่…. รอชั้นด้วยสิ, เซฟ!”

 

ถึงเธอจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ยังวิ่งนำหน้าเธออยู่ดี

 

มิลลี่ตามผมมาด้านหลัง

TL เซฟ นายไวมาก

“เฮ้อ…. เกือบไปแล้ว...”

 

“อา, นี่นาย….นายกล้าพูดแบบนั้นแล้วปล่อยให้เด็กผู้หญิงดูแลตัวเองได้ยังไง?

 

“ใครก็ตามที่คิดจะสู้ร่วมกับเธอจะต้องตายหลังจากนั้นในไม่ช้า, ดังนั้นการคิดเรื่องแบบนั้นมันเสียเวลา”

 

ผมพูดขึ้นในขณะที่มิลลี่กำลังบ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

ปาร์ตี้ของพวกเราไม่สามารถเอาชนะได้ แม้ว่าพวกเราทั้งคู่จะสู้ก็ตาม

 

ถ้าการเตรียมตัวของคุณไม่ดีพอ, คุณก็ตายเท่านั้น

 

มันจะดีหากพวกเราคนใดคนหนึ่งหนีออกมาเพื่อลดความเสียหาย

 

“แต่…. นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราคิดจะทำ…”

 

ในขณะที่มิลลี่กำลังกระหน่ำคำบ่นใส่ผม ผมจ้องมองไปยังราชาแห่งความตายซึ่งกำลังเดินอย่างไร้จุดหมายไปรอบๆ และฟันของผมก็เริ่มสั่นไม่หยุด

 

หลังจากที่เธอพูดแบบนั้น รอยยิ้มที่ดูอันตรายก็ลอยอยู่บนใบหน้าของมิลลี่เมื่อเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง

 

ผมเริ่มรู้สึกไม่ดี….

 

“นี่เซฟ อยากจะลองล้มเจ้านั่นด้วยพวกเราแค่สองคนไหม?”

 

==========

 

อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร

 

==========

 

ติดตามผลงานได้ที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด