ตอนที่แล้วตอนที่ 21 เส้นเรื่องเดิมถูกรบกวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 23 พื้นที่รกร้างทางตอนใต้ของเมือง

ตอนที่ 22 เหตุใดเจ้าถึงไม่ให้หวันหวั่นอยู่ด้วย


ตอนที่ 22 เหตุใดเจ้าถึงไม่ให้หวันหวั่นอยู่ด้วย

เจ้าอาวาสเปิดเผยว่ามีผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่งพำนักอยู่ในห้องฌาน ซึ่งเฉียนจื่อหลานและเว่ยชิงหวั่นได้พบกับผู้ติดตามของผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นเอง

แม้ไม่ได้มีการเปิดเผยตัวตนของผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นโดยตรง แต่เจ้าอาวาสได้เอ่ยคำว่า ฉู่ ออกมา

เพราะ ฉู่ คือแซ่ของราชวงศ์ปัจจุบัน เมื่อเอ่ยถึงคำนี้แล้ว คนฟังยังจะไม่เข้าใจอีกหรือ?

เมื่อทราบว่าบุตรสาวได้สร้างความขุ่นเคืองแก่คนในราชวงศ์ ฮูหยินเฉียนและอวิ๋นซื่อต่างรู้สึกกังวลมาก

โดยเฉพาะอวิ๋นซื่อ เนื่องจากสามีของนางกำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกปลดลงจากตำแหน่งเพราะความล้มเหลวในการต่อต้านโจรสลัดวอโค่ว หากทำให้ผู้สูงศักดิ์ขุ่นเคืองในช่วงเวลาวิกฤตินี้ เกรงว่าหมวกดำของเขาจะรักษาไม่ได้!

หลังจากไตร่ตรองแล้วฮูหยินเฉียนก็ตำหนิบุตรสาวด้วยความรุนแรงต่อหน้าทุกคน โดยตำหนิที่ทำตัวประมาทจนเกิดเรื่อง

โดยปกติแล้วเฉียนจื่อหลานจะถูกตามใจที่บ้าน ทว่าตอนนี้นางถูกฮูหยินเฉียนตำหนิต่อหน้าทุกคน นางจึงรู้สึกโกรธและคับข้องใจ กระนั้นก็ทำได้เพียงก้มหน้าและเชื่อฟังคำสั่งสอน

เมื่อฮูหยินเฉียนตำหนิแล้ว อวิ๋นซื่อจึงทำนิ่งเฉยไม่ได้ นางเริ่มตำหนิเว่ยชิงหวั่นด้วย

เว่ยชิงหวั่นรู้สึกเสียใจสุดซึ้ง เพราะนางแค่ไปเดินเล่นกับเฉียนจื่อหลาน เหตุใดนางถึงทำให้ผู้สูงศักดิ์ขุ่นเคืองเสียได้?

ยิ่งไปกว่านั้นคือคนที่อยากไปห้องฌานคือเฉียนจื่อหลาน คนที่ขัดแย้งกับผู้ติดตามของผู้สูงศักดิ์ก็คือเฉียนจื่อหลาน เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ทำสิ่งใดเลย!

เว่ยรั่วและเซี่ยอิ๋งรอให้สถานการณ์คลี่คลายก่อนจะกลับไปที่โรงเจ

แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวจากคนอื่น เว่ยรั่วก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

สิ่งที่นางไม่คาดคิดคือ แม้ว่าจะไม่มีตัวประกอบหญิงเช่นนางคอยผลักดัน แต่เว่ยชิงหวั่นยังคงไปที่ห้องฌานบนภูเขาด้านหลังอยู่ดี

แต่คนที่ไปกับนางแตกต่างออกไป และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่เหมือนเดิม นำพาผลลัพธ์ที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง

จากเส้นเรื่องเดิม นางถูกผู้ติดตามของตัวเอกชายส่งกลับมาและถูกอวิ๋นซื่อตำหนิ ส่วนเว่ยชิงหวั่นถูกตัวเอกชายพากลับมาเอง โดยไม่มีการเปิดเผยให้ผู้อื่นทราบเกี่ยวกับการเผชิญหน้าของพวกเขา

เป็นไปได้หรือไม่ที่ตัวเอกชายซึ่งอยู่ในห้องฌานไม่รู้สึกหวั่นไหวเมื่อเห็นใบหน้างดงามดุจดอกฝูหรงของเว่ยชิงหวั่น?

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากปราศจากการถูกนางรังแกจนอ่อนแอไร้แรงสู้ ก็จะไม่สามารถกระตุ้นความปรารถนาในการปกป้องสาวงามของผู้ชายทึ่มได้หรือ?

นี่เป็นเพียงการคาดเดาในเวลาไม่กี่อึดใจของเว่ยรั่ว ความจริงคือนางไม่มีทางรู้ได้เลยว่าตัวเอกชายในห้องฌานกำลังคิดสิ่งใดอยู่

สำหรับความจริงที่เว่ยชิงหวั่นถูกตำหนินั้น เว่ยรั่วไม่ได้รู้สึกดีใจหรือเห็นใจ ด้วยว่าไม่เกี่ยวกับนางเลย และนางจะไม่รับผิดชอบต่อการละเลยหน้าที่ตัวประกอบหญิงในครั้งนี้ เพราะการสานสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกชายและตัวเอกหญิงนั้นไม่เกี่ยวกับนาง

ตอนนี้เว่ยชิงหวั่นยืนก้มหน้าอยู่ทางด้านหลังของอวิ๋นซื่อ เมื่อได้ยินเสียงของเว่ยรั่ว นางจึงเงยหน้าขึ้นมอง หลังจากได้เห็นรูปลักษณ์ที่สดชื่นและร่าเริงของเว่ยรั่วแล้วนางก็รู้สึกหดหู่มากขึ้น

นางจึงก้มหน้าลงอีกครั้ง

เนื่องจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ทุกคนจึงหมดอารมณ์ในการอธิษฐานขอพรและจบงานครั้งนี้ด้วยความเร่งรีบ เมื่อทุกคนลงจากภูเขาแล้วจึงแยกย้ายกลับบ้านทันที

ระหว่างทางกลับ อวิ๋นซื่อมองบุตรสาวทั้งสองคนตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

เดิมทีนางคิดว่าเป็นรั่วเอ๋อร์ที่อาจทำขายหน้าในวันนี้ แต่ผลลัพธ์ตรงกันข้ามชนิดคาดไม่ถึง

ดูเหมือนเว่ยชิงหวั่นจะตระหนักถึงความผิดหวังที่อวิ๋นซื่อมีต่อตน จึงทำให้น้ำตาที่เอ่อคลอมาเป็นเวลานานร่วงหล่นลงมา

เมื่ออวิ๋นซื่อเห็นดังนั้นก็รีบปลอบนางว่า “อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ เพราะถ้าเจ้าร้องไห้ หัวใจของแม่ก็จะเจ็บเหมือนถูกมีดกรีด”

“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่ได้ทำหรือพูดอันใดเลยจริงๆ...” เว่ยชิงหวั่นอธิบายด้วยความเสียใจ

“แม่รู้ แม่รู้...ทว่าในกรณีนี้ มันก็ยากที่แม่จะตำหนิว่าความผิดทั้งหมดเป็นของคุณหนูเฉียนได้เช่นกัน”

“วันนี้ข้าอยากไปกับพี่หญิง แต่พี่หญิงไม่อยากให้ข้าอยู่ด้วย พี่หญิงวิ่งหนีข้าไป และข้าตามไม่ทันจริงๆ ในระหว่างที่ข้าตามหาพี่หญิงก็บังเอิญพบกับจื่อหลาน นางบอกว่าอยากไปเดินชมทิวทัศน์รอบๆ เขาจึงไปกับนางเจ้าค่ะ...”

เมื่อได้ยินดังนั้น อวิ๋นซื่อก็มองไปที่เว่ยรั่วซึ่งนั่งอยู่ตรงมุมรถม้าทันที

“รั่วเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงไม่ให้หวันหวั่นอยู่ด้วย?”

น้ำเสียงของนางมีแววตำหนิมากขึ้นชัดเจน เพราะสุดท้ายหากเว่ยรั่วอยู่กับเว่ยชิงหวั่น ก็จะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น และเว่ยชิงหวั่นไม่ต้องทนทุกข์กับตราบาปที่ไม่สมเหตุสมผลนี้

เว่ยรั่วพูดว่า “ข้าไม่คุ้นเคยกับคุณหนูเหล่านั้น ข้าอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ และเล่นสิ่งที่พวกนางชอบเล่นไม่เป็น ข้าจึงไม่อยากแสดงความซุ่มซ่ามและทำให้ตระกูลเว่ยเสียหน้าเจ้าค่ะ แต่น้องหญิงคุ้นเคยกับพวกนางดี ข้าจึงไม่สามารถเห็นแก่ตัวโดยลากน้องหญิงให้แยกออกไปด้วย เช่นนั้นจะทำให้นางหญิงไม่ได้เล่นกับเหล่าสหาย สำหรับเรื่องที่ว่าเหตุใดน้องหญิงถึงได้พบคุณหนูเฉียน และเหตุใดเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้น ข้าก็ไม่คาดคิดเช่นกันเจ้าค่ะ”

เว่ยรั่วถอนหายใจ จากนั้นเอ่ยต่อ “หากข้ารู้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น วันนี้ข้าไม่มาด้วยจะดีกว่า บางทีถ้าข้าไม่มา เพื่อนเล่นของน้องหญิงคงไม่ใช่คุณหนูเฉียนสินะเจ้าคะ? อาจเป็นคนอื่น แต่ข้าก็ไม่รู้จริงๆ โดยปกติน้องหญิงเข้ากับใครได้มากที่สุดหรือเจ้าคะ?”

อวิ๋นซื่อสะดุ้ง...เพราะถ้าเว่ยรั่วไม่มา สหายที่เข้ากันได้ดีที่สุดของหวันหวั่นก็ยังคงเป็นคุณหนูเฉียน

เมื่อคิดเช่นนี้ ดูเหมือนไม่เหมาะสมที่จะตำหนิเว่ยรั่วสำหรับเรื่องการเดินทางไปภูเขาด้านหลังของหวันหวั่นและคุณหนูเฉียน

อวิ๋นซื่อจึงเปลี่ยนคำพูดว่า “แม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะตำหนิเจ้าหรอก แม่แค่กลัวว่าเจ้าไม่อยากอยู่กับน้องสาวด้วยเหตุผลอื่นเท่านั้น”

“เจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านแม่เป็นห่วงพวกเรา” เว่ยรั่วเอ่ยด้วยความเชื่อฟัง

เว่ยชิงหวั่นนั่งร้องไห้ไปตลอดทาง และหยุดร้องไห้เมื่อใกล้ถึงจวน

เมื่อนางกลับมาที่เรือนวั่งเหมย ทั้งเว่ยอี้เชินและเว่ยอี้หลินได้ยินว่านางถูกตำหนิจึงพากันมาเยี่ยมนาง

เมื่อเห็นเว่ยอี้เชินและเว่ยอี้หลิน ทันใดนั้นน้ำตาของเว่ยชิงหวั่นก็ไหลลงมาอีกครั้ง

หลังจากได้ทราบเรื่องราวโดยละเอียดแล้ว เว่ยอี้เชินยังรู้สึกเห็นใจเว่ยชิงหวั่นไม่น้อย

ปัญหาเกิดจากคุณหนูตระกูลเฉียน ส่วนนางไม่ได้พูดไม่ได้ทำ แต่นางกลับมีส่วนเกี่ยวข้องโดยไม่ยุติธรรม

เว่ยอี้หลินพูดด้วยความโกรธ “แล้วเว่ย...เอ่อ พี่หญิงใหญ่ไม่ให้ท่านอยู่ด้วยเพราะเหตุใด? หากท่านอยู่กับนาง สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ขอรับ?”

เว่ยชิงหวั่นได้แต่สะอื้นไห้โดยไม่พูด

เว่ยอี้เชินกล่าวว่า “อี้หลิน ในเวลานี้หวันหวั่นเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่รั่วเอ๋อร์ก็เป็นผู้บริสุทธิ์เช่นกัน ถ้าวันนี้นางไม่ไปด้วย เรื่องราวต่างๆ จะไม่เกิดขึ้นจริงหรือ? เจ้าจะตำหนินางได้อย่างไร?”

“แต่พี่หญิงชวนนางเล่นด้วยก่อน นางจะทิ้งพี่หญิงไว้ตามลำพังได้อย่างไรขอรับ?” เว่ยอี้หลินถามด้วยความไม่ยอม

“รั่วเอ๋อร์อาจยังไม่ชิน เพราะวันนี้เป็นครั้งแรกที่นางเข้าสังคมกับท่านแม่ ดังนั้นเจ้าไม่สามารถคาดหวังกับนางได้มากขนาดนั้น” เว่ยอี้เชินอธิบายด้วยเหตุผล

เว่ยอี้หลินจึงก้มหน้าลงและหยุดพูดมาก

เว่ยอี้เชินพูดกับเว่ยชิงหวั่นอีกครั้ง “หวันหวั่นอย่าเศร้าไปเลย ท่านแม่รู้ว่าเรื่องนี้เจ้าบริสุทธิ์ และที่ท่านแม่ต้องตำหนิเจ้าต่อหน้าทุกคนเพราะต้องการไว้หน้าตระกูลเฉียน ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องจริงจังกับมันหรอกนะ”

เว่ยชิงหวั่นส่ายหน้าพลางเอ่ย “พี่ใหญ่ ข้าไม่เสียใจเพราะตัวเองถูกตำหนิหรอกเจ้าค่ะ แต่ข้ากังวลว่าจะทำให้ผู้สูงศักดิ์ขุ่นเคืองและส่งผลกระทบต่อท่านพ่อ...ทั้งที่ท่านพ่อท่านแม่ปฏิบัติต่อข้าอย่างดี หากข้าทำร้ายพวกเขา ข้าจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย”

เว่ยอี้เชินหัวใจอ่อนยวบ “อย่ากังวลเลยหวันหวั่น ทุกสิ่งจะต้องเรียบร้อยดี และหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้า อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพราะโชคชะตาเท่านั้น”

“ถูกต้อง ถูกต้องขอรับ พี่หญิงโปรดอย่าตำหนิตัวเองในเรื่องนี้เลย” เว่ยอี้หลินเห็นด้วย

เว่ยชิงหวั่นต้องใช้เวลาสักพักเพื่อระงับอาการสะอึกสะอื้นของตน

เว่ยอี้เชินและเว่ยอี้หลินอยู่กับเว่ยชิงหวั่นอีกพักใหญ่ เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางดีขึ้นแล้ว ทั้งสองจึงจากไป

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด