ตอนที่ 21 เส้นเรื่องเดิมถูกรบกวน
ตอนที่ 21 เส้นเรื่องเดิมถูกรบกวน
“เจ้าไม่ต้องสนใจข้าหรอก เจ้าไปเล่นกับพวกคุณหนูคนอื่นๆ และอยากทำสิ่งใดก็ทำเถอะ”
“แต่ท่านแม่บอกให้ข้าอยู่กับพี่หญิงมากกว่านี้”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ข้าอยากหามุมนั่งเล่นคนเดียวสักพักน่ะ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่!”
ก่อนที่เว่ยชิงหวั่นจะได้พูดอีก เว่ยรั่วก็วิ่งหนีหายไปทันที
เว่ยชิงหวั่นตามไม่ทันและสีหน้าของนางดูเศร้าหมอง นางไม่รู้ว่าเว่ยรั่วกำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่นางมีความรู้สึกคลุมเครือว่าเว่ยรั่วเกลียดนางจริงๆ จึงพยายามหลีกเลี่ยงนางทุกวิถีทาง
เว่ยรั่วไม่สนใจความคิดของเว่ยชิงหวั่นอยู่แล้ว หลังจากสลัดเว่ยชิงหวั่นหลุดแล้ว นางก็เริ่มมองหาที่นั่ง
ข้อคำนึงแรกคือนางไม่สามารถไปที่ห้องฌานด้านหลังได้ เพราะตอนนี้ตัวเอกชายอยู่ในห้องฌานที่ภูเขาด้านหลังของวัดฝ่าหวา
เพื่อรับรองสมาชิกสตรีในครอบครัวต่างๆ วันนี้ วัดฝ่าหวาไม่รับผู้แสวงบุญอื่นๆ ยกเว้นตัวเอกชายที่อาศัยอยู่ในห้องฌานด้านหลัง เขาเพิ่งเดินทางมาถึงเมื่อไม่กี่วันก่อน และเนื่องจากสถานะพิเศษของเขา ทางวัดจึงไม่ได้แจ้งให้พวกฮูหยินเฉียนทราบล่วงหน้าเพื่อเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
โดยทั่วไปแล้วห้องฌานของนักบวชจะอยู่ที่ภูเขาด้านหลัง และยังอยู่ห่างจากวัดหลักพอสมควร บรรดาสมาชิกสตรีจึงไม่น่าจะเดินไปเจอได้
แต่เจ้าของบทประพันธ์ยังแหกกฎโดยการปล่อยให้ตัวเอกหญิงและตัวเอกชายมาพบกันจนได้ จากนั้นนางซึ่งมีบทบาทตัวประกอบหญิงไร้ค่าต้องทำหน้ากระตุ้นเรื่องราวให้ใหญ่โต
ในอดีตเจ้าของร่างเดิมทำตัวน่าอับอายต่อหน้าทุกคน ยิ่งพอได้ยินคนอื่นยกย่องเว่ยชิงหวั่นแล้ว การเปรียบเทียบนั้นยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้นาง
นอกจากนี้ เจ้าของร่างเดิมยังรู้สึกว่าสิ่งที่เว่ยชิงหวั่นได้ครอบครองในตอนนี้เป็นของนางตั้งแต่แรก และความโกรธของนางก็ทวีคูณ ด้วยความอิจฉาริษยาและความโกรธ นางจึงจงใจพาเว่ยชิงหวั่นไปที่ภูเขาด้านหลัง โดยจะหาสถานที่เงียบสงบเพื่อแก้แค้น
จากนั้นเว่ยชิงหวั่นก็ได้รับการช่วยเหลือจากตัวเอกชายที่อาศัยอยู่ในห้องฌานแห่งนั้น วีรบุรุษช่วยสาวงาม คู่กิ่งทองใบหยกและเรื่องราวดีๆ เริ่มต้นขึ้น ณ ที่นี่
คิดอย่างไรกับเส้นเรื่องนี้? พูดได้เพียงว่าในฐานะตัวประกอบไร้ค่า นางทำหน้าที่ได้สมศักดิ์ศรีมาก แม้ว่าวิธีการแก้แค้นของนางจะงุ่มง่ามสุดๆ ก็ตาม
และตอนนี้มีสองสิ่งที่เว่ยรั่วต้องการทำ
สิ่งแรกคือหลีกเลี่ยงและอย่าอยู่ใกล้เว่ยชิงหวั่นเด็ดขาด นางจะไม่ทำร้ายจิตใจของเว่ยชิงหวั่น และถ้าให้นางล่อลวงไปแก้แค้น ดังนั้นการทำให้เว่ยชิงหวั่นไม่ต้องเจอกับตัวเอกชายไปเลยจะดีกว่า
สองคือการหลีกเลี่ยงตัวเอกชาย เพราะตามบทประพันธ์เดิมนั้น เจ้าของร่างเดิมเสียชีวิตด้วยน้ำมือของตัวเอกชาย แม้ว่าเว่ยชิงหวั่นในฐานะตัวเอกหญิงผู้ใสซื่อจะมีภาพลักษณ์อ่อนโยนและจิตใจดีมาโดยตลอด แต่สำหรับตัวเอกชายแล้วกลับไร้เมตตาต่อหญิงที่พยายามทำร้ายคนรักของเขา
เว่ยรั่วเดินไปรอบๆ และในที่สุดนางก็เลือกนั่งใต้ต้นอิ๋นซิ่ง (แปะก๊วย) ด้านหลังพระวิหารกวนอิม
ลำต้นของต้นอิ๋นซิ่งนั้นหนามาก จนแม้แต่เว่ยรั่วหลายคนก็โอบไม่มิด อิ๋นซิ่งในฤดูใบไม้ผลิปกคลุมไปด้วยใบสีเขียวสดใส และมีใบคล้ายพัดเล็กๆ ห้อยอยู่ทั่วกิ่งไม้ซึ่งสวยงามมาก
เว่ยรั่วนั่งหันหลังพิงลำต้นอิ๋นซิ่งพลางหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
แสงแดดกำลังพอดี กอปรกับร่มเงาใต้ต้นไม้และสายลมอ่อนๆ จึงเหมาะแก่การงีบหลับที่สุด
“เจ้ามาทำอันใดตรงนี้คนเดียว?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขัดจังหวะการพักสายตาของเว่ยรั่ว
เว่ยรั่วลืมตามองเซี่ยอิ๋งด้วยความ ‘ง่วงงุน’ จากนั้นจึงหลับตาต่อ
“เจ้าไม่ไปนั่งคุยกับพวกนางหรือ?” เซี่ยอิ๋งยังถามต่อ
“ไม่ไป เพราะข้าไม่สนใจเรื่องที่พวกนางพูดกัน”
“แล้วเจ้าสนใจเรื่องใด?” เซี่ยอิ๋งถามอีก
คำถามแล้วคำถามเล่า ซึ่งบังคับให้เว่ยรั่วต้องลืมตามองไปที่เซี่ยอิ๋ง
สาวน้อยรูปร่างพอๆ กับนาง มีใบหน้าเล็ก ละเอียดอ่อนและกลมกล่อม ยังมีแววแห่งความกล้าหาญอยู่ในใบหน้านั้นด้วย
“เหตุใดคุณหนูเซี่ยจึงสนใจเรื่องของข้าขนาดนี้?” เว่ยรั่วรู้สึกฉงน เพราะคุณหนูตระกูลเซี่ยคนนี้น่าจะได้รับความนิยมไม่น้อย เหตุใดไม่เล่นกับคนอื่นแทนที่จะวิ่งตามนางและคอยถามคำถามไม่หยุด
“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้สนใจเจ้า แต่ข้าสนใจสถานที่ที่เจ้านั่งอยู่ตอนนี้ต่างหาก”
“สถานที่ที่ข้านั่งอยู่ตอนนี้?”
“ต้นอิ๋นซิ่งต้นนี้เป็นสถานที่โปรดในการหนีจากสังคมและผ่อนคลายของข้า แต่เจ้ามาแย่งไป ถ้าเจ้าไม่ได้ชอบที่นี่เป็นพิเศษ เช่นนั้นขอที่นั่งนี้ให้ข้าเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียวที่นี่สักพัก แต่ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะไม่รบกวนข้า เช่นนั้นข้าก็อนุญาตให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อได้”
ที่แท้ก็เป็นสหายทางจิตวิญญาณ!
เว่ยรั่วยิ้มและพูดว่า “ข้าค่อนข้างชอบอยู่ที่นี่ และข้าจะไม่รบกวนเจ้าหรอก เรามานั่งพักคนละฝั่งกัน ดูสิ ลำต้นของต้นอิ๋นซิ่งหนามากจนเราสองคนนั่งอีกฝั่งก็มองไม่เห็นกันด้วยซ้ำ”
“ตกลง” เซี่ยอิ๋งยอมรับข้อเสนอของเว่ยรั่วและนั่งลงอีกด้านหนึ่งของต้นอิ๋นซิ่ง
ทั้งสองถูกแยกออกจากกันด้วยลำต้นของต้นไม้ ล้วนไม่มีใครรบกวนใคร
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจนปลุกทั้งสองคนที่กำลังพักอยู่ใต้ต้นอิ๋นซิ่งให้สะดุ้งตื่น
เว่ยรั่วและเซี่ยอิ๋งต่างก็เงยหน้าขึ้น จากนั้นหันหน้ามองกันและกัน
การแสดงออกเกือบจะเหมือนกัน คือมึนงงจากการเพิ่งตื่นนอนและไม่แน่ใจ
พวกนางกำลังลังเลว่าจะไปดูหรือไม่ไปดี
“เจ้าคิดว่าเกิดอันใดขึ้นที่นั่น?” เซี่ยอิ๋งถามเว่ยรั่วก่อน
“เจ้าคิดว่าเราควรไปดูที่นั่นหรือไม่?” เว่ยรั่วย้อนถามเซี่ยอิ๋ง
“ถ้าเช่นนั้นก็นอนต่อเถอะ ถึงแม้จะเกิดเรื่องขึ้น ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับพวกเรานะ” เซี่ยอิ๋งกล่าว
“อืม นอนต่อเถอะ” เว่ยรั่วเห็นด้วย
ทั้งสองมีความคิดสอดคล้องกันแบบน่าประหลาดใจ และพวกนางต้องการซ่อนตัว จึงเลือกนอนต่อ
เว่ยรั่วและเซี่ยอิ๋งนอนหลับสบายโดยพิงต้นอิ๋นซิ่งตามเดิม ซึ่งพวกนางไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ด้านหน้ากำลังวุ่นวายสุดๆ
ผู้ที่ก่อเรื่องคือเว่ยชิงหวั่นและคุณหนูเฉียนจื่อหลานบุตรสาวนายอำเภอ
หลังจากที่เว่ยชิงหวั่นถูกเว่ยรั่วสลัดทิ้ง จากนั้นนางก็พบกับเฉียนจื่อหลานและในยามปกติทั้งสองคนเข้ากันได้ดี
ในฐานะคุณหนูของนายอำเภอ เฉียนจื่อหลานมักจะไม่ชอบคุณหนูคนอื่นในอำเภอซิ่งซั่นมากนัก ซึ่งทั้งปลัดอำเภอและนายทะเบียนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของบิดา จึงมีเพียงครอบครัวของเว่ยชิงหวั่นเท่านั้นที่มีตำแหน่งขุนนางใกล้เคียงกับบิดาของนาง
แน่นอนว่านางชอบเซี่ยอิ๋งด้วย แต่เซี่ยอิ๋งไม่ชอบนางและไม่ยอมคุยกับนาง
เว่ยชิงหวั่นและเฉียนจื่อหลานร่วมเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ในวัดด้วยกัน ในตอนแรกพวกนางเดินแค่ในบริเวณวัด แต่วัดฝ่าหวาในอำเภอซิ่งซั่นเป็นเพียงสถานที่เล็กๆ เท่านั้น ทั้งสองคนจึงเดินได้ทั่วโดยใช้เวลาสั้นๆ
ในเวลานี้เฉียนจื่อหลานค้นพบเส้นทางเงียบสงบมุ่งสู่ประตูเล็กทางฝั่งตะวันตกของวัด จากนั้นนางก็ดึงเว่ยชิงหวั่นเข้าไปข้างใน
หลังจากที่ทั้งสองเดินไปได้สักพักก็พบห้องฌานหลังหนึ่งอยู่ตรงเบื้องหน้า บริเวณหน้าห้องฌานมีดอกไม้และต้นไม้มากมายทำให้ทิวทัศน์น่าอยู่ไม่น้อย
สอดคล้องกับฉากที่บรรยายไว้ในบทกวีว่า ‘ทางคดเคี้ยวมุ่งสู่จุดสงบ บรรจบพบห้องฌานในแมกไม้’
เฉียนจื่อหลานดึงเว่ยชิงหวั่นไปที่ห้องฌานทันที
แต่เมื่อพวกนางอยากเข้าใกล้ กลับโดนบุรุษในเครื่องแต่งกายคล้ายบ่าวรับใช้เข้ามาขวางไว้ โดยบอกว่าพวกนางไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้
เฉียนจื่อหลานเปิดเผยฐานะของนางและเตือนอีกฝ่ายว่าวันนี้วัดฝ่าหวาถูกสงวนไว้ให้เฉพาะพวกนางเท่านั้น ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามาอีก ดังนั้นพวกเขาสมควรออกไปทันที
แต่อีกฝ่ายกลับเพิกเฉย เฉียนจื่อหลานจึงพาเว่ยชิงหวั่นกลับไปหามารดา จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ที่ได้เห็นคนแอบอยู่ในห้องฌานโดยมีการใส่สีตีไข่เพิ่มลงไปด้วย
เมื่อฮูหยินเฉียนได้ยินจากบุตรสาวว่ามีชายน่าสงสัยแอบเข้ามาในวัด นางจึงรีบส่งคนไปตรวจค้นที่ห้องฌาน ทำให้เกิดเสียงดังรบกวนขึ้นมา
เมื่อเจ้าอาวาสได้ทราบเรื่องการกระทำของฮูหยินเฉียน จึงรีบเข้ามาห้ามไว้และเปิดเผยให้ทุกคนทราบถึงความจริงอันน่าตกตะลึง