ตอนที่แล้วตอนที่ 37 งานวันแรกในบริษัท
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 39 The Blacklist (2)

ตอนที่ 38 The Blacklist (1)


ณ มุมหนึ่งของโลกประเทศปากีสถาน

ได้มีสถานที่แห่งหนึ่งที่ปัจจุบันมีคนจำนวน 39 คนมาประชุมกันโดยใส่หน้ากากปิดหน้าเพื่อไม่ให้ใครรู้

“ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงแน่เหรอ”ชายสวมตาหน้ากากหมีเอ่ย

“จากสายข่าวของฉันมันมีโอกาสเป็นจริงถึง 60%”ชายสวมหน้ากากหมาตอบ

“นั่นก็มากพอที่จะให้ลองเสี่ยง”ชายสวมหน้ากากอินทรีกล่าว

“แต่เขาเป็นแค่เด็กอายุไม่ถึง 20 เท่านั้นเองนะ”หน้ากากเสือถามด้วยความสงสัย

“นายไม่เคยพบอัจฉริยะที่แท้จริงยังไงล่ะ…เหมือนโมซาร์ทที่วันๆไปได้ฝึกซ้อมอะไรแต่เมื่อได้สัมผัสกับเปียโนเขาก็เล่นเป็นในทันที”ชายสวมหน้ากากวัวตอบ

“งั้นตกลงตามนี้เราจะจับตัวเขามาทำงานให้องค์กรของเรา”ชายสวมหน้ากากสิงโตที่อยู่หัวโต๊ะกล่าวขึ้น

“แต่ข้อมูลที่เราได้มาคือทีมของชายที่ชื่อดนัยมียุทโธปกรณ์ที่ล้ำหน้ากว่าปัจจุบันอยู่นะเราจะไหวเหรอ”ชายหน้ากากแมวเอ่ยอย่างกังวล

“เฮอะ!! ล้ำหน้าแค่ไม่กี่ปีขอเพียงโดนห่ากระสุนเข้าไปก็กลัวจนหัวหดแล้วละมั้ง”ชายหน้ากากลิงเค่นเสียงออกมา

“เราห้ามประมาทเด็ดขาด ไม่งั้นเราอาจจะโดนยุบก็เป็นได้”ชายหน้ากากสิงโตเอ่ยด้วยความจริงจัง

“ข้อมูลนี้ไม่มีใครในโลกนี้ที่รู้อีกแล้วล่ะนอกจากพวกเราเพราะคนที่ทีมของเจ้าหนูนั่นไปเจอดันเป็นคนของฉันพอดีและตอนนี้ก็ฆ่าปิดปากพวกที่เกี่ยวข้องไปหมดแล้ว”ชายหน้ากากช้างเอ่ย

“ดี….เพื่อองค์กร The Blacklist ของเรา”ชายหน้ากากสิงโตชูแก้วไวน์ขึ้นมา

“เพื่อองค์กร”

เคร้งงง!

เสียงแก้วจำนวนมากกระทบกันดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มของคนกลุ่มนี้

………….

2 เดือนต่อมาหลังเปิดบริษัท

วันเสาร์ 10.45 น. บริษัท Nebula Technology

ดนัยกลับไปชลบุรีเพื่อเรียกต่อตั้งแต่ 1 เดือนเกือบ 2 เดือนที่แล้ว แต่ตอนนี่ดนัยต้องกลับมาที่กรุงเทพอีกครั้งเพื่อมาชมผลงานแรกของทุกคน

ดนัยก้าวเข้าไปในห้องประชุมชั้นที่ 59 โดยมีทุกคนมาพร้อมกัันหมดแล้วเหลือเพียงแค่เขาเพียงคนเดียว

“ท่านประธานในที่สุดท่านก็มาสักที”เก่ออี้หลางกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“ลองรายงานความสามารถโดยรวมและทดลองใช้ให้ฉันดูหน่อยสิ”ดนัยนั่งลงไปบนเก้าอี้หัวโต๊ะก่อนจะเอ่ยขึ้นโดยมีซินหรานยืนข้างๆ

“นี่ครับ สมาร์ตโฟนรุ่นต้นแบบ ลักษณะคล้ายกับที่ท่านต้องการ แต่มันใหญ่ไปนิดหน่อย”เก่ออี้หลางนำมันออกมาโชว์

ลักษณะรูปร่างคล้ายกับโทรศัพท์ของแอปเปิลในอนาคตมากเลยทีเดียวแต่ต่างกันตรงที่หลังมันนูนออกมาเยอะเกินไป

“ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ”

“แผงวงจรมันเยอะเกินไปครับ แม้พวกเราจะพยายามแก้ไขมันแล้วแต่ตอนนี้เต็มที่ได้เท่านี้ครับ”วาดีสหัวหน้าแผนกฮาร์ดแวร์เอนจิเนียเอ่ยขึ้นมา

“ฉันขอดูหน่อย”

“ได้ครับ”

สมาร์ตโฟนตรงหน้าค่อยๆถูกแยกส่วนออกมาทีละชิ้นแล้วเผยให้เห็นถึงวงจรต่างๆภายใน

สายไฟพันกันยั้วเยี้ยเต็มไปหมด และมีแผงวงจรจำนวนมากด้วย ดนัยหยิบแต่ละชิ้นขึ้นมาสังเหตและวิเคราะห์มันดูสักครู่ก่อนจะเปิดโฮโลแกรมขึ้นมาอีกครั้งและโยนไฟล์หนึ่งไปให้

“ในนั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องแผงวงจรที่เรียบง่ายอยู่ลองเอาไปปรับใช้ดู”

“ได้ครับ”

ข้อมูลที่ดนัยให้ไปมันไม่ใช่ข้อมูลโดยตรงของสิ่งที่จะสร้างไม่งั้นจะจ้างคนพวกนี้มาทำไมกันล่ะจริงไหม เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นดนัยก็จ้างคนธรรมดาที่มีความรู้ด้านนี้ก็ได้แล้ว

“เปิดเครื่องตัวต้นแบบอีกตัวให้ฉันดูหน่อย”

เหตุผลที่ดนัยสั่งให้แยกชิ้นส่วนเครื่องแรกก็เพราะพวกเขาทำมาสองเครื่องนั่นเอง

“เป็นยังไงบ้างครับ”เก่ออี้หลางถามด้วยความสนใจ

หลังจากเปิดเครื่องเสร็จดนัยก็ลองใช้มันเล็กน้อยทั้งเลื่อนไปมา กดเข้าแอพพื้นฐานที่พนักงานของเขาทำมันขึ้นมาและเข้าแอพกล้องถ่ายรูปเพื่อลองกล้องของเครื่องดู

“มันยังช้าไป อย่างน้อยมันต้องมีอัตราการตอบสนองอยู่ที่ 30 เฟรมเรท ส่วนกล้องเนื่องจากพวกเราทำขึ้นมาเองเลยไม่ค่อยได้คุณภาพสักเท่าไหร่ให้สั่งจากบริษัทอื่นมา”

“เข้าใจแล้วครับ”เขาพยักหน้าก่อนจะรับสมาร์ตโฟนมาและคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องไปแก้ไข

“ถือว่าทำได้ดีมากันทุกคน โดยเฉพาะเรื่องระบบปฏิบัติการ Android และ Nos ที่สามารถทำตัวทดลองให้ใช้งานได้แล้ว”

กลุ่มคนที่ถูกดนัยเอ่ยชมก็ยกยิ้มยินดีขึ้นทันทีเพราะตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ดนัยก็เป็นเหมือนผู้ที่สูงส่งสำหรับพวกเขา ทั้งยังดูแลทุกๆคนดีอีกด้วย

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ขอจบการประชุมไว้เพียงเท่านี้ก็แล้วกัน”

ทุกๆคนกล่าวลาดนัยก่อนที่จะออกไปจากห้องเกือบทั้งหมดเหลือเพียงซินหรานที่ยังยืนอยู่กับที่

“มีอะไรงั้นเหรอซินหราน”

“เกราะพลังงานตอนนี้สมบูรณ์แล้วค่ะ และอาวุธที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและอนุภาคมานาก็พร้อมใช้งานแล้วด้วย”

“ดีมาก! เราไปดูกันเลยเถอะ”

“ค่ะ”

เมื่อได้รับการแจ้งเรื่องนี้ดนัยก็ตื่นเต้นและรีบออกจากบริษัทหลักก่อนจะตรงไปยังบริษัท The Protector ในทันที

สถานที่วิจัยของทีมหลักยังคงเป็นที่เดิมคือคอนโด Blue Bird แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถโฟกัสไปที่การนำความรู้ที่เกินสามัญสำนึกนี้ไปใช้เท่านั้นได้แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องอื่นอีก

เมื่อทำการสร้างรุ่นทดลองเสร็จมันก็จะถูกส่งไปยังบริษัท The Protector เพื่อนำมันไปทดสอบ หากประสบผลสำเร็จตามที่คาดเอาไว้ก็จะเริ่มทำการผลิตรุ่นจริงทันที

หลังจากผลิตเสร็จของพวกนั้นก็จะถูกส่งมาที่บริษัทนี้เหมือนเดิม หรือก็คือบริษัท The Protector เป็นที่สั่งสมอาวุธแห่งอนาคตเอาไว้นั่นเอง

เมื่อมาถึงดนัยก็รีบลงไปยังชั้นใต้ดินที่ตอนนี้ถูกขยายขึ้นไปอีกเพราะดนัยกว้านซื้อที่รอบๆตัวบริษัทเอาไว้เกือบจะทั้งหมด

“สวัสดีครับบอส!!!!”

คนของที่นี่ทุกคนก็ยังขยันขันแข็งและแสดงความเป็นระเบียบออกมาอยู่เหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปคงจะมีแค่จำนวนคนที่ตอนนี้เดินไปทางไหนก็จะพบกับคนแล้ว

“สวัสดีทุกคน….ที่ฉันมาในวันนี้ก็เพราะอยากจะเห็นอาวุธแบบใหม่ของเราน่ะ”

“ได้ครับบอส!!”ลูคัสก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับพลที่ตอนนี้ดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนพอสมควร

“จัดรูปแบบการฝึกระดับ A!!!”ลูคัสหันไปกล่าวกับคนจำนวนนับร้อยข้างหลัง

“ครับ!!!”

คนร้อยคนได้แบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งละ 50 คนโดยแต่ละคนก็มีอาวุธรูปร่างแปลกประหลาดอยู่ในมือและยังมีสวมใส่ชุดรัดรูปสีดำฟ้ากันทุกคนด้วย

“เริ่มการฝึกซ้อมได้!!!”

หล้งจากได้ยินเสียงของลูคัสดังขึ้นคนนับร้อยก็เริ่มแปรกระบวนทัพและโจมตีกันไปมาด้วยอาวุธในมือของตนเอง

“เกราะพลังงานรุ่นปัจจุบันสามารถป้องกันกระสุนได้เรื่อยๆจนกว่าพลังงานจะหมดครับซึ่งตอนนี้เราใช้เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยเปลี่ยนแบตเตอรี่ขนาด 100 mAh(มิลลิแอมป์ชั่วโมง)ทุกๆการถูกยิง 1 พันนัด”ลูคัสบรรยายออกมา

“ต่อมาปืนพลังงานไฟฟ้า สามารถยิงประจุไฟฟ้าทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆได้ หากมนุษย์โดนเข้ามาไปก็จะชะงักและทำให้คนผู้นั้นเป็นอมพาตจากกระแสไฟฟ้าได้”

“อีกชิ้นก็คือปืนพกพลังงาน สามารถยิงพลาสมาความร้อนสูงที่ละลายได้แม้กระทั่งเหล็กหนา 1 เมตรอย่างง่ายดาย หากใช้เกราะพลังงานรับสามารถต้านได้ 10 ครั้ง พลังงาน 1 ก้อนยิงได้ 15 นัด”

ก้อนพลังงานหรืออีกชื่อหนึ่งคือก้อนอนุภาคมานา มันสามารถแปลงเป็นสะสารใดๆก็ได้แต่การสร้างมันขึ้นมาให้เป็นก้อนนั้นยากมาก ทว่าในตอนนี้ดนัยสามารถทำได้แล้ว

“สุดยอดมาก หากใครมาหาเรื่องฉันพวกมันคงจะตายโดยที่ไม่สามารถสร้างรอยยับบนเสื้อได้เลยด้วยซ้ำ”ดนัยยกยิ้มอย่างพีงพอใจกับภาพการซ้อมและคำบรรยายของลูคัส

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด