ตอนที่แล้วตอนที่ 10 -- มิลลี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12 -- การลาก

ตอนที่ 11 -- ม้วนคัมภีร์


ตอนที่ 11 -- ม้วนคัมภีร์

 

“สเกาท์สโคป…!”

 

มิลลี่มีสีหน้าตกใจเมื่อผมพึมพำออกมา

 

“ยะ-อย่าบอกนะว่านายรู้จักมัน…?”

 

“นั่น…..ไม่, ผมไม่รู้จักเวทย์นี้ มันยอดเยี่ยมมาก เวทย์มนต์นี้สามารถปฏิวัติทั้งวงการได้เลย”

 

“ช่ายม๊า?! เย้ ชั้นชนะแล้ว!!”

 

ตอนนี้ผมควรจะเก็บมันเป็นความลับ

 

นี่คือเวทย์ที่จะไม่เป็นที่รู้จักจนกว่าจะถึงทศวรรษนั้น

 

บางทีนี่อาจจะเป็นเวทย์เฉพาะตัวที่คิดค้นขึ้นใหม่โดยครอบครัวของมิลลี่

 

ดังนั้นมันจึงน่าสงสัย ถ้าผมรู้จักเวทย์นี้อยู่แล้ว

 

ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่าม้วนคัมภีร์เวทย์เองก็ถูกสร้างขึ้นมานานแล้วด้วย

 

“มันเป็นของพ่อฉัน เมื่อตอนที่เขาต้องการจะกลายเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุด เขากลับรับรู้ถึงขีดจำกัดของตนเองขึ้นมา เขามักจะเสียใจตลอดที่ไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้”

 

ผมรู้ถึงความรู้สึกนั้นเป็นอย่างดี

 

ระดับเวทย์มนต์มีแนวโน้มที่จะเพิ่มช้าลงเมื่อมันอยู่ในระดับสูงขึ้น ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะรู้ตัวถึงความฝันของพวกเขา

 

มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ โลกนี้มักไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว

 

“อย่างไรก็ตาม นี่คือโอกาสของฉัน ในตอนที่ฉันเกิดและพ่อที่เห็นฉันแบบที่เขาเคยเป็น เขาจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ให้เป็นเหมือนกับเขา ด้วยการใช้เวทย์ที่เขาสร้างขึ้น สเกาท์สโคป”

 

เพื่อที่จะสร้างเวทย์แบบนี้ เขาจะต้องเป็นนักเวทย์ที่มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่

 

อย่างแรกที่คุณต้องการในการสร้าง ‘ภาพ’ ของเวทย์นั้นด้วยความมุ่งมั่นถึงสิ่งที่คุณต้องการให้มันทำ เมื่อผ่านไปหลายปีภาพนั้นก็จะ ‘ก่อรูป’ และหลังจากฝึกฝนมันหลายๆครั้ง เวทย์ก็ถูกสร้างขึ้น

 

การเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเวทย์มนต์ต้นแบบของผู้รังสรรค์ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเวทย์เฉพาะตัว

 

อย่างไรก็ตามม้วนคัมภีร์ที่เป็นเพียงคู่มือการสอนซึ่งได้อธิบายวิธีการใช้ไว้ใน ‘ม้วนคัมภีร์ที่ว่างเปล่า’ ที่ผู้รังสรรค์ใช้และลดระดับจนใครๆก็สามารถเรียนรู้ได้

 

ตามธรรมชาติแล้วผลของเวทย์มนต์ในผู้ที่เรียนจากม้วนคัมภีร์จะแตกต่างจากผู้ที่สร้างมันขึ้นมาเอง

 

มันใช้เวลาหลายเดือนในการสร้างม้วนคัมภีร์ขึ้นมา แต่มันก็เป็นไปได้ที่จะรวบรวมเงินมากเพียงพอที่จะกำจัดปัญหาทางการเงินได้หากคุณนำมันไปขายให้กับทางสมาพันธ์

 

น่าเสียดายที่มีนักเวทย์โรคจิตมากมาย เวทย์เฉพาะตัวส่วนใหญ่จึงหายไปเมื่อผู้รังสรรค์ตาย

 

“เธอมีพ่อที่ดี”

 

“ไม่เลยสักนิด! เขามักจะโกรธ และไม่เคยมาเล่นกับฉันเพราะว่าเขาเอาแต่ฝึกฝน พวกเราแค่อยู่ในบ้านเดียวกันเท่านั้น!”

 

“งะ-งั้นหรอ...”

 

เสียงของเธอดูโกรธมากแต่เธอก็ยังแสดงสีหน้ามีความสุขออกมา

 

เมื่อผมสังเกตุเห็น เธอก็หัวเราะด้วยความอายหน่อยๆ

 

“แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว นี่คือเวทย์มนต์ที่ยังไม่เป็นที่เผยแพร่ บางทีมันอาจจะเป็นเวทย์เฉพาะตัวสำหรับเธอเพียงคนเดียวก็ได้? มันจะดีหรอที่คนแปลกหน้าอย่างฉันจะเรียนมัน?”

 

“พูดอะไรของนาย? นายคือรองหัวหน้าของ ‘นักล่าแห่งฟ้าคราม’ นะ, ไม่มีทางที่นายจะเป็นคนแปลกหน้าหรอก!”

 

หรือเธอจะพูดว่า

 

ผมลืมเรื่องกิลด์ไปซะสนิทเลย

 

บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกของมิลลี่ที่อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า ‘กิลด์’

 

ผมคงต้องให้คำแนะนำเธอบ้างแล้ว

 

“มิลลี่ ไม่ใช่ว่าคนในกิลด์ทั้งหมดจะเป็นมิตรอย่างที่เธอคิด มันจะดีกว่าถ้าความสนใจของพวกเขาเข้ากันได้ ดังนั้นมันจึงง่ายกว่าที่จะสำนึกในตำแหน่งของเธอในกลุ่ม มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับกิลด์ที่จะสู้กันจนถึงจุดที่ต้องฆ่าและปล้นเธอ รู้ไหม?”

 

“ไม่เป็นไร! ฉันสามารถบอกได้ว่านายไม่ใช่คนประเภทนั้น เซฟ! ฉันรู้ว่านายจะไม่ทำอะไรแบบนั้น”

 

เธอสามารถหัวเราะออกมาอย่างอิสระได้เพราะว่าเธอไม่รู้จักด้านมืดของผม และผมหวังว่าเธอจะไม่รู้จักมัน

 

“...ยังไงก็ตาม เวทย์ชนิดนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะแสดงให้ใครเห็นได้ รู้ไหม? จะเกิดไรขึ้นถ้าศัตรูของเธอเรียนรู้เวทย์นี้?”

 

“อืม, อืม, ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ โอ้ ท่านรองหัวหน้าสุดยอด ข้าน้อยจะสำนึกในบุญคุญจนวันตาย”

 

หยุดพูดแบบนั้นได้แล้ว, หยุด! เธอทำท่ายกมือขึ้น

 

ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วย….

 

“นอกจากเรื่องนั้น, จำเดิมพันของพวกเราก่อนหน้านี้ได้ไหม? ชั้นชนะ นายรู้ใช่ไหม?”

 

“อา, อา… ผมสงสัยว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไรหรอ ผมไม่เห็นจำอะไรแบบนั้นได้เลย”

 

ผมลืมมันเสียสนิทเลย

 

มันง่ายมากที่ผมจะลืมเรื่องแบบนั้นในตอนนี้

 

อายุของผมไม่ได้หยุดนิ่ง…..

 

มิลลี่ที่มีรอยยิ้มอันตรายฉาบอยู่บนหน้าของเธอ เข้ามาใกล้ผม

 

“ผู้แพ้จะต้องทำตามที่ผู้ชนะต้องการหนึ่งอย่าง นั่นคือสิ่งที่ฉันจำได้”

 

บ้าจริง, สงสัยว่าผมคงไม่มีทางเลือก

 

-ภายในแสงสลัวๆในห้องเล็กๆ เสียงอันเจ็บปวดของมิลลี่ได้ดังก้องออกมา

 

เธอหน้าแดง ลมหายใจไม่เป็นระเบียบ และเสื้อผ้าของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ

 

TL เอ้ารีดเด้อทั้งหลายคิดไรกันอยู่

 

“งืม….คุ...แฮก….แฮก…..เซฟ….ตรงนั้น..!”

 

“นี่ อย่าทำตัวไร้เหตุผลสิ ผมเองก็เหนื่อยอยู่ตรงนี้”

 

เสียงของเธอดูกลุ้มใจเล็กน้อย แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาของผม ผมจึงปล่อยเสียงหัวเราะเบาๆ

 

“ชั้นไม่เป็นไร….นั่นคือ…...สุดท้าย…..ซึ….!”

 

“....เอาล่ะ, งั้นผมเริ่มล่ะนะ”

 

“หนึ่ง, และ….”

 

-ครึกกกกกก

 

ด้วยเสียงที่เหมือนบางอย่างกำลังขูดอยู่กับพื้น พวกเราดันเตียงไปยังมุมห้อง

 

“ฟู่ ยังไงก็ตาม เราเก็บกวาดกระเป๋าหมดแล้ว”

 

“อา ผมชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งตัวแล้วตอนนี้”

 

“ขอบคุณที่ช่วยนะเซฟ!”

 

สิ่งที่มิลลี่ขอให้ผมทำคือช่วยเธอทำความสะอาดและจัดกระเป๋าของเธอ เปลี่ยนห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นมาดูพระอาทิตย์ตก

 

ลมที่ผ่านเข้ามาปะทะแก้มทำให้รู้สึกดี

 

“นี่ มิลลี่”

 

“หืม…?”

 

“เรื่องที่จะรวบรวมสมาชิกนะ บางทีเราควรจะพักมันเอาไว้ก่อน ยิ่งมีผู้คนมากเท่าไหร่ ปัญหาของมิลลี่ในฐานะหัวหน้าก็ยิ่งมากเท่านั้น แล้วมันก็มีคนไม่มากในวัยเดียวกับเราที่จะผ่านมาตราฐานของเธอตั้งแต่ต้น”

 

มันยังเร็วเกินไปที่สเกาท์สโคปจะออกสู่โลกภายนอก

 

ผมอยากจะเป็นเจ้าของเวทย์นี้แต่เพียงผู้เดียวถ้าทำได้

 

น่า….ผมจะหันไปด้านหน้าและก้าวต่อไปเรื่อยๆ

 

“ผมสงสัยว่าพวกเราแข็งแกร่งแค่ไหน เลเวลของผมนั้นต่ำ แต่บางทีผมอาจจะมีประโยทช์มากกว่าที่เธอคิดก็ได้ ในขณะที่พลังการต่อสู้ของเธอสูงอยู่แล้ว ดังนั้นตั้งแต่นี้ไปเราควรที่จะไปด้วยกัน ตกลงไหม มิลลี่?”

TL ดูดสินะ เซฟ

คำตอบคือไม่

 

ในมุมมองของผม มีบางคนกำลังทำเสียง ‘ฟี้ ฟี้’ ราวกับเธอกำลังหลับอยู่บนเตียง

 

“....เฮ้อ,ตอนที่คนกำลังพูดกับเธอ ฟังซะบ้างสิ”

 

ผมถอนหายใจไปทางมิลลี่ที่กำลังหลับอย่างสบายใจ ผมจิ้มแก้มเธอ เพื่อตรวจดูว่าเธอหลับจริงๆหรือเปล่า และกลับบ้านในที่สุด

 

==========

 

อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร

 

==========

 

ติดตามผลงานได้ที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด